ต้าชื่อ เมืองจี้ต่งฮ่วนจือยังเชิญให้ฮูหยินเฉินจัดเตรียมงานเลี้ยงอาหารค่ำอีกครั้งครั้งที่แล้วพวกเขาไม่กล้ากินอย่างผ่อนคลาย เพราะองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้วย บรรยากาาศไม่ถูกต้องเอามากๆ พวกเขาเกร็งกันไปหมดรู้สึกผิดต่อศิษย์น้องหญิงมากตอนนี้ศิษย์น้องหญิงเข้าร่วมสมาคมหมอใหญ่แล้ว น่ายินดีเสียจริง สำหรับพวกเราพันธมิตรโอสถใต้หล้าถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมาก คู่ควรที่จะเฉลิมฉลองเสียหน่อย"เพียงแต่ข้ารู้สึกว่า แม่นางฟู่เหมือนจะไม่ค่อยชอบข้า ให้ข้ามาช่วยแบบนี้ นางจะโกรธเอาไหม?" ฮูหยินเฉินกระวนกระวายหน่อยๆต่งฮ่วนจือพอได้ยินคำพูดของนางก็แปลกใจ "เป็นไปได้อย่างไร? ศิษย์น้องหญิงไม่เห็นพูดอะไรไม่ดีกับตัวเจ้าเลย เจ้าทำไมถึงคิดว่านางไม่ชอบเจ้าล่ะ?"เฉินฮ่าวจูเดินออกมาจากด้านใน สีหน้าเศร้าหมอง "ลุงต่ง ท่านแม่ แม่นางฟู่น่าจะไม่ชอบข้ามากกว่า""อ๋า?"ต่งฮ่วนจือคิดไม่ออก "เจ้าไปทำอะไรไว้หรือ?"พอได้ยินเขาถาม เฉินฮ่าวจูก็ชะงัก "ข้าไม่ได้ทำ!""เช่นนั้นศิษย์น้องหญิงทำไมถึงจะไม่ชอบเจ้า?"ต่งฮ่วนจูรู้สึกว่าพวกนางสองคนแปลกประหลาด ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้พูดอะไรไม่ดีกับพวกนางแท้ๆ ไม่เอ่ยถึงด
"เจ้าจะทำให้ข้าโมโหใช่ไหม?" ฮูหยินเฉินสีหน้าเปลี่ยนไป "ข้าไม่ใช่เคยบอกเจ้าแล้วหรือ ตอนนั้นข้าจำใจต้องนำงานเย็บออกมา ก็เพื่อให้พวกเรามีค่าขึ้นมาบ้าง ให้ต่งฮ่วนจือมองพวกเราใหม่ ถึงรับพวกเราเอาไว้""แต่พวกเราจะเอางานฝีมือแห่งตงฉิงออกมาซี้ซั้วไม่ได้ เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจมากเกิน แล้วเจ้าทำไม เจ้าทำไมจึงมอบงานปักนั้นออกไปแบบนี้?"เฉินฮ่าวจูกัดริมฝีปากล่าง เอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม "แต่ว่าพวกเราก็ฝากตัวอยู่แต่กับพันธมิตรโอสถใต้หล้า นอกจากงานฝีมือเพื่อแลกข้าวนิดหน่อย ที่เหลือก็ต้องพึ่งพาลุงต่งทั้งนั้น ลอยชายกันอยู่แบบนี้ ไม่ใช่ท่านแม่หรอกหรือที่บอกว่าวันคืนเช่นนี้มันไม่มั่นคง?"นางชะงักไปครู่หนึ่ง ดวงตาแดงรื้น "ยิ่งไปกว่านั้นเมืองจี้เองก็ยังหาคนที่เหมาะสมกับข้าไม่ได้ ข้าถึงอายุที่ต้องแต่งงานมานานแล้ว ถ้าหากยังเสียเวลาอยู่แบบนี้ ก็จะทำได้แค่แต่งงานส่งๆ ออกไปเท่านั้น แล้วข้าจะทำอย่างไรกัน?""เช่นนั้นเจ้าคิดว่าอ๋องเจวี้ยนเหมาะกับเจ้าหรือ? ทำไมเจ้าถึงใฝ่สูงขนาดนั้น? เขามีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่แล้ว!" ฮูหยินเฉินโมโหกระฟัดกระเฟียด"ถ้าหากเข้าไปในจวนอ๋องเจวี้ยนได้ ให้ข้าไปเป็นพระชายารองก็ได้!" เฉิน
หญิงรับใช้พอเห็นฟู่จาวหนิงก็ประหม่าขึ้นมาแต่นางก็รีบอธิบายมาคำหนึ่ง "แม่นางฟู่ คือว่าท่านต่งบอกให้ไปเชิญฮูหยินเฉินกับแม่นางเฉินมากินข้าวด้วยกันน่ะ""โอ๋?" แล้วมันมีอะไรต้องกังวลกันล่ะ?หญิงรับใช้พอคิดถึงตัวตนฐานะของฟู่จาวหนิงที่เป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน จึงเขยิบเข้ามาแล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง "แต่ข้ามีคำหนึ่งที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีน่ะสิ?"ฟู่จาวหนิงอยู่นิ่งเงียบหญิงรับใช้คนนี้ตอนอาหารค่ำก็ทำงานง่วน น่าจะไปเห็นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว และยังรู้ถึงตัวตนของเซียวหลันยวนด้วยตอนนี้จะมาบอกความลับอะไรกับนาง หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับเซียวหลันยวน?"เจ้าพูดมาหน่อยสิ""ท่านต่งคิดจะเฉลิมฉลองให้ท่าน ถึงอย่างไรท่านก็เข้าร่วมกับสมาคมหมอใหญ่แล้ว นี่เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ฮูหยินเฉินกับแม่นางเฉินพวกนางไม่ใช่คนของพันธมิตรโอสถ จะว่าไป แม่นางเฉินเองก็ยังไม่ได้แต่งงาน จะให้ไปปรากฏตัวต่อหน้าท่านอ๋องบ่อยๆ ก็คงไม่ดี ท่านว่าใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขันนี่กังวลแทนนางขึ้นมาแล้วหรือ?หรือก็คือ กระทั่งสาวใช้เองก็ยังมองออกว่าเฉินฮ่าวจูมีใจให้เซียวหลันยวน ตอนนี้จึงนำเรื่องนี้มาแสดงความหวังดีกับนางหรือ
"พวกเราไปเมืองหลวงแคว้นเจา บางทีอาจจะมีโอกาสมากกว่าอยู่ที่เมืองจี้ก็ได้ ที่นั่น เจ้าสามารถเลือกบ้านสามีที่ดีกว่าได้"เมืองจี้ เล็กเกินไปจริงๆเมืองหลวงจักรพรรดิต้าชื่อ ก็ยังมีคนที่สงสัยในตัวพวกนาง จะไปโผล่หน้าอีกไม่ได้แล้วเช่นนั้น การออกจากต้าชื่อ ไปยังเมืองหลวงแคว้นเจาจึงดีที่สุดตอนที่สุราชั้นดีอาหารรสเลิกวางอยู่เต็มโต๊ะ เซียวหลันยวนก็กลับมาแล้วฟู่จาวหนิงเล่าเรื่องที่สมาคมหมอใหญ่ให้กับผู้อาวุโสจี้เสร็จ พอเห็นเขาเข้ามาก็ลุกออกไปรับนางเดินไปตรงหน้าเขา เงยหน้ามองเขา สายตามีความหยอกล้อ ไม่พูดอะไรเซียวหลันยวนประหลาดใจ "หนิงหนิงทำไมมองข้าแบบนั้นล่ะ?"เพิ่งจะแยกกันไม่ถึงครึ่งชั่วยามดี เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?"ก็แค่มองหน้าท่านเฉยๆ" ฟู่จาวหนิงมองเส้นคางขากรรไกรเขา "ยั่วยวนเสียจริง"ยั่วเอาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไล่ตามมาจนถึงเมืองจี้ แล้วยังยั่วเอาสาวน้อยข้างบ้านจนอยากจะเบียดตัวเข้ามาอีกจุ๊ๆนางคาดเดาได้เลย ถ้าแผลเป็นเขาหายดี ใบหน้านี้กลับไปเป็นดังเดิมเมื่อไร คงจะล่อลวงคนมากมายเลยทีเดียว"พูดอะไรไร้สาระ"เซียวหลันยวนมองไปทางผู้อาวุโสจี้ที่อยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสจี้เองก็เงี่ยหู เห็นไ
"ชุดกระโปรงนี้ฮูหยินเฉินเป็นคนทำเองหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่ใช่แค่ตัดเย็บ ดอกโบตั๋นทั้งหมดด้านบนก็ล้วนเป็นท่านแม่ของข้าปักร้อยลงไปทีละเข็ม! ท่านไม่รู้หรอก ว่ากระโปรงดอกโบตั๋นตัวนี้ท่านแม่ข้าต้องใช้เวลานานเท่าไร ต้องใช้ไหมด้ายไปเท่าไร ตาแทบจะลายหมดแล้ว"เฉินฮ่าวจูเองก็ไม่คิดว่าแม่ของนางจะนำกระโปรงดอกโบตั๋นตัวนี้ออกมอบให้ฟู่จาวหนิงนางรู้สึกปวดใจหน่อยๆ รู้สึกอาลัยเสียดายชุดกระโปรงตัวนี้ เดิมทีท่านแม่คิดจะนำไว้ใช้ในเรื่องงานแต่งงาน ให้นางสวมไปพบทางบ้านสามี แค่ปักกระโปรงตัวนี้ก็ใช้เวลาไปถึงแปดเดือน เวลาแปดเดือนนี่ยังถือว่าแม่ของนางปักได้เร็วแล้วนะ ความเร็วเดิมทีก็เร็วกว่าช่างปักเสียอีกถ้าหากเป็นคนอื่น หนึ่งปีก็อาจจะทำไม่เสร็จตอนนี้กลับนำกระโปรงตัวนี้มาให้ฟู่จาวหนิงเฉินฮ่าวจูกลับว่าฟู่จาวหนิงจะไม่รู้จักคุณค่า"กระโปรงตัวนี้สวยงามล้ำค่ามาก หาได้ยากมากจริงๆ" ต่งฮ่วนจือเองก็ทอดถอนใจชื่นชมผู้อาวุโสจี้พยักหน้า "กระโปรงตัวนี้ต้องขับเด่นศิษย์รักของข้าแน่นอน ถ้าเป็นคนอื่นสวมแล้วอาจจะไม่เห็นผลก็ได้"เฉินฮ่าวจูชะงักไปคำพูดนี้ของผู้อาวุโสจี้หมายความว่าอย่างไร? คือนอกจากฟู่จาวหนิงแล้วก
แต่ว่าฮูหยินเฉินก็สงบท่าทีลงมาได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อฟู่จาวหนิงมีนิสัยเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็ตรงไปตรงมาหน่อย"ให้ท่านเห็นสิ่งน่าอายเสียแล้ว ข้าเองก็มีเรื่องร้องขอที่ไม่สมควรอยู่จริงๆ"ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วเป็นสัญญาณให้นางพูดต่อ"พวกท่านน่าจะใกล้กลับแคว้นเจาแล้วกระมัง?""ถูกต้อง""ท่านทั้งสองสามารถพาข้ากับฮ่าวจูไปที่เมืองหลวงด้วยได้ไหม? พวกเราไม่ลูกไม่กล้าออกเดินทางไกลนับพันลี้ และเราก็ทำเองไม่ได้ด้วย ถ้าสามารถติดตามพวกท่านไป ก็ถือว่าได้รับการคุ้มครอง พอถึงเมืองหลวงแคว้นเจา พวกเราก็สามารถจัดการลงหลักปักฐานตนเองได้ ไม่ต้องรบกวนพวกท่านอีก"คำพูดของฮูหยินเฉินทำเอาต่งฮ่วนจืองงงัน"เจ้า พวกเจ้าจะไปเมืองหลวงแคว้นเจาหรือ? อยู่ที่นี่แล้วมีตรงไหนไม่สบายหรือไรกัน?" ต่งฮ่วนจือคิดไม่ถึงเลย ว่าแม่ลูกฮูหยินเฉินจะคิดออกจากเมืองจี้เขากระทั่งโดนผลกระทบทางจิตใจด้วยซ้ำเพราะก่อนหน้านี้ ฮูหยินเฉินไม่ได้เผยอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อยเขาไม่ได้รับความเชื่อใจจากพวกนางแม่ลูกหรือ?ฮูหยินเฉินมองเขาเชิงขอโทษ "ท่านต่ง ขออภัยด้วย ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกอะไรกับท่านเลย พวกเรามาอยู่ที่เมืองจี้สี่ปีกว่าแล้ว ได้รับการดูแ
ฟู่จาวหนิงเห็นสายตาของเฉินฮ่าวจูเป็นประกายขึ้นมานางกระทั่งมองเซียวหลันยวนอย่างชื่นชมเดิมทีนางก็อยากจะรับปากอยู่ แต่พอเห็นสายตาชื่นชมคาดหวังของเฉินฮ่าวจูแล้ว ฟู่จาวหนิงก็รู้สึก...นางต้องมีปัญหาอะไรแน่ ถึงจะพาความยุ่งยากนี้ไปด้วย ให้โอกาสนางมาลอยไปลอยมาต่อหน้าเซียวหลันยวนขณะที่กำลังจะพูด ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเซียวหลันยวนดังขึ้นมา"ไม่สะดวก ไม่เหมาะสม ข้าไม่ชอบให้มีคนมาลอยไปลอยมาต่อหน้าข้า เกะกะลูกตา"พรวดฟู่จาวหนิงอดมองไปทางเขาไม่ได้เมื่อครู่เขาเพิ่งจะเห็นด้วยที่จะพาสองแม่ลูกนี้ไป แค่ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนใจเสียแล้วหรือ?คล้ายกับนางจริงๆ นางชอบในสายตาฟู่จาวหนิงอดมีรอยยิ้มขึ้นมาไม่ได้ สายตาของเขาราวกับเป็นประกายน้ำไหลเอื่อยเซียวหลันยวนเมื่อครู่ที่เหลือบไปเห็นสายตาของเฉินฮ่าวจูรู้สึกไม่ชอบอย่างมาก พอคิดว่าต้องพาพวกนางไปแล้ว ตลอดทางไม่รู้ต้อง "เสพ" กับสายตาเช่นนี้อีกเท่าไร เขาไม่ค่อยสบายเท่าไรนักเกี่ยวกับฝีมืองานปักของตงฉิง เอาไว้ค่อยว่ากันแล้วกันก็ไม่ได้จะต้องเอาคนไปเสียหน่อยเฉินฮ่าวจูแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วอ๋องเจวี้ยนทำไมจึงเย็นชาไร้น้ำใจเช่นนี้!ใบหน้าของเขาหล่อเห
ฮูหยินเฉินเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร นางเองตอนนี้ก็เจ็บจี๊ดที่ใจขึ้นมาเหมือนกันกระโปรงลายดอกโบตั๋นมอบออกไปแล้วแต่ว่าก็ไม่ถือว่าส่งมอบออกไปหรอก แต่เป็นการแลกเปลี่ยน และกับการที่ผู้อาวุโสจี้พาพวกนางทั้งสองคนไปเมืองหลวงแคว้นเจาแต่นางเดิมทีคิดจะไปด้วยกันกับอ๋องเจวี้ยนและฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเป็นหมอเทวดา ระหว่างทางหากไม่สบายตรงไหน ฟู่จาวหนิงคงไม่นิ่งดูดายปล่อยให้ตายไปแน่ แล้วพวกนางทั้งสองคนสุขภาพก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรนัก ตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้วด้วย ระหว่างทางอาจจะเป็นหวัดขึ้นมาได้ตลอดเวลาสองคือ ฟู่จาวหนิงเป็นหญิงสาว ระหว่างการเดินทางจะละเอียดละออหน่อย พักแรมหรือการกินอยู่ก็จะค่อนข้างละเอียด พวกนางเองก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้ตามไปด้วยสามคือ ระยะทางที่ห่างไกลเช่นนี้ จะอย่างไรก็สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทางได้ฮ่าวจูในเมื่อชอบอ๋องเจวี้ยนเสียขนาดนี้ ถ้าเป็นไปได้ ระหว่างทางบางทีอาจจะมีโอกาสถ้าไม่ได้ นางก็ยังสามารถขอให้อ๋องเจวี้ยน ช่วยจัดแจงหาที่พักให้นางในเมืองหลวง ถึงตอนนั้นพอเข้าเมืองหลวงพวกนางก็มีที่มีทางแล้ว แค่โผล่หน้าออกไป คนในเมืองหลวงก็จะรู้ว่าพวกนางนั้นมาพร้อมกับอ๋องเจว
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ