เฟิงเมี่ยนรีบเดินเข้าไปรับผู้เป็นนายที่เดินออกมา
“เป็นอย่างไรบ้าง”
“ให้ว่านว่านส่งหลักฐานให้เจ้าสำนักบูรพา กำชับไปว่ารอให้พ้นงานแต่งงานของข้าแล้วค่อยเคลื่อนไหว และให้นำเงินสามหมื่นตำลึงทองของข้าคืนมาด้วย”
“นายท่าน! ที่ท่านหายเงียบไปตั้งนาน ท่านเล่นพนันกับผู้เฒ่าเสิ่นอยู่หรอกหรือ ท่านเล่นพนันอะไรกัน ทำไมถึงหมดเยอะขนาดนั้น ไหนว่าจะมาคุยเรื่องแม่นางไป๋ไงเล่า”
เติ้งอี้เทียนถึงกับคลึงขมับ “เจ้านี่เก่งแต่เรื่องใช้กำลังกับเรื่องกิน นอกนั้นโง่ไปเสียหมด รีบไปจัดการตามที่ข้าบอกเถิดไป”
“ขอรับ.. อาหวง”
เจียวหวงรีบวิ่งจากรถม้าไปช่วยประคองเจ้านาย
“อาหวง”
“ขอรับนายท่าน”
“ในเมืองนี้เจ้าชอบกินอะไรมากที่สุด”
เขาเผลอมองเจ้านายด้วยสีหน้างุนงง “บ่าวกินได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ชอบ ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ”
“แต่ข้าเดาว่าเจ้าต้องชอบกินซาลาเปาหรือเกี๊ยวแน่ ๆ”
อาหวงรีบพยักหน้ารับด้วยท่าทางตื่นเต้น “นายท่านรู้ได้อย่างไร บ่าวชอบกินซาลาเปาไส้เนื้อแกะร้านเถ้าแก่จูมากที่สุด บ่าวยังสนิทกับซินซินมากด้วย”
อี้เทียนอมยิ้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าบ่าวคนนี้กับเมียของเขาเป็นสหายรักของซินซิน
“วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะพาเจ้าไปนั่งกินซาลาเปาที่ร้านเถ้าแก่จูก็แล้วกัน อยากกินไส้ไหนกินได้เลยเต็มที่ ซื้อไปฝากเมียเจ้าด้วยก็ได้”
“ขอบคุณนายท่าน”
อาหวงยิ้มหน้าบาน รีบประคองเจ้านายขึ้นรถม้า แล้วบังคับให้ม้าออกวิ่งไปตามเส้นทาง
“อาหวง” ความอยากฟังเรื่องราวที่รู้อยู่แล้วของนางจากปากคนอื่น ทำให้อี้เทียนแง้มหน้าต่างรถม้าเรียกหาคน
“ขอรับนายท่าน”
“ที่เจ้าบอกว่าสนิทกับแม่นางไป๋ สนิทกันมานานแล้วหรือ”
“หลายปีแล้วขอรับ เราเจอกันที่สำนักของแม่นางว่าน บ่าวไปเรียนหนังสือ ส่วนนางไปส่งซาลาเปา ตอนนั้นนางยังเด็กมาก ตัวเล็กนิดเดียวแต่ต้องหาบตะกร้าใบใหญ่เกือบเท่าตัวใส่หลัง แม่นางว่านจึงบอกกับนางว่าครั้งหน้าจะให้ข้าเป็นคนไปรับซาลาเปาที่ร้านเอง แต่นางก็ขอร้องแม่นางว่านว่าอยากมาส่งเอง เพราะอยากเรียนหนังสือ อยากเรียนผีผา จึงอยากอาศัยโอกาสนี้แอบที่บ้านมาเรียน”
“นางชอบเล่นผีผาหรือ”
“ขอรับ นางเคยบอกกับเมียของบ่าวว่าอยากเรียนผีผา แต่ขนาดขอมารดาเรียนหนังสือท่านยังไม่ยอมให้เรียนเลย นางจึงไม่กล้าขอ”
“อือ” เติ้งอี้เทียนปิดหน้าต่างรถม้า ครุ่นคิดถึงใบหน้าหวานไร้การแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉม แต่จะมีผงแป้งติดให้เห็นอยู่บ้าง
ถ้านางได้รับความรักความใส่ใจจากมารดา ได้รับโอกาสที่ดีเหมือนลูกอีกสองคน นางอาจจะกลายเป็นโฉมสะคราญที่บุรุษทั่วเมืองหมายปอง
“นายท่านขอรับ”
เสียงเรียกของคนขับรถม้าทำให้เขาเปิดหน้าต่างอีกครั้ง
“มีอะไร”
“แม่นางไป๋ขอรับ”
เขามองไปตามทางที่อาหวงบอก “หยุดรถ”
อาหวงทำตาม กระโดดลงจากที่นั่งแล้วหยิบบันไดมาเทียบกับรถม้า
“ซินซิน” เขาเรียกนางเอาไว้ก่อนที่นางจะก้มหน้าก้มตาเดินผ่านไป
ไป๋ซินซินได้ยินเสียงคุ้นหูที่จำได้ว่าคือเสียงของอาหวงก็หันไปมอง ก่อนจะฝืนส่งยิ้มร่าเริงให้เขา แต่เมื่อเห็นคนที่ลงมาจากรถม้าก็รีบโค้งกายคารวะ
“คารวะนายท่าน”
เติ้งอี้เทียนสะท้านไปทั้งอกเมื่อได้เห็นใบหน้าที่อมทุกข์ ดวงตาที่บวมช้ำบ่งบอกได้อย่างดีว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“กำลังจะกลับไปที่ร้านหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“ข้ากำลังจะกลับบ้านพอดี ไปด้วยกันสิ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะนายท่าน ข้าน้อยต้องแวะ..” มันยากเหลือเกินที่ต้องพูดออกไปโดยที่ไม่ต้องร้องไห้ “แวะไปที่ตรอกดอกไม้อีกเจ้าค่ะ” นางเลี่ยงที่จะพูดออกไปตรง ๆ
“ขึ้นรถเถิด เดินไปกว่าจะถึงกว่าจะกลับก็คงมืดค่ำพอดี” เห็นนางอิดออดก็ถือวิสาสะจูงนางขึ้นรถเสียเลย “เจ้าจะไปที่ไหนของตรอกดอกไม้” เขาถามเมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนที่
คำถามอ่อนโยนของเขาทำให้นางอบอุ่นหัวใจได้อย่างประหลาด อาจจะเพราะไม่เคยมีใครพูดดีด้วยแบบนี้ หรืออาจจะเพราะอารมณ์ที่อ่อนไหวในตอนนี้
ทันใดนั้นน้ำตาเม็ดโตก็ไหลออกมาแบบไม่ทันตั้งตัว นางรีบปาดทิ้งแล้วหัวเราะกลบเกลื่อนเหมือนคนเสียสติ แต่มันก็ยิ่งไหลไม่หยุด สุดท้ายจึงซบหน้าลงกับเข่าตัวเอง
เห็นนางสะอื้นให้อยู่ตรงหน้า ใจของเขาก็หนักอึ้งไปด้วยความเวทนาสงสาร มือใหญ่เอื้อมออกไปหวังจะปลอบใจ แต่ก็ตัดใจชักกลับมา การพูดปลอบใจมีแต่จะทำให้นางยิ่งเสียใจ ปล่อยให้น้ำตาช่วยชำระล้างความรู้สึกเหล่านั้นออกไปคงดีกว่า
จึงนั่งเงียบ ๆ ปล่อยให้นางร้องไห้ให้เต็มที่.. ผ่านไปพักใหญ่เสียงร้องจึงเบาลง เขารีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อนางเงยหน้าขึ้นมา
“ขออภัยนายท่าน ที่ข้าน้อยทำตัวเสียมารยาท”
“ถ้าร้องแล้วทำให้รู้สึกดีขึ้นก็ร้องออกมาเถิด”
“ถ้าการร้องไห้ทำให้รู้สึกดีขึ้นจริง ทำไมข้าน้อยยังรู้สึกทรมานเหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้เล่า”
เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาอีกรอบของนางเขาก็ยิ่งปวดใจ นึกโกรธเกลียดมารดาของนางจนอยากบอกเล่าความเลวที่นางเคยกระทำในอดีตออกมา แต่เพราะนางอ่อนแอถึงเพียงนี้ เขาจะกล้าทำร้ายให้นางเจ็บซ้ำอีกได้อย่างไร
มือใหญ่ตบเบา ๆ ที่ไหล่บางสั่นสะท้าน “ซินเอ๋อร์เอ๋ย ถ้าร้องแล้วไม่ดีขึ้นก็อย่าร้องอีกเลยนะ เจ้ายังมีข้าอยู่อีกทั้งคน ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
ดวงตาฉ่ำน้ำเงยขึ้นสบตากับอีกฝ่าย “นายท่านยังไม่รู้สินะ มารดาของข้าน้อยบังคับให้ข้าน้อยแต่งงานกับท่านผู้เฒ่าเสิ่น ไม่ใช่ท่าน” ถ้าเป็นเขานางคงไม่ทุกข์ใจเท่านี้ อย่างน้อยเขาก็ดีกว่าผู้เฒ่าเสิ่นในทุกด้าน
“ไม่ว่ามารดาของเจ้าจะเลือกใครให้เจ้า สุดท้ายเจ้าจะต้องเป็นคนของข้าผู้เดียวเท่านั้น”
“จะเป็นไปได้อย่างไร แม้แต่ท่านพ่อยังช่วยข้าน้อยไม่ได้เลย”
“เชื่อใจข้า หยุดร้องไห้แล้วจงอดทนรออย่างใจเย็น รับปากสิว่าจะเชื่อใจข้า”
แววตาจริงจังของเขาทำให้นางเชื่อไปแล้วครึ่งใจ แต่ถึงแม้จะเป็นแค่คำปลอบโยน เป็นความหวังที่แสนริบหรี่นางก็อยากแอบคาดหวัง จึงพยักหน้าออกไป
“ดีมาก นอกจากเชื่อใจข้าแล้ว ข้าขอเจ้าอีกอย่างได้ไหม”
“เจ้าค่ะ” นางพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล
“เมื่อเราได้แต่งงานกันแล้ว จงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้มากที่สุด ทำได้หรือไม่”
“ความสุขมันเป็นอย่างไร ข้าน้อยก็อยากรู้จักมันเหมือนกันเจ้าค่ะ”
“ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้จักกับมันแน่”
“เจ้าค่ะ”
“ดีมากเด็กดี ทีนี้ก็ยิ้มให้ข้าดูหน่อย” เขาลูบศีรษะและส่งยิ้มอ่อนโยนให้นาง “ใบหน้าของเจ้าเหมาะกับรอยยิ้มแบบนี้มากกว่า ต่อไปนี้ไม่ต้องร้องไห้อีกแล้วนะ”
“ข้าน้อยจะพยายามเจ้าค่ะ”
“คำพูดเจียมตัวแบบนี้ก็ควรเลิกใช้ได้แล้ว เพราะเจ้าไม่ใช่บ่าวรับใช้ของข้า”
“แต่ข้าน้อยเคยชิน”
“เช่นนั้นข้าจะค่อย ๆ ฝึกให้เจ้าเอง เริ่มจากเลิกแทนตัวเองว่าข้าน้อยตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป”
จูเกอรีบเดินไปหยิบถุงผ้ามาเปิดดู “โชคดีที่ตกบนพื้นหญ้า ไม่อย่างนั้นคงหักไปแล้ว”“ขอบคุณท่านพ่อ”“กำไลชิ้นนี้เป็นกำไลที่พ่อเจ้ามอบให้แม่ของเจ้าในวันแต่งงาน ข้าแอบเก็บมันไว้ให้เจ้าสิบแปดปีแล้ว เพื่อรอมอบให้เจ้าในวันออกเรือน”หญิงสาวน้ำตาไหลลงแก้มเมื่อได้ยินคำพูดอันสั่นเครือของบิดา“ท่านพ่อ ท่านเล่าเรื่องพ่อแท้ ๆ ของข้าให้ฟังหน่อยได้ไหม”“อาซินเอ๋ย พ่อของเจ้าเป็นคนที่ดีมาก ๆ มีน้ำใจกับทุกคน ข้าไม่เคยเห็นพ่อของเจ้าอิจฉาว่าร้ายใครเลย เจ้าจงภูมิใจในตัวของพ่อเจ้า จงภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของเขา”“แล้วพ่อของข้าหน้าตาเป็นอย่างไร ท่านบอกเล่าให้ข้ารู้หน่อยได้ไหม”จูเกอมองใบหน้าของหญิงสาว นางไม่ได้สวยสะคราญแบบอ้ายเหม่ย แต่มีความงดงามแบบธรรมชาติโดยไม่ต้องปรุงแต่งเหมือนอ้ายเหม่ย ดวงตากลมโตของนางดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากกว่าอ้ายเหม่ยเป็นไหน ๆหน้าผาก ปาก จมูก เครื่องหน้าทุกส่วนรับกันเหมาะเจาะ ไม่ต่างกับบิดาของนางเลย“แค่เจ้าส่องกระจกแล้วยิ้มให้มาก ๆ เจ้าก็จะได้เห็นพ่อของเจ้าแล้ว หน้าตาของเจ้าคล้ายเขาถึงเก้าส่วนแล้วอาซิน”“จริงหรือท่านพ่อ”“ข้าไม่โกหกเจ้าหรอก รีบไปนอนพักผ่อนได้แล้ว”“เจ้าค่ะ” นางกลับเข้า
ร้านซาลาเปาสกุลจูเจียวหวงเดินเข้าไปในร้านแล้วกวาดสายตามองหาซินซินถึงในห้องครัว เห็นนางกำลังนำซาลาเปาเรียงใส่ลังถึงก็เดินเข้าไปหา“ซินซิน.. อาซิน”หญิงสาวหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้ “อาหวง” นางรีบเดินออกไปหาเพื่อน “อาซาเล่า ไม่มาด้วยหรือ”“ไม่ได้มาหรอก ช่วงนี้นางคงไม่ได้ออกมาเจอกับเจ้าไปอีกพักใหญ่”“ทำไมเล่า”ชายหนุ่มยิ้มเขินอาย “นางแพ้ท้องหนักน่ะ”ไป๋ซินซินฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “เจ้ากำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้ว คงดีใจมากเลยสินะ”“อือ ดีใจมาก วันนี้ข้าจะมาซื้อเกี๊ยวให้นางกินสักหน่อย ยังพอมีเหลือไหม” เขาถามเพราะมองหาที่หน้าร้านแล้วไม่เจอ“วันนี้เกี๊ยวหมดแล้ว แต่ถ้าเจ้าไม่รีบข้าจะทำให้ใหม่เอาไหม ราว ๆ สองเค่อก็เสร็จ”“ได้สิ เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้านึ่งซาลาเปาเอง เจ้ารีบไปทำเกี๊ยวให้ข้าเถิด”“อือ ตามข้ามา” แล้วพาเขาเข้าไปในครัว ยื่นถาดซาลาเปาให้เขาแล้วจึงเดินไปที่มุมนวดแป้ง“ซินซิน”“หือ”“คนอื่นไปไหนกันหมด ทำไมถึงมีเจ้าอยู่คนเดียว”“อากังไปซื้อของกับพ่อข้า ส่วนท่านแม่ออกไปกับอ้ายเหม่ย” นางมองหน้าเพื่อนตั้งแต่วัยเด็ก อยากจะถามถึงเจ้านายของเขา คนที่เคยให้สัญญาทางวาจากับนางไว้ แต่ก็ไม่อยากคาดหวังไปม
ไป๋ซินซินได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาเขาด้วยความประหม่า ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกจนถึงหน้าร้านตัดผ้าในตรอกดอกไม้“นายท่านไม่ต้องรอข้าน้อยหรอกเจ้าค่ะ เสร็จแล้วข้าน้อยจะเดินกลับเอง”“ข้าจะรอ รีบไปทำธุระของเจ้าให้เสร็จเถิด”“เจ้าค่ะ”เติ้งอี้เทียนรอให้หญิงสาวเดินเข้าไปในร้านได้ประมาณครึ่งเค่อก็เรียกหาเจียวหวง“เรียกเจ้าของร้านออกมาพบข้าที”“ขอรับนายท่าน”ไม่นานเจ้าของร้านก็ออกยืนเทียบข้างหน้าต่างรถม้า“คารวะนายท่าน”“แม่นางไป๋วัดตัวเสร็จหรือยัง”“ยังไม่ได้วัดขอรับ ตอนนี้นางกำลังเลือกผ้าอยู่”“ให้นางเลือกไป เสร็จแล้ววัดตัวนางไว้ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนของข้าส่งผ้าผืนใหม่มาให้ ปิดปากให้สนิท ทำงานให้ดีที่สุด”เถ้าแก่เจ้าของร้านตาตื่นเมื่อเห็นเงินที่เขายื่นมาให้“ขอบคุณนายท่าน”“ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูผู้อื่น เจ้าเตรียมตัวหาที่อยู่ใหม่ได้เลย กลับไปได้แล้ว”“ขอรับนายท่าน”หลายวันผ่านไปคฤหาสน์สกุลเสิ่นจูอินย่อกายคารวะเจ้าของคฤหาสน์ที่ออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“นายท่านเรียกข้ามาพบ ได้ฤกษ์ดีแล้วหรือ” ถามด้วยความร้อนใจ ความจริงแล้วนางไม่ได้อยากรอฤกษ์รอยามเลยสักนิด อยากส่งไป๋ซินซินออกเรือนไปให้เร็วที่สุด ภาย
เฟิงเมี่ยนรีบเดินเข้าไปรับผู้เป็นนายที่เดินออกมา“เป็นอย่างไรบ้าง”“ให้ว่านว่านส่งหลักฐานให้เจ้าสำนักบูรพา กำชับไปว่ารอให้พ้นงานแต่งงานของข้าแล้วค่อยเคลื่อนไหว และให้นำเงินสามหมื่นตำลึงทองของข้าคืนมาด้วย”“นายท่าน! ที่ท่านหายเงียบไปตั้งนาน ท่านเล่นพนันกับผู้เฒ่าเสิ่นอยู่หรอกหรือ ท่านเล่นพนันอะไรกัน ทำไมถึงหมดเยอะขนาดนั้น ไหนว่าจะมาคุยเรื่องแม่นางไป๋ไงเล่า”เติ้งอี้เทียนถึงกับคลึงขมับ “เจ้านี่เก่งแต่เรื่องใช้กำลังกับเรื่องกิน นอกนั้นโง่ไปเสียหมด รีบไปจัดการตามที่ข้าบอกเถิดไป”“ขอรับ.. อาหวง”เจียวหวงรีบวิ่งจากรถม้าไปช่วยประคองเจ้านาย“อาหวง”“ขอรับนายท่าน”“ในเมืองนี้เจ้าชอบกินอะไรมากที่สุด”เขาเผลอมองเจ้านายด้วยสีหน้างุนงง “บ่าวกินได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ชอบ ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ”“แต่ข้าเดาว่าเจ้าต้องชอบกินซาลาเปาหรือเกี๊ยวแน่ ๆ”อาหวงรีบพยักหน้ารับด้วยท่าทางตื่นเต้น “นายท่านรู้ได้อย่างไร บ่าวชอบกินซาลาเปาไส้เนื้อแกะร้านเถ้าแก่จูมากที่สุด บ่าวยังสนิทกับซินซินมากด้วย”อี้เทียนอมยิ้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าบ่าวคนนี้กับเมียของเขาเป็นสหายรักของซินซิน“วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะพาเจ้าไปนั่งกินซาลาเปาที
คฤหาสน์สกุลเติ้งเติ้งอี้เทียนคิ้วขมวดมุ่นขณะฟังเรื่องเล่าจากปากของเฟิงเมี่ยน จินตนาการถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวแล้วยิ่งปวดใจ และยิ่งเกลียดมารดาของนางอีกเท่าทวี“จะให้อ้ายเหม่ยสวมรอยแทนนางอย่างนั้นหรือ ความคิดต่ำทรามมาก.. ถ้าไม่เห็นแก่น้ำใจของเถ้าแก่จู ข้าจะดัดหลังนางจูโดยการสลับเกี้ยวเจ้าสาวเสียเลย”“ข้าสงสารนางเหลือเกินนายท่าน เสียงร้องของนางยังสะเทือนใจข้าอยู่เลย”“พรุ่งนี้ข้าต้องไปพบผู้เฒ่าเสิ่นหน่อยแล้ว เจ้าไปเตรียมของฝากให้เขาหน่อย”“นายท่านต้องการอะไรเป็นของฝากขอรับ”“ไปปรึกษาว่านว่าน” ที่แท้แล้วว่านว่านก็คือคนของเขา เรื่องของซินซินก็เป็นเขาที่สั่งให้นางคอยดูแลเฟิงเมี่ยนยิ้มร่า แค่เอ่ยชื่อแม่นางว่านก็รู้ทันทีว่าคนผู้นั้นกำลังจะถึงคราวซวย ถูกหมายหัวเรียบร้อยแล้ว “ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”วันต่อมาคิ้วสีดอกเลาของผู้เฒ่าเสิ่นเลิกสูงด้วยความฉงน เมื่อบ่าวรับใช้มารายงานว่าผู้ใดมาขอพบ“รีบไปเตรียมชาเหยียนฉารับแขก” บอกกับพ่อบ้านแล้วรีบเดินไปต้อนรับแขกที่มาโดยมิได้นัดหมายทันที..“ท่านเติ้ง”เติ้งอี้เทียนลุกขึ้นยกมือคารวะผู้เฒ่าเจ้าของบ้าน ที่เดินยิ้มแย้มเข้ามาพร้อมเสียงทักทาย
คำตอบที่ได้ยินทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ใบหน้าถมึงทึงด้วยความโมโหในการกระทำของภรรยา โมโหจนจุกอกจนต้องใช้มือช่วยขยี้“หรือเจ้าไม่รู้เรื่องนี้”“นางเคยพูดถึงผู้เฒ่าเสิ่นหลังจากที่ข้าบอกเรื่องที่ท่านจะแต่งอาซินเข้าบ้าน เราสองคนมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องนี้ นางอยากให้อาซินแต่งเข้าสกุลเสิ่น แต่ข้าก็ปฏิเสธชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะให้อาซินแต่งงานกับท่าน นางก็รับปากข้าดิบดี ขอมาคุยเรื่องนี้กับพ่อบ้านโปเอง ดังนั้นที่ข้าเห็นอาซินร้องไห้วันนี้ ข้าจึงเข้าใจว่านางไม่อยากแต่งงานกับท่าน”“เหตุใดฮูหยินจูถึงอยากให้นางแต่งกับผู้เฒ่าเสิ่นมากกว่าข้า” แม้จะรู้เหตุผลแต่ก็อยากจะถามลองเชิงให้แน่ชัด เพราะอยากรู้ว่าคนผู้นี้มีความหวังดีและจริงใจ ให้หญิงสาวที่เป็นเพียงลูกเลี้ยงเพียงใด“ตามที่เราคุยกัน นางอยากให้อาซินได้แต่งกับผู้เฒ่าเสิ่น เพราะเขารับปากนางว่าจะแต่งอาซินเป็นเมียเอก ทำให้นางมั่นใจว่าอาซินจะมีอนาคตที่มั่นคงกว่าแต่งกับท่าน”“แล้วแต่งกับข้าไม่มั่นคงอย่างไร เจ้าก็เห็นว่าข้ามั่งคั่งเพียงใด”“.....”“พูดมาเถิด ผิดพลาดตรงไหนข้าจะได้แก้ต่างกับท่านวันนี้เลย ข้าสู้ผู้เฒ่าเสิ่นไม่ได้ตรงไหน”“ไม่ใช่เรื่อ