นายท่านเจิ้งพอได้ยินหน้าก็เปลี่ยนสี แทบจะทรุดลงกับพื้น คนใช้ตระกูลเจิ้งรีบเข้ามาประคองเขา"เกิดอะไรขึ้นกัน?"ฮูหยินเจิ้งเองก็รีบคว้าข้อมือลูกชายไว้ "ข้ากับลูกชายไม่ได้ติดพิษแค่ชนิดเดียวหรือ?"นายน้อยเจิ้งดูอายุราวสิบหกสิบเจ็ด เมื่อครู่ยังแอบมองฟู่จาวหนิงอยู่ตลอด ตอนนี้พอได้ยินคำพูดนี้ ใจเขาก็สั่นคร้าม ไม่สนเรื่องหลงใหลใบหน้าฟู่จาวหนิงอีกแล้ว"พวกเราไม่ได้ติดพิษจากเห็ดแดงแบบพ่อของข้าหรือ?"พอสิ้นเสียง เขาก็รู้สึกปวดขึ้นที่ท้อง เจ็บจนเขากรีดร้องขึ้นในทันที โค้งตัวงอลงไป"เจ็บจะตายอยู่แล้ว....""อี้เอ๋อร์!" ฮูหยินเจิ้งร้องขึ้นมา แต่ท้องของนางเองก็ปวดขึ้นมาด้วยเช่นกัน ความเจ็บปวดนี้มาอย่างเร่งด่วนและรุนแรง ราวกับมีกรงเล็บเหล็กคว้าลำไส้ของพวกเขาเอาไว้ เจ็บจนนางยังต้องโค้งเอวลงไป สีหน้าซีดเผือดในพริบตา"ฮูหยิน อี้เอ๋อร์!"นายท่านเจิ้งถูกประคองเข้ามา ตกตะลึงจนหน้าซีดเขากับฮูหยินมีลูกสาวอยู่สามคน คนสุดท้องคือลูกชายคนนี้ ลูกชายคนเล็กแบกภาระทำให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวทั้งสามล้วนแต่งงานออกไปหมดแล้ว ล้วนคิดกันว่าหลังจากนี้จะช่วยประคับประคองลูกชายคนเล็กคนนี้ พูดได้ว่
ฮูหยินเจิ้งเองก็ถอนใจยาว "ข้าเองก็เหมือนดีขึ้นแล้ว"เมื่อครู่ยังเจ็บจนพวกเขาอยากจะตายอยู่เลย แค่ชั่วสองประโยค ความเจ็บปวดนั้นก็เหมือนเป็นหายไปราวกับเป็นความหลงผิดอย่างไรอย่างนั้นถ้าไม่ใช่พวกเขายังเหงื่อออกเต็มหัว สองมือยังปวดจนเย็นเยียบ พวกเขาอาจจะคิดว่าความเจ็บปวดเมื่อครู่เป็นความรู้สึกหลงผิดจริงๆนายท่านเจิ้งเองก็ไม่อยากเชื่อ "ไม่ปวดแล้วจริงหรือ?""ไม่ปวดแล้วจริง"ฮูหยินเจิ้งผ่อนคลายลงมา สายตาที่มองฟู่จาวหนิงเรียกได้ว่ารักและเอ็นดูขึ้นมาแล้ว"ยานี้ของแม่นางฟู่ยอดเยี่ยมจริงๆ ซื้อมาจากที่ไหนหรือ? หรือว่าอาจารย์ของท่านเป็นคนสกัด?"ชายน้อยเจิ้งเอ่ยขึ้นทันที "ยังมีอีกไหม? ข้าขอซื้อจากท่านสักสองขวด"มียาแก้ปวดแบบนี้ด้วยหรือนี่!ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะซื้อ หลังจากนี้ถ้าตอนฝึกยุทธ์แล้วบาดเจ็บ หรือว่าไปเจออะไรข้างนอกเข้า กระทั่งคนในบ้านเจอกับอาการปวดัวอะไรเข้า กัดไปหนึ่งเม็ดก็ดีขึ้นแล้วเมื่อครู่แม้จะรู้สึกว่าขมด้วยเหม็นด้วย แต่ตอนนี้กลับรู้สึกดีอยู่ หอมๆ หวานๆ"ข้าทางนี้เหลือแค่ขวดเดียวแล้ว แล้วเมื่อครู่ก็เปิดให้พวกท่านไปคนละหนึ่งเม็ด""เช่นนั้นข้าก็จะซื้อ""เอาเถอะ ในเมื่อนายน้อย
"นึกของที่พวกเจ้ากินในช่วงนี้ออกมาอย่างละเอียด เขียนออกมาให้ข้าดูหน่อย"ฮูหยินเจิ้งกับนายน้อยเจิ้งพวกเขาน่าจะกินอาหารที่มีพิษเข้าไป ในกระเพาะสะสมพิษเอาไว้ค่อนข้างมาก เป็นไปได้มากว่าจะกินเข้าไปวันละนิดๆเพียงแต่ของที่กินเข้าไปเป็นประจำ พวกเราก็สามารถนึกออกมาได้"อันที่จริงครั้งนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ พิษเห็ดแดงนี้ที่พวกท่านกินเข้าไปนั้นกระตุ้นให้เกิดอาการไวขึ้น" ฟู่จาวหนิงคิดๆ "ไม่เช่นนั้นถ้าพวกท่านยังสะสมพิษลงไปอีกระยะหนึ่ง ถึงตอนนั้นอาจจะใช้ยารักษาไม่ได้แล้ว""ไม่ใช่บอกว่าเห็ดแดงนี้ทำให้พิษรวมกันเป็นพิษใหม่หรอกหรือ? ครั้งนี้เห็ดแดงน่าจะเป็นตัวหลักกระมัง?" นายท่านเจิ้งงุนงง"น่าจะไม่ใช่ เป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้"เพราะนางเพิ่มถามไป คนที่ชอบกินเห็ดมากที่สุดคือนายท่านเจิ้ง ฮูหยินเจิ้งกับนายน้อยเจิ้งแค่มากินด้วยกันเล็กน้อยเท่านั้น ปริมาณไม่มากนักถ้าหากคิดจะใช้เห็ดแดงมาสังหารพวกเขา อีกฝ่ายน่าจะให้พวกเขากินมากกว่านี้หน่อยจึงจะถูก"ข้าจะให้พ่อครัวกับคนใช้เอาของที่กินไปช่วงนี้เขียนออกมา ถึงตอนนั้นก็ขอเชิญแม่นางฟูมาตรวจสอบให้ด้วย" นายท่านเจิ้งตอนนี้ไ
ฟู่จาวหนิงเงยหน้ามองนายท่านเจิ้งผาดหนึ่ง คิดออกถึงปัญหานี้เช่นกันแต่ท่าทางการตรวจสอบของนางไม่ได้หยุดลง กดนิ้วอยู่บนหน้าอกเขาครู่หนึ่ง ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้าก็เจ็บปวดจนร้องขึ้นมาทันทีเสียงร้องนี้ทำเอานายท่านเจิ้งได้สติกลับมา"ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้า ลูกสาวของข้าเกิดเรื่องขึ้นใช่ไหม? นางเป็นอย่างไรบ้าง?"พอได้ยินคำนี้ ฟู่จาวหนิงก็รู้ว่านายท่านเจิ้งเองก็เป็นคนดี อย่างน้อยก็พ่อที่เป็นห่วงลูกสาว เขาเห็นอยู่แท้ๆ ว่าที่ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้ามาปรากฏตัวที่นี่นั้นมีปัญหา แต่สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือการเป็นห่วงเป็นใยลูกสาว"ฮูหยินรอง ไม่ ไม่เป็นไร..." ผู้บัญชาการหนุ่มเจ้าพูดไม่กี่คำนี้ออกมาอย่างยากลำบากแต่นายท่านเจิ้งฟังแล้วก็โล่งใจ"บนตัวเขามีแผล" ฟู่จาวหนิงเห็นเสื้อผ้าตรงหน้าอกมีรูอยู่รูหนึ่ง ทะลุขาดทะลุ น่าจะเป็นของมีคมอะไรบางอย่างแทงเข้าไป แต่เลือดไหลไม่เยอะ "น่าจะเป็นอาวุธลับ อาวุธลับที่มีพิษ"พิษอีกแล้วหรือ...นายท่านเจิ้งมองฟู่จาวหนิง "เช่นนั้นแม่นางฟู่ ยาลูกกลอนพิษเมื่อครู่นั่นกินได้ไหม?""กินได้ แต่เขาต้องจัดการบาดแผลด้วย"ฟู่จาวหนิงตรวจสอบขาของผู้บัญชาการหนุ่มเจ้า "ขาของเขากระดูกหัก"
ฟู่จาวหนิงลองมองดูก่อน ขณะที่กำลังจะเตรียมไปดูอาการผู้ป่วยคนหนึ่งที่มีหมออยู่เพียงสองคน ก็มีชายกลางคนในชุดคลุมสีดำโพกผ้าคลุมดำสองคน เดินเข้ามาขวางนางไว้พวกเขาพิจารณาตัวฟู่จาวหนิง ขมวดคิ้ว แต่คำพูดจาก็ยังค่อนข้างเกรงใจ"แม่นางที่นี่คือโถงวินิจฉัยของสมาคมหมอใหญ่ คนทั่วไปเข้ามาไม่ได้ ท่านมีป้ายอนุญาตหมอไหม?"ฟู่จาวหนิงหยิบป้ายสีม่วงออกมาพวกเขาพอเห็นป้ายสีม่วงก็ตกตะลึงทันที"แม่นางสกุลฟู่หรือ?""ใช่ ข้าชื่อว่าฟู่จาวหนิง""เป็นแม่นางฟู่จริงๆ ด้วย ชื่อของท่านพวกเราเคยได้ยินมาก่อน แม่นางฟู่วิชาแพทย์เก่งกาจเกินใคร ประธานของพวกเรายังกำชับไว้ว่า หากแม่นางฟู่มาแล้ว ขอเชิญท่านเข้าไปพบเสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงถึงแม้จะรู้เรื่องสมาคมหมอใหญ่มาตลอด แต่นางเองก็ยังไม่รู้ว่าสมาคมหมอใหญ่ก็ยังมีประธานอยู่ด้วย และยังไม่รู้ว่าประธานคนนี้เป็นใครก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นท่าทางซุนฉงหมิงจากแคว้นหมิ่นกำเริบเสิบสานเสียขนาดนั้น เขาคงจะไม่ใช่ประธานหรอกกระมัง?ถ้าเป็นเขาจริง เช่นนั้นก็คงจะลำบากหน่อยแล้ว เพราะนางไม่ชอบซุนฉงหมิงเอาเสียเลย"ประธานอยู่ที่ไหนหรือ?" ฟู่จาวหนิงมองไปรอบๆนางไม่ได้พูดชื่อซุนฉงหมิงออกมา
ผู้ดูแลหลินกับผู้ดูแลไช่ประสานมือให้นาง จากนั้นจึงเดินออกไป พวกเขายังต้องไปดูหมอคนอื่นอีกฟุ่จาวหนิงบอกว่าจะขอดูก่อน นั่นก็คือดูจริงๆนางเดินวนไปรอบหนึ่ง สืออีก็กลับมาแล้วพอสืออีปรากฏตัว ฟู่จาวหนิงจึงออกไป พาพวกเขาลงไปชั้นล่าง หามุมเงียบๆ มุมหนึ่ง แล้วฟังข้อมูลที่เขาได้ยินมา"พระชายา ค่ายทหารที่เมืองชายแดนทางเหนือแคว้นเจาวุ่นวายขึ้นมาแล้ว"สีหน้าสืออีเคร่งขรึมมากฟู่จาวหนิงได้ยินข่าวนี้แล้วตกตะลึง"เกิดอะไรขึ้น?""ผู้บัญชาการหนุ่มคนนั้นชื่อว่าเจ้าจือซาน เขาเป็นผู้บัญชาการหนุ่มที่ได้รับความเชื่อมั่นจากขุนพลหู่ เหมือนว่ามีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกันกับขุนพลหู่ด้วย จากที่เขาบอก เมืองชายแดนทางเหนือหลายปีนี้ถือว่ามั่นคงปกติสุขดี แค่มีพวกโจรตัวเล็กตัวน้อยเข้ามาปล้นสะดมบ้างเป็นครั้งคราว คนเหล่านั้นก็แค่คิดจะขโมยพวกเสื้อผ้าอาหารเท่านั้น ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร""แต่ช่วงครึ่งเดือนก่อน พวกโจรที่กระจายตัวอยู่ป่านอกด่านจู่ๆ ก็ถูกขัวอำนาจลึกลับรวบรวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นกองทัพผสมสามพันคนกลุ่มหนึ่ง"ฟู่จาวหนิงฟังถึงจุดนี้ โบกไม้โบกมือ บอกกับสือซานว่า "ส่งสัญญาณหาท่านอ๋องพวกเจ้าให้เขามาที่
"ฮูหยินใหญ่ของเจ้าหู่อยู่ที่เมืองหลวง ไม่ได้ออกไปไหนเลย แต่บ้านฝ่ายหญิงเองก็ไม่ค่อยจะมีคน แค่ใช้ตัวตนฐานะฮูหยินใหญ่เจ้าเท่านั้น จึงยอมให้เจ้าหู่มีภรรยาผู้น้อย แต่ภรรยาผู้น้อยเหล่านั้นไปที่เมืองชายแดนทางเหนือก็อยู่ได้ไม่นานนัก แต่ได้ยินว่าฮูหยินรองคนนี้อยู่ที่นั่นได้สงบสุขดี แล้วยังมีลูกชายสองคนกับลูกสาวอีกหนึ่งคนให้กับเจ้าหู่อีกด้วย ดังนั้นเจ้าหู่จึงดีกับนางมาก"เซียวหลันยวนพอพูดเช่นนี้ ฟู่จาวหนิงจึงไม่มีอะไรจะพูดอีกการยอมให้สามีรับภรรยาผู้น้อยขึ้นเป็นบ้านหลัก แม้ว่านางจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ภายใต้พื้นหลังของยุคสมัยนี้ ก็ยังพอยอมรับได้ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่นางนี่นะตอนนี้คำหนึ่งที่นางกลั่นกรองออกมาได้ก็คือ : จ้าวหู่ดีกับฮูหยินรองที่เป็นลูกสาวของตระกูลเจิ้งคนนี้มากอยู่"สืออี แล้วฮูหยินรองเจ้าคนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น?""พวกเขาเพิ่งเข้าต้าชื่อได้ไม่เท่าไรก็เกิดเรื่องขึ้นที่สถานที่ที่ชื่อว่าเขาหนึ่งเส้น ฮูหยินรองถูกจัีบตัวไป ทหารกลุ่มเล็กที่คุ้มกันนางมาตายหมดแล้ว เหลือแค่เจ้าจือซานที่หนีออกมาได้ อดทนจนมาส่งข่าวที่เมืองจี้ได้""ทำไมเขาไม่กลับไปที่เมืองชายแดนทางเหนือแคว้นเจาเพื่อส่งจดหมายก
"ไม่ถูกสิ!"ฟู่จาวหนิงจู่ๆ ก็คิดถึงจุดนี้ "นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว! ข้าเพิ่งจะไปที่บ้านตระกูลเจิ้ง ลูกสาวที่แต่งงานกับขุนพลแคว้นเจาของตระกุลเจิ้งทางนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น!"ในที่สุดนางก็รู้ถึงจุดแปลกๆ ในความคิดว่าเป็นอะไรแล้วบังเอิญเกินไปนาง ตระกูลเจิ้ง คุณหนูตระกุลเจิ้ง ขุนพลบัญชาการเมืองชายแดนแคว้นเจา เซียวหลันยวนจุดสำคัญพวกนี้หากเชื่อมเข้าด้วยกัน อาจจะกลายเป็นแผนร้ายขนาดใหญ่แผนหนึ่งได้"แต่ใครล่ะที่จะคำนวนให้ข้าไปทำการรักษาที่ตระกูลเจิ้งได้?"ฟู่จาวหนิงยังรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้อง นางอาจจะแค่คิดมากไปกระมัง?เซียวหลันยวนถอนหายใจ ดึงนางเข้ามากอด ตบลงไปเบาๆ ที่แผ่นหลังนาง ถือเป็นการปลอบประโลม ให้นางไม่ต้องขบคิดขนาดนี้"ข้าจะไปตรวจสอบ เจ้าไม่ต้องคิดมากแล้ว"ฟู่จาวหนิงพยักหน้าในอ้อมกอดเขา"เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวหน่อย""เจ้าจะกลับเลย หรือว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ?" เซียวหลันยวนถาม"ข้าจะเดินทีนี่อีกหน่อย"จะอย่างไรนางก็ต้องยืนยันก่อนว่าเรื่องที่ช่วยนายท่านเจิ้งไว้เมื่อครู่เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ถูกใครจัดวางเข้ามาอย่างไร้ร่องรอย"ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ระวังตัวหน่อย"เซียวหลันยวนผละออก
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ