ไป๋ซินซินได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาเขาด้วยความประหม่า ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกจนถึงหน้าร้านตัดผ้าในตรอกดอกไม้
“นายท่านไม่ต้องรอข้าน้อยหรอกเจ้าค่ะ เสร็จแล้วข้าน้อยจะเดินกลับเอง”
“ข้าจะรอ รีบไปทำธุระของเจ้าให้เสร็จเถิด”
“เจ้าค่ะ”
เติ้งอี้เทียนรอให้หญิงสาวเดินเข้าไปในร้านได้ประมาณครึ่งเค่อก็เรียกหาเจียวหวง
“เรียกเจ้าของร้านออกมาพบข้าที”
“ขอรับนายท่าน”
ไม่นานเจ้าของร้านก็ออกยืนเทียบข้างหน้าต่างรถม้า
“คารวะนายท่าน”
“แม่นางไป๋วัดตัวเสร็จหรือยัง”
“ยังไม่ได้วัดขอรับ ตอนนี้นางกำลังเลือกผ้าอยู่”
“ให้นางเลือกไป เสร็จแล้ววัดตัวนางไว้ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนของข้าส่งผ้าผืนใหม่มาให้ ปิดปากให้สนิท ทำงานให้ดีที่สุด”
เถ้าแก่เจ้าของร้านตาตื่นเมื่อเห็นเงินที่เขายื่นมาให้
“ขอบคุณนายท่าน”
“ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูผู้อื่น เจ้าเตรียมตัวหาที่อยู่ใหม่ได้เลย กลับไปได้แล้ว”
“ขอรับนายท่าน”
หลายวันผ่านไป
คฤหาสน์สกุลเสิ่น
จูอินย่อกายคารวะเจ้าของคฤหาสน์ที่ออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“นายท่านเรียกข้ามาพบ ได้ฤกษ์ดีแล้วหรือ” ถามด้วยความร้อนใจ ความจริงแล้วนางไม่ได้อยากรอฤกษ์รอยามเลยสักนิด อยากส่งไป๋ซินซินออกเรือนไปให้เร็วที่สุด ภายในวันนี้พรุ่งนี้ยิ่งดี
“จะบอกว่าฤกษ์ดีก็คงไม่ผิด แต่มันก็ยังมีเรื่องที่หนักใจข้าอยู่พอสมควร”
“เรื่องอันใดเล่า” เห็นสีหน้าเป็นกังวลของผู้เฒ่าแล้วนางก็พลอยรู้สึกไม่ดีไปด้วย
“ไปนั่งคุยกันข้างในดีกว่า” แล้วเชื้อเชิญสตรีที่เป็นตัวเอกของแผนการไปยังห้องที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น
“มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ทำไมนายท่านถึงดูกังวลนัก”
“ข้าให้อาจารย์ที่ข้านับถือมาก ๆ ดูดวงของข้ากับแม่นางไป๋เพื่อขอฤกษ์ที่เหมาะสม แต่ปรากฏว่าไม่มีวันดีเลย ช่วงนี้ดวงของข้าไม่เหมาะจะมีงานมงคล ถ้าฝืนดวงชีวิตอาจจะวิบัติหรืออาจจะถึงฆาต แต่ดวงของแม่นางไป๋กำลังพุ่งทะยาน เหมาะที่จะมีงานมงคลอย่างยิ่ง” เรื่องนี้เขาไม่ได้พูดปด ท่านอาจารย์พูดแบบนี้จริง ๆ จึงเหมือนตอกย้ำให้เขารู้ว่าควรร่วมมือกับท่านเติ้ง แล้วเอาเงินสามหมื่นตำลึงทองมานอนกอดดีกว่า
คำบอกเล่าของผู้เฒ่าเสิ่นทำเอาจูอินใจคอไม่ดี เพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องแต่ง อยู่ด้วยกันไปเลย”
“ไม่ได้ ๆ ข้าเป็นคนมีหน้ามีตาในเมืองนี้ ผู้คนจะติฉินเอาได้ ข้าถือเรื่องนี้นัก”
“แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า” จูอินเต็มไปด้วยความกังวล
“เรื่องนี้ยังพอมีทางออก อาจารย์แนะวิธีแก้เคล็ดมาให้ข้าแล้ว แต่ไม่รู้เจ้าจะเห็นด้วยไหม”
สีหน้าของจูอินดีขึ้นทันตา “ขอแค่นางได้แต่งงานเป็นคนของนายท่าน ข้าย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว”
“อาจารย์บอกว่าอย่าแสดงตัวเป็นเจ้าบ่าว ไม่ต้องไปรับเจ้าสาวด้วยตัวเอง ไม่ต้องประดับบ้าน แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่ข้าก็ต้องปรึกษาเจ้าก่อนว่าเจ้าจะเห็นด้วยไหม”
“โถนายท่าน เรื่องเพียงแค่นี้เอง ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นเสียหน่อย ข้ายินดีทำตามอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“แม้แต่สามหนังสือหกพิธีการก็ทำไม่ได้ เจ้ายังยินดีอยู่ไหม”
“เรื่องแค่นี้ข้าไม่ถือสาอยู่แล้ว ขอแค่ท่านยอมรับนางเป็นภรรยา ทำข้าวสารให้กลายเป็นข้าวสุกข้าก็พอใจมากแล้ว”
“ฮูหยินใจใหญ่ดังผืนฟ้า มั่นคงดั่งขุนเขา ข้าเลื่อมใสเจ้านัก” ยิ่งรู้จักนางเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าสตรีนางนี้จิตใจต่ำช้า ขนาดกับลูกที่คลอดออกมาเองยังทำได้เพียงนี้ แล้วถ้าเป็นคนอื่นเล่า..
“ท่านผู้เฒ่าชมเกินไปแล้ว” นางรีบย่อกายน้อมรับคำชม “แล้วอาจารย์ของท่านได้บอกหรือไม่ว่าฤกษ์ดีวันไหน”
ผู้เฒ่าเสิ่นหยิบกระดาษยื่นให้นาง “ไม่มีฤกษ์ดีสำหรับข้า แต่มีวันดีวันมงคลของแม่นางไป๋คือสามวันนี้ ถ้าพ้นจากนี้ต้องรออีกสองปี”
“เช่นนั้นก็เอาวันนี้เลยเจ้าค่ะ ข้าอยากเห็นลูกสาวของข้าเป็นฝั่งเป็นฝาเหลือเกินแล้ว” นางชี้วันที่เร็วที่สุด
“อีกแค่เก้าวันเท่านั้น จะทันหรือ”
“แค่ทำพิธีง่าย ๆ อย่างไรก็ทัน”
“เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน”
คฤหาสน์สกุลเติ้ง
ซูฮวาแอบมองเจ้านายที่วัน ๆ แทบไม่ทำอะไร นอกจากนั่งวาดรูปเหมือนของแม่นางไป๋ วาดแล้ววาดอีก วาดอยู่นั่น วาดเสร็จก็ใช้ให้นางเอาไปผึ่งลมจนแห้ง แห้งแล้วจึงเอาไปใส่กรอบ และเอาไปเก็บในห้องภาพที่เก็บสะสมภาพวาดของกวีเอกทั่วทุกแคว้นไว้มากมาย แลดูทะนุถนอมดั่งแก้วตาดวงใจ
เห็นแล้วขัดใจยิ่งนัก พานให้เกลียดนางมากขึ้นทุกที นึกอยากถามเขาว่านางมีดีตรงไหนท่านถึงได้ลุ่มหลงนางนัก หน้าตาก็ดูมอมแมม เสื้อผ้าก็ดูซอมซ่อ ความรู้ความสามารถก็ไม่น่ามี เทียบกับนางยังเทียบไม่ได้สักอย่าง
“นายท่าน ถึงเวลาอาหารว่างแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่อยากกิน”
“เจ้าค่ะ” นางได้แต่แอบเม้มปากอย่างขัดใจ
“นายท่าน”
เสียงของเฟิงเมี่ยนทำให้เติ้งอี้เทียนละสายตาจากภาพวาดตรงหน้า
“เจ้าออกไปก่อน”
ซูฮวาแทบอยากกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ แต่ก็ทำได้แค่คิด รีบย่อกายคารวะแล้วเดินจากไปเงียบ ๆ
เฟิงเมี่ยนทิ้งจังหวะเล็กน้อยก่อนจะเดินตามซูฮวาออกไป และเป็นดั่งคาด
“อยากให้ข้ารายงานนายท่านหรือไม่” ถามเสียงเบาแต่แววตาจริงจัง
หญิงสาวกระทืบเท้าขัดใจที่ถูกจับได้ว่าแอบฟัง แต่ก็ยอมเดินจากไป
เมื่อแน่ใจว่านางไปแล้วเฟิงเมี่ยนจึงเดินกลับไปหาเจ้านาย
“ผู้เฒ่าเสิ่นส่งข่าวมาแล้ว อีกเก้าวันนับจากวันนี้”
“ดี ไปบอกพ่อบ้านให้เตรียมทุกอย่างให้พร้อม บอกว่านว่านให้หาแม่สื่อที่ไหวพริบดีเก็บความลับเก่งมาพบข้าพรุ่งนี้ในยามเซิน ส่งข่าวให้เถ้าแก่จูมาพบข้าในวันมะรืน ข้าต้องคุยเรื่องสามหนังสือหกพิธีการกับเขาให้รู้เรื่อง”
“นายท่าน ข้าขอเสนอแนะท่านสักเรื่องได้ไหม”
“ว่ามา”
“ในความคิดของข้า ข้ามองว่าเถ้าแก่จูเป็นคนซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยม ข้ากลัวว่าเขาจะทำพลาด ถูกฮูหยินจูจับได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้เขารู้จะดีกว่า ส่วนเรื่องสามหนังสือหกพิธีการพวกนั้น อะไรที่เราจัดการได้เราก็จัดการไปก่อนเลย รอให้พ้นวันเข้าหอแล้วค่อยเรียกเขามาคุยจะดีกว่าไหม”
“ที่เจ้าพูดมามีเหตุผลทีเดียว ฮูหยินจูเล่ห์เหลี่ยมมากแผนการ ถ้าเราบอกความจริงกับเถ้าแก่จูไป เขาอาจจะทำตัวให้นางสงสัยได้ ทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกแล้วค่อยคุยก็ดีเหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรข้าก็คุยกับเถ้าแก่จูไว้แล้ว เขาคงไม่ว่าอะไร”
จูเกอรีบเดินไปหยิบถุงผ้ามาเปิดดู “โชคดีที่ตกบนพื้นหญ้า ไม่อย่างนั้นคงหักไปแล้ว”“ขอบคุณท่านพ่อ”“กำไลชิ้นนี้เป็นกำไลที่พ่อเจ้ามอบให้แม่ของเจ้าในวันแต่งงาน ข้าแอบเก็บมันไว้ให้เจ้าสิบแปดปีแล้ว เพื่อรอมอบให้เจ้าในวันออกเรือน”หญิงสาวน้ำตาไหลลงแก้มเมื่อได้ยินคำพูดอันสั่นเครือของบิดา“ท่านพ่อ ท่านเล่าเรื่องพ่อแท้ ๆ ของข้าให้ฟังหน่อยได้ไหม”“อาซินเอ๋ย พ่อของเจ้าเป็นคนที่ดีมาก ๆ มีน้ำใจกับทุกคน ข้าไม่เคยเห็นพ่อของเจ้าอิจฉาว่าร้ายใครเลย เจ้าจงภูมิใจในตัวของพ่อเจ้า จงภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของเขา”“แล้วพ่อของข้าหน้าตาเป็นอย่างไร ท่านบอกเล่าให้ข้ารู้หน่อยได้ไหม”จูเกอมองใบหน้าของหญิงสาว นางไม่ได้สวยสะคราญแบบอ้ายเหม่ย แต่มีความงดงามแบบธรรมชาติโดยไม่ต้องปรุงแต่งเหมือนอ้ายเหม่ย ดวงตากลมโตของนางดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากกว่าอ้ายเหม่ยเป็นไหน ๆหน้าผาก ปาก จมูก เครื่องหน้าทุกส่วนรับกันเหมาะเจาะ ไม่ต่างกับบิดาของนางเลย“แค่เจ้าส่องกระจกแล้วยิ้มให้มาก ๆ เจ้าก็จะได้เห็นพ่อของเจ้าแล้ว หน้าตาของเจ้าคล้ายเขาถึงเก้าส่วนแล้วอาซิน”“จริงหรือท่านพ่อ”“ข้าไม่โกหกเจ้าหรอก รีบไปนอนพักผ่อนได้แล้ว”“เจ้าค่ะ” นางกลับเข้า
ร้านซาลาเปาสกุลจูเจียวหวงเดินเข้าไปในร้านแล้วกวาดสายตามองหาซินซินถึงในห้องครัว เห็นนางกำลังนำซาลาเปาเรียงใส่ลังถึงก็เดินเข้าไปหา“ซินซิน.. อาซิน”หญิงสาวหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้ “อาหวง” นางรีบเดินออกไปหาเพื่อน “อาซาเล่า ไม่มาด้วยหรือ”“ไม่ได้มาหรอก ช่วงนี้นางคงไม่ได้ออกมาเจอกับเจ้าไปอีกพักใหญ่”“ทำไมเล่า”ชายหนุ่มยิ้มเขินอาย “นางแพ้ท้องหนักน่ะ”ไป๋ซินซินฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “เจ้ากำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้ว คงดีใจมากเลยสินะ”“อือ ดีใจมาก วันนี้ข้าจะมาซื้อเกี๊ยวให้นางกินสักหน่อย ยังพอมีเหลือไหม” เขาถามเพราะมองหาที่หน้าร้านแล้วไม่เจอ“วันนี้เกี๊ยวหมดแล้ว แต่ถ้าเจ้าไม่รีบข้าจะทำให้ใหม่เอาไหม ราว ๆ สองเค่อก็เสร็จ”“ได้สิ เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้านึ่งซาลาเปาเอง เจ้ารีบไปทำเกี๊ยวให้ข้าเถิด”“อือ ตามข้ามา” แล้วพาเขาเข้าไปในครัว ยื่นถาดซาลาเปาให้เขาแล้วจึงเดินไปที่มุมนวดแป้ง“ซินซิน”“หือ”“คนอื่นไปไหนกันหมด ทำไมถึงมีเจ้าอยู่คนเดียว”“อากังไปซื้อของกับพ่อข้า ส่วนท่านแม่ออกไปกับอ้ายเหม่ย” นางมองหน้าเพื่อนตั้งแต่วัยเด็ก อยากจะถามถึงเจ้านายของเขา คนที่เคยให้สัญญาทางวาจากับนางไว้ แต่ก็ไม่อยากคาดหวังไปม
ไป๋ซินซินได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาเขาด้วยความประหม่า ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกจนถึงหน้าร้านตัดผ้าในตรอกดอกไม้“นายท่านไม่ต้องรอข้าน้อยหรอกเจ้าค่ะ เสร็จแล้วข้าน้อยจะเดินกลับเอง”“ข้าจะรอ รีบไปทำธุระของเจ้าให้เสร็จเถิด”“เจ้าค่ะ”เติ้งอี้เทียนรอให้หญิงสาวเดินเข้าไปในร้านได้ประมาณครึ่งเค่อก็เรียกหาเจียวหวง“เรียกเจ้าของร้านออกมาพบข้าที”“ขอรับนายท่าน”ไม่นานเจ้าของร้านก็ออกยืนเทียบข้างหน้าต่างรถม้า“คารวะนายท่าน”“แม่นางไป๋วัดตัวเสร็จหรือยัง”“ยังไม่ได้วัดขอรับ ตอนนี้นางกำลังเลือกผ้าอยู่”“ให้นางเลือกไป เสร็จแล้ววัดตัวนางไว้ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนของข้าส่งผ้าผืนใหม่มาให้ ปิดปากให้สนิท ทำงานให้ดีที่สุด”เถ้าแก่เจ้าของร้านตาตื่นเมื่อเห็นเงินที่เขายื่นมาให้“ขอบคุณนายท่าน”“ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูผู้อื่น เจ้าเตรียมตัวหาที่อยู่ใหม่ได้เลย กลับไปได้แล้ว”“ขอรับนายท่าน”หลายวันผ่านไปคฤหาสน์สกุลเสิ่นจูอินย่อกายคารวะเจ้าของคฤหาสน์ที่ออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“นายท่านเรียกข้ามาพบ ได้ฤกษ์ดีแล้วหรือ” ถามด้วยความร้อนใจ ความจริงแล้วนางไม่ได้อยากรอฤกษ์รอยามเลยสักนิด อยากส่งไป๋ซินซินออกเรือนไปให้เร็วที่สุด ภาย
เฟิงเมี่ยนรีบเดินเข้าไปรับผู้เป็นนายที่เดินออกมา“เป็นอย่างไรบ้าง”“ให้ว่านว่านส่งหลักฐานให้เจ้าสำนักบูรพา กำชับไปว่ารอให้พ้นงานแต่งงานของข้าแล้วค่อยเคลื่อนไหว และให้นำเงินสามหมื่นตำลึงทองของข้าคืนมาด้วย”“นายท่าน! ที่ท่านหายเงียบไปตั้งนาน ท่านเล่นพนันกับผู้เฒ่าเสิ่นอยู่หรอกหรือ ท่านเล่นพนันอะไรกัน ทำไมถึงหมดเยอะขนาดนั้น ไหนว่าจะมาคุยเรื่องแม่นางไป๋ไงเล่า”เติ้งอี้เทียนถึงกับคลึงขมับ “เจ้านี่เก่งแต่เรื่องใช้กำลังกับเรื่องกิน นอกนั้นโง่ไปเสียหมด รีบไปจัดการตามที่ข้าบอกเถิดไป”“ขอรับ.. อาหวง”เจียวหวงรีบวิ่งจากรถม้าไปช่วยประคองเจ้านาย“อาหวง”“ขอรับนายท่าน”“ในเมืองนี้เจ้าชอบกินอะไรมากที่สุด”เขาเผลอมองเจ้านายด้วยสีหน้างุนงง “บ่าวกินได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ชอบ ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ”“แต่ข้าเดาว่าเจ้าต้องชอบกินซาลาเปาหรือเกี๊ยวแน่ ๆ”อาหวงรีบพยักหน้ารับด้วยท่าทางตื่นเต้น “นายท่านรู้ได้อย่างไร บ่าวชอบกินซาลาเปาไส้เนื้อแกะร้านเถ้าแก่จูมากที่สุด บ่าวยังสนิทกับซินซินมากด้วย”อี้เทียนอมยิ้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าบ่าวคนนี้กับเมียของเขาเป็นสหายรักของซินซิน“วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะพาเจ้าไปนั่งกินซาลาเปาที
คฤหาสน์สกุลเติ้งเติ้งอี้เทียนคิ้วขมวดมุ่นขณะฟังเรื่องเล่าจากปากของเฟิงเมี่ยน จินตนาการถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวแล้วยิ่งปวดใจ และยิ่งเกลียดมารดาของนางอีกเท่าทวี“จะให้อ้ายเหม่ยสวมรอยแทนนางอย่างนั้นหรือ ความคิดต่ำทรามมาก.. ถ้าไม่เห็นแก่น้ำใจของเถ้าแก่จู ข้าจะดัดหลังนางจูโดยการสลับเกี้ยวเจ้าสาวเสียเลย”“ข้าสงสารนางเหลือเกินนายท่าน เสียงร้องของนางยังสะเทือนใจข้าอยู่เลย”“พรุ่งนี้ข้าต้องไปพบผู้เฒ่าเสิ่นหน่อยแล้ว เจ้าไปเตรียมของฝากให้เขาหน่อย”“นายท่านต้องการอะไรเป็นของฝากขอรับ”“ไปปรึกษาว่านว่าน” ที่แท้แล้วว่านว่านก็คือคนของเขา เรื่องของซินซินก็เป็นเขาที่สั่งให้นางคอยดูแลเฟิงเมี่ยนยิ้มร่า แค่เอ่ยชื่อแม่นางว่านก็รู้ทันทีว่าคนผู้นั้นกำลังจะถึงคราวซวย ถูกหมายหัวเรียบร้อยแล้ว “ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”วันต่อมาคิ้วสีดอกเลาของผู้เฒ่าเสิ่นเลิกสูงด้วยความฉงน เมื่อบ่าวรับใช้มารายงานว่าผู้ใดมาขอพบ“รีบไปเตรียมชาเหยียนฉารับแขก” บอกกับพ่อบ้านแล้วรีบเดินไปต้อนรับแขกที่มาโดยมิได้นัดหมายทันที..“ท่านเติ้ง”เติ้งอี้เทียนลุกขึ้นยกมือคารวะผู้เฒ่าเจ้าของบ้าน ที่เดินยิ้มแย้มเข้ามาพร้อมเสียงทักทาย
คำตอบที่ได้ยินทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ใบหน้าถมึงทึงด้วยความโมโหในการกระทำของภรรยา โมโหจนจุกอกจนต้องใช้มือช่วยขยี้“หรือเจ้าไม่รู้เรื่องนี้”“นางเคยพูดถึงผู้เฒ่าเสิ่นหลังจากที่ข้าบอกเรื่องที่ท่านจะแต่งอาซินเข้าบ้าน เราสองคนมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องนี้ นางอยากให้อาซินแต่งเข้าสกุลเสิ่น แต่ข้าก็ปฏิเสธชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะให้อาซินแต่งงานกับท่าน นางก็รับปากข้าดิบดี ขอมาคุยเรื่องนี้กับพ่อบ้านโปเอง ดังนั้นที่ข้าเห็นอาซินร้องไห้วันนี้ ข้าจึงเข้าใจว่านางไม่อยากแต่งงานกับท่าน”“เหตุใดฮูหยินจูถึงอยากให้นางแต่งกับผู้เฒ่าเสิ่นมากกว่าข้า” แม้จะรู้เหตุผลแต่ก็อยากจะถามลองเชิงให้แน่ชัด เพราะอยากรู้ว่าคนผู้นี้มีความหวังดีและจริงใจ ให้หญิงสาวที่เป็นเพียงลูกเลี้ยงเพียงใด“ตามที่เราคุยกัน นางอยากให้อาซินได้แต่งกับผู้เฒ่าเสิ่น เพราะเขารับปากนางว่าจะแต่งอาซินเป็นเมียเอก ทำให้นางมั่นใจว่าอาซินจะมีอนาคตที่มั่นคงกว่าแต่งกับท่าน”“แล้วแต่งกับข้าไม่มั่นคงอย่างไร เจ้าก็เห็นว่าข้ามั่งคั่งเพียงใด”“.....”“พูดมาเถิด ผิดพลาดตรงไหนข้าจะได้แก้ต่างกับท่านวันนี้เลย ข้าสู้ผู้เฒ่าเสิ่นไม่ได้ตรงไหน”“ไม่ใช่เรื่อ