ฮูหยินเฉิงไม่ทันไรก็คุยกันถูกคอกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนยังดูสนิทสนมกันมากด้วยตอนที่เฝิ่นซิงชงชาส่งเข้ามาก็เห็นว่าทั้งสองคนคุยกันอย่างเบิกบาน ยังคิดว่าพวกนางรู้จักกันมาหลายปีแล้วเสียอีก"องค์หญิงใหญ่เชิญดื่มชา"เฝิ่นซิงยกชามาไว้ตรงหน้าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น"ขอบคุณมาก" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นล้วงเม็ดทองก้อนหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ วางลงไปบนถาดของเฝิ่นซิง "เอาสิ่งนี้ไปซื้อเครื่องแป้งซะนะ"องค์หญิงใหญ่พอจะควักก็ควักทองให้เลยทีเดียวฮูหยินเฉิงเหลือบมองผาดหนึ่ง ก็ยิ้มลึกขึ้นไปอีก จากนั้นจึงเอ่ยกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นว่า "อาฝู ท่านรู้ไหมว่าสาวใช้คนนี้ชื่อเฝิ่นซิง เป็นสาวใช้ใหญ่ที่พระชายาอ๋องเจวี้ยนเอ็นดูมากที่สุด""อา เช่นนั้นหรือ?"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นตกตะลึง จ้องมองเฝิ่นซิง เอ่ยชมเสียงอ่อนนุ่มขึ้นมา"ดูแล้วสะอาดสะอ้านสง่าผ่าเผยดี ข้าชอบมาก มิน่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนถึงได้ให้ความสำคัญ"เฝิ่นซิงก้มหน้าต่ำ ย่อตัวคำนับเบาๆ"ขอบคุณรางวัลขององค์หญิงใหญ่ เฝิ่นซิงขอตัวก่อน"นางยกถาดออกไป ถอนหายใจโล่ง"องค์หญิงใหญ่ให้รางวัลเจ้าเรอะ?" จงเจี้ยนเหลือบมองเม็ดทองบนถาด"อืม" เ
องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นแหงนตาขึ้นอย่างยินดี สายตาเปล่งประกายขึ้นมาทันควัน ราวกับเด็กคนหนึ่งที่จู่ๆ ก็ได้รับลูกกวาดมาปฏิกิริยาเช่นนี้ทำให้ฮูหยินเฉิงพอใจขึ้นมา ทำให้นางรู้สึกว่า ตนเองแค่พูดคำเดียวก็ทำให้องค์หญิงใหญ่ดีจขึ้นมาได้ขนาดนี้ ใช้ได้อยู่นะนี่เองก็เป็นเพราะองค์หญิงใหญ่เคารพนาง"จริงหรือ? ข้าไปคนเดียวคงจะหวาดกลัวน่าดู แต่ถ้าติดตามไปกับท่านน้าเฉิงได้ ข้าก็ไม่ต้องกลัวแล้ว ปลดภัยด้วย ซ้ำยังไม่น่าเบื่ออีก""ได้แน่นอน เจ้าอารามเองก็ชอบองค์หญิงใหญ่มากนี่ เชื่อว่าพอเขาเห็นท่านคงจะดีใจมาก" ฮูหยินเฉิงเอ่ยขึ้น"ดีจริงๆ ท่านน้าเฉิง ท่านเดินทางเมื่อไรหรือ?""พรุ่งนี้เช้าก็ออกเดินทางแล้ว""อา เวลากระชั้นชิดดีจริงๆ ข้าต้องรีบกลับไปเตรียมตัวแล้ว" องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลุกพรวดขึ้นมา "ท่านน้าเฉิง เช่นนั้นก็ตามนี้ พรุ่งนี้เช้าข้าจะออกเดินทางไปพร้อมกับท่านน้า""ได้ ได้เลย"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นขอตัวทันที บอกว่าจะกลับไปเก็บของจนตอนที่นางออกไป ฮูหยินเฉิงจึงเพิ่งได้สติกลับมา ใจเย็นลงมาได้หน่อย จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาลวี่กั่วก่อนหน้านี้ไม่กล้าพูดมาตลอด นี่มันองค์หญิงใหญ่จากต้าชื่อเลยนะพอนางออกไ
ฮูหยินเฉิงเดิมทีคิดจะรอให้เซียวหลันยวนกลับมา แล้วหารือกับเขาเรื่องนี้การจะพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นไปด้วยกัน อันที่จิรงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ จะอย่างไรก็ต้องคุ้มกันความปลอดภัยขององค์หญิงใหญ่ด้วยกระมัง?จุดนี้อาศํยแค่นางคงไม่ไหว ยังต้องพึ่งเซียวหลันยวนด้วยแต่ว่านางรอจนถึงกลางดึก ง่วงก็ง่วง เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับ"ลวี่กั่ว ไปเรือนโยวหนิงถามดูหน่อย ว่าท่านอ๋องทำไมจึงยังไม่กลับมา? คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม?""ทราบแล้ว"ลวี่กั่วรีบถือตะเกียงเดินไปที่เรือนโยวหนิง พอเดินมาถึงประตูก็ถูกองครักษ์ลับขวางเอาไว้"ทำอะไรน่ะ?""ข้าคือลวี่กั่วคนข้างกายฮูหยินเฉิง ข้าจะมาถามว่า ท่านอ๋องหลับไปแล้วหรือยัง? ฮูหยินของเรามีเรื่องจะหารือกับท่านอ๋อง""ท่านอ๋องยังไม่กลับ กลับไปเถอะ" องครักษ์ลับเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์"แล้วท่านอ๋องไปไหนล่ะ?" ลวี่กั่วถามอีกองครักษ์ลับไม่ตอบ แค่เหลือบมองนางผาดหนึ่งเท่านั้น ไม่แสดงสีหน้าใดนี่เป็นเรื่องที่นางถามได้หรือ? ท่านอ๋องไปไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับนาง"ส่งจดหมายให้ท่านอ๋องหน่อยได้ไหม? เชิญท่านกลับมาหน่อย?""ไม่ได้ กลับไปซะ" องครักษ์ลับเอ่ยขึ้นหน้านิ่งอีกครั้งเป
"ทำไมจะไม่ล่ะเจ้าคะ?" ลวี่กั่วคาดเดาอย่างมั่นอกมั่นใจ "ฮูหยินท่านลองคิดดูสิ พรุ่งนี้จะเดินทางไปยอดเขาโยวชิงอยู่แล้ว ตามหลักการพวกเขาคืนนี้ไม่ควรจะพักที่จวนอ๋องหรอกหรือ? ของบางอย่างที่ยังจัดเก็บไม่เสร็จก็ต้องมาจัดการห้ามตกหล่น แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องรีบกลับมาอีกรอบด้วย"ลวี่กั่วเอ่ยต่อ "ยิ่งไปกว่านั้น ฮูหยินเองก็อยู่ที่จวนอ๋อง จะมองท่านเป็นครอบครัวอย่างไร ก็ไม่ควรทิ้งท่านให้แกร่วอยู่ที่นี่สิ? ไม่ใช่ควรจะกลับมาอยู่ด้วยกันหรือ? นี่ยังมีมารยาทเหลืออยู่ตรงไหนกัน? ดังนั้นจากที่ข้าเห็น เรื่องนี้พระชายาต้องจงใจแน่นอน"เดิมทีฮูหยินเฉิงก็ไม่ได้คิดมาด้านนี้เลย แต่ตอนนี้พอได้ยินลวี่กั่วพูดขึ้นมา นางก็ถูกกล่อมเข้าให้แล้ว เพราะฟังแล้วก็ดูมีเหตุผลอยู่"ช่างเถอะ พวกเขาเป็นสามีภรรยากัน สามีภรรยาต้องใกล้ชิดกันที่สุดอยู่แล้ว ข้าเองก็จะไปเพิ่มภาระให้อายวนตลอดไม่ได้ พวกเขาสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียวกันก็คือดีที่สุดแล้ว"ลวี่กั่วมองฮูหยินเฉิง พูดออกมาแบบนี้ แต่ฮูหยินคิดแบบนี้จริงหรือเปล่า? ในใจตอนนี้คงจะเจ็บปวดน่าดูกระมัง"ฮูหยิน แล้วพรุ่งนี้ที่จะพาองค์หญิงใหญ่ไปด้วยกัน ยังไม่มีโอกาสได้หารือกับท่านอ๋องเลยน
"คุณหนู ข้าทำไมเห็นคนที่มาดูไม่ค่อยจะถูกนักนะ?"เสี่ยวเยว่มองไปด้านหลัง เห็นคนมาไม่น้อยเลยรถม้าคันหนึ่ง แต่ด้านหลังมีคนขี่ม้ามาอีกหลายคนข้างกายฮูหยินเฉิงมีแค่องครักษ์กับสาวใช้อย่างละคนนี่"ดูท่านจะมีเรื่องไม่คาดคิดเสียแล้ว" ฟู่จาวหนิงเองก็เหลือบมองตามไปเมื่อคืนนี้นางให้เซียวหลันยวนกลับจวนอ๋อง แต่เขาบอกว่าไม่อยากกลับไป ขี้เกียจวิ่งไปวิ่งมา ยิ่งไปกว่านั้นการได้นอนในห้องนอนเก่าของนางก็มีความรู้สึกไปอีกแบบด้วยเมื่อคืนใต้ฝ่าพระบาทอ๋องเจวี้ยนก็เลยเอาแต่สำรวจห้องเก่าของนาง แล้วยังถามเรื่องในอดีตของนางไปไม่น้อย ขนาดที่ของสลักมือดูงุ่มง่ามซึ่งวางอยู่ในห้องนาง ก็ยังต้องถามถึงที่มาที่ไปถูกเขาสำรวจไป ก็ยังเจอเข้ากับกล่องใบหนึ่งที่ดูมีอายุหน่อยด้วย ด้านในสะสมของเล่นบางส่วน สะสมไว้ตั้งแต่ยังเล็กมากๆเซียวหลันยวนยังเจอกับแหวนโบราณวงหนึ่งในนั้นด้วยแหวนวงนี้ทำจากเงิน ดูจากขนาดเป็นของที่เด็กสวม ฟู่จาวหนิงค้นในความทรงจำอยู่นานสองนานก็ยังนึกไม่ออกว่าแหวนวงนี้มาจากไหน เซียวหลันยวนจึงเก็บมันไว้ไว้ตอนไหนที่นางนึกออกค่อยบอกเขาฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนที่เขาเห็นแหวนวงนี้สีหน้าดูประหลาดๆ หน่อย
พอเซียวหลันยวนสวมหน้ากากเสร็จ ฮูหยินเฉิงก็มาถึงตรงหน้าแล้วฮูหยินเฉิงเลิกม่านรถก็เห็นเซียวหลันยวน เดิมทีกังวลอยู่ตลอดว่าเขาไม่น่ารอตนเองแล้ว ตอนนี้พอมาเจอกันจึงถอนใจโล่งออกมาได้ในที่สุดนางกำลังจะพูด อยากจะอธิบายเรื่องที่ตนเองพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาด้วย แต่รถม้าพวกเขายังไม่ทันหยุดดู เซียวหลันยวนก็แล่นออกไปก่อนแล้ว"ท่านน้าเฉิงในเมื่อมาถึงแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ออกเดินทางเถอะ ถนนเส้นนี้ความเร็วการรุดหน้าจะไวหน่อย ไม่ได้หยุดพักเท่าไรนัก"สภาพอากาศเดือนสาม หลายพื้นที่อาจจะมีฝนตกถ้าเสียเวลาบนเส้นทางนี้มาก การเดินทางนี้ก็จะล่าช้ามากเกินไปเพราะฮูหยินเฉิง ทำให้เซียวหลันยวนไม่รู้สึกคาดหวังอะไรกับการเดินทางครั้งนี้ เขากระทั่งเหมือนกับฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าที่เจ้าอารามเรียกพวกเขาไปครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆดังนั้นตอนนี้เซียวหลันยวนจึงเท่ากับต้องรีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จสิ้น"ออกเดินทาง"เซียวหลันยวนกระโจนขึ้นหลังม้าออกคำสั่งรถม้าของพวกเขานำหน้า ด้านหลังยังมีเสี่ยวเยว่นั่งอยู่บนรถม้าที่ขนสัมภาระจนเต็ม และยังมีองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่ง ด้านหลังจึงจะเป็นรถม้าของฮูหยินเฉิงพอเป็นเช่นนี้ ระยะห่า
ไม่รู้เพราะอะไร ในใจองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึงได้รู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วรางๆ เสียที่ตนเองไปสานสัมพันธ์กับฮูหยินเฉิงด้วยตนเอง"ไม่เป็นไร..."อารมณ์ซับซ้อน ความคิดก็มากมาย แต่องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็ยังคงฝืนทนไว้ กดเสียงต่ำบอกมาว่าตนเองไม่เป็นไร แต่ก็ไม่มีอารมณ์จะหันไปปลอบฮูหยินเฉิงแล้วจริงๆ"ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร ทำไมต้องเร่งเดินทางขนาดนี้?"ฮูหยินเฉิงคิดจะเลิกม่านสอบถาม แต่ความเร็วของรถม้าก็เร็วมากจริงๆ สะเทือนจนนางไม่มีกิจิตกะใจจะไปทำแล้วเร่งเดินทางเช่นนี้ไปครึ่งวันพวกฮูหยินเฉิงตื่นแต่เช้า พอถึงตอนกลางวันก็หิวจนแทบทนไม่ไหว เดิมทีคิดว่าตอนกลางวันจะหยุดพักกินข้าวกัน ไม่คิดเลยว่าขบวนกลับไม่ยอมหยุดพัก แต่ยังเร่งระยะทางต่อไปอีกหนึ่งชั่วยามจนตอนที่หยุดลงมา ฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นก็หิวจนเนื้อตัวอ่อนแรงไปแล้วเดิมทีสามารถกินของว่างรองท้องในรถม้าได้ แต่เพราะความเร็วที่มากเกินไป รถโคลงเคลงหนักมาก พวกนางเองก็กินไม่ลง"รีบประคองข้าลงจากรถม้าไปหายใจหายคอหน่อย"ลวี่กั่วประคองฮูหยินเฉิงลงจากรถม้า สาวใช้วังเองก็ประคององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นลงมาด้วยเช่นกันทั้งสองคนถอนหายใจยาวองค์หญิงใหญ่ฝ
"ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอที่นี่ ต้องเตรียมของกินให้พวกเขาหน่อยสิ? ป่านนี้แล้ว คงหิวกันแย่"ฮูหยินเฉิงรู้สึกเป็นไปได้ที่ฟู่จาวหนิงจงใจดึงเซียวหลันยวนออกไป ไม่อยากให้เขามาเจอพวกนางด้วยเหตุนี้จึงพาเซียวหลันยวนไปปีนเนินเขา โดยไม่สนใจสุขภาพของเขา โคลงเคลงอยู่ตั้งนานสองนาน เขาไม่ควรพักผ่อนเสียหน่อยหรือ?"จุดไฟเตรียมกันแล้ว ฮูหยินเฉิงกับองค์หญิงใหญ่โปรดรอสักครู่" ชิงอีเอ่ยขึ้นองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกัดริมฝีปากล่าง ยังต้องให้สาวใช้วังประคองนางเดินห่างออกไปหน่อยเพื่อจัดแจงธุระส่วนตัวตอนที่กลับมานางก็มองไปทางเนินลาดนั้น แต่ก็ไม่เห็นแผ่นหลังเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาเดินไปถึงไหนแล้วนางกลับไม่รู้ ว่าพอพ้นเนินลาดนี้ไป เดินลงไปด้านหลังมีทิวทัศน์อันงดงามอยู่ภาพหนึ่งหญ้าสีเขียวเขียวขจีหนาแน่น ตรงกลางยังมีดอกไม้ป่าหลากสีสันแซมอยู่ ดอกไม้บานอ่อนช้อยดูอิสระเสรี เบ่งบานสะพรั่งเป็นผืนกว้างราวกับพรมดอกไม้สวยสดช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจริงๆด้านในผืนดอกไม้ป่านี้ยังมีบึงน้ำเล็กๆ อยู่อีก รอบบึงยังมีพุ่มดอกไม้ป่าที่สูงใหญ่กว่าขึ้นอยู่ พอแสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามา ที่นั่นจึงดูเหมือนกร
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ