ฟู่จาวหนิงพอคุยเรื่องงาน ก็โยนเฉินฮ่าวปิงไปไว้ที่หลังสมองแล้วนางกับผู้อาุโสจี้ค้นคว้าอยู่พักหนึ่งว่าจะช่วยวัตถุดิบยาเหล่านี้อย่างไร ผู้อาวุโสจี้เองก็พานางมารู้จักกับวัตถุดิบยาล้ำค่าบางส่วน ศิษย์อาจารย์ทำธุระอยู่ในสวนสมุนไพรอยู่นาน จึงได้ไปที่คลังยาชั้นหนึ่งที่นั่นยังมีวัตถุดิบยาอีกมากมาย คลังยาชั้นหนึ่ง ก็คือพวกที่ล้ำค่าที่สุดเหล่านั้น ต่อให้ไม่มีคลังเก็ฐ ก็ยังต้องบันทึกไว้ในสมุด มีคำอธิบายมีภาพประกอบผู้อาวุโสจี้พานางรู้จักทีละอย่างทีละชนิด เติมเต็มจุดอ่อนทางด้านวัตถุดิบยาให้กับฟู่จาวหนิงไปไม่น้อยอันชิงเองก็คอยฟังอยู่ข้างๆ ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย เพราะนางเองก็ได้เรียนตามไปด้วย ถ้าเผื่อหลังจากนี้เจอกับวัตถุดิบยาเหลา่นี้ นางก็สามารถนำมามอบให้ฟู่จาวหนิงได้ฟู่จาวหนิงก็คิดไม่ถึงว่านางจะมีความคิดเช่นนี้หงจั๋วรอพวกนางคุยกันไปพักหนึ่ง พอเห็นท้องฟ้าด้านนอก จึงขัดพวกเขาขึ้นมาว่า"พระชายา ถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วเจ้าค่ะ"จะให้พระชายาหิวไม่ได้"ไป ไปกินข้าวที่โถงหน้ากัน วันนี้กินกันในพันธมิตรโอสถนี่ล่ะ แล้วข้าจะทดสอบอาหารยาจีนกับน้ำชาโอสถเจ้าเสียหน่อย แล้วเจ้าก็จะได้ชิมพอดี แล้วลอ
"ตามหลักการแล้ว ศิษย์พี่เป็นผู้จัดการใหญ่ของที่นี่ เขาจะให้เฉินฮ่าวปิงมาเป็นคุณหนูใหญ่ของพันธมิตรโอสถมันก็เรื่องของเขา..." ฟู่จาวหนิงพูดเสียดสีออกมาคำหนึ่งแต่ว่ายังไม่ทันพูดจบ ผู้อาวุโสจี้ก็ก่นด่าขึ้นมาอย่างโมโห "คุณหนูใหญ่บ้าบออะไร! นางมันใครกัน!"เขาโกรธจัดแล้วหลักๆ คือ ฮูหยินเฉินนั่นก็ไม่ได้ว่าตามต่งฮ่วนจือมาจริงๆทำตัวก็ไม่ชัดเจน ความสัมพันธ์ไม่ต้องคิดก็เข้าใจ ก็แค่คอยหาประโยชน์จากต่งฮ่วนจือมาตลอดเท่านั้น หลอกเขาอยู่ชัดๆ!เฉินฮ่าวปิงเจ้าเด็กคนนั้นก็ไม่ได้มาเป็นลูกสาวให้ต่งฮ่วนจือจริงๆ แต่ก็เอาแต่ให้เขาทำตัวเหมือนพ่อมาตลอดความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนนี้ ถ้าลือออกไปจะเสียชื่อเสียงขนาดไหน ทำให้ต่งฮ่วนจือดูเป็นคนโง่ไปอีก!เขาทำไมถึงได้มีศิษย์ที่โง่ขนาดนี้กันนะ!น่าเสียดายที่ด้านจัดการพันธมิตรโอสถของเขายังพอใช้ได้!"ท่านอาจารย์ ไม่ต้องโกรธแล้ว ศิษย์พี่เองก็ไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว เขารู้อยู่นั่นล่ะว่าตัวเองทำอะไรอยู่"ฟู่จาวหนิงอยากจะฟ้องจริงๆ แต่พอเห็นผู้อาวุโสจี้โมโหขนาดนี้ นางก็กลัวว่าเขาจะโมโหจนเป็นอะไรไปต่งฮ่วนจือก็เป็นวัยกลางคนแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่"ข
ต่งฮ่วนจืออันที่จริงก็คิดไว้แล้วว่าอาจารย์ต้องรู้เรื่องวันนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นต้องมาด่าเขาแน่เขาเองก็เตรียมคำพูดไว้บ้างแล้วผลคือผู้อาวุโสจี้ไม่ให้โอกาสเขาเลย เอ่ยขึ้นมาตรงๆ ว่า "หลังจากนี้ห้ามพาแม่ลูกคู่นั้นมาที่พันธมิตรโอสถอีก แล้วก็ ห้ามให้นางยืมชื่อของพันธมิตรโอสถไปแอบอ้างทำเรื่องอะไรด้วย! แล้วเจ้าเองก็ห้ามเด็กนั่นมาปรากฏตัวต่อศิษย์น้องหญิงเจ้าด้วย!""ท่านอาจารย์ ฮ่าวปิงนาง...""เว้นเสียแต่นางจะมาเป็นลูกสาวเจ้าจริงๆ!" ผู้อาวุโสจี้ตัดบทเขา "ไม่เช่นนั้นพวกนางแม่ลูกก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า! ข้าบอกเจ้าไปตั้งหลายรอบแล้ว เจ้าพวกนางมาพอแล้ว อย่าทำตัวไม่มีสมอง!""แล้วก็ ต่อให้นางกลายเป็นลูกสาวเจ้าจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่านางจะมากำเริบเสิบสานต่อนห้าศิษย์น้องเล็กของข้าได้! ก่อนหน้านี้นางเองก็ยังดูรู้จักมารยาท รู้จักประมาณตน แล้วตอนนี้ทำไมยิ่งโตยิ่งเลวร้าย? เจ้าเคยคิดบ้างไหม ว่านางอาจจะถูกเจ้าตามใจจนเสียคน! "ผู้อาวุโสจี้จำได้ว่าหลายปีก่อนตอนที่เจอกับเฉินฮ่าวปิง นางยังรู้สึกประมาณตน ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้ถึงตัวตนฐานะของตนเองด้วย ตอนอยู่ในพันธมิตรโอสถก็เคารพผู้อาวุโสดีแล้วแม่ลูกอย่างพวกนา
"ถุด" เขายังพูดไม่ทันจบ ผู้อาวุโสจี้ก็ตัดบทเขาอย่างไม่ใยดี "ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่ว่าก่อเรื่องไปแล้วหรือ? ไม่ใช่ว่าไปหาศิษย์น้องหญิงเจ้าให้นางพาเจ้าเด็กนั่นไปผูกมิตรกับพวกคนชั้นสูงหรือ? ถ้าไม่ใช่ศิษย์น้องหญิงปฏิเสธออกมาเอง เจ้าไม่ใช่จะให้พวกเราทั้งกลายเป็นที่พึ่งให้เจ้าเด็กนั่นแล้วหรือไร?"ต่งฮ่วนจือไม่มีคำจะไปค้าน"ขนาดวันนี้แม่นางอันนั่น พวกเจ้าส่งเทียบเชิญให้นาง ไม่ใช่เพราะได้ยินว่าศิษย์น้องหญิงเคยช่วยนาง นางรู้จักศิษย์น้องหญิงเจ้า ความสัมพันธ์ก็ไม่เลว ดังนั้นจึงเชิญนางมาอย่างไม่กังวลหรือ? เจ้าใช้วิธีนี้มาเลือกคน แล้วยังบอกว่าไม่คิดจะพึ่งพาศิษย์น้องหญิงอีกเนี่ยนะ?"คำพูดนี้ของผู้อาวุโสจี้ถูกต้องต่งฮ่วนจือกับฮูหยินเฉินเลือกอันชิงมา นอกจากที่องค์หญิงหนานฉือแต่งงานเข้าจวนตระกูลอันแล้ว ยังมีเรื่องความสัมพันธ์กับฟู่จาวหนิงอยู่ด้วยไม่ว่าพวกฮูหยินเฉินจะมีมุมมองอย่างไรต่อฟู่จาวหนิง มีจุดหนึ่งที่แม่ลูกอย่างพวกนางต้องยอมรับ นั่นก็คือคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับฟู่จาวหนิง ในด้านนิสัยใจคอนั้นเชื่อถือได้ ดังนั้นพวกนางจึงเลือกอันชิงในจิตใต้สำนึก ต่งฮ่วนจือเองก็รู้สึกว่า ถ้าหากเฉินฮ่าวปิงสามารถเข
อ๋องฉยงอยู่ในวังราชนิเวศน์มานานไม่ได้ออกไปไหนแต่วันนี้ในที่สุดเขาก็หาที่อยู่ของฮูหยินเฉินพบแล้วอวิ๋นจูกลับไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในพันธมิตรโอสถเมื่อสองวันก่อนกับเขา และหยิบโคมไฟงานปักใบหนึ่งให้เขาดู เขาจำได้ นี่ต้องเป็นฝีมือของฮูหยินเฉินแน่นอนร้านงานปักจิ่นเยว่ เป็นร้านในนามของจวนชินอ๋องเซียวฮูหยินเฉินเองก็ได้ข่าวนี้ จึงเลือกร้านงานปักจิ่นเยว่นางพาเฉินฮ่าวปิงเข้าไปในร้านงานปัก ผู้จัดการจึงเชิญพวกนางขึ้นไปชั้นบน"ทั้งสองท่านนั่งดื่มชากันก่อน มีคนชอบงานปักของพวกท่านมาก อยากจะเข้ามาพูดคุยกับพวกท่านด้วยตนเอง กำลังจะมาถึงแล้ว" ผู้จัดการร้านบอก"ไม่ใช่ฮูหยินอาวุโสเจี่ยหรือ?"หลานชายของฮูหยินอาวุโสเจี่ยเป็นท่านโหวคนหนึ่ง ฮูหยินเฉินสองวันก่อนทำความรู้จักไว้ เดิมทีคิดว่ามาที่นี่แล้วจะได้เจอกับฮูหยินอาวุโสเจี่ยเสียอีกเพราะก่อนหน้านี้สาวใช้คนหนึ่งบอกว่า วันนี้ฮูหยินอาวุโสจะมาที่ร้านงานปักด้วยตนเองตอนนี้ทำไมฟังแล้วเหมือนไม่ใช่เลย?ผู้จัดการก็ไม่พูดอะไรมาก ให้พวกนางรอ ส่วนตัวเองก็ถอยออกไปแล้วไม่นานนัก พวกของฮูหยินเฉินก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ด้านนอกมีคนพูดขึ้นว่า "พวกเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่""่ขอรับ"
"อะไรคือหาผู้ชายคนใหม่? เขาก็แค่ช่วยพวกเราแม่ลูกเท่านั้น" ฮูหยินเฉินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์"โอ๋? จริงหรือ? เจ้าไม่ได้ไปนอนบนเตียงต่งฮ่วนจือ เพื่อตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตหรือไรกัน?" อ๋องฉยงน้ำเสียงเย้ยหยัน เหมือนกำลังสงสัยในใจเฉินฮ่าวปิงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจพ่อของนางทำไมจึงพูดเช่นนี้?"ท่านพ่อ ระหว่างแม่ของข้ากับลุงต่งไม่มีอะไรกัน!" นางรีบช่วยอธิบายขึ้นมาคำหนึ่ง อตนนี้นางเจอพ่อนางแล้ว แล้วยังเป็นถึงอ๋องฉยง นางต้องขีดเส้นกับต่งฮ่วนจือให้ชัดเจน!"ถ้าไม่มีอะไรกันจริง คนเขาจะช่วยแม่ลูกอย่างพวกเจ้าขนาดนี้หรือ?""ท่านคิดจะพูดอะไรกันแน่?" ฮูหยินเฉินกุมมือเฉินฮ่าวปิงแน่น ไม่ให้นางพูดอะไรอีก นางจ้องเขม็งที่อ๋องฉยง รู้สึคว่าที่เขาจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมันประหลาดหน่อยๆถ้าหากอยากจะหาตัวพวกนางแม่ลูกจริงๆ ทำไมต้องใช้เวลานานขนาดนี้?"ของในมือเจ้า ส่งมาให้ข้า" อ๋องฉยงกดเสียงต่ำตอนนี้ฟู่จาวหนิงกำลังนั่งอยู่ในโรงสุราตรงข้ามร้านงานปัก เซียวหลันยวนเองก็อยู่ด้วย แค่ยังคงสวมหน้ากากอยู่ฟู่จาวหนิงเพิ่งเห็นอ๋องฉยงเข้าไปในร้านงานปัก เพียงแต่ว่าที่นี่มองไม่เห็นและไม่ได้ยินว่าพวกเขาทำอะไรแน่นอนนางมองเซียวหลันยว
"ถ้าเล็ดลอดออกไป พวกนางแม่ลูกน่าจะมีอันตรายถึงตัว นางยังถือว่าฉลาดอยู่" เซียวหลันยวนอันที่จริงในใจก็คาดเดาไว้บ้างแล้ว"แล้วตอนนั้นที่นางไปหาอ๋องฉยง เป็นเพราะจะยืมอำนาจของอ๋องฉยงหรือ?""ก็เป็นไปได้"และตอนนี้ที่ชั้นสองของร้านงานปักฝั่งตรงข้าม เฉินฮ่าวปิงกำลังถลึงตาอ้าปากค้างทุกคนพูดที่อ๋องฉยงพูดกับแม่นางฟังออกทั้งหมด แต่พอรวมเข้าด้วยกันทำไมนางถึงฟังไม่เข้าใจเลย?อะไรคือแคว้นเจาอยู่ต่อไม่ได้พวกเขาก็ยังหาทางอื่นได้?คิดจะกบฏต่อแคว้นหรือ?อะไรคือถ้าหากสามารถหาดินแดนผืนนั้นเจอ พวกเขาบางทีอาจจะเป็นอ๋องได้?เขาตอนนี้ไม่ใช่เป็นอ๋องอยู่แล้วหรือ? เขาไม่ใจว่ามีเมืองฉยงโจวอยู่แล้วหรือ? ยังคิดจะไปเป็นอ๋องที่ไหนอีก?อะไรคือตระกูลเฉินในครั้งนั้นติดต่อศัตรูเพื่อทรยศแคว้น?ฮูหยินเฉินตอนนี้สภาพดูไม่ดีเอาเลยหลายปีก่อนถูกพระชายาฮูหยินไล่สังหาร ตอนที่ชีวิตมีวิกฤตก็ไม่เคยคิดจะให้อ๋องฉยงช่วย เพราะรู้สึกว่าอ๋องฉยง่าจะรู้ความลับของนางเข้ามาแต่ความลับนั่นนางไม่อยากจะบอกอ๋องฉยงตอนแรกนางเคยคิดไว้แล้ว ดังนั้นจึงยอมตัวเองให้กับอ๋องฉยง แต่พออยู่กับเขาแล้ว นางพบว่าอ๋องฉยงยังไม่พอที่จะแบกเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้ เขายั
เฉินฮ่าวปิงบิดมือออกจากแขนของฮูหยินเฉินทันที"ท่านแม่ ข้าจะเข้าวังไปกับท่านพ่อ ถ้าท่านไม่ไป ข้าเข้าไปฟังองค์จักรพรรดิดูว่าเขาจะพูดอะไร กลับมาแล้วจะเล่าให้ท่านฟัง""ปิงเอ๋อร์! เจ้าห้ามไป!""ไป" อ๋องฉยงลุกขึ้นมา เดินนำไปก่อน เฉินฮ่าวปิงรีบตามขึ้นไป กลัวฮูหยินเฉินจะดึงเอาไว้ฮูหยินเฉินพอเห็นนางตามออกไปแล้ว ก็รีบร้อนตามขึ้นไป"ปิงเอ๋อร์ กลับมา!"พวกเขากว่าจะหลุดพ้นจากการไล่สังหารของพระชายาอ๋องฉยง ตอนนี้จะต้องกลับไปอยู่ในวังวนนั้นอีกแล้วหรือ? อ๋องฉยงคนนี้พึ่งพาไม่ได้!แต่ว่าเฉินฮ่าวปิงก็คิดแต่อยากจะให้ตนเองมีตัวตนฐานะดี นางไม่อยากเป็นลูกกำพร้าที่ไม่มีพ่อไม่มีชาติตระกูล แล้วทำได้แค่พึ่งพาการช่วยเหลือปกป้องจากต่งฮ่วนจือพ่อแท้ๆ ไม่ใช่ว่าดีกว่าคนอื่นหรือ?เป็นลูกสาวของอ๋อง ไม่ใช่ว่าดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านคนอื่นหรือ?"กลับไปแล้วก็เตือนแม่เจ้าหน่อย ว่าอย่าดื้อรั้นนัก" พอขึ้นรถม้า หลังจากที่รถม้าแล่นห่างออกจากร้านงานปัก อ๋องฉยงจึงพูดขึ้นมาคำหนึ่งกับเฉินฮ่าวปิงเฉินฮ่าวปิงพยักหน้านางถอนใจโล่ง ที่ท่านแม่ไม่ไล่ตามมา"ท่านพ่อ ข้าจะเตือนนางแน่ แต่ว่า ท่านทำไมถึงไม่ต้องการข้ากับท่านแม่ล่ะ?" เฉินฮ่าวปิงถ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ