"ขาดวัตถุดิบยาน่ะ ถ้ามีวัตถุดิบยาก็สกัดออกมาได้ เป็นเหมือนกับยาไล่งูเลย มีวัตถุดิบยาบางอย่างสามารถทำให้พวกยุงงูแมลงรังเกียจได้อยู่"ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องไม่น่าเชื่ออะไรโดยเฉพาะหลังจากที่ช่วยลูกพี่ที่อยู่ในโลกวิชาแพทย์สองคนนั้นในอดีต นางก็ยังแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอยู่ไม่น้อย พวกเขาเองก็สอนนางมาไม่น้อยเหมือนกันฟู่จาวหนิงตอนนั้นก็เคยค้นคว้ามาแล้วแต่เพราะในวันปกติก็แทบจะสัมผัสไม่ถึงคนป่วยกลุ่มนี้เลย นางเองจึงไม่ได้ตั้งอกตั้งใจสกัดยาในด้านนี้ต่อนางถึงกับเอายาที่รับมือกับแมลงกู่ไปเทียบกับยาไล่งูเนี่ยนะ?เซียวหลันยวนได้ยินก็อดขำไม่ได้"เจ้าไม่ใช่คนของพันธมิตรโอสถใต้หล้าหรอกหรือ? ลองไม่พึ่งผู้อาวุโสจี้แล้วไปออกรวบรวมวัตถุดิบยาที่ต้องการมาสร้างถุงยาดู"เขาเองไม่ได้กังวลเท่าไรเลย แต่กลับกังวลนางอยู่หน่อยๆ"ไว้ข้าจะไปถามท่านอาจารย์ดู" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า"ผู้อาวุโสฮู่ทางนี้""ช่วยออกมาได้แล้ว แม้จะค่อนข้างยุ่งยาก แต่ก็ช่วยไว้ได้แล้ว""ระหว่างทางที่ผู้อาวุโสฮู่กลับมาก็มอบคำสั่งเสียไว้ไม่น้อยเลย มองออกว่าเขารู้สึกว่าตนเองช่วยไว้ไม่ได้แล้วจริงๆ คงจะรอดได้ไม่กี่วัน" เซียว
ฟู่จาวหนิงมองเขานิ่ง "คนอื่นตรงนี้ของข้ารวมไปถึงพ่อของข้าด้วย"ถ้าฟู่จิ้นเชินสามารถไม่ถูกพัวพันได้ ท่านปู่จะต้องดีใจอย่างมากแน่ เขาหลายปีมานี้ เขาหลายปีมานี้ร่างกายก็ไม่ดีมาตลอดจิตใจก็ย่ำแย่อีกลูกชายที่แต่ก่อนชุบเลี้ยงไว้อย่างดี เพียงพริบตากลายเป็นคนร้ายประกาศจับ หายสาบสูญไปพร้อมกับลูกสะใภ้หลายปี เป็นหรือตายก็ยังไม่รู้ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นผลกระทบที่ยิ่งใหญ่มหาศาลของเขาแน่"อืม ข้ารู้ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปแจ้งกับจวนทางการ ให้เพิกถอนประกาศจับฟู่จิ้นเชินเสีย"สิบกว่าปีมานี้ จวนทางการในที่ต่างๆ ล้วนกำลังไล่จับสามีภรรยาตระกูลฟู่อยู่ ทุกปีล้วนทำการปรับประกาศจับพวกเขาให้เป็นปัจจุบันอยู่ตลอด ดังนั้น ฟู่จิ้นเชินกับฟู่หลินซื่อต่อให้ยังมีชีวิตอยู่ ก็น่าจะไปหลบไปซ่อนมาหลายที่การเพิกถอนประกาศจับต่อตัวเขามันหมายถึงอะไร เซียวหลันยวนไม่มีทางไม่รู้ฟู่จาวหนิงเดิมทีอยากจะบอกว่ารอให้หาพวกเขาพบก่อน รอจนตรวจสอบความจริงกระจา่ง คิดไม่ถึงว่าเซียวหลันยวนตอนนี้จะรับปากว่าไม่ไล่จับฟู่จิ้นเชินอีกแล้ว!นี่เท่ากับบอกว่า ฟู่จิ้นเชินไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกแล้ว มาเดินใต้ดวงตะวันได้แล้วฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวน
ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้ไม่ได้ถามเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตมากนักตอนนี้พอได้ยินเซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นมา นางถึงพบว่าฟู่หลินซื่อในอดีตน่าจะเคยเคยพยายามแก้ต่างให้ตนเองแล้ว"ท่านตอนนั้นไม่ใช่ว่ายังเป็นทารกอยู่หรือ? มีคนป้อนน้ำแกงโสมให้ท่านแล้วหรือ?""อืม ดังนั้นคำพูดของฟู่หลินซื่อตอนนั้นก็คือ นางได้กลิ่นโสมกลิ่นหนึ่ง จึงเดินตามกลิ่นไปที่ข้างเตียงข้า จากนั้นจึงพบว่าข้างๆ มีชามวางอยู่ใบหนึ่ง พอนางยกชามขึ้นก็มีคนเดินเข้ามาแล้ว""สภาพในตอนนั้นคือเช่นนี้หรือ?""ถูกต้อง""แล้วไม่มีคนเชื่อนางหรือ?""ผ้าเช็ดหน้าพกติดตัวของฟู่หลินซื่อเองก็มีกลิ่นโสมนั้นด้วย ตอนนั้นมีคนตรวจสอบเรียบร้อย ผ้าเช็ดหน้านั้นเคยหอโสมมาก่อน และผ้าเช็ดหน้านี้ก็อยู่บนตัวนางมาตลอด ตัวนางเองก็บอกว่าไม่เคยทำหล่นมาก่อน ดังนั้นตนเองก็พูดได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน"เซียวหลันยวนชะงักไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อว่า "แล้วก็ นางตอนนั้นถูกหมอหลวงมองมองออกว่าสติสัมปชัญญะดูไม่ครบถ้วนนัก สิ่งที่ตนเองพูดจาก็เลอะเทอะ จดจำได้ไม่ค่อยชัดเจน กระทั่งยังเกิดความคิดที่จะบีบคอข้าอีกด้วย"ซู๊ดตอนนั้นเขายังเป็นแค่ทารก ฟู่หลินซื่อคิดจะบีบคอเขา?"สิ่งเหล่านี้คนมาก
แต่ถ้าหากนั่งรถม้า ไปกันช้าหน่อย ก็น่าจะประมาณครึ่งเดือน"แล้วสิ่งยืนยันอีกสองชิ้นที่เหลือ อาจจะต้องไปถึงเขาอวี้ซานก่อนถึงจะรู้บทบาทของมัน" ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว "แต่ในเมื่อโสมพิษยังอยู่ที่นี่ ความลับที่เขาอวี้เหิงจะเกี่ยวข้องกับความจริงที่ท่านติดพิษในครั้งนั้นหรือเปล่า?"ถ้าหากเป็นเช่นนี้ นางเองก็จะไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตอนนี้เรื่องในตระกูลฟู่ก็คือเรื่องของนางแล้ว"เขาอวี้เหิงแน่นอนว่าต้องไปเสียรอบหนึ่ง" เซียวหลันยวนเหลือบมองม้วนหนังแกะอีกหลายครั้ง ดันไปไว้ด้านหน้านาง "เจ้าเก็บไว้เสีย"ฟู่จาวหนิงรู้สึกเกินคาดหน่อยๆ แล้วก่อนหน้านี้ที่สิ่งยืนยันสามชิ้นยังรวบรวมไม่ครบ นำมาเก็บไว้กับนางก็ยังพอทำเนา ตอนนี้สิ่งยืนยันทั้งสามชิ้นรวบรวมครบแล้ว ทำไมถึงยังมาวางไว้ที่นางทางนี้อีกล่ะ?"ตอนนี้ของอยู่กับข้า สถานที่ท่านก็บอกข้าแล้ว ไม่กล้วว่าข้าจะไปค้นหาก่อนหรอกหรือ?"เซียวหลันยวนโน้มตัวเล็กน้อยเข้าหานาง"เจ้าจะไปคนเดียวหรือ?"เขาถามอย่างตั้งใจฟู่จาวหนิงเม้มปาก "ไม่หรอก"เซียวหลันยวนนั่งกลับไป หัวเราะขึ้นมา "ข้ารู้สึกว่าเจ้าเชื่อใจได้""แต่ว่าที่นี่ก็เป็นถึงจวนอ๋องเจวี้ยนจะไม่มีที่เก็บขอ
วันต่อมา ข่าวเรื่องที่อ๋องเจวี้ยนได้รับสิ่งยืนยันครบสามชิ้นแล้วก็ถูกส่งออกมาฮู่เจียไท่หลังจากได้ข่าวก็ตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี ไปหาแม่นางเจี๋ยที่กำลังแก้พิษอยู่ในห้อง"ทำอย่างไรดี? อ๋องเจวี้ยนได้สิ่งยืนยันไปแล้ว นั่นไม่ใช่บอกว่าท่านพ่อยังไม่ตายหรอกหรือ? แล้วเขาจะรู้ไหมว่าพวกเราวางยาพิษ?""ท่าน พิษน่ะข้าเป็นคนวาง ไม่ใช่ท่านเสียหน่อย ถ้าหากถูกตรวจสอบออกมาจริงๆ ท่านก็ผลักมาให้ข้าก็พอแล้ว"คำพูดแม่นางเจี๋ยทำให้ฮู่เจียไท่ค่อนข้างซาบซึ้ง"แม่นางเจี๋ย ถ้าไม่ได้แต่งเจ้าเข้ามา ข้าคงได้เป็นคนโง่ที่เอาแต่ฟังคำพูดของท่านพ่ออยู่ตลอดเวลา เขาพูดอะไรข้าก็ทำสิ่งนั้น พอถึงเวลาบ้านตระกูลฮู่ก็ไม่ได้ตกมาอยู่ในกำมือข้า ข้าก็เท่ากับทำงานให้กับพวกรุ่นหลังอย่างโง่เขลาเท่านั้น"แม่นางเจี๋ยเม้มปากยิ้ม"แล้วเจ้าคิดว่าชีวิตนี้ข้ายังจะมีความหมายอะไร? เจ้าพูดถูกต้อง ข้าต้องคิดเพื่อตนเอง ตระกูลฮู่เดิมทีก็ควรเป็นของข้า แต่ข้าจะไม่ผลักไสเจ้าออกไปหรอก เจ้าคือภรรยาผู้ชาญฉลาดของข้า แล้วข้างกายข้าจะไม่มีเจ้าได้อย่างไร?""แต่พิษที่ข้าติดนี่ก็ทำเอาน่ารำคาญเสียจริง และไม่รู้ว่าตอนไหนถึงจะถอนออกไปได้""เมืองหลวงไม่ใช่ม
"ออกไปดูอีกหน่อย ว่ามีใครมีสีหน้าผิดปกติบ้าง""ได้"ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบร้อนวิ่งอยู่บนถนน มีคนผู้หนึ่งเดินออกมา พอเห็นเขาดวงตาก็เป็นประกาย ยกมือเรียกเขาไว้"พี่สาม!"ชายหนุ่มพอเห็นเขา ก็สั่นระริกขึ้นมาทันที รีบร้อนตรงไปดึงเขาแล้ววิ่งไปด้วยกัน"ไม่สิ พี่สาม นี่ท่านจะทำอะไร?""เสี่ยวโม่ เจ้าหนีไปไหนมากันแน่? ไม่เจอเจ้าตั้งนานขนาดนี้เลย!"ตอนนี้จู่ๆ ก็โผล่ออกมา"ข้าออกไปกินของอร่อยที่ชายเมืองมา ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกดึงไปเป็นคนคุ้มครองเรือนด้วย เลยไปลองทำดูเผื่อจะสนุก พี่สาม ข้าเพิ่งจะได้งานคนคุ้มครองเรือนนะ ท่านไม่รู้สินะ ข้าใช้เงินหมดแล้ว นี่คนอื่นเก็บข้าเอาไว้ด้วยเถอะ""เรื่องของท่านปู่เจ้าไม่รู้เลยหรือ?""เรื่องอะไรของท่านปู่? หาข้าไม่เจอแล้วคิดจะหักข้าทิ้งหรือเปล่า? เขาบอกว่าข้าประสบการณ์น้อยเกินไป นี่ข้าก็ไม่ใช่ว่าหาประสบการณ์เพิ่มอยู่หรอกหรือ? ข้ารู้ว่าพวกท่านมาแล้ว แต่ว่าหลายวันก่อนนี้ไม่ว่างออกมา วันนี้ข้า""เอาไว้ก่อน รีบเดินเถอะ! ข้าจะพาเจ้าไปที่หนึ่ง!"คนหนุ่มดึงตัวฮู่โม่รีบวิ่งออกไปฮู่โม่มองสภาพเขา ในใจก็ขรึมลง และไม่พูดอะไรอีก วิ่งตามไปด้วยกันเพียงแต่กว่าเขาจะรู้
นี่คือจะให้ฮู่โม่เข้าไปเองสินะ?ฮู่โม่นั่นอาจจะไม่รู้อะไรเลย ฮู่จิ้งเองก็ไม่รู้ว่าท่านปู่จะรู้ไหมว่าใครที่ทำร้ายเขา! ต่อให้รู้ ท่านปู่ก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรกันแน่อยู่ดีฮู่โม่มองฮู่เจียไท่ จากนั้นก็มองไปที่ฮู่จิ้ง แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็รู้สึกอย่างประหลาดว่าตนเองถ้าตอนนี้เข้าไป พี่สามน่าจะเป็นอันตรายเพราะสายตาที่พี่สามมองเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยการอ้อนวอน"ท่านลุง ข้ากับพี่สามเข้าไปด้วยกันดีกว่า ถ้าหากพวกเราะจพาท่านพ่อกลับไป มีคนช่วยเหลือก็จะดีหน่อย ข้าคนเดียวน่าจะไม่ไหว"ฮู่โม่หลังจากพูดประโยคนี้จบก็ดึงฮู่จิ้งแฉลบผ่านข้างตัวฮู่เจียไท่ไปอย่างรวดเร็วฮู่เจียไท่ยื่นมือคว้า แต่ก็แตะได้เพียงแขนเสื้อฮู่จิ้ง ดึงตัวไว้ไม่ทัน ความเร็วของเขาห่างจากฮู่โม่อยู่เล็กน้อยและในชั่วพริบตานี้ ฮู่โม่ก็พาฮู่จิ้งแฉลบไปที่ประตูจวนอ๋องเจวี้ยนแล้วผู้นำตระกูลฮู่สาเหตุที่ค่อนข้างลำเอียงไปทางฮู่โม่ คิดจะส่งบ้านตระกูลฮู่ให้กับเขา ก็เพราะฮู่โม่เรียนวิทยายุทธ์ได้ยอดเยี่ยม ทั้งตระกูลฮู่ ตอนนี้เขามีวรยุทธ์สูงที่สุด ไม่มีคนสามารถเทียบเขาได้"เสี่ยวโม่! เจ้ากลับมาแล้ว! พวกเร
เสี่ยวโม่คนนี้ คือหนึ่งในคนคุ้มครองเรือนใหม่ที่เศรษฐีฟางพามาให้นาง แต่ว่าพอเข้ามาในตระกูลฟู่แล้วก็ไม่ค่อยได้ไปทำความเข้าใจเท่าไรนักตอนนี้เขากลับปรากฎตัวขึ้นในกลุ่มคนตระกูลฮู่ ตัวตนฐานะของเขาคือ?"เสี่ยวโม่ เจ้ารู้จักพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?"ฮู่จิ้งเองก็ตะลึงไปเช่นกัน"เสี่ยวโม่? เรียกกันสนิทสนมขนาดนี้เชียว" เซียวหลันยวนเดินเข้ามา พอเห็นฟู่จาวหนิง ก็มองเห็นฮู่โม่ด้วยฮู่โม่ทำได้แค่ยิ้มแห้ง "เรื่องนั้น ข้าอธิบายได้นะ ตอนที่ข้ามาถึงเมืองหลวงพักหนึ่ง แต่พอเงินใช้หมด ก็อยากจะหางานมาเลี้ยงตนเองเสียหน่อย จากนั้นก็มาพบกับผู้เฒ่าฟาง ผู้เฒ่าฟางเองก็เป็นคนมีไมตรีมาก พอเห็นข้าวรยุทธ์ไม่เลว ก็หางานมาให้ข้างานหนึ่ง""ดังนั้น เจ้าจึงกลายมาเป็นคนคุ้มครองเรือนของบ้านข้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเหมือนกัน นางก่อนหน้านี้ยังพูดว่าเชื่อมั่นในสายตาของเศรษฐีฟางอยู่เลย ตอนนี้กลับปล่อยไก่เช่นนี้มาเสียแล้วแต่ว่า คนคุ้มครองเรือนเหล่านั้นของตระกูลฟู่ ปกตินางเดิมทีก็กำลังสังเกตอยู่ระยะหนึ่ง ให้พวกเฉินซานคอยจับตาเอาไว้ หากมีปัญหาขึ้นมาก็ให้ไล่ออกไป"เช่นนั้นข้าแนะนำตัวเองอีกครั้งดีไหม? ข้
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ