ชาวบ้านโอดครวญร้องขอบางคนถึงกับโขกหัวให้กับไป๋ซู่ฮวา นางไม่อยากทะเลาะกับชาวบ้าน นางต้องการเรียกชื่อเสียงคืน อีกอย่างที่นางต้องการจัดการคือจางชุนกับบ้านใหญ่ต่างหาก
"ซู่ฮวาๆพวกข้าไม่รู้จริงๆ เจ้าอภัยพวกข้าเถอะนะ ต่อไปพวกข้าจะไม่หูเบาอีกแล้ว"
"ซู่ฮวา ขอร้องใต้เท้าให้พวกเราด้วยเถอะนะ"
ไปซู่ฮวาหันไปมองลู่เปียว เขาลั่นวาจาออกมาแล้วหากนางให้เขาไม่เอาความจะเสียหน้าเพียงใดกันจึงเอ่ยเบาๆ
"ใต้เท้า ไป๋ซิ่วลูกพี่ลูกน้องข้าปาข้าหัวแตก จางขุนใส่ร้ายวางยาข้า บ้านใหญ่ไล่ข้าออกมาสมบัติก็ยึดไปหมดอีกทั้งขู่จะขายน้องชายของข้า รบกวนท่านช่วยจัดการให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ คนอื่นๆใกล้เก็บภาษีแล้ว ต้องมีแรงงานเก็บเกี่ยวเรื่องโบยท่านพิจารณาอีกทีเถอะเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวทำละลาย ผลประโยชน์ของทางการ มิสู้ให้เว้นโทษโบยพวกเขาเป็นเพิ่มภาษีดีกว่าเจ้าค่ะ เงินเข้าคลังยังช่วยปากท้องผู้คนได้บ้าง ที่เหลือแล้วแต่ท่านจะเมตตาพวกเขา ส่วนท่านปู่ไป๋จ้านนั้นเป็นคนเดียวที่ไม่ทำร้ายและให้ร้ายข้าเจ้าค่ะ"
ลู่เปียวทึ่งมากตั้งแต่ที่นางสามารถรู้ฐานะเขา ป้ายห้อยเอวนี้ขนาดผู้ว่าบางคนยังมองไม่ออกแต่นางมองออก อีกทั้งไม่ให้เข้าเสียหน้า แล้วยังมีบุญคุณกับชาวบ้านพวกนี้อีก ถ้านางเป็นบุรุษคงดีไม่น้อยที่จะคบหาเป็นสหาย
"เช่นนั้นก็ให้พวกเขาชดเชยเจ้าคนละหนึ่งตำลึง เก็บภาษีเพิ่มสามเท่า กุนซือหวังให้พวกเขาลงชื่อ จางชุนถอดถอนจากการเป็นซิ่วไฉ ปรับยี่สิบตำลึง บ้านสกุลไป๋พวกเจ้าตามนางไปนำที่ดินกลับคืนมา หากพวกเขาต้องการให้ทำสัญญาเช่า แล้วบุรุษผู้นั้นเจ้า.."ลู่เปียวลังเลที่จะเอ่ย
"ข้ากับเขาไม่ว่าอย่างไรก็กลายเป็นคนๆเดียวกับไปแล้วอีกอย่างตอนนี้เขาบาดเจ็บต้องการคนดูแล ใต้เท้าได้โปรดเขียนสัญญาแยกบ้านให้น้องชายข้าไป๋ซูหยางด้วยเจ้าค่ะ หากวันใดท่านกลับเมืองหลวงข้าเกรงว่าน้องชายอาจถูกขายไปเป็นบ่าวเศรษฐีเสียแล้ว"
ไป๋ซู่ฮวาโขกศรีษะลู่เปียว นางเป็นสตรีฉลาดฟ้องร้องครั้งเดียวทั้งสร้างบุญคุณจัดการทั้งความแค้น จางชุนจำต้องคืนเงินบวกกับดอกเบี้ยเป็นเงินสามสิบตำลึงอีกทั้งค่ายาจากการทุบตีนางทั้งหมดต้องจ่ายถึงสี่สิบตำลึง เขาไม่มีเงินจำต้องยกที่ดินให้นางหกหมู่และจ่ายเงินให้นางห้าตำลึงไป๋ซู่ฮวาเลือกผืนที่ติดกับที่ดินของนาง ที่ผืนนั้นอยู่ติดกับบ้านเจ้าโง่หยางหนิงเฉิงเดินสิบเก้าก็ถึง ชาวบ้านบางคนไม่มีเงินไป๋ซู่วาให้พวกเขาชดใช้เป็นข้าวหรือธัญพืชที่กำลังจะเก็บเกี่ยว มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรไม่สามารถบิดพลิ้วได้ ชาวบ้านน้ำตาเป็นสายเลือดต้องจ่ายให้นางอีกทั้งต้องเสียภาษีเพิ่ม พวกเขาไม่น่าเชื่อแม่ลูกสกุลจางเลย ไปซู่ฮวาเดินออกจากที่ว่าการมาก็เจอสตรีคนนึง นางจึงกระซิบเบาๆ
"คุณหนูซุนหากเจ้ารังเกียจหยางหนิงเฉิงควรพูดกันดีๆ มิใช่ร่วมมือกับจางชุนทำลายเขาเพียงเพราะเขาขาเป๋ เจ้าคิดจริงๆหรือว่ามีเพียงสถานศึกษาของบิดาเจ้าเท่านั้นหรือที่สามารถปั้นขุนนางได้"
ซุนเย่วเล่อบิดผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น หันกลับมาก็เจอกับสายตาฆ่าคนได้ของบิดา
"งามหน้านัก ไร้ยางอาย"ซุนยวี่ไม่มองหน้าบุตรสาวสักนิดนางไม่สมกับเป็นบุตรนักปราชญ์เอาเสียเลย
เดิมทีจางชุนติดหนี้ไป๋ซู่ฮวาเพียงแค่สิบห้าตำลึงแต่ใครใช้ให้เจ้าอวดดีขู่จะฟ้องลู่เปียวกันเล่า เขาคือหนึ่งในคุณชายแห่งสี่บุรุษงามของแคว้นฉินเชียวนะ บิดาเป็นถึงเสนาบดี เขาจึงจงใจปรับจางชุนทั้งดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งปรับข้อหาใส่ร้ายผู้อื่นอีกทั้งทำร้ายทุบตีไป๋ซู่ฮวาทั้งหมดรวมเป็นเงินห้าสิบตำลึง
จางชุนแทบกระอักเลือดเขาเพิ่งได้รับรางวัลมายี่สิบตำลึง แต่ต้องจ่ายนางสารเลวนี่ถึงห้าสิบตำลึง มารดาเขามาถึงก็อยากจะฆ่าไป๋ซู่ฮวาแต่ติดที่มีคนของทางการจ้องมองอยู่ สุดท้ายเขาอ้างว่าไม่มีเงินมีเพียงห้าตำลึง
"ใต้เท้า ข้าเป็นเพียงบัณฑิตยากจน เงินที่ได้รับมาก็ใช้หนี้ไปหมดแล้วเหลือเพียงห้าตำลึงขอรับ ไม่มีเงินใช้หนี้นางหรอก"
"เหอะ นางสารเลวนี่คบชู้สู่ชาย ข้าไม่ทวงสินสอดคืนก็ดีเท่าไหร่แล้ว ยังมีหน้าฟ้องร้องบุตรชายข้า ไป๋ซู่ฮวานังแพศยาหน้าด้าน"
เหวินซื่อด่าไป๋ซู่ฮวาแทนบุตรชาย ชาวบ้านที่ตอนนี้รู้แล้วว่าตนเองถูกสองแม่ลูกหลอกใช้ก็ไม่เข้าข้างพวกเขาอีก จากที่ต้องจ่ายภาษีแค่สองตำลึงกลายเป็นต้องเพิ่มข้าวและเสบียงที่เก็บเกี่ยวได้ให้ทางการเพิ่มอีก เพราะเชื้อคำโกหกของสองแม่ลูกนี้แท้ๆ
" เจ้ามีแค่ห้าตำลึง ที่เหลือยอมถูกโบยหรือว่าจะติดคุกดีละ ติดคุกหนึ่งเดือนเท่ากับเดือนละหนึ่งตำลึง เหลืออีกสี่สิบห้าตำลึงก็ติดแค่สามปีกับอีกเก้าเดือนเท่านั้นว่าอย่างไร"
ลู่เปียวถามคนด้านล่าง จางชุนมองไป๋ซู่ฮวาอย่างอาฆาต ก่อนจะปรับสีหน้าเปลี่ยนเป็นขอร้อง
"เสี่ยวฮวา เอ่อข้าผิดไปแล้วเจ้าอย่าเอาความได้หรือไม่ ข้าเองก็ถูกถอดจากซิ่วไฉแล้ว ถือว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ เจ้ามีคนอื่นข้ายังไม่โกรธเลย เห็นแก่ความรักความสัมพันธ์ก่อนหน้าอภัยข้าสักครั้งเถอะ" จางชุนพูดอ้อนวอน
"นังตัวขาดทุน เจ้าต้องการที่ดินคืนนั้นมันที่ดินสกุลไป๋ เจ้ามีสามีแล้วจะมาเอาของที่บ้านได้อย่างไร"
หูซื่อป้าสะใภ้ใหญ่ชี้หน้านาง ไป๋ซู่ฮวาเงยหน้ามองไปที่คนด้านบน ลู่เปียวเองก็อยากรู้ว่านางจะทำเช่นไรจึงรอดู
"ใต้เท้า ที่ดินสิบหมู่โฉนดเป็นชื่อข้า ส่วนจางชุนไม่มีเงินใช้หนี้ก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะข้าไม่เอาเงินเขาก็ได้"
"เสี่ยวฮวาข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องเห็นแก่ความรักของข้าขอบใจเจ้ามากนัก"
หึนังโง่ก็ยังเป็นนังโง่อยู่วันยังค่ำจางชุนเหยียดไป๋ซู่ฮวาในใจ แต่เขาได้ใจไม่นานไป๋ซู่ฮวาก็เอ่ยขึ้น
"ใต้เท้าผู้ตรวจการ ที่ดินของจางชุนติดกับที่ดินของข้าเช่นนั้นให้เขาโอนโฉนดที่ดินแปลงนั้นมาใช้หนี้ให้ข้าเถอะเจ้าค่ะ ที่ดินแปลงนั้นมีหกหมู่ถ้านับราคาตลาดหมู่ละห้าตำลึงเขาให้ข้ามาห้าตำลึงบวกที่ดินสามสิบตำลึงเหลืออีกสิบห้าตำลึงเช่นนั้นผลผลิตในที่ดินเหล่านั้นก็นับรวมไปด้วยเลย ส่วนไป๋ซิ่วทำร้ายข้ายังคงต้องจ่ายห้าตำลึงหากนางไม่มีก็ให้ทำสัญญาเงินกู้แทนเถอะเจ้าค่ะ อีกอย่างที่ดินที่ป้าสะใภ้ใหญ่กล่าวอ้างนั้นเดิมเป็นของมารดาข้าไม่ใช่ของสกุลไป๋ รบกวนใต้เท้าช่วยออกโฉนดเป็นชื่อข้ารวมกันเลยเถอะเจ้าค่ะ ส่วนที่ว่าข้าเคยมีสัมพันธุกับเจ้านั้นหากยังพูดอีกข้าจะฟ้องร้องเจ้าเพิ่มอีกหนึ่งข้อหานะจางชุนนอกจากมาขอยืมเงินข้า เจ้ากับข้าแทบไม่เคยอยู่ด้วยกันสองคนเลยด้วยซ้ำ หากพูดถึงความสัมพันธ์ข้าว่าเจ้ากับพี่ไป๋ซิ่วยังดูเหมือนคู่หมั้นมากกว่าข้าเสียอีก"
หยางหนิงเฉิงจัดการกองทัพเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขามาอยู่ที่นี่ได้ห้าปีแล้ว ไป๋ซู่ฮวาคลอดบุตรชายให้เขาอีกสองคนบุตรสาวอีกหนึ่งคนตอนนี้ผลผลิตจากแดนใต้ราคาดีมาก โดยเฉพาะกุ้งแห้งกับผงปรุงรสที่ทำจากปลาและกุ้งตากแห้งนำมาบดผสมกับเครื่องเทศเป็นสินค้าขายดีจริงๆ ส่งเข้าเมืองหลวงและเหลาอาหารต่างๆ ชาวประมงที่ตอนนี้ลืมตาอ้าปากได้ไป๋ซู่ฮวาตามหาต้นปาล์มจนเจอ ในที่สุดก็ปลุกต้นปาล์มได้กว่าสองพันต้น ตามพื้นที่ต่างๆ ต้นไหนโตแล้วให้ผลผลิตแล้วนางก็ปล่อยไว้ตอนนี้ผลผลิตของจวนอ๋องก็คืออาหารทะเลแบบแห้ง ผงปรุงรส น้ำมันปาล์ม นางเสาะหาพื้อที่น้ำเค็มจนเจอ แคว้นอู่ไม่ขาดแคลนเกลือแล้ว เพราะพระชายาหนิงอ๋องรู้วิธีทำเกลือได้ไป๋ซู่ฮวากำลังคำนวณบัญชีอยู่ นางเพิ่งให้นมเจ้าตัวเล็กไป ตอนนี้หยางหยางได้แปดเดือนแล้ว สวามีไม่มีทีท่าจะหยุดทำลูกเลยจริงๆ เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย"คนงามของพี่ สมบัติไม่รู้กี่ร้อยล้านตำลึงทองนับไม่ไหว หากลูกน้อยอีกหน่อยใครจะรักษาเล่าทูนหัว""แล้วลูกไม่ออกเรือนแต่งงานหรือเพคะ พระองค์ถึงจะขยันทำอยู่คนเดียว อื้อ"หยางหนิงเฉิงจูบนางเรียกร้อง ปลดสายรัดเอวก่อนจะฝังใบหน้าหล่อเหลาลงเต้าอวบอิ่
จนมื้อค่ำเรียบร้อย ไป๋ซู่ฮวาที่ตอนนี้กำลังอยู่ในอ่างอาบน้ำ กำลังนั่งหลับตาผ่อนคลายนางเหนื่อยมาก จนกระทั่งน้ำกระเพื่อม นางจึงลืมตาขึ้นมองก็เห็นคนตัวโตลงมานั่งในอ่างกับนาง พร้อมเนื้อตัวล่อนจ่อน"ท่านอ๋อง ยิ่งนับวันยิ่งหน้าด้านหรือไม่เพคะ""สองเดือนแล้วเด็กดี ยังไม่ได้รักเจ้าเลยนะคืนนี้ไม่ยอมแล้ว มาพี่ช่วยอาบน้ำดีกว่าจะได้เสร็จไวๆ""อย่ามาเจ้าเล่ห์พระองค์ทรง อื้ออออ" หยางหนิงเฉิงไม่ฟังรั้วนางมาจูบดูดดื่ม กดท้ายทอยนางไว้ไม่ให้หนีเขา มือหนากอบกุมทรวงอกขยำรุนแรงเพราะอารมณ์คิดถึงก่อนจะดันแผ่นหลังนางขึ้นก้มลงมาดูดปลายถันสีหวานจนไป๋ซู่ฮวาที่ตอนแรกดุเขาเสียงเข้ม ตอนนี้กลับกลายเป็นครางเสียงหวานรัญจวน"อ๊าๆๆๆ ท่านอ๋องเมียเสียว อื้อดูดเบาๆสิเพคะ หัวนมจะหลุดติดปากแล้ว""ไม่ไหวแล้วคิดถึงเหลือเกินคนดี ฮวาเอ๋อร์ยืนขึ้นให้พี่หน่อย หันหลังมาโน้มตัวไปข้างหน้าเอามือเกาะขอบอ่างไว้"ไป๋ซู่ฮวาทำตามที่เขาบอก หยางหนิงเฉิงจับแก่นกายร้อนผ่าวถูไถกลีบบอบบางที่มีน้ำหวานใสๆหลั่งออกมาเคลือบจากนั้นก็กดลงไปในร่องสีชมพูสวย"อื้อ แน่นจังเด็กดี เสียวจังฮวาเอ๋อร์พี่รักเจ้าเหลือเกิน""อื้อ ท่านแม่ทัพทวนของท่านช่างใหญ่โตนัก
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ซ่งไทเฮากับสกุลกัวหาเด็กทั้งสามเลิกแล้วมคนไม่เจอ งานเลี้ยงเลิกแล้วเรียบร้อย ทุกคนต่างกลับไปเพื่อพักผ่อน วันพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไกล เมื่ออยู่ในห้อง หยางหนิงเฉิงที่นอนให้เมียรักหนุนแขนอยู่มืออีกข้างลูบไหล่มนเบาๆ ไปซู่ฮวาเอ่ยถามเขาเพราะอยากรู้ถึงดินแดนทางใต้"ท่านอ๋อง ดินแดนทางใต้ติดทะเลหรือเพคะ""อืม อยากไปดูหรือ น้องหญิงของพี่รู้จักทะเลด้วยหรือ ที่นี่อยู่ไกลที่นั่นตั้งสองพันลี้นะ""เอ่อ เคยได้ยินคนคุยกันนะเพคะ ว่าทะเลสวยมากแต่เวลามีพายุก็น่ากลับมากเช่นกัน หม่อมฉันอยากเห็นสักครั้งเพคะ""ได้ พี่จะพาเจ้าไป ตอนนี้นอนก่อนเถอะคนงามของพี่ดึกมากแล้วนะ"ไป๋ซู่ฮวาที่กระเถิบเข้าหาอ้อมกอดสามี หยางหนิงเฉิงกอดนางแนบแน่นสตรีที่เขาไม่เคยคิดว่าจะรัก สตรีที่ได้มาด้วยเล่ห์กลของผู้อื่น สุดท้ายนางคือสตรีที่คู่ควรกับเขาที่สุด ลมหายใจของนางสม่ำเสมอหยางหนิงเฉิงจุมพิตเรือนผมนาง กระซิบเบาๆก่อนจะหลับตามไป"ฮวาเอ๋อร์พี่รักเจ้า"ยามซื่อทุกคนมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้านเพื่อเตรียมออกเดินทาง ไป๋เข่อซินร้องไห้กอดบิดากับมารดาแน่น หยางตงชิงกอดไป๋จิงถิงกับโจวซิ่วเหม่ยร้องไห้"เสี่ยว
ไป๋ซู่ฮวาที่ถูกเขาเคี่ยวกรำทุกคืนตั้งแต่วันที่นางยอมให้เขาคืนนั้น ตอนนี้ไม่มีแรงจะสั่งงานบ่าวไพร่แล้ว หยางหนิงเฉิงเดินผิวปากมาหาแต่เมียนั่งบนเตียงมองมาตาเขียวปั้ด "ทูนหัว เมื่อคืนพี่ไม่ตั้งใจจะกวนจริงๆนะ สงสัยจะมาจากสุราสมุนไพรที่เสด็จพี่ให้ชิม แค่สองจอกเท่านั้นเอง ยังดีที่พี่ไม่ชิมเยอะ""อย่ามาหาข้ออ้างหยางหนิงเฉิง ท่านหื่นกามเช่นนี้ต้องแยกเรือนแล้ว ตั้งแต่ยามไฮ่จนยามเหมามีใครเขาลามกหื่นกามเท่าท่านบ้าง ข้าปวดเอวไปหมดแล้วคนบ้า งานการไม่ต้องทำแล้ว หากคู่แฝดไม่ถึงขวบแล้วข้าตั้งครรภ์อีกล่ะก็แยกห้องนอนถาวรจนกว่าพวกเขาจะสิบขวบ""ไม่ได้สิเมียจ๋าต่อไปขอคืนละหนึ่งชั่วยามพอไม่มากกว่านั้นแล้วคนดี นะๆ น้องหญิงพี่สัญญาวันหลังจะไม่ดื่มสุรานั่นอีก""หนิงอ๋อง ออกไปเลยนะคนบ้า นี่แน่ะ"ตุ๊บๆ เสียงวัตถุตกกระทบพื้น หยางหนิงเฉิงโดดหลบทันที เมียปาหมอนใส่เขาแทบจะทุกใบที่อยู่เตียง ก่อนจะตัดสินใจรวบนางกักไว้ในอ้อมกอด พลิกนางลงใต้ร่างจูบนางดูดดื่ม ไป๋ซู่ฮวารักเขามากนางรักเขาไม่คิดว่าชีวิตนี้จะรักคนๆหนึ่งได้ อยู่ด้วยกันมาปีกว่าเขาไม่เคยให้นางเจ็บช้ำน้ำใจสักครั้ง นอกจากเรื่องนี้เรื่องเดียวเขากินเก่งก
วันต่อมาไม่นานรถม้าก็เคลื่อนที่จนมาถึงอารามที่ฉินกุ้ยเฟยถือศิลบวชอยู่ ฮ่องเต้ให้คนไปแจ้งว่ามีคาราวาสมาขอพบนาง ไม่นานแม่ชีคนนึงก็เดินออกมา นางเดินหลังตรงแต่ยังคงสำรวมมีความเป็นคนสูงศักดิ์แม้จะอยู่ในชุดนักบวชทันทีที่ทั้งคู่พบกันหยางตงอวี้ยิ้มให้นาง ฉินกุ้ยเฟยไม่คิดว่าจะเจอกับเขาที่นี่จึงทำความเคารพ แต่เขาจับข้อศอกนางไว้ก่อนจะพูดคุย"ซวงเอ๋อร์ไม่พบเจ้าหลายปีสบายดีหรือไม่""ซวงเอ๋อร์สบายดีเพคะ ฝ่าบาททรงมาไกลถึงเพียงนี้ไทเฮาจะทรงทำเรื่องลับหลังตอนไม่ประทับอยู่วังหรือไม่เพคะ""วางใจเถอะ นางชดใช้กรรมแล้วล่ะ วันนี้ข้าพาคนๆนึงมาพบเจ้าด้วย ชิงเอ๋อร์มาพบเสด็จแม่เจ้าได้แล้ว"หยางตงอวี้หันไปเรียกหยางตงชิงไม่นานเขาก็ดินออกมาจากห้องรับรอง ทันทีที่ฉินกุ้ยเฟยเห็นหน้าเขานางก็ร้องไห้ เดินไปกอดเขาแน่น"ชิงเอ๋อร์ๆลูกแม่ เจ้ายังสบายดี แม่กังวลว่าพวกเขาจะพบเจอเจ้าหรือไม่ เพราะเจ้าคล้ายฝ่าบาทมากนัก ฮืฮๆๆลูกแม่""ส เสด็จแม่ อย่าร้องไห้เลยพ่ะย่ะค่ะ ลูกสบายดีท่านพ่อท่านแม่เลี้ยงดูอย่างดีไม่เคยให้ลำบากพ่ะย่ะค่ะ""แม่รู้ๆ พวกเขาผัวเมียเป็นคนดียิ่งนัก แม่เองก็คิดว่าฝากไม่ผิดคน"หยางตงอวี้อยากให้แม่ลูกได้คุยกันมา
ยามเฉินทุกคนต่างเตรียมรถม้าวันนี้ฮ่องเต้กับรัชทายาทจะเสด็จไปเยี่ยมหมู่บ้านกันดารหาทางแก้ปัญหาอีกหลายที่ เมื่อเสร็จธุระแล้วก็ขึ้นรถเตรียมออก รถม้าวิ่งมาไกลมากแล้ว ไป๋ซูหยางนึกถึงคำพูดบิดามารดาและพี่สาว จึงตัดสินใจไปเข้าเฝ้าพระบิดาก่อนจะตกลงไปเยี่ยมมารดาผู้ให้กำเนิด"พี่ใหญ่ ข้าอยากปรึกษาท่านเรื่องมารดาของข้าขอรับ""ทำไมหรือ เสี่ยวหยางเจ้าสับสนว่าตนเองอยากไปเยี่ยมนางหรือไม่ ควรไปดีหรือเปล่าใช่ไหม""ขอรับ ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่เสียใจ แต่ใจหนึ่งก็อยากไปเห็นนางสักครั้งขอรับ""เสี่ยวหยาง นางเป็นมารดาให้กำเนิดนับว่ามีบุญคุณ อีกอย่างนางใช้ทั้งชีวิตปกป้องเจ้าจนได้มาเจอท่านพ่อกับท่านแม่ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาบ้านใหญ่จะทำไม่ดีกับเจ้าไว้มาก แต่อย่างน้อยก็คงดีกว่าเจ้าต้องถูกคนพยายามฆ่าทุกวัน ควรไปขอบคุณนางด้วยตนเองสักครั้ง ให้นางได้เห็นว่าเจ้าเติบใหญ่เพียงใดในตอนนี้""ขอรับพี่ใหญ่ ข้าจะไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ก่อน""อืม ท่านแม่พ่อกับท่านแม่จิตใจโอบอ้อมไม่มีทางขัดขวางเจ้าหรอก ไปเถอะ"้ไป๋ซูหยางออกไปแล้ว เขารู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับพี่สาว ไม่รู้ว่าไปอยู่วังหลวงจะเป็นเช่นไร แม้จะมีพี่เข่อซินจะไปอยู่