ยังไม่ทันหย่า อ๋องเจวี้ยนก็ถือว่าเป็นหลานเขยของผู้เฒ่าฟู่แล้วหลานเขยคนนี้มาถึงประตูบ้านแต่ก็ไม่เข้าไป ราวกับไม่มองว่าตนเองเป็นคนในบ้านจริงๆรถม้าแล่นออกไประยะหนึ่ง อ๋องเจวี้ยนจู่ๆ ก็เคาะกำแพงรถชิงอีรีบดึงม้าเข้าข้างทาง ก็ได้ยินอ๋องเจวี้ยนถามว่า "ก่อนหน้านี้ข่าวที่พวกเขาส่งเข้ามา บอกว่าซือถูไป๋ไปที่หมู่บ้านทางตะวันออกใช่ไหม?"ในเมืองหลวงคนที่พิเศษบางส่วน คนของพวกเขาจะคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอยู่ตลอดเหมือนกับซือถูไป๋ ร่องรอยนั้นพวกเขารู้เหมือนอยู่ในกำมือเลย"ท่านอ๋อง ใช่แล้ว"อ๋องเจวี้ยนหัวเราะเย็นชา ไม่พูดอะไรดังนั้น ซือถูไป๋ไปหมู่บ้านทางนั้น ฟู่จาวหนิงก็เลยไปด้วยหรือ? บังเอิญขนาดนี้เชียว? เขาไม่เชื่อหรอกดังนั้นหญิงสาวคนนั้นที่ใจคิดแต่จะหย่าก็เพื่อไปหาอีกคนหรือ?เนินเขาแห่งหนึ่งที่ห่างจากเมืองหลวงราวสิบลี้มีเพิงน้ำชาอยู่แห่งหนึ่งด้านนอกเพิ่งน้ำชาตอนนี้มีรถม้าหลายคันจอดอยู่ มีองครักษ์เจ็ดแปดคนยืนล้อมเพิงน้ำชาในเพิงน้ำชามีคนนั่งอยู่ไม่น้อย ในนี้มีหญิงสาวอายุยี่สิบปีอยู่คนหนึ่ง อยู่ในชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนปักลายนกนางแอ่นเงิน สวมเกราะขนกระต่ายม่วงเข้ม รูปร่างสะโอดส
ซ่งอวิ๋นเหยาหัวเราะ"จดหมายที่เขียนกลับเมืองหลวงข้าก็แค่ส่งมาเผื่อๆ เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกลับมาเมืองหลวงแล้วจริงๆ""ที่แท้ท่านหญิงอวิ๋นเหยาก็เขียนจดหมายให้จวนอ๋องเจวี้ยน แล้วให้อ๋องเจวี้ยนออกมารับท่านหรือ?"ซ่งอวิ๋นเหยาพยักหน้า"ถ้างั้น ข้าไปดูท่านพ่อก่อนว่าจับชีพจรเสร็จแล้วหรือยัง" หลี่จื่อเหยาลุกขึ้นออกวิ่งทันที"ท่านหญิง แม่นางหลี่ทำไมถึงดูกลัวเสียขนาดนั้น?" สาวใช้เอ่ยกับซ่งอวิ๋นเหยาซ่งอวิ๋นเหยาเองก็เม้มปากยิ้มๆ"แม่นางหลี่เป็นคนตรงไปตรงมา หลันยวนกลับเมืองหลวง ถ้าเดี๋ยวนางเห็นหลันยวนเข้า อาจจะทำอะไรขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ก็ได้ แล้วหลันยวนเองก็นิสัยเย็นชาด้วย คงจะไม่ไว้หน้าแม่นางหลี่เป็นแน่ คงจะตำหนินางเอา"ความหมายคำพูดนี้ของนางก็คือ หลี่จื่อเหยาอาจจะเจอกับอ๋องเจวี้ยนแล้ว แล้วถูกความหล่อเหลาของเขาดึงดูดเอา ดังนั้นจึงอยากจะใกล้ชิดเขา แต่ด้วยนิสัยนั้นของอ๋องเจวี้ยนก็ไม่ยอมให้หญิงสาวคนไหนเข้าใกล้เลยดังนั้นเขาคงจะสั่งสอนหลี่จื่อเหยามาแล้วหลี่จื่อเหยาจึงกลัวอ๋องเจวี้ยนขึ้นมาหน่อยๆ กระมัง?สาวใช้อิ๋นหลิ่วพอได้ยินคำพูดนี้ก็เม้มปากหัวเราะขึ้นมา พูดกับซ่งอวิ๋นเหยาว่า "ดูท่
"ตอนข้าอยู่ที่ต้าชื่อเคยได้ยินชื่อเสียงของหมอเทวดาหลี่"ท่านเสิ่นน้ำเสียงราบเรียบ ไม่รู้เพราะอะไร หมอเทวดาหลี่พอได้ยินจึงรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา"ครั้งนี้มาเมืองหลวงแคว้นเจาเพื่อมาหาหมอเทวดาหลี่ กอดความหวังใหญ่เข้ามา อายุของข้าเองถึงแม้จะมากแล้ว แต่ก็ยังมีความปรารถนาที่ยังทำไม่สำเร็จอยู่บางส่วน ดังนั้นจึงยังรักชีวิตอยู่ ต้องรบกวนหมอเทวดาหลี่เสียแล้ว""มิกล้ามิกล้า""อื๋อ?""อา ความหมายของข้าคือ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่"เหงื่อบนหน้าผากหมอเทวดาหลี่ผุดขึ้นมาอีกครั้งเขารู้สึกว่าตนเองเวลาอยู่ต่อหน้าท่านเสิ่นคนนี้แล้วเหมือนคนโง่คนเขาบอกให้เขารักษาดีดี แล้วเขาตอบไปว่ามิกล้าได้อย่างไรกัน?"ท่านพ่อ"หลี่จื่อเหยาเดินเข้ามา มองๆ ท่านเสิ่น"พวกเรากลับเมืองหลวงก่อนได้ไหม?""ทำไมหรือ?""เหมือนว่าอีกครู่หนึ่งอ๋องเจวี้ยนจะเข้ามารับท่านหญิงอวิ๋นเหยาแล้ว" หลี่จื่อเยหาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วกับหมอเทวดาหลี่สีหน้าหมอเทวดาหลี่ขรึมลงมาทันที"เขาจะมาหรือ?""ใช่แล้ว"หลี่จื่อเหยาหลังถูกอ๋องเจวี้ยนลากไปเข้าคุกหลายวัน ตอนนี้จึงผวาต่ออ๋องเจวี้ยนมาก นางไม่ค่อยจะกล้าไปปรากฎต่อหน้าอ๋องเจวี้ยนแล้วเพราะน
"ใช่ไหมล่ะ? พระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้แม้อายุยังน้อย แต่วิชาแพทย์ก็ยอดเกิดใคร แล้วยังหยิ่งยโสอีกด้วย"หมอเทวดาหลี่ยิ้มๆ ลุกขึ้นยืน ใช้แขนเสื้อเช็ดๆ เหงื่อบนหน้าผาก "เช่นนั้น ท่านเสิ่น พวกเรากลับเมืองหลวงกันก่อนเถิด กลับถึงเมืองหลวงแล้วจะจ่ายยาบำรุงให้ท่านเสิ่นเสียก่อน ท่านมายังเมืองหลวงแคว้นเจาของพวกเราครั้งแรก ต้องหลีกเลี่ยงจากเรื่องการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมไม่ได้""โอ้ เช่นนั้นก็ขอบคุณหมอเทวดาหลี่มาก"ท่านเสิ่นพยักหน้เขาเห็นพ่อลูกหมอเทวดาหลี่ออกจากเพิงน้ำชา รีบร้อนจากไปองครักษ์คนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาเดินเข้ามา เอ่ยเสียงต่ำ "นายท่าน หมอเทวดาหลี่คนนี้ดูแล้วกลัวอ๋องเจวี้ยนเหลือเกิน""อืม แต่ก็แค่นั้นล่ะ"ท่านเสิ่นถอนหายใจพอฟังน้ำเสียงของเขาแล้วก็ผิดหวังเสียจริงเดิมทีได้ยินชื่อเสียงของหมอเทวดาหลี่ เขายังคิดว่าเป็นหมอเทวดาจริงๆ ผลลัพธ์คืออีกฝ่ายจับชีพจรเขาถึงสองครั้ง แต่กลับพูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำ เอาแต่แก้ตัวเขาจะมองไม่เห็นถึงความกลวงของหมอเทวดาหลี่เลยหรือ?ไม่ได้มีฝีมือเอาเสียเลย นี่ยังเรียกว่าหมอเทวดาได้หรือ?โรงหมอเมตตานี้นับวันยิ่งไม่ได้เรื่อง ป้ายม่วงอาชีพแพทย์ตอนน
ซ่งหยวนหลินลงจากม้า วิ่งมาด้านหน้าซ่งอวิ๋นเหยา กอดนางอย่างตื่นเต้น"ท่านพี่อวิ๋นเหยากลับมาแล้ว!""ทำไมพูดเสียเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เลย?" ซ่งอวิ๋นเหยาประคองนางให้ยืนมั่นคง "แล้วทำไมเจ้าถึงยังกระโตกกระตากแบบนี้อยู่อีก?""ใช่เสียที่ไหนกัน?" ซ่งหยวนหลินอดกลั้นมานานแล้ว นางรออยู่ว่าเมื่อไรท่านพี่จะกลับมาล้างอายให้นางเสียทีเพราะนางรำคาญฟู่จาวหนิงอยู่ตลอดเวลา!นางทำอะไรฟู่จาวหนิงไม่ได้ เพราะอ๋องเจวี้ยนคอยปกป้องฟู่จาวหนิงอยู่!แต่ว่าตอนนี้ท่านพี่กลับมาก็แตกต่างออกไปแล้ว อ๋องเจวี้ยนจะต้องมาปกป้องพี่สาวนางแล้วกระมัง? นางเองก็อยากจะเห็น ว่าอ๋องเจวี้ยนจะปกป้องใครกันแน่!ถ้าหากอ๋องเจวี้ยนยืนอยู่ข้างพี่สาวนางทางนี้ ถ้าฟู่จาวหนิงมาเห็น ไม่รู้ว่าฟู่จาวหนิงจะเสียใจจนร้องไห้ไหม?พอจินตนาการถึงภาพนี้ ซ่งหยวนหลินก็รู้สึกทนรอไม่ไหวแล้วขึ้นมา"เดิมทีก็มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นจริงๆ! ท่านพี่ไม่รู้สินะ ว่าพี่หลันยวนทรยศหักหลังท่านเสียแล้ว!"หลังจากซ่งหยวนหลินโพล่งคำนี้ออกมา หางตาก็เหลือบมองไปเห็นท่านเสิ่นที่นั่งอยู่มุมหนึงของเพิงน้ำชา จึงรีบปิดปากขึ้นมา ใช้สายตาสอบถามซ่งอวิ๋นเหยาท่านพี่ นี่คือคนป่วยคนนั
ม่านรถเลิกออก อ๋องเจวี้ยนลงจากรถม้าซ่งอวิ๋นเหยามองชายหนุ่มตรงหน้า เขาสูงกว่าหลายปีก่อนหน้ามากเลย ตอนนี้นางต้องเงยหน้ามองเขาแล้วบนหน้าเขาสวมหน้ากากเงินไว้ ปิดบังหน้าผากจนถึงจมูก แต่เผยริมฝีปากกับคางของเขาออกมา เส้นโครงเองก็งดงามพอเทียบกับหลายปีก่อนหน้า ตอนนี้ก็กลายเป็นชายหนุ่มที่เติบโตสมบูรณ์แบบแล้วครั้งที่แล้วตอนที่นางเห็นเขา เขายังเป็นแค่เด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มร่างบาง ดูแล้วอ่อนแอกระเสาะกระแสะดังนั้นในสมองซ่งอวิ๋นเหยาจึงหยุดไว้ที่ความทรงจำนั้นมาตลอดครั้งนี้พบกับองค์รัชทายาทต้าชื่อ นางถึงถูกชายร่างสูงใหญ่เช่นนั้นดึงดูดไปแต่ตอนนี้พอมาเห็นอ๋องเจวี้ยนที่หล่อเหลาสูงชะลูด จู่ๆ นางก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ทำไมถึงไม่คิดนะว่าอ๋องเจวี้ยนเองก็จะเติบโตขึ้นด้วย?นางเอาแต่จดจำเขาที่เป็นชายหนุ่มร่างผอมบางอ่อนแอไว้ตลอด ในใจไม่ได้ลุ่มหลงอะไรนัก เพียงแต่ตัวตนฐานะของอ๋องเจวี้ยน จึงเสียดายที่จะปล่อยไปตอนที่พบกับองค์รัชทายาทต้าชื่อนางถึงอ่อนไหวขึ้นมาถ้านางเห็นอ๋องเจวี้ยนเช่นนี้ก่อน นางไม่มีทางอ่อนไหวกับองค์รัชทายาทต้าชื่อแน่ ถึงอย่างไรถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ นางก็คิดจะอยู่ในแคว้นเจา จะไม่ออกเรือนไ
แต่ว่าก็เข้าใจได้ ผู้ชายปกติก็คงจะสนใจกันนั่นล่ะท่านเสิ่นอาจะเพื่อเลี่ยงความระแวง ดันั้นตลอดทางจึงทำตัวห่างเหินกับนางกระมัง?"อื๋อ?"เซียวหลันยวนอันที่จริงก็ไม่เข้าในความหมายของนาง เขาคิดมากเรื่องอะไรกัน?"ข้าจะพูดกับเขาสักคำสองคำ มีปัญหาอะไรหรือ?"ยังไม่วางใจหรือ? ทำไมถึงต้องพูดกับเขาอีกคำสองคำ?ซ่งอวิ๋นเหยาในใจรู้สึกหวานชื่นขึ้นหน่อยๆ เซียวหลันยวนจะต้องหึงแน่ๆ จึงจะไปพูดคุยกับท่านเสิ่นเสียหน่อยไม่เจอกันหลายปี เซียวหลันยวนเห็นว่าหน้าของนางตอนนี้มีสีท้อขึ้นมาใช่ไหม ดังนั้นในใจเขาตอนนี้ก็เต้นโครมครามขึ้นเหมือนกันหรือ?พอเห็นผู้ชายของนางไม่ได้มีท่าทีไม่ชอบนาง ยิ่งไปกว่านั้นอ๋องเจวี้ยนยังถูกคนมากมายพูดตั้งแต่เด็กว่าเป็นคนที่ฟ้าส่งมาคู่กับนางอีกล่ะ?ไม่แน่ว่าในใจของเขาอาาจจะมองนางเป็นพระชายาของตนเองไว้นานแล้วก็ได้"ท่านไปเถิด ข้าไม่มีปัญหาอะไร"ซ่งอวิ๋นเหยาส่ายหัวพอเซียวหลันยวนเดินไปหาท่านเสิ่น ซ่งอวิ๋นเหยาก็รีบดึงซ่งหยวนหลินมาอยู่ข้างๆ"หลันยวนออกจากยอดเขาโยวชิงกลับเมืองหลวงนานเท่าไรแล้ว?""เกือบสองเดือน"ซ่งหยวนหลินมองพี่สาวมึนงงเช่นนี้ ท่นาพี่อวิ๋นเหยาไม่ได้รับจดหมายจา
แต่ว่าหลังจากราชวงศ์ต้าชื่อผ่านมาหลายสมัย ก็ไม่ค่อยอยากจะให้คนรู้สึกว่าเป็นคุณงามความดีของตระกูลเสิ่น อาจจะเพราะรู้สึกว่าราชวงศ์ไม่มีหน้ามีตาเสียแล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยจะเอ่ยถึงตระกูลเสิ่นเท่าไรเหล่าลูกหลานตระกูลเสิ่นที่อยู่ในราชสำนักก็ล้วนลอบถูกกดดัน ถูกละเลยคนของตระกูลเสิ่นตอนแรกยังไม่รู้สึก ยี่สิบกว่าปีก่อน กุ่ยไฉเสิ่นเสวียนแห่งตระกูลเสิ่นมีชื่อเสียงขึ้นมาจากอุปกรณ์การทำนายปรากฎการณ์ฟ้าดินชุดหนึ่ง จึงถูกอวยยศเป็นกุ่ยไฉเดิมทีที่เขาสร้างอุปกรณ์นี้ขึ้น ก็ควรจะถูกอวยยศโหวแล้ว แต่ในราชวงศ์ไม่ว่าจะที่ใดก็ไม่มีการเชิญเลย ต่อมาเสิ่นเสวียนก็เจอเข้ากับเรื่องไม่คาดคิดอีกหลายต่อหลายครั้ง บางครั้งก็ไปเดินอยู่ริมปากเหวความเป็นความตายอีกด้วยเขาก็น่าจะเพิ่งได้สติฉุกคิดได้ จึงเริ่มให้คนในตระกูลลดความเฉิดฉายลง ค่อยๆ แฝงกายเร้นโลกขึ้นมาและโลกก็ค่อยๆ ไม่เอ่ยถึงตระกูลเสิ่นอีก ต้าชื่อเองก็ดันเอาข้าราชการแม่ทัพเลื่องชื่อหรือจอหงวนออกมาอีกหลายคน แล้วยังกินแคว้นเล็กสองแคว้นที่อยู่รอบๆ เข้ามาด้วย ชื่อเสียงบารมีขจรขจาร พลังแห่งแคว้นก็ยกขึ้นมาอีกระดับ และก็ยิ่งไม่มีใครพูดถึงตระกูลเสิ่นอีกผ่านไปยี่สิ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ