ปัญหานี้ อันที่จริงฟู่จาวหนิงก็อยากรู้เหมือนกันนางไม่คิดว่าประโยคนี้มีคนแต่งขึ้นมา ถ้าจะแต่งก็ไม่จำเป็นต้องแต่งให้มันดูไร้สาระขนาดนี้ ไม่ได้มีตรรกะอะไรเลยยิ่งไปกว่านั้น ถ้าจะแต่งขึ้นจริง จะมาพูดว่า "สกุลฟู่" ทำไม บอกว่า "ฟู่จาวหนิง" ไปเลยไม่ตรงกว่าหรือสกุลฟู่ ถ้าหากสาวใช้ในวังฟังผิด ฟังเป็นชื่ออื่นขึ้นมาล่ะดังนั้น ไทเฮาตะโกนขึ้นคำหนึ่งจากฝันร้าย ก็น่าจะเป็นเรื่องจริงฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าแปลกประหลาดมาก นางรู้สึกว่าเซียวหลันยวนเองก็อยากรู้เหมือนกัน"คำถามของฮองเฮาก็แปลกเหลือเกิน ข้าบอกไปแล้วว่าเพิ่งจะเจอกับไทเฮาแค่ครั้งเดียวในวันพิธีกับอ๋องเจวี้ยน แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าไทเฮาคิดอะไรอยู่"ฟู่จาวหนิงผายสองมือออก "ที่ไทเฮาร้องออกมาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคำว่าสกุลฟู่สองคำนี้ บางทีสาวใช้ในวังอาจจะฟังผิดไหม?""สาวใช้ในวังคนนั้นล่ะ" เซียวหลันยวนถามขึ้น"เรียกสาวใช้เป่าเยว่เข้ามา" องค์จักรพรรดิก็เหมือนรู้อยู่แล้วว่าพออ๋องเจวี้ยนเข้าวังจะต้องอยากเจอกับสาวใช้ในวังคนนั้น ดังนั้นจึงให้นางคอยรอไว้แล้ว"องค์จักรพรรดิให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อนได้หรือไม่ จะให้พวกนางอยู่ที่นี่ดูละครกันหรือ
"ถ้าหากเป็นแค่ฝัน ข้าไม่มีทางลงโทษนางหรอก นี่ก็แค่มาถามให้ชัดเจนว่านางได้ทำอะไรไว้ลับหลังหรือเปล่า?" องค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้น"ถ้านางบอกว่าไม่ได้ทำ องค์จักรพรรดิจะเชื่อหรือ?"องค์จักรพรรดิชะงักไปแค่ประโยคเดียวจากความฝัน เขาจะลงโทษฟู่จาวหนิงแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้"ทั้งหมดนี้รอให้ไทเฮาตื่นขึ้นมาก่อนแล้วกัน พวกเจ้าไปเข้าเฝ้าไทเฮาเถิด"เป่าเยว่นำทางเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงไปที่วังบรรทมไทเฮาพอเข้าประตู ฟู่จาวหนิงก็ได้กลิ่นยาหนักมาก ในนี้ยังมีกลิ่นธูปกำยานลางๆ อีกหลายชนิด เป็นกลิ่นหอมที่แตกต่างกัน พอปนเปอยู่ด้วยกัน กลิ่นจึงประหลาดและฉุนหนักอย่างเห็นได้ชัดแล้วยังมีหมอหลวงคอยดูแลไทเฮาอยู่อีกสองคนเซียวหลันยวนเดินเข้าไปข้างเตียงไทเฮา เห็นนางนอนอยู่บนเตียง สีหน้าขาวซีด ไม่ขยับเขยื้อน กลิ่นอายดิ่งต่ำอย่างมาก ดูแล้วเหมือนจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วอย่างไรอย่างนั้น"อ๋องเจวี้ยน พระชายาอ๋องเจวี้ยน ไทเฮาไม่ตื่นขึ้นมาเลย" หมอหลวงรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นมาคำหนึ่งฟู่จาวหนิงมองไปทางเซียวหลันยวน "ให้ข้าดูไหม?""ดู" เซียวหลันยวนพยักหน้าฟู่จาวหนิงจึงเดินตรงเข้าไปจะจับชีพจรให้กับไทเฮาเป่าเยว่ตกตะลึง
องค์จักรพรรดิโมโหไทเฮาจะแย่อยู่แล้วไทเฮาในเมื่อคัดค้านเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนแต่งงานกับลูกสาวฟู่หลินซื่อ แล้วทำไมวันพิธีใหญ่วันนั้นถึงไม่ยกเหตุผลนี้ออกมา เพื่อคัดค้านไม่ให้พวกเขาแต่งงานกัน?ถ้าเป็นเช่นนั้น อ๋องเจวี้ยนก็คงไม่ได้รับสิ่งยืนยันของไท่ซ่างหวงไปแล้วตอนนี้คนเขาผ่านการทดสอบสามตระกูล เตรียมจะรับสิ่งยืนยันอยู่แล้ว เพิ่งจะมาคัดค้านฟู่จาวหนิง แล้วจะมีประโยชน์อะไร?เขาตอนนี้กลับสนับสนุนให้อ๋องเจวี้ยนกับลูกสาวฟู่หลินซื่ออยู่ด้วยกันเสียอีก เพราะเช่นนี้ระหว่างสองสามีภรรยาอย่างพวกเขาก็จะมีปมในใจขนาดใหญ่ขวางอยู่ ไม่มีทางรักกันปานจะกลืนกินหลังจากนี้หากมีโอกาสค่อยไปยุยงฟู่จาวหนิง ไม่แน่ฟู่จาวหนิงอาจจะยังมีประโยชน์กับเขาบ้าง"เสด็จแม่ อายวนกับฟู่จาวหนิงแต่งงานกันหลายวันแล้ว เรื่องในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ" องค์จักรพรรดิเสแสร้งเตือนขึ้นอย่างหวังดีฮองเฮาเข้าใจความหมายของเขา และเตือนขึ้นมาด้วยเช่นกัน "ใช่แล้ว ไทเฮา ครั้งนั้นไท่ซ่างหวงไม่ใช่บอกว่าจะไม่ติดใจกับคนบ้านนางแล้วหรือ ฟู่จิ้นเชินกับฟู่หลินซื่อหายตัวไป ไท่ซ่างหวงก็ไม่ได้เข้าไปสร้างความลำบากใจกับผู้เฒ่าฟู่และเด็กสาวคนนี้ ดูท่
"ข้าเพิ่งแต่งงานใหม่ พวกเจ้าคิดจะขังพระชายาไว้ในวัง แล้วข้าจะไปมีทายาทกับใครกัน?"พรวดฟู่จาวหนิงแทบจะสำลักใครจะมีทายาทกับท่านกัน!แต่ก็อดพูดไม่ได้ ว่าเหตุผลนี้ของเซียวหลันยวนหยาบคายและตรงไปตรงมาจริงๆไทเฮากับองค์จักรพรรดิไม่กล้าต่อคำพูด หรือว่าพวกเขาไม่อยากให้เขามีทายาทจริงๆ?ฮองเฮาสมองทำงาน เอ่ยขึ้นมากับองค์จักรพรรดิทันที "องค์จักรพรรดิ เช่นนั้นท่านก็มอบการอภิเษกให้กับอ๋องเจวี้ยนอีกสิ ให้เขาแต่พระชายารองมาอีกสองคน""ข้าว่าได้อยู่"จริงด้วย เขาเตรียมชุบเลี้ยงสาวงามเอาไว้ตั้งหลายคนนี่นา เพื่อที่ยัดมาอยู่ข้างกายอ๋องเจวี้ยนถ้าอ๋องเจวี้ยนยังไม่รีบแต่งงาน เขาจะได้หาข้ออ้างส่งไปให้เขา ตอนนี้จังหวะก็มาพอดี"ข้าทางนี้ก็มีตัวเลือกอยู่" ไทเฮาเอ่ยขึ้นมาทันที "ไม่มีคุณสมบัติเป็นพระชายารอง เป็นอนุภรรยายังพอได้อยู่!"ไทเฮามองไปทางเป่าเยว่ที่ยืนปรนนิบัติอยู่ข้างๆ "เป่าเยว่ อีกเดี๋ยวเจ้าไปเก็บข้าวของเสีย แล้วตามอ๋องเจวี้ยนออกจากวังไป หลังจากนี้ก็คอยปรนนิบัติอ๋องเจวี้ยนเสีย รอจนพระชายารองมีลูกชายหรือลูกสาวเสียก่อนแล้ว เจ้าถึงจะมีได้รู้ไหม?"เป่าเยว่คุกเข่าลงทันที "ข้าน้อยเข้าใจแล้ว"ฟู่
พอเห็นว่ามือของเป่าเยว่กำลังจะแตะโดนตัวเซียวหลันยวน ฟู่จาวหนิงก็เบี่ยงหลบทันทีนางเอ่ยขึ้นว่า "เอาล่ะ ข้าจะแบไพ่แล้ว อันที่จริงข้าเป็นพวกขี้หึง จิตใจคับแคบ ไม่อยากให้หญิงสาวคนอื่นมาร่วมแบ่งความสุขกับยวนยวนของข้า พระชายารองไม่ได้ อนุภรรยาก็ไม่ได้เช่นกัน!"ไทเฮาถลึงตามอง "เจ้า เจ้าเจ้าเจ้าพูดอะไร?"องค์จักรพรรดิคิ้วถึงกับกระพือขึ้นมา "ขี้หึง?!"ฮองเฮาปิดปาก พูดอะไรไม่ออกเป่าเยว่กลับตะลึงงันมองนาง มือที่ยื่นออกมาก็นิ่งค้างกลางอากาศไปแล้ว"ถูกต้อง ข้าเป็นคนขี้หึง ดังนั้นไม่อนุญาตให้ยวนยวนของข้าอภิเษกพระชายารองและรับภรรยาด้วย เรือนหลังของจวนอ๋องเจวี้ยนมีข้าแค่ได้คนเดียว"ฟู่จาวหนิงคิดในใจ ถึงอย่างไรเซียวหลันยวนก็สลบอยู่ ไม่ได้ยินคำพูดของนางหรอก เอาให้สุดๆ ไปเลยแล้วกัน"ยิ่งไปกว่านั้นยวนยวนก็ยังมีใจให้ข้ามากด้วย เขาเล่าให้ฟังแล้ว เรื่องที่ถูกพิษไปเมื่อตอนเด็ก ยังยืนยันไม่ได้ว่าท่านแม่ข้าเป็นผู้ทำ บางทีท่านแม่ข้าอาจจะถูกใส่ร้ายก้ได้! จะว่าไป ตอนนั้นข้าเองก็ยังคลานยังพูดไม่เป็นด้วยซ้ำ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้า เขาไม่สนใจ แต่ยังดีกับข้ามาโดยตลอด!"ฟู่จาวหนิงมองพวกเขา พูดเสียดูเป็นเ
สองคนเอ่ยขึ้นพร้อมกันฟู่จาวหนิงเห็นรอยยิ้มที่มุมปากเซียวหลันยวน รู้ขึ้นมาทันทีว่าตนเองถูกหลอกเสียแล้ว!"เซียวหลันยวนท่านนี่มันสุนัขจริงๆ" นางด่าเข้าให้ถึงกับแกล้งสลบเชียว! ยิ่งกว่านั้นยังแกล้งเสียเหมือนเปี๊ยบ!ใช่ผู้ชายไหมเนี่ย? ให้นางต้องแบกมาตั้งครึ่งค่อนทาง!"สุนัข?" เซียวหลันยวนนั่งขึ้นมา จัดระเบียบตัวเล็กน้อย "ถ้าข้าไม่แกล้งสลบ ในจวนอ๋องคงจะมีหญิงสาวเพิ่มมาอีกสามคนคอยแย่งชิงความเอ็นดูจากข้าแล้ว เจ้าไม่ใช่พวกขี้หึงใจคับแคบอยากจะครองข้าไว้คนเดียวหรอกหรือ?""ไร้ยางอาย!"แกล้งสลบแล้วยังแอบฟังนางพล่ามอีกฟู่จาวหนิงโมโหจนถลึงตาใส่เขาหลายครั้ง"ข้าไม่รู้เลยนะ ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราใกล้ชิดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ" ้เขาถามขึ้นอย่างยั่วเย้ายวนยวน?หรือว่า "ยวนยวนของข้า" ?ฟู่จาวหนิงหน้าร้อนผ่าว ใบหูแดงระเรื่อสมองของนางถูกสุนัขเล่นงานเอาเสียแล้ว!"ท่านหุบปากไปเลย!""เช่นนั้นหลังจากนี้ตอนที่พวกเราแกล้งทำเป็นรักกัน ข้าต้องเรียกเจ้าว่าหนิงหนิง? เจาเจาไหม?"ฟู่จาวหนิงสะบัดตัว "ทำไมยังทำตัวน่ารังเกียจแบบนี้?"ชิงอีที่อยู่ด้านนอกพอได้ยินสองคนทะเลา
ฟู่จาวหนิงไม่ขยับ และไม่คิดที่จะตอบแทนเซียวหลันยวนแต่ว่านางกลับรู้สึกว่าเสียงนี้ดูคุ้นหูเหลือเกินตอนนี้เอง หญิงสาวคนนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกว่า "พี่เขย ข้าคือน้องสาวของท่านพี่จาวหนิง ข้าชื่อหลินอี๋เจิน"พรวดฟู่จาวหนิงเกือบจะสำลักพี่เขย?หลินอี๋เจิน? น้องสาว?นางนึกออกแล้ว เหมือนว่านางจะมีลูกพี่ลูกน้องหญิงอยู่คนหนึ่ง ตระกูลหลิน ก็คือบ้านเกิดของฟู่หลินซื่อแม่ของนางแต่หลังจากที่ฟู่หลินซื่อหายตัวไป ตระกูลหลินยังมาอาละวาดกับผู้เฒ่าฟู่เสียยกใหญ่ ตระกูลหลินด่ากราดผู้เฒ่าฟู่ บอกว่าจะต้องเป็นฟู่จิ้นเชินที่ไปก่อความเดือดร้อน จากนั้นก็ผลักความผิดมาให้ฟู่หลินซื่อ จนทำให้ตระกูลหลินของพวกเขาเกือบถูกล้างตระกูลไปหลายปีมานี้ ตระกูลหลินก็แทบจะไม่ติดต่อกับตระกูลฟู่เลยผู้เฒ่าฟู่เคยบอกกับนางไว้ ให้นางไม่ต้องไปขร้องจากตระกูลหลิน หลายครั้งที่พบกับคนตระกูลหลินที่ภายนอก พวกเขาล้วนเชิดคางไม่แม้แต่จะสบตามองนางแล้วก็เดินผ่านไปหลินอี๋เจินคนนี้ไม่เคยเรียกนางว่าพี่สาวมาก่อนเลย ตอนนี้ขนาดคำว่าพี่เขยก็ยังพูดออกมา"น้องสาวเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนมองฟู่จาวหนิง"น่าจะใช่?"ชิงอีที่อยู่ด้านนอกเอ่ยขึ้น "พระชา
เซียวหลันยวนมองกล่องนั่นเขาคิดไม่ถึงเลยว่าไหมใจโลหิตที่พวกเขาลงทุนลงแรงไปตั้งมากมายก็ยังไม่ได้มา แต่ฟู่จาวหนิงกลับได้มาอย่างรวดเร็วไหมใจโลหิตบินเร็วมาก ถ้าแค่ทำมันตกใจ ตอนที่มันไม่ยอมหยุดก็จะจับได้ยากมากแต่ว่านักบุญหญิงของเผ่าโม๋ลั่วมีวิธีเข้าใกล้และทำให้ไหมใจโลหิตหยุดลง นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาให้ความสนใจไห่ฉางจวิ้น"ท่านกลับมาก็เพราะจะเข้าร่วมพิธีเดิมพันโอสถนี่ใช่ไหม? บนพิธีน่าจะมียาที่ท่านต้องการอยู่กระมัง?"ฟู่จาวหนิงถามจบก็เห็นเซียวหลันยวนนิ่งงัน นางก็รู้ทันทีว่าตนเองเดาถูกแล้วเซียวหลันยวนมองนาง "ไป๋ซวงจำแนกยาได้เก่งมาก พิธีเดิมพันโอสถครั้งนี้ ข้าจึงวางแผนจะให้นางเข้าร่วม ดังนั้นก่อนหน้าจึงไม่ได้ลงโทษนาง"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป"ท่านกำลังอธิบายกับข้าหรือ?"เซียวหลันยวนพอเห็นดวงตาที่ตาขาวตาดำแยกกันชัดเจนของนางจู่ๆ ก็รู้สึกไม่เป็นสุข แต่ไหนแต่ไรเขาไม่มีนิสัยอธิบายกับใครมาก่อน แต่เมื่อครู่ไม่รู้ทำไม กลับต้องพูดขึ้นมากับนางคำหนึ่งอย่างอดไม่อยู่"นี่คือไหมใจโลหิต มอบให้ท่าน"ฟู่จาวหนิงยื่นกล่องส่งให้เขาเซียวหลันยวนรับไป ไม่ได้เปิดออกดู"ท่านไม่คิดจะเปิดดูหน่อยหรือ? ไม่กล้ว
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ