ฟู่จาวหนิงตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งกระชั้นเข้ามาก็สัมผัสได้แล้วว่าไม่ถูกต้องและตอนที่เห็นคนรีบพุ่งตรงเข้ามาก็ร้องเรียกขึ้น "ไป๋หู่ประคองผู้อาวุโสตู้!""ขอรับ!"ไป๋หู่แฉลบผ่านออกไป และเข้าประคองผู้อาวุโสตู้ที่ถูกชนไว้ได้ทันท่วงที พาเขาออกไปข้างๆถ้าผู้อาวุโสตู้ที่อายุขนาดนี้ถูกชนจนล้มลงไปบนพื้น ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องไหม คนแก่ไม่ควรต้องล้มบ่อยแต่อวี๋อวี่เวย หลังจากกระแทกคนก็ถอยไปสองก้าว ยืนนิ่งลงมาได้อย่างหวุดหวิดไฟโกรธของนางพุ่งขึ้นหัวในพริบตา ขณะเตรียมจะด่าคน ในสมองก็มีคำพูดของฟู่จาวหนิงดังเข้ามา หยุดเอาไว้อย่างหวุดหวิดนี่คือผู้อาวุโสตู้?ผู้อาวุโสตู้เป็นคนที่กระทั่งเหล่าคนชั้นสูงเชิญไปทำอาหารให้ก็ยังกล้าปฏิเสธเลยนางข่มอารมณ์โกรธไว้ มองไปทางผู้อาวุโสตู้ "ผู้อาวุโสตู้ ท่านเป็นอะไรไหม?"ผู้อาวุโสตู้เหลือบมองนางผาดหนึ่ง ร้องเชอะขึ้น"จะวิ่งเร็วขนาดนี้เพื่ออะไรกัน? ข้าไม่มีเวลาว่างมาเสวนากับเจ้าหรอกนะ"แม่นางคนนี้วิ่งเข้ามาในสวนเหมยไม่มองคนเลย เขาเองก็อายุมากปฏิกิริยาก็เชื่องช้า พอเห็นคนก็เบี่ยงหลบไม่ทัน แต่เขาก็ช้าลงให้แล้ว แม่นางคนนี้เองก็มองเห็นเขาอยู่แต่ก็ยังพุ่งชนเข้
ฟู่จาวหนิงเหลือบตามองน้ำแกงฟักหยกขาวนี่ก็ไม่รู้ว่าใช้ฟักอะไรทำ น่าจะไม่มีในแคว้นเจา มองจากสีเป็นเขียวอ่อนๆ กับสีขาว ด้านในยังมีเนื้อแตงที่เหมือนกับไข่มุกหยกขาวอีกด้วย มองแล้วก็ดูน่ากินอยู่นี่คือสิ่งที่เสิ่นเสวียนชอบกินหรือ?เสิ่นเสวียนเมื่อครู่กินไปไม่เยอะนัก น่าจะเพราะต้องคอยดูแลปากท้องของนาง ดังนั้นกับข้าวทั้งโต๊ะจึงเป็นสิ่งที่นางชอบ เสิ่นเสวียนกินรสอ่อนกว่าคนปกติทั่วไปมาก พวกนี้สำหรับเขาแล้วถือว่ารสหนักอยู่ ดังนั้นเขาน่าจะกินอิ่มไปแค่ครึ่งเดียวฟู่จาวหนิงรู้สึกว่า ตอนนี้อวี๋อวี่เวยตักใส่ชามยกมาตรงหน้าเขาแล้ว จะอย่างไรเขาคงต้องชิมสักคำสองคำนั่นล่ะแต่คิดไม่ถึงว่าเสิ่นเสวียนจะไม่ขยับตัว"วางไว้ก่อน"พูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน เตรียมจะเรียกฟู่จาวหนิงกลับมาอวี๋อวี่เวยร้อนรนขึ้น "ท่านลุง ข้าต้องถูกมันลวกเพื่อท่านเลยนะ ท่านดูสิ" นางยื่นมือ ให้เสิ่นเสวียนเห็นรอยแดงบนมือขวานางถูกลวกมาจริงๆ"ท่านลุง ท่านลองชิมสักหน่อยเถอะ" อวี๋อวี่เวยมองเขาอย่างน่าสงสาร "ท่านช่วยนี้เอาแต่ดูแลท่านยาย ข้าเห็นท่านผอมซูบลงไปทุกวัน เลยอยากจะทำอะไรให้ท่านบ้าง"เสี่ยวซิ่งเอ่ยแทนนางขึ้นมา "่นายท่าน ฟักหยกขา
เสิ่นเสวียนมองไปทางอวี๋อวี่เวย"นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดไว้หรือ ที่บอกว่าจะมาขอโทษจาวหนิง?"สุนัขยังไม่เชื่อเลยอวี๋อวี่เวยเองก็รู้ว่าตนเองตื่นเต้นเกินไปหน่อย แต่นางไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน คุณภาพด้านจิตวิทยาไม่ดีเอาเลยจริงๆ แค่แปปเดียวก็ลนลานเสียแล้ว"ข้า ข้า ท่านลุงข้าขอโทษ" นางก้มหน้าลง กัดริมฝีปากล่าง"มาบอกขอโทษข้าทำไม?" เสียงของเสิ่นเสวียนเย็นชาลงไปอีก"คุณหนูฟู่ ข้าขอโทษ เจ้าให้อภัยข้าเถิด" อวี๋อวี่เวยหันไปทางฟู่จาวหนิงตอนนี้นางไม่กล้าหาเรื่องแล้ว รีบให้ฟู่จาวหนิงไปดีกว่าอวี๋อวี่เวยเงยหน้า น้ำตาแทบจะร่วงลงมาแล้ว "ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะอยู่กับเจ้าอย่างไร และไม่รู้ด้วยว่าจะเผชิญหน้ากับเจ้าอย่างไร ข้า ข้าให้ท่านแม่มาพูดกับเจ้าดีไหม?"นางรีบหันหน้าไปมองเสินหว่านอย่างอ้อนวอน "ท่านแม่"เสินหว่านคิดถึงเรื่องที่นางบอกกับตนเองก่อนหน้านี้ จึงเดินเข้ามาอวี๋อวี่เวยเมื่อครู่ท่าทางเมื่อครู่สาก็ไม่เหมือนขอโทษฟู่จาวหนิงเลยหญิงสาวคนนี้เลี้ยงดูมาโดยตระกูลเสิ่น แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกของตนเอง เสินหว่านตอนนี้จึงอยากจะพูดแทนนางเสียหน่อย"คุณหนูฟู่ ข้ามีเรื่องอยากจะพูดกับท่านหน่อย ท่า
"ท่านลุงไล่ข้าหรือ?" อวี๋อวี่เวยตกตะลึง"เจ้าโตเป็นสาวแล้ว เอาแต่อยู่ที่นี่มันไม่ใช่เรื่อง บ้านเจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเสียหน่อย ปู่ย่าพ่อแม่พี่น้องก็อยู่กันหมด น่าจะกลับไปอยู่ได้แล้ว พอกลับไป พวกเขาก็จะช่วยเจ้าเลือกคู่ครองให้เอง เจ้าอยู่ที่นี่ไม่มีใครทำเรื่องพวกนี้เป็น"ถึงอย่างไรเขาก็ทำไม่เป็นแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยคิดจะข้ามหน้าคนตระกูลอวี๋ ข้ามหน้าแม่ของนาง แล้วไปเลือกคู่ครองให้กับนางยิ่งไปกว่านั้น อวี๋อวี่เวยตั้งแต่เด็กก็แผนการเยอะ ชอบมาคุยกับเขาแต่ก็ทำตัวลับๆ ล่อๆ พอเขามองไปก็หลบสายตา นิสัยนี้เขาไม่ชอบเขาก็แค่พยายามในฐานะผู้อาวุโสให้นางเติบโตขึ้นอย่างปลอดภัยในบ้านตระกูลเสิ่นเท่านั้น ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นและช่วงนี้เรื่องที่อวี๋อวี่เวยทำก็ทำให้เขาผิดหวังมาก"ท่านลุง ข้าไม่อยากแต่งงาน" อวี๋อวี่เวยลนขึ้นมาน่าจะเพราะเห็นสภาพของแม่ตนเองในตระกูลอวี๋จนชิน เดิมทีคุณหนูใหญ่ตระกูลเสิ่นก็ถือว่าสูงส่งอยู่ และควรจะมีความหยิ่งทะนง แต่เสินหว่านอยุ่ในตระกูลอวี๋กลับต้องกล้ำกลืนฝืนทนเหมือนภรรยาคนเล็กเสียอย่างนั้น กระทั่งพ่อนางมีภรรยาน้อยห้าหกคน ก็ยังไม่กล้าขัดขึ้นสักคำนางเคยกลับไปมาแล้ว
เสิ่นเสวียนตอนนี้เองก็สัมผัสได้ถึงความไม่ถูกต้องของตนเองแล้วเพราะตอนที่อวี๋อวี่เวยกอดเข้ามา เขารู้สึกถึงปฏิกิริยาร่างกายของตนเอง ความรู้สึกสูญเสียการควบคุมเขาคิดถึงน้ำแกงฟักหยกขาวนั่นขึ้นทันที"อวี๋อวี่เวย ถ้าเจ้าปล่อยตอนนี้แล้วออกไปทันที ข้าจะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง""ข้าไม่ ข้าไม่ ท่านลุง ข้ามองท่านมาตั้งแต่เด็กแล้ว นอกจากท่าน ชายคนอื่นก็ไม่อยู่ในสายตาข้าทั้งนั้น ท่านลุง ข้าไม่ขออะไรอีก แค่อยากจะอยู่ข้างกายท่านเท่านั้น"มือของอวี๋อวี่เวยถูกเสิ่นเสวียนกำจนเจ็บไปหมด แต่ว่านางก็ไม่สนอะไรแล้ว มาถึงขั้นนี้แล้ว นางไม่มีทางเลือกต้องยืนหยัดถึงที่สุดเท่านั้น"ฟู่จาวหนิงดูแล้วอายุไม่ต่างจากข้านัก ท่านยังไม่รังเกียจที่นางอ่อนกว่า ข้าเองก็ทำได้เหมือนกัน...""เจ้ารู้ความสัมพันธ์ตัวตนฐานะของเจ้ากับข้าไหม?" เสิ่นเสวียนสมองเริ่มวิงเวียน แต่อุณหภูมิร่างกายกลับไต่เพิ่มขึ้นมาทีละระดับๆ เขาอยากจะออกแรงสะบัดอวี๋อวี่เวย แต่นางกับกอดเขาไว้สุดชีวิต "อวี๋อวี่เวย สิ่งที่เจ้าคิดมันไม่อาจย้อนกลับมาได้อีกแล้ว!"เขาไม่เคยคิดในด้านนี้มาก่อนคนปกติใครเขาคิดกันบ้าง?ถึงอย่างไรพวกเขาปกติก็อยู่ด้วยกันไม่มากนัก
"รู้แล้วไม่ต้องพูดแล้ว"ฟู่จาวหนิงรู้ว่าเขารู้สึกแย่มากนางยังไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี หรือควรจะบอกว่าประสบการณ์การแก้เจ้ายาชนิดนี้ของนางมีอยู่เต็มเปี่ยมดี? ให้ตายเถอะ ไม่มีอย่างอื่นบ้างหรือไรกัน ไปที่ไหนก็เจอแต่เจ้าสิ่งนี้"หลิวหั่ว ประคองผู้นำตระกูลของเจ้าออกไป อาจจะต้องอาเจียน"เพราะพิษของเสิ่นเสวียนนั้นกินเข้าไป และกินไปไม่มาก ล้างท้องเสียหน่อยจะสะดวกที่สุดหลิวหั่วรีบเข้ามาประคองเสิ่นเสวียนออกไปจากนั้นก็มีองครักษ์สองคนพอได้ยินก็เข้ามา พอเห็นอวี๋อวี่เวยบนพื้น จากนั้นก็เห็นฟู่จาวหนิงเดินออกมา องครักษ์ทั้งสองคนก็ยืนนิ่งไปไป๋หู่หยิบผ้าเช็ดมือให้ฟู่จาวหนิงเช็ดอวี๋อวี่เวยถูกสกัดจุดนอนหงายอยู่บนพื้น ตัวแข็งไปหมดแล้วแม้จะถูกสกัดจุดใบ้ สกัดจุดสงบนิ่งไป แต่สติของนางยังตื่นดีอยู่ตอนนี้ทั้งสมองของนางมึนงงไปหมด แล้วก็ยังหวาดกลัวจนอยากตายด้วยตอนนี้นางรู้สึกเสียใจจะแย่อยู่แล้ว คิดไม่ออกจริงๆ ว่าก่อนหน้านี้ตนเองไปเอาความกล้าจากไหนมาทำเรื่องเช่นนี้ทำก็ทำไปแล้ว แล้วยังไม่สำเร็๗ด้ยย ตอนนี้ยังถูกคนตั้งมากมายเห็นอีก โดยเฉพาะฟู่จาวหนิง"ไป๋หู่คลายชีพจรให้นางเสีย"ฟู่จาวหนิงเดินมาอยู่ข
รอจนเสิ่นเสวียนสำรอกออกมาจนหมดแล้ว ฟู่จาวหนิงจึงไปนั่งว่างๆ อยู่ในโถง กำลังดื่ม ชาที่ไป๋หู่ให้เสี่ยวชิ่นต้มมาอวี๋อวี่เวยนั่งตัวสั่นอยู่ข้างๆ หน้าขาวซีดและตรงหน้านาง ชายหนุ่มคนหนึ่งถูกไป๋หู่กดบ่าไว้ กำลังดิ้นรนอย่างไม่ยินยอมชายหนุ่มคนนี้ เป็นหลานชายของครอบครัวลูกสะใภ้รองของท่านลุงรองของนางสกุลซุน อวี๋อวี่เวยเรียกเขาว่าพี่ชาย จะบอกว่าเป็นพี่ชายห่างๆ ก็ยังไม่ได้ ไม่รู้ว่าอ้อมวงศาคณาญาติกันไปกี่ตลบบ้านฝ่ายหญิงของอาสะใภ้รองเสิ่นแม้จะเกี่ยวข้องกับตระกูลเสิ่นสาขาอยู่บ้าง แต่ก็ยังห่างไกลหลายขุม ไม่เช่นนั้นนางคงไม่มีทางได้แต่งกับตระกูลเสิ่นแน่นอนเพียงแต่ซุนจิ้นอวี๋คนนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับอาสะใภ้รองเสิ่นอยู่ ตอนเด็กๆ ก็ไปอยู่ที่บ้านพวกเขาหลายปี ตอนที่อาสะใภ้รองเสิ่นกับท่านลุงรองเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่น เขาเองก็มาช่วยย้ายของอยู่ ช่วงไม่กี่ปีนี้ก็ไปๆ มาๆ อยู่บ้างดังนั้นคนของตระกูลเสิ่นจึงยังถือว่าคุ้นเคยกับซุนจิ้นอวี๋คนนี้อยู่บ้างซุนจิ้นอวี๋ก่อนหน้านี้ก็ดูซื่อสัตย์มาโดยตลอด พอองครักษ์ได้ยินว่าให้ไปจับเขาเข้ามาก็ยังรู้สึกประหลาดใจแต่อวี๋อวี่เวยพูดถึงเขา ก็คงไม่น่าจะใส่ร้ายเข
พูดถึงเรื่องเหล่านี้ ฟู่จาวหนิงจะมากน้อยก็ยังมีความเข้มงวดเคร่งขรึมของคนเป็นแพทย์อยู่ ต่อให้เผชิญหน้ากับลุงของนาง นางก็ยังไม่เกรงใจไม่เสียดายสุขภาพอาการป่วยของตนเอง นางเองก็สีหน้าไม่ค่อยดีนักเสิ่นเสวียนรู้นิสัยนี้ของนาง จึงทำได้แค่ยิ้มขืนๆ ตอบรับไปซุนจิ้นอวี๋ในใจตกตะลึงกว่าเดิมฟู่จาวหนิงเป็นใครกันแน่? ทำไมทำให้เสิ่นเสวียนที่เย่อหยิ่งและเย็นชามาโดยตลอดเชื่อฟังนางขนาดนี้? น้ำเสียงนางไม่มีการเกรงใจเลย แต่เสิ่นเสวียนกลับไม่มีอาการชักสีหน้าด้วยซ้ำอวี๋อวี่เวยกลับได้รับผลกระทบอย่างหนัก และรู้สึกเสียใจมากนางมองออก ในใจของเสิ่นเสวียนนางเทียบกับฟู่จาวหนิงไม่ได้เลยท่านลุงพูดกับนาง แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง"เอาล่ะ ดื่มน้ำให้ใจเย็นลงหน่อย"ฟู่จาวหนิงให้เขาดื่มน้ำอุ่น เสิ่นเสวียนยกน้ำขึ้นดื่มสองอึก สายตาเหลือบไปทางอวี๋อวี่เวย อวี๋อวี่เวยขาอ่อน ทิ้งตัวลงคุกเข่าเสียงดังตุบ"แง!" นางร้องไห้จ้าขึ้นมาเสิ่นเสวียนพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งเขายังไม่พูดอะไรแต่ว่าพอคิดถึงเรื่องที่อวี๋อวี่เวยทำเมื่อครู่ ในตาเสิ่นเสวียนก็มีจิตสังหารขึ้นมาแล้วเขาไม่เคยถูกคนใช้ยาพวกนี้มาก่อน องค์จักรพรรดิแอบลง
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ