คนเหล่านี้น่าจะไม่ใช่คนแคว้นเจา!พวกเขาเองก็ไม่รู้วางแผนไว้นานแค่ไหนแล้ว ถึงได้มีคนตั้งมากมายแทรกซึมเข้าไปยังตำแหน่งต่างๆ ในเมืองหลวงของแคว้นเจาได้อย่างเงียบเชียบแบบนี้!ผู้บัญชาการกองธงมู่พ่นลม ฟังแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด"แล้วพวกเจ้าล่ะ?"ชายกลุางคนหนึ่งในนั้นที่ดูแล้วมีการศึกษาหน่อยก็ถอนหายใจออกมา มีท่าทางไม่ค่อยยินยอมขึ้นด้วยเช่นกัน"ข้าถูกเปิดโปงอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมด้วย! ทั้งหมดเพราะฟู่จาวหนิงคนนั้น!"เฮ่อเหลียนเฟยเงี่ยหูฟังคำพูดของพวกเขา เหมือนจะพูดถึงพี่หญิงหรือเปล่า?"และเพราะก่อนหน้านี้ฟู่จาวหนิงมาซื้อยาที่ร้านยาของพวกข้า ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้คิดมาก แค่รู้สึกว่าร้านยามากมายทั่วทั้งเมืองกำลังหัวเราะเยาะเรื่องที่นางไปขุดผักป่าแล้วคิดว่าเป็นยาสมุนไพรเอามาขาย รู้สึกว่าข้าก็ควรจะทำเหมือนคนอื่นๆ หัวเราะเยาะนางไปรอบหนึ่ง"คนชุดดำข้างๆ ก็หัวเราะเสียงเย็นชา"เหมือนเจ้าไม่ได้แค่หัวเราะเยาะนางนะ แต่เจ้ามันบ้ากาม ตอนนั้นพอเจ้าเห็นฟู่จาวหนิงสวยเป็นพิเศษ แล้วยังคิดจะยื่นมือไปลูบนางอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกนางว่าถ้านางมาอยู่ด้วยไม่กี่วัน ผู้เฒ่าฟู่ต้องการยาอะไร เจ้าจะประเคนช่วยให้หมด"คนร่
วิธีการของอ๋องเจวี้ยนเวลานี้ คือการบีบให้พวกเขาต้องล้มเลิกความพยายามในช่วงหลายปีนี้ แล้วถอนตัวออกไปจากเมืองหลวงและเพราะอ๋องเจวี้ยนน่ากลัวเกินไป จับจ้องคนเพียงคนเดียว ก็ยังสาวไส้พวกเขาออกมาเป็นพรวนได้!นี่อันตรายเกินไป ทำเอาพวกเขาตอนนี้ไม่กล้าจะเสี่ยงอยู่ต่อแล้วในมืออ๋องเจวี้ยนมีองครักษ์เงามังกร และพลานุภาพก็ยังยิ่งใหญ่มากอย่างเช่นฮวาเหนียง เดิมทีคิดว่าตนเองออกเรือนกับหัวหน้าที่คอยดูแลเจ้าหน้าที่ฝ่ายหุงหาอาหารในค่ายตงต้าเหล่านั้น นี่เป็นงานที่ไม่เลวเลย และไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะไต่เต้าขึ้นไปถึง เขาจะต้องมีเบื้องหลังจึงสามารถเข้าไปในค่ายได้ แล้วหัวหน้าคนนั้นก็ทำได้ดีในค่ายตงต้าอีกด้วยแต่ว่าอ๋องเจวี้ยนก็ยังกล้าไม่สนใจ จัดการส่งองครักษ์เงามังกรเข้าไปจับคนในค่ายตงต้าเลยหัวหน้าในค่ายตงต้าคนนั้นก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนดังนั้นพวกเขาจะทำอะไรได้?คนเหล่านี้ถ้าตกไปอยู่ในมืออ๋องเจวี้ยน เกรงว่าคงถูกไต่สวนอะไรออกมาแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบถอนตัวกันก่อนพอได้ยินผู้บัญชาการกองธงมู่พูดเช่นนี้ คนเหล่านี้ก็ไม่กล้ามีความเห็น รีบกระชับเสื้อผ้าหมุนตัวตามพวกองครักษ์ชุดขาวเหล่านั้นออกไป"พี่มู่
ถึงอย่างไรอีกเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว คนตายนั้นพูดไม่ได้"อ๋องเจวี้ยนถ้าหากอยู่ในเมืองหลวง ข้าก็ยังหาโอกาสได้ยาก แต่ถ้าหากเขามาถึงภูเขาหิมะ ขอแค่ข้าทำให้เขาพิษกำเริบ ความหนาวเย็นของภูเขาหิมะนี้จะทำให้เขากระตุ้นพลังวรยุทธ์ไม่ได้เลย แล้วเจ้าว่าเขามาแล้วข้าต้องกลัวไหม?"จ้าวเฉินหลังจากได้ยินก็ตื่นเต้นขึ้นมา "จริงหรือ?""ข้ายังต้องหาเรื่องมาหลอกเจ้าหรือ มีความหมายตรงไหนกัน?""เช่นนั้น ถ้าหากฟู่จาวหนิงแก้พิษเขาได้จะทำอย่างไรกัน?""วิชาแพทย์ของนางไม่ได้ดีถึงระดับนั้น ต่อให้มีจริง นางก็ขาดตัวยา พิษนั่นซับซ้อนมาก จำเป็นต้องใช้ยาแก้หลายชนิดจำนวนมาก ยาแก้พิษอาจจะต้องใช้วัตถุดิบยานับร้อยชนิดเลวทีเดียว ตอนนี้วัตถุดิบยาหลายอย่างขาดแคลน เจ้าคิดว่าการจะหาวัตถุดิบยาให้ครบได้มันง่ายดายนักหรือ?"เขามั่นใจมาก ต่อให้ฟู่จาวหนิงสามารถแก้พิษให้อ๋องเจวี้ยนได้ ตอนนี้เองก็ยังขาดวัตถุดิบยาอยู่จ้าวเฉินถามขึ้นอีก "แต่ว่าอ๋องเจวี้ยนมีองครักษ์เงามังกร""องครักษ์เงามังกรต่อให้เข้ามาก็เหมือนกัน ขอแค่ข้าพูดความลับการติดพิษของอ๋องเจวี้ยนออกไป พวกเขาจะกล้าสังหารข้าหรือ? จากที่ข้ารู้ อ๋องเจวี้ยนตรวจสอบเรื่องนี้มาสิบปีแ
ผู้บัญชาการมู่เดินเข้ามา จากนั้นก็มัดสองขาของเฮ่อเหลียนเฟยไว้แน่น จากนั้นเขาก็หยิบสิ่งของออกมาถุงหนึ่ง พอเปิดออก ด้านในห่อผงฝุ่นที่ดูคล้ายหิมะเอาไว้ผู้บัญชาการมู่สวมถุงมือ หยิบเอาของเหล่านั้นมาทาเชือกบนตัวเขาที่เหลือก็ทาไปบนข้อมือและเสื้อผ้าถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่าของสิ่งนี้นำออกมาจากบนตัวเขา เฮ่อเหลียนเฟยก็อาจจะคิดว่าเขาหยิบถุงหิมะออกมาใบหนึ่งของสิ่งนี้ทาไว้บนตัวเขานานขนาดนี้ ก็ยังไม่มีกลิ่นอะไรเลยยิ่งไปกว่านั้นหลังจากทาไปที่เชือก เขาก็เหมือนแค่โดนหิมะบางส่วนมาเปื้อนตัวเท่านั้น มองไม่ออกถึงความผิดปกติตรงไหนเลย"เจ้าทาอะไรให้ข้า? นี่มันคืออะไรกัน?" เฮ่อเหลียนเฟยใจกำลังดำดิ่ง"แน่นอนว่าเป็นของดี" ผู้บัญชาการมู่ขยำถุงกระดาษ จากนั้นก็ยื่นมือขว้างออกไปไกลๆ กระดาษก้อนนั้นก็ตกลงไปก้นเหวเขาหัวเราะ มือที่ใสวมถุงมือหนังกระต่ายก็ตบลงไปบนหน้าของเฮ่อเหลียนเฟย"เจ้าเองก็หน้าตาหล่อเหลา ถ้าไม่ใช่ตัวตนฐานะไม่ถูกต้อง ข้าเองก็สนใจตัวเจ้าอยู่ น่าเสียดาย"เฮ่อเหลียนเฟยรู้สึกในท้องปั่นป่วนขึ้นทันที"ถุด!"เขาออกแรงถ่มน้ำลายไปบนหน้าผู้บัญชาการมู่"ข้าได้ยินแล้ว เจ้าคือคนของต้าชื่อ! ยิ่งไปกว่
เฮ่อเหลียนเฟยถลึงตาโตมองเพดานกระโจมและตามคาด พอมองอย่างละเอียดก็เห็นจุดที่ไม่ถูกต้องด้านบนท่อนไม้หลายท่อนกระทั่งไม้แหลมที่ห้อยแทงลงมาอีกหลายเล่ม!เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไม้แหลมเหล่านั้นถูกผู้บัญชาการมู่ฉาบพิษไว้หรือไม่กระทั่งผ้าที่ตอกไว้ทั้งสี่ด้าน น่าจะเปื้อนพิษไว้แล้วกระมัง?แล้วก็พรมบนพื้นพี่หญิง อย่ามาเด็ดขาด!การเคลื่อนไหวภายนอก ผ่านไปครู่หนึ่งก็หายไปหมดแล้วรอบด้านนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก บางครั้งก็มีเสียงลมภูเขาหวีดหวิว นอกจากนี้ด้านนอกก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดอีกเฮ่อเหลียนเฟยได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัวทั่วตัวเขาเหมือนจะร้อนขึ้นมา ไม่ได้รู้สึกเย็นเลยแม้แต่น้อยตอนนี้ผู้บัญชาการมู่กับจ้าวเฉินพวกเขาจะต้องคอยซุ่มอยู่รอบๆ นี้แน่นอน รอจนพี่หญิงเข้ามาเฮ่อเหลียนเฟยร้อนรนจนปากแทบจะพองท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงบนภูเขาหิมะมีแสงหิมะขับเด่น แต่ก็ยังพอฝืนมองเห็นอยู่ไม่รู้ผ่านมานานเท่าไร ตอนที่รอยเท้าแนวนั้นใกล้จะถูกปกคลุม บนถนนภูเขาในที่สุดก็ปรากฎเงาคนร่างหนึ่งฟู่จาวหนิงเดินมานานกว่าจะหาที่นี่เจอในช่วงสุดท้ายที่ลมหิมะจะกลบร่องรอยก็หาเบาะแสพบจนได้รอยเท้าตั้งมากมายขนาดนั้น เล็กใหญ่ไม
ฟู่จาวหนิงกินไปด้วยสังเกตรอบๆ ไปด้วยภูเขาหิมะนี้ต้นไม้ไม่เยอะ แต่หินภูเขากลับมีอยู่พอควร บางส่วนถูกคลุมอยู่ใต้หิมะตอนนี้จุดสูงนูนต่ำรอบๆ บวกกับต้นไม้ที่มีหิมะถมกองอยู่บางส่วน เงามืดโบกไหว มองไม่ออกเลยว่ามีคนซ่อนอยู่ตรงไหนแต่ว่ากระโจมผ้านั่นก็อยู่ตรงกลางของพื้นเรียบว่างผืนหนึ่ง มันดูกะทันหันไปหน่อยดูแล้วเหมือนมีพวกนักล่ามากางเอาไว้ที่นี่เลยถึงอย่างไรหน้าผาอีกด้านก็เป็นป่าทึบผืนใหญ่ ข้ามออกไปก็จะเป็นฟ้าดินที่แตกต่างกันแต่รอยเท้าด้านล่างภูเขาก่อนหน้านี้ ไม่เหมือนกับพวกนักล่าทิ้งเอาไว้ มีคนไม่น้อยเลยที่เข้ามาที่นี่นางเองยังจับต้นชนปลายไม่ถูกถึงแผนการที่อีกฝ่ายพาเฮ่อเหลียนเฟยเข้ามาที่นี่ยิ่งไปกว่านั้น รอยเท้ามากมายขนาดนั้น จะใช่พวกทหารทางการที่บุกเข้าไปจวนตระกูลฟู่แล้วพาเฮ่อเหลียนเฟยเหล่านั้นหรือเปล่า ถ้าหากไม่ใช่ ที่ไหนกันที่ยังมีคนมากขนาดนี้?ฟู่จาวหนิงเคี้ยวเนิบนาบ อันที่จริงกำลังตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวรอบๆ อยู่บนเขาเงียบเป็นพิเศษ เงียบจนขนาดที่เสียงลมพัดหิมะเข้ามาก็ยังได้ยินนางได้ยินคนในกระโจมส่งเสียงอาอาแปลกๆ ออกมา ฟังแล้วเหมือนส่งเสียงออกมาลำบากอย่างไรอย่างนั้นไม
แต่จ้าวเฉินที่พูดขึ้นมาตอนนี้มันก็ดูโง่มากจริงๆ เขารู้สึกควรกันไว้ก่อน จะไม่ซ่อนอยู่จุดเดียวกับจ้าวเฉินเขาส่งสัญญาณมือให้จ้าวเฉิน เป็นสัญญาณว่าตนเองจะไปอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบา บินแฉลบออกไปอีกด้านอย่างไร้ซุ่มเสียงตอนที่ร่อนลงชายเสื้อของเขาปัดไปยังกิ่งไม้กิ่งหนึ่งบนกิ่งไม้เดิมทีมีหิมะสุมตัวหนา พอถูกปัดเบาๆ หิมะที่สุ่มอยู่ด้านบนก็ทยอยร่วงลงมาหูของฟู่จาวหนิงขยับเล็กน้อย ครั้งนี้ก็จับได้อีกทิศทางหนึ่งที่นี่คนที่เหลือไว้น่าจะไม่มากเท่าไรนักถ้าหากคนไม่มาก เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องเตรียมอะไรไว้ในกระโจมระหว่างทางที่มานางก็ได้กลิ่นของวัตถุดิบยาที่ทำให้ประสาทด้านชาชนิดหนึ่ง แม้กลิ่นจะจางมาก แต่ขณะที่กองหิมะกดกลิ่นสิ่งของอื่นๆ ทั้งหมดลงไป กลิ่นจางๆ เช่นนี้นางก็ยังดมออกมาได้ดังนั้นอีกฝ่ายน่าจะมีคนที่ใช้ยาใช้พิษได้อย่างร้ายกาจฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้กินยาแก้พิษลงไปแล้วเม็ดหนึ่งถัดจากนี้ก็น่าจะเป็นการประลองกันของยาและพิษระหว่างนางกับคนคนนั้นแล้วฟู่จาวหนิงถือขวดสุราไว้ในมือ ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนจ้าวเฉินพวกเขาพอเห็นการเคลื่อนไหวของนาง ในร่างกายก็เหมือนมีเส้นหนึ่งในร่างกายถูกดึ
ฟู่จาวหนิงหลังจากออกมาก็หมอบอยู่ด้านหลังกองหิมะกองหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อนจนผู้บัญชาการกองธงมู่ตื่นตัวกลับมา ตอนที่มองไปทางกระโจมผ้า เขาก็ไม่เห็นว่าที่นั่นมีอะไรผิดปกติไม่สิ!มีอะไรไม่ปกติอยู่!เพราะเขาไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวของเฮ่อเหลียนเฟยแล้ว!ก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนเฟยดิ้นรนอย่างร้อนใจมาตลอด แล้วยังพยายามคิดจะแผดเสียงร้องออกมาอีก แต่เขาก็มีการเคลื่อนไหวได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น ส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้เลยทว่าตอนนี้การเคลื่อนไหวนั้นกลับไม่ได้ยินเสียแล้ว!หรือก็คือ ในกระโจมเงียบเป็นเป่าสาก ไม่มีเสียงใดๆ เลย!นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน?เฮ่อเหลียนเฟยที่กำลังร้อนรนตึงเครียดหวาดกลัว ลมหายใจเขาหนักเสียขนาดนั้น ด้วยกำลังภายในของเขาจะต้องได้ยินแน่นอนแล้วทำไมตอนนี้แค่ลมหายใจของเขาก็ยังไม่ได้ยินกัน?หรือว่าเฮ่อเหลียนเฟยสลบไปแล้ว? หรืออาจจะตายไปแล้ว?ในใจผู้บัญชาการกองธงมู่ตื่นตัวขึ้นมา เขาเองก็ทนเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงล่ะ?จ้าวเฉินเองก็รอไม่ไหวเช่นกันเขาออกแรงส่งสัญญาณมือไปทางผู้บัญชาการกองธงมู่ช่างเขาปะไร ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็แค่คนคนเดียว พวกเขาจะกลัวอะไรกัน? พุ่
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ