คฤหาสน์สกุลเติ้ง
เติ้งอี้เทียนคิ้วขมวดมุ่นขณะฟังเรื่องเล่าจากปากของเฟิงเมี่ยน จินตนาการถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวแล้วยิ่งปวดใจ และยิ่งเกลียดมารดาของนางอีกเท่าทวี
“จะให้อ้ายเหม่ยสวมรอยแทนนางอย่างนั้นหรือ ความคิดต่ำทรามมาก.. ถ้าไม่เห็นแก่น้ำใจของเถ้าแก่จู ข้าจะดัดหลังนางจูโดยการสลับเกี้ยวเจ้าสาวเสียเลย”
“ข้าสงสารนางเหลือเกินนายท่าน เสียงร้องของนางยังสะเทือนใจข้าอยู่เลย”
“พรุ่งนี้ข้าต้องไปพบผู้เฒ่าเสิ่นหน่อยแล้ว เจ้าไปเตรียมของฝากให้เขาหน่อย”
“นายท่านต้องการอะไรเป็นของฝากขอรับ”
“ไปปรึกษาว่านว่าน” ที่แท้แล้วว่านว่านก็คือคนของเขา เรื่องของซินซินก็เป็นเขาที่สั่งให้นางคอยดูแล
เฟิงเมี่ยนยิ้มร่า แค่เอ่ยชื่อแม่นางว่านก็รู้ทันทีว่าคนผู้นั้นกำลังจะถึงคราวซวย ถูกหมายหัวเรียบร้อยแล้ว
“ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
วันต่อมา
คิ้วสีดอกเลาของผู้เฒ่าเสิ่นเลิกสูงด้วยความฉงน เมื่อบ่าวรับใช้มารายงานว่าผู้ใดมาขอพบ
“รีบไปเตรียมชาเหยียนฉารับแขก” บอกกับพ่อบ้านแล้วรีบเดินไปต้อนรับแขกที่มาโดยมิได้นัดหมายทันที..
“ท่านเติ้ง”
เติ้งอี้เทียนลุกขึ้นยกมือคารวะผู้เฒ่าเจ้าของบ้าน ที่เดินยิ้มแย้มเข้ามาพร้อมเสียงทักทาย
“ท่านเสิ่น”
“เชิญนั่ง ๆ ดื่มชาสักถ้วย”
อี้เทียนยกถ้วยน้ำชาที่พ่อบ้านรินให้มาจิบ “ชาอู่อี๋เหยียนฉาของที่นี่กลิ่นหอมตั้งแต่อยู่ในกา พอได้ดื่มก็ยิ่งรู้สึกหอมจนค้างอยู่ในจมูก โชคดีของข้านักที่ได้ลิ้มลอง”
ผู้เฒ่าเสิ่นหัวเราะชอบใจ “เกรงว่าชาเหยียนฉานี้คงเป็นชาที่แย่ที่สุดเท่าที่ท่านเติ้งดื่มแล้วกระมัง”
อี้เทียนคลี่ยิ้ม “ท่านเสิ่นเยินยอข้าเกินไปแล้ว ว่าแต่ที่ข้ามาวันนี้โดยไม่ได้นัดหมาย รบกวนเวลาของท่านหรือไม่”
“ไม่เลย ๆ ท่านเติ้งมาหาข้าวันนี้มีธุระอันใด เชิญพูดคุยมาได้เลย” ตอนแรกเขาก็แปลกใจอยู่ว่าบุรุษผู้นี้มาหาเขาทำไม แต่ระหว่างทางที่เดินมาที่นี่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเพราะเหตุใด
“ข้ามีเรื่องร้อนใจนิดหน่อย เพราะได้ยินข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับท่านมา”
“เรื่องอันใดหรือ”
“ได้ยินว่าท่านจะแต่งงานใหม่ทั้งที่ฮูหยินใหญ่จากไปไม่กี่วัน” เขาใช้คำว่าวันแทนเดือนเพื่อตอกย้ำว่าคนเพิ่งตายไปไม่นาน
ผู้เฒ่าเสิ่นค่อย ๆ หุบยิ้ม รินน้ำชามาจิบแล้วถอนหายใจ
เขาคือผู้กว้างขวางในเทียนสินมาหลายสิบปี แต่อำนาจและความมั่งคั่งของเขาก็ค่อย ๆ กลายเป็นรองเมื่อบุรุษผู้นี้ปรากฏตัว
เขารู้ว่าท่านเติ้งผู้นี้ไม่ใช่คหบดีผู้มั่งคั่งธรรมดา ๆ
เพราะเคยส่งคนไปตามสืบหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้ข่าวกลับมาสักครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งทำให้มั่นใจว่าภูมิหลังของเขานั้นไม่ธรรมดาแน่ ถ้าไม่มีอำนาจล้นฟ้า คงปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือไม่ได้
“ท่านอยากพูดอะไรกันแน่ท่านเติ้ง”
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจ ท่านไปสู่ขอบุตรสาวคนโตของสกุลจูเป็นความจริงหรือไม่”
ผู้เฒ่าเสิ่นมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างหนัก มองอีกฝ่ายอย่างลังเล
“ข้าสู่ขอนางไม่ได้หรือ”
“ข้าพอใจนางมานาน และได้ทาบทามนางกับเถ้าแก่จูไปก่อนแล้ว ท่านเสิ่นรู้เรื่องนี้หรือไม่” อี้เทียนถามออกไปตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงไร้ความกริ่งเกรง
“แม้ข้าจะพึงพอใจในตัวนางอยู่บ้าง แต่คนที่เสนอจะยกนางให้ข้าก็คือฮูหยินจู นางมาหาข้าถึงที่นี่ ทุกคนในบ้านข้าต่างก็เห็น” เรื่องนี้ท่าจะบานปลายไปใหญ่โต ขนาดคนที่ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเขา ยังถือไม้เท้าออกมาถามหาเอาความจริง
“ข้าไม่สนว่าใครจะยื่นข้อเสนอให้ท่าน ข้าแค่อยากได้ยินคำพูดที่ทำให้ข้าสบายใจจากปากของท่าน”
“คำพูดของท่านไม่โอหังเกินไปหน่อยหรือท่านเติ้ง” แม้จะกริ่งเกรงอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่ชอบให้ใครมาทำตัวเหนือกว่า โดยเฉพาะเด็กรุ่นลูกรุ่นหลาน “ข้าน่าจะเป็นปู่เป็นตาของเจ้าได้แล้ว ควรให้ความเคารพกันบ้าง”
เติ้งอี้เทียนไม่ได้สะท้านกับคำพูดของอีกฝ่าย สบสายตาท้าทายจนเขาต้องหลบ
“ไป๋ซินซินเป็นของรักของข้า ถ้าท่านผู้เฒ่าอยากลองดี ก็เชิญแบกเกี้ยวไปรับนางเข้าสกุลเสิ่นได้เลย” อยากให้เขาโอหังเขาก็จะโอหังให้ถึงที่สุด ให้รู้กันไปเลยว่ารุ่นปู่กับรุ่นหลานใครจะเหนือกว่า “อะไรที่ข้าต้องการ ต่อให้มือต้องเปื้อนเลือดข้าก็ไม่ลังเล”
ผู้เฒ่าเสิ่นมองบุรุษหนุ่มที่ยืนขึ้นอวดความสูงหลายฉื่อ ครั่นคร้ามกับสายตาของเขายิ่งนัก
“หยุดก่อน”
บุรุษที่มีไม้เท้าคอยช่วยพยุงหยุดเดินแล้วหันกลับ ยืนนิ่งอยู่กับที่ขณะที่สายตามองไปยังผู้เฒ่า
“ถ้าท่านต้องการเช่นนั้น เราควรทำข้อตกลงกันสักหน่อยดีหรือไม่” ผู้เฒ่าเสิ่นผายมือให้เขากลับมานั่ง
ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ เดินกลับไปนั่งลงที่เดิม “ว่ามา”
“สักหมื่นตำลึงทองเป็นอย่างไร”
“สองหมื่นตำลึงทอง ถ้าท่านยอมร่วมมือกับข้า”
ผู้เฒ่าเบิกตาโต ไม่คาดคิดว่าบุรุษผู้นี้จะยอมเสียเงินมากมายเพื่อสตรีไร้ศักดินาเพียงนางเดียว ถ้าเป็นเขาแค่ร้อยตำลึงเงินก็ยังคิดหนัก
“ว่าอย่างไร ตกลงไหม” เห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองตาค้างก็กระตุ้นถามเอาคำตอบ
“เพื่อสตรีไร้ศักดินานางหนึ่ง ท่านยอมเสียเงินสองหมื่นตำลึงทอง มันไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลยนะ ท่านไม่เสียดายบ้างหรือ”
“ไม่สักนิด”
ได้ยินคำตอบก็ยิ่งทำให้ผู้เฒ่าเสิ่นได้ใจ “ถ้าข้าอยากขอเพิ่มอีกสักหน่อยเล่า”
โลภ ละโมบ อยากได้ของคนอื่นจนไร้จิตสำนึก แต่แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่รู้สึกผิด
“ก็ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือของท่าน”
“ร่วมมืออย่างไร”
แล้วแผนการที่เพิ่งคิดขึ้นได้ก็ถูกถ่ายทอดออกไป พร้อมกำชับปิดท้ายว่าถ้าราบรื่นไปจนสิ้นสุดวันเข้าหอ สามหมื่นตำลึงทองจะถูกส่งถึงหน้าประตูบ้านสกุลเสิ่นแน่
“ท่านจะไม่เบี้ยวข้าใช่ไหม”
“สามหมื่นตำลึงทองก็แค่เศษเงิน ถ้าท่านไม่เชื่อก็ร่างสัญญากันตอนนี้เลย”
“ไม่ต้อง ๆ ข้าเชื่อใจท่าน เพียงแต่ข้าอยากขอของค้ำประกันไว้สักชิ้น”
เติ้งอี้เทียนหยิบป้ายหยกประจำตระกูลวางไว้บนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้น
“ถือว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว ข้าขอลา”
“เชิญ”
จูเกอรีบเดินไปหยิบถุงผ้ามาเปิดดู “โชคดีที่ตกบนพื้นหญ้า ไม่อย่างนั้นคงหักไปแล้ว”“ขอบคุณท่านพ่อ”“กำไลชิ้นนี้เป็นกำไลที่พ่อเจ้ามอบให้แม่ของเจ้าในวันแต่งงาน ข้าแอบเก็บมันไว้ให้เจ้าสิบแปดปีแล้ว เพื่อรอมอบให้เจ้าในวันออกเรือน”หญิงสาวน้ำตาไหลลงแก้มเมื่อได้ยินคำพูดอันสั่นเครือของบิดา“ท่านพ่อ ท่านเล่าเรื่องพ่อแท้ ๆ ของข้าให้ฟังหน่อยได้ไหม”“อาซินเอ๋ย พ่อของเจ้าเป็นคนที่ดีมาก ๆ มีน้ำใจกับทุกคน ข้าไม่เคยเห็นพ่อของเจ้าอิจฉาว่าร้ายใครเลย เจ้าจงภูมิใจในตัวของพ่อเจ้า จงภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของเขา”“แล้วพ่อของข้าหน้าตาเป็นอย่างไร ท่านบอกเล่าให้ข้ารู้หน่อยได้ไหม”จูเกอมองใบหน้าของหญิงสาว นางไม่ได้สวยสะคราญแบบอ้ายเหม่ย แต่มีความงดงามแบบธรรมชาติโดยไม่ต้องปรุงแต่งเหมือนอ้ายเหม่ย ดวงตากลมโตของนางดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากกว่าอ้ายเหม่ยเป็นไหน ๆหน้าผาก ปาก จมูก เครื่องหน้าทุกส่วนรับกันเหมาะเจาะ ไม่ต่างกับบิดาของนางเลย“แค่เจ้าส่องกระจกแล้วยิ้มให้มาก ๆ เจ้าก็จะได้เห็นพ่อของเจ้าแล้ว หน้าตาของเจ้าคล้ายเขาถึงเก้าส่วนแล้วอาซิน”“จริงหรือท่านพ่อ”“ข้าไม่โกหกเจ้าหรอก รีบไปนอนพักผ่อนได้แล้ว”“เจ้าค่ะ” นางกลับเข้า
ร้านซาลาเปาสกุลจูเจียวหวงเดินเข้าไปในร้านแล้วกวาดสายตามองหาซินซินถึงในห้องครัว เห็นนางกำลังนำซาลาเปาเรียงใส่ลังถึงก็เดินเข้าไปหา“ซินซิน.. อาซิน”หญิงสาวหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้ “อาหวง” นางรีบเดินออกไปหาเพื่อน “อาซาเล่า ไม่มาด้วยหรือ”“ไม่ได้มาหรอก ช่วงนี้นางคงไม่ได้ออกมาเจอกับเจ้าไปอีกพักใหญ่”“ทำไมเล่า”ชายหนุ่มยิ้มเขินอาย “นางแพ้ท้องหนักน่ะ”ไป๋ซินซินฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “เจ้ากำลังจะได้เป็นพ่อคนแล้ว คงดีใจมากเลยสินะ”“อือ ดีใจมาก วันนี้ข้าจะมาซื้อเกี๊ยวให้นางกินสักหน่อย ยังพอมีเหลือไหม” เขาถามเพราะมองหาที่หน้าร้านแล้วไม่เจอ“วันนี้เกี๊ยวหมดแล้ว แต่ถ้าเจ้าไม่รีบข้าจะทำให้ใหม่เอาไหม ราว ๆ สองเค่อก็เสร็จ”“ได้สิ เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้านึ่งซาลาเปาเอง เจ้ารีบไปทำเกี๊ยวให้ข้าเถิด”“อือ ตามข้ามา” แล้วพาเขาเข้าไปในครัว ยื่นถาดซาลาเปาให้เขาแล้วจึงเดินไปที่มุมนวดแป้ง“ซินซิน”“หือ”“คนอื่นไปไหนกันหมด ทำไมถึงมีเจ้าอยู่คนเดียว”“อากังไปซื้อของกับพ่อข้า ส่วนท่านแม่ออกไปกับอ้ายเหม่ย” นางมองหน้าเพื่อนตั้งแต่วัยเด็ก อยากจะถามถึงเจ้านายของเขา คนที่เคยให้สัญญาทางวาจากับนางไว้ แต่ก็ไม่อยากคาดหวังไปม
ไป๋ซินซินได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาเขาด้วยความประหม่า ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกจนถึงหน้าร้านตัดผ้าในตรอกดอกไม้“นายท่านไม่ต้องรอข้าน้อยหรอกเจ้าค่ะ เสร็จแล้วข้าน้อยจะเดินกลับเอง”“ข้าจะรอ รีบไปทำธุระของเจ้าให้เสร็จเถิด”“เจ้าค่ะ”เติ้งอี้เทียนรอให้หญิงสาวเดินเข้าไปในร้านได้ประมาณครึ่งเค่อก็เรียกหาเจียวหวง“เรียกเจ้าของร้านออกมาพบข้าที”“ขอรับนายท่าน”ไม่นานเจ้าของร้านก็ออกยืนเทียบข้างหน้าต่างรถม้า“คารวะนายท่าน”“แม่นางไป๋วัดตัวเสร็จหรือยัง”“ยังไม่ได้วัดขอรับ ตอนนี้นางกำลังเลือกผ้าอยู่”“ให้นางเลือกไป เสร็จแล้ววัดตัวนางไว้ พรุ่งนี้ข้าจะให้คนของข้าส่งผ้าผืนใหม่มาให้ ปิดปากให้สนิท ทำงานให้ดีที่สุด”เถ้าแก่เจ้าของร้านตาตื่นเมื่อเห็นเงินที่เขายื่นมาให้“ขอบคุณนายท่าน”“ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูผู้อื่น เจ้าเตรียมตัวหาที่อยู่ใหม่ได้เลย กลับไปได้แล้ว”“ขอรับนายท่าน”หลายวันผ่านไปคฤหาสน์สกุลเสิ่นจูอินย่อกายคารวะเจ้าของคฤหาสน์ที่ออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“นายท่านเรียกข้ามาพบ ได้ฤกษ์ดีแล้วหรือ” ถามด้วยความร้อนใจ ความจริงแล้วนางไม่ได้อยากรอฤกษ์รอยามเลยสักนิด อยากส่งไป๋ซินซินออกเรือนไปให้เร็วที่สุด ภาย
เฟิงเมี่ยนรีบเดินเข้าไปรับผู้เป็นนายที่เดินออกมา“เป็นอย่างไรบ้าง”“ให้ว่านว่านส่งหลักฐานให้เจ้าสำนักบูรพา กำชับไปว่ารอให้พ้นงานแต่งงานของข้าแล้วค่อยเคลื่อนไหว และให้นำเงินสามหมื่นตำลึงทองของข้าคืนมาด้วย”“นายท่าน! ที่ท่านหายเงียบไปตั้งนาน ท่านเล่นพนันกับผู้เฒ่าเสิ่นอยู่หรอกหรือ ท่านเล่นพนันอะไรกัน ทำไมถึงหมดเยอะขนาดนั้น ไหนว่าจะมาคุยเรื่องแม่นางไป๋ไงเล่า”เติ้งอี้เทียนถึงกับคลึงขมับ “เจ้านี่เก่งแต่เรื่องใช้กำลังกับเรื่องกิน นอกนั้นโง่ไปเสียหมด รีบไปจัดการตามที่ข้าบอกเถิดไป”“ขอรับ.. อาหวง”เจียวหวงรีบวิ่งจากรถม้าไปช่วยประคองเจ้านาย“อาหวง”“ขอรับนายท่าน”“ในเมืองนี้เจ้าชอบกินอะไรมากที่สุด”เขาเผลอมองเจ้านายด้วยสีหน้างุนงง “บ่าวกินได้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ชอบ ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ”“แต่ข้าเดาว่าเจ้าต้องชอบกินซาลาเปาหรือเกี๊ยวแน่ ๆ”อาหวงรีบพยักหน้ารับด้วยท่าทางตื่นเต้น “นายท่านรู้ได้อย่างไร บ่าวชอบกินซาลาเปาไส้เนื้อแกะร้านเถ้าแก่จูมากที่สุด บ่าวยังสนิทกับซินซินมากด้วย”อี้เทียนอมยิ้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าบ่าวคนนี้กับเมียของเขาเป็นสหายรักของซินซิน“วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะพาเจ้าไปนั่งกินซาลาเปาที
คฤหาสน์สกุลเติ้งเติ้งอี้เทียนคิ้วขมวดมุ่นขณะฟังเรื่องเล่าจากปากของเฟิงเมี่ยน จินตนาการถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวแล้วยิ่งปวดใจ และยิ่งเกลียดมารดาของนางอีกเท่าทวี“จะให้อ้ายเหม่ยสวมรอยแทนนางอย่างนั้นหรือ ความคิดต่ำทรามมาก.. ถ้าไม่เห็นแก่น้ำใจของเถ้าแก่จู ข้าจะดัดหลังนางจูโดยการสลับเกี้ยวเจ้าสาวเสียเลย”“ข้าสงสารนางเหลือเกินนายท่าน เสียงร้องของนางยังสะเทือนใจข้าอยู่เลย”“พรุ่งนี้ข้าต้องไปพบผู้เฒ่าเสิ่นหน่อยแล้ว เจ้าไปเตรียมของฝากให้เขาหน่อย”“นายท่านต้องการอะไรเป็นของฝากขอรับ”“ไปปรึกษาว่านว่าน” ที่แท้แล้วว่านว่านก็คือคนของเขา เรื่องของซินซินก็เป็นเขาที่สั่งให้นางคอยดูแลเฟิงเมี่ยนยิ้มร่า แค่เอ่ยชื่อแม่นางว่านก็รู้ทันทีว่าคนผู้นั้นกำลังจะถึงคราวซวย ถูกหมายหัวเรียบร้อยแล้ว “ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”วันต่อมาคิ้วสีดอกเลาของผู้เฒ่าเสิ่นเลิกสูงด้วยความฉงน เมื่อบ่าวรับใช้มารายงานว่าผู้ใดมาขอพบ“รีบไปเตรียมชาเหยียนฉารับแขก” บอกกับพ่อบ้านแล้วรีบเดินไปต้อนรับแขกที่มาโดยมิได้นัดหมายทันที..“ท่านเติ้ง”เติ้งอี้เทียนลุกขึ้นยกมือคารวะผู้เฒ่าเจ้าของบ้าน ที่เดินยิ้มแย้มเข้ามาพร้อมเสียงทักทาย
คำตอบที่ได้ยินทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ใบหน้าถมึงทึงด้วยความโมโหในการกระทำของภรรยา โมโหจนจุกอกจนต้องใช้มือช่วยขยี้“หรือเจ้าไม่รู้เรื่องนี้”“นางเคยพูดถึงผู้เฒ่าเสิ่นหลังจากที่ข้าบอกเรื่องที่ท่านจะแต่งอาซินเข้าบ้าน เราสองคนมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องนี้ นางอยากให้อาซินแต่งเข้าสกุลเสิ่น แต่ข้าก็ปฏิเสธชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะให้อาซินแต่งงานกับท่าน นางก็รับปากข้าดิบดี ขอมาคุยเรื่องนี้กับพ่อบ้านโปเอง ดังนั้นที่ข้าเห็นอาซินร้องไห้วันนี้ ข้าจึงเข้าใจว่านางไม่อยากแต่งงานกับท่าน”“เหตุใดฮูหยินจูถึงอยากให้นางแต่งกับผู้เฒ่าเสิ่นมากกว่าข้า” แม้จะรู้เหตุผลแต่ก็อยากจะถามลองเชิงให้แน่ชัด เพราะอยากรู้ว่าคนผู้นี้มีความหวังดีและจริงใจ ให้หญิงสาวที่เป็นเพียงลูกเลี้ยงเพียงใด“ตามที่เราคุยกัน นางอยากให้อาซินได้แต่งกับผู้เฒ่าเสิ่น เพราะเขารับปากนางว่าจะแต่งอาซินเป็นเมียเอก ทำให้นางมั่นใจว่าอาซินจะมีอนาคตที่มั่นคงกว่าแต่งกับท่าน”“แล้วแต่งกับข้าไม่มั่นคงอย่างไร เจ้าก็เห็นว่าข้ามั่งคั่งเพียงใด”“.....”“พูดมาเถิด ผิดพลาดตรงไหนข้าจะได้แก้ต่างกับท่านวันนี้เลย ข้าสู้ผู้เฒ่าเสิ่นไม่ได้ตรงไหน”“ไม่ใช่เรื่อ