Masukบทที่ 2
ข้าไม่ยินยอม
เหอซีหยางมองตามร่างบอบบางที่หายเข้าไปยังหลังฉากกั้น หัวคิ้วกระบี่ขมวดมุ่นกับกิริยาที่เหมือนจะเปลี่ยนไปของนางด้วยความสงสัย หากข่าวลือที่ได้ยินมาคือเรื่องจริง ฮูหยินของเขาผู้นี้ย่อมไม่ยอมปล่อยเรื่องยาพิษไปอย่างง่ายดายแน่ นางเป็นถึงบุตรีคนโตของท่านแม่ทัพอุดร ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมคน ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ กดขี่ข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า นิสัยเลือดร้อนโมโหร้าย ชอบทำร้ายบ่าวไพร่ นางจะต้องไม่อยู่เฉยเป็นแน่ ไม่แน่ว่าท่าทีที่สุขุมของนางคงเป็นเพียงอุบายเท่านั้น วันพรุ่งนางอาจจะเรียกบ่าวรับใช้ทุกคนแล้วสั่งลงโทษโบยเพื่อระบายโทสะก็เป็นได้
หรือไม่! เรื่องทุกอย่างเป็นเพียงงิ้วโรงใหญ่ที่นางตั้งใจสร้างขึ้น เพื่อเรียกความสงสารจากทุกคนก็ได้ หึ! นางช่างเป็นสตรีที่มากเล่ห์ มิผิดคำพูดของถงเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย สงสัยเขาจะต้องเฝ้าระวังนางให้ดีเสียแล้ว
"ท่านพี่คิดสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ คิ้วขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์แล้ว คิก ๆ"
ไป๋อวี้เดินมาลูบคิ้วกระบี่ของเหอซีหยางอย่างถือวิสาสะ ทั้งยังล้มตัวนั่งข้างกายเขาเสียด้วย หยดน้ำที่เกาะพราวระยับบนเรือนร่างของนางพลันหยดใส่ตัวของเหอซีหยางไปด้วย
"นี่เจ้า! กล้าดีอย่างไรมาแตะต้องตัวข้า"
เหอซีหยางผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความไม่พอใจ เขาเอ่ยเสียงขรึมขณะมองตรงไปด้านหน้า
"ข้าหวังดีนะเจ้าคะ หากไม่อยากแก่เร็วก็อย่าได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนี้อีกเล่า"
ไป๋อวี้เอ่ยยิ้ม ๆ นางหยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปนั่งตรงโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมกับหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดผมสีน้ำหมึกที่ยาวจรดแผ่นหลังของตนช้า ๆ อย่างไม่รีบร้อนนัก
"ข้าไม่ต้องการความหวังดีจากสตรีที่ชอบเล่นงิ้วเช่นเจ้า ทางที่ดีเจ้าอย่าได้มาแตะเนื้อต้องตัวข้าอีก ข้าไม่ชอบ"
"แม้แต่ในคืนเข้าหอที่มีค่าดั่งทองพันชั่งน่ะหรือเจ้าคะ"
"ใช่!"
เหอซีหยางเอ่ยตอบน้ำเสียงเด็ดขาด สายตาของเขามีแต่ความว่างเปล่า
"อืม... แต่บิดาของท่านพี่อยากให้ข้ารีบให้กำเนิดเจ้าก้อนแป้งออกมาเร็ว ๆ นี่เจ้าคะ ถ้าหากท่านพี่ไม่ให้ความร่วมมือ แล้วข้าจะให้กำเนิดเจ้าก้อนแป้งน้อยน่ารัก ๆ ออกมาได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ"
ไป๋อวี้หันกลับมาถามสามีด้วยสีหน้าใสซื่อ ทว่าดวงตาของนางกลับเป็นประกายเจ้าเล่ห์
"เรื่องนั้น..." เหอซีหยางตะลึงงันจนพูดไม่ออก
ตัวเขาได้ชื่อว่ามีความรู้ดั่งนักปราชญ์ที่รอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง ทว่าเขากลับถูกสตรีตรงหน้าไล่ต้อนจนอับจนคำพูด เขาไม่อาจโต้เถียงชนะนางได้เลย นางช่างพลิกลิ้นเก่งกาจนัก
"ตัวข้าเป็นสตรีย่อมไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ ทว่าบิดาของท่านพี่นี่สิเจ้าคะจะยอมหรือที่บุตรชายเพียงคนเดียวกล้าขัดคำสั่ง ทั้งยังลบหลู่เกียรติของวงศ์ตระกูล ไม่ต้องการมีทายาทสืบสกุล เช่นนี้บิดาของท่านพี่ย่อมต้องไม่พอใจเป็นแน่ บรรพบุรุษก็จะต้องต่อว่าท่านพี่ที่ทำให้ตระกูลเหอสิ้นทายาทอย่างแน่นอนเลยเจ้าค่ะ" นางเอ่ยออกมาราวกับเห็นอกเห็นใจสามีผู้นี้นักหนา ทั้งที่ในใจกำลังยิ้มขำ
"ข้าพูดเมื่อใดว่าไม่ต้องการจะมีทายาทสืบสกุลให้ตระกูลเหอ เจ้าพูดให้มันน้อย ๆ หน่อยเถิดไป๋อวี้"
เหอซีหยางกัดฟันกรอดจนสันกรามขึ้นนูนด้วยความไม่พอใจ
"อ้าว! เช่นนั้นท่านพี่จะยอมร่วมหอกับข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ"
ร่างบอบบางลุกพรวดเข้ามาประชิดกายสูงของเหอซีหยาง ทั้งยังเอามือคล้องลำคอหนาของเขาเอาไว้เสียด้วย ใบหน้าของทั้งคู่จึงอยู่ห่างกันเพียงแค่เอื้อม จนรู้สึกได้ถึงกระแสลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่าย
"ข้าไม่คิดจะมีบุตรกับเจ้า แล้วเจ้าก็อยู่ให้ห่างจากข้าด้วย"
เหอซีหยางพยายามแกะมือของไป๋อวี้ ทว่าทำอย่างไรก็แกะไม่ออก มือของนางเหนียวหนึบราวกับทาด้วยยางไม้
"ท่านพี่คิดจะมีหญิงชู้หรือเจ้าคะ" น้ำเสียงของนางกดข่มด้วยความไม่พอใจ ดวงตาคู่สวยวาววับจับจ้องผู้เป็นสามีไม่วางตา
แต่งงานกับนางยังไม่ทันพ้นข้ามคืน สามีคนดีก็คิดจะมีชู้เสียแล้วหรือ ชักจะหยามน้ำใจนางมากเกินไปแล้ว คิดว่าคนอย่างนางที่เป็นสาวยุคใหม่ ไม่ชอบการคบชู้จะยอมหรือไร
"เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย อีกอย่างการที่ข้าจะมีภรรยาอีกหลาย ๆ คนก็ไม่นับว่าผิดอันใด"
"อ้อ... เช่นนั้นท่านพี่ก็ต้องถามความเห็นของข้าก่อนเจ้าค่ะ เพราะถ้าข้าไม่ยินยอมท่านพี่ก็มิอาจแต่งสตรีอื่นเข้ามาอยู่ในจวนได้ จะเป็นภรรยารอง อนุ หรือแม้แต่สาวใช้อุ่นเตียง ท่านพี่ก็ต้องถามความเห็นจากข้าผู้เป็นภรรยาเอกเสียก่อน"
ไป๋อวี้เอาหลักการของแคว้นสุยขึ้นมาพูด ไม่รู้ว่าแคว้นอื่นเป็นอย่างไร แต่ที่แคว้นสุยสามีสามารถมีภรรยาหลายคนได้ ทว่าจะต้องถามความยินยอมจากผู้เป็นภรรยาเอกเสียก่อน แต่ถ้านับตามจริงแล้วก็มีบุรุษน้อยคนนักที่จะทำตามนี้ เนื่องจากบทบาทของผู้เป็นสามีมีมากกว่าผู้เป็นภรรยานั่นเอง
"เจ้า! คิดว่าข้าจะกลัวคำพูดของเจ้าหรือ ถ้าข้าแต่งภรรยารองเข้ามาเจ้าจะว่ากล่าวอะไรข้าได้"
เหอซีหยางเองก็ไม่ยอมให้ไป๋อวี้ข่มขู่เขาอีก เขาไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะแต่งภรรยารองไม่ได้ อย่างไรเขาจะต้องหาทางหย่าขาดกับไป๋อวี้ แล้วแต่งงานกับถงเอ๋อร์ให้ได้!
"นั่นสิเจ้าคะ ถ้าท่านพี่รับภรรยารองมาจริง ๆ ข้าจะทำอะไรท่านพี่ได้กันนะ"
ไป๋อวี้ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เหอซีหยางอีกครั้ง ครานี้นางจ้องดวงตาของเขาตาแทบไม่กะพริบ ดวงตาสีนิลที่ควรจะกระจ่างใสแวววาวกลับมีม่านสีขาวขมุกขมัวปกคลุมที่ใจกลางดวงตาของเขา นางจับจ้องไม่วางตาก่อนจะพบว่าเขาเองก็มองดวงตาของนางเช่นกัน เมื่อครู่นี้เขาสบตากับนางไม่ผิดแน่!
"เหม็น!"
เหอซีหยางเอ่ยออกมาพลันรีบเบือนหน้าหนีสายตาจับผิดของไป๋อวี้ เขาแสร้งยกมือขึ้นมาปิดจมูกทำราวกับว่าเหม็นกลิ่นปากของนางอย่างนั้นแหละ
"ท่านพี่นี่พูดจาไม่ถนอมน้ำใจเลยนะเจ้าคะ ข้าแปรงฟันแล้ว จะบอกว่าเหม็นได้อย่างไร ไม่เชื่อข้าจะพิสูจน์ให้ดูเอง"
จบคำใบหน้างามก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เหอซีหยาง ริมฝีปากนุ่มนิ่มทาบลงมาที่ริมฝีปากหยักของเขาอย่างรวดเร็ว แม้จะแตะแต้มกันเพียงเบาบางราวกับปีกผีเสื้อ ทว่าหัวใจของเหอซีหยางกลับเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกมาจากอก เนื้อตัวของเขาพลันแข็งค้างกลายเป็นหินไปเสียแล้ว
นี่เขาสูญเสียจูบแรกให้กับสตรีเช่นไป๋อวี้หรือเนี่ย!!
ตอนพิเศษ 2ครอบครัวใหญ่5 ปีผ่านไปจวนตระกูลเหอได้กลายเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว เนื่องจากฮูหยินน้อยเหอได้ให้กำเนิดบุตรชายหญิงถึง 4 คนด้วยกัน คนแรกเป็นบุตรชายนามว่าเหอเสี่ยวเฟิง คนที่สองเป็นบุตรชายนามว่าเหอหงซวน คนที่สามเป็นบุตรสาวนามว่าเหอไห่อิง ส่วนคนที่สี่เป็นบุตรสาวนามว่าเหอจื่อเหยา โดยที่บุตรทั้งสี่นั้นมีอายุไล่เลี่ยกัน "ท่านพ่อ ท่านพ่อ ฟันดาบกันขอรับ" เหอหงซวนในวัยเกือบ 3 หนาววิ่งเข้ามาหาเหอซีหยาง ในมือยังถือดาบที่ท่านปู่เป็นคนซื้อให้ด้วย"หงซวนอยากเล่นฟันดาบกับพ่อหรือ"เหอซีหยางที่อุ้มบุตรสาวคนเล็กก้มหน้ามาถามบุตรชายคนรอง "ขอรับ!" เด็กน้อยพยักหน้าระรัวแล้ววิ่งรอบตัวผู้เป็นบิดาเหอซีหยางที่เอาเหอจื่อเหยาในวัย 9 เดือนหลับลงแล้วจึงส่งต่อนางให้กับแม่นมเพื่อพาไปนอนในเรือน ส่วนเขาก็หันกลับมาสนใจบุตรชายคนรอง"เช่นนั้นก็เตรียมตัวให้ดีนะ พ่อจะฟันแล้ว"เหอซีหยางคว้าดาบไม้อีกอันขึ้นฟันดาบกับบุตรชาย สองพ่อลูกเล่นฟันดาบกันจนเหน็ดเหนื่อย แต่คนที่เหนื่อยที่สุดดูท่าจะเป็นเหอซีหยางมากกว่า เพราะเหอหงซวนยังคงวิ่งไล่ฟันบิดาอย่างไม่หยุดหย่อน เด็กน้อยสนุกมากจนหัวเราะลั่นออกมาอย่างมีความสุข อี
ตอนพิเศษ 1เรื่องนี้ยอมกันไม่ได้หลายเดือนที่ผ่านมานี้ได้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เริ่มจากที่มู่ห่าวรันคอยตามเกี้ยวสตรีใจแข็งอย่างซูหนิงเหอ เขาต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมากมายกว่าจะทำให้นางเปิดใจยอมคบหากับเขาได้ ด้วยความพยายามและปรับปรุงตัวไม่โปรยรอยยิ้มให้กับสตรีอื่น และความหนักแน่นมั่งคงของมู่ห่าวรันทำให้ซูหนิงเหอยอมเปิดใจ "หนิงเหอ อีกหนึ่งเดือนข้าจะกลับไปเมืองสั่วหลิงแล้วนะ เจ้าจะคิดถึงข้าหรือไม่""จะไปนานเลยหรือ" ซูหนิงเหอวางมือจากการบดยาแล้วหันกลับมาสนใจมู่ห่าวรันในใจของนางอดจะรู้สึกวูบโหวงไม่ได้ หลายเดือนที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยอยู่ห่างจากสายตาของนางเกินหนึ่งเดือนเลย จนตอนนี้ฮ่องเต้เริ่มจะไม่พอพระทัยที่เขาอู้งานแล้ว เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งทิศประจิมแต่กลับเอาแต่อยู่ในเมืองหลวงไม่ยอมจากไปไหน"ก็คงเป็นปีเลย ฮ่องเต้ทรงออกคำสั่งให้ข้าย้ายกลับไปประจำยังเมืองสั่วหลิงได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ก็ส่งจดหมายให้ข้ารีบกลับบ้านเช่นกัน""อื้อ... ข้าคงคิดถึงเจ้า" ดวงหน้างามก้มหน้างุดนี่เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยคำพวกนี้ออกมา ทำเอามู่ห่าวรันตาโตด้วยความตกใจและดีใจเช่นกัน"เจ้าพูดเช่นนี้ข้าไม่อยากกลับเลย""
จวนตระกูลเหอ ทุกอย่างได้ดำเนินไปในทางที่ควรจะเป็นแล้ว บ้านเมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง การปราบกบฏชินอ๋องในครั้งนี้ถือเป็นการกวาดล้างขุนนางกังฉินด้วย และยังมีการมอบรางวัลให้กับขุนนางผู้ภักดี ตัวอย่างเช่นเหอหมิงเจ๋อที่ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย "ยินดีกับท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ" ไป๋อวี้เข้ามาแสดงความยินดี ในวันนี้ที่จวนได้จัดงานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ขึ้นมาโดยมีไป๋อี้ซวน ไป๋ฮวา ซูหนิงเหอ มู่ห่าวรัน และอี้เฉินที่มาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ "ฮ่ะฮ่า ขอบใจมากนะอวี้เอ๋อร์ และขอบใจทุกคนที่มาฉลองให้กับตาเฒ่าเช่นข้าด้วย" เหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี "ยินดีด้วยขอรับท่านอัครเสนาบดี จอกนี้ข้าขอดื่มให้ท่าน" อี้เฉินลุกขึ้นยืนแล้วเป็นฝ่ายดื่มคารวะเขาก่อน "ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบใจ ๆ" บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเป็นไปอย่างสนุกสนานครื้นเครง ทุกคนต่างดื่มกินกันอย่างสำราญใจ เสียงพูดคุยดังขึ้นเป็นระยะสลับกับเสียงหัวเราะดังลั่นของมู่ห่าวรัน และคำพูดหยอกล้อของไป๋อี้ซวนที่ชวนให้ผู้คนหัวเราะตามไปด้วย แต่คนที่ถูกเอ่ยถึงกลับเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำไปตาม ๆ กัน แม้งานเลี้ยงจะสนุกสนานเพียงใดก็ต้องมีวันเลิกรา เมื่อเวล
บทส่งท้ายฟิ้ว! ฉึก!เมื่อสุยเฟยหรงพุ่งตัวออกมาจากที่กำบังของตน เขาก็ถูกไป๋ฮวาที่ยืนอยู่บนกำแพงยิงธนูเข้าใส่ทันที ร่างสูงบนหลังม้าเสียหลักจนพลัดตกจากหลังม้า ร่างของสุยเฟยหรงกระแทกกับพื้นอย่างแรง ลูกธนูปักเข้าหน้าอกของเขา อีกเพียงนิดเดียวก็จะถูกหัวใจของเขาอยู่แล้ว"อ๊ากกก สารเลว! ลอบกัดข้า!" เขากัดฟันกรอดด้วยความแค้นใจ เขาเสียรู้ให้กับอี้เฉินเสียแล้ว"เจ้าชอบใช้วิธีลอบกัดมิใช่หรือ พอโดนกับตัวรู้สึกอย่างไรบ้างเล่า" อี้เฉินกระโดดลงมาจากหลังม้าแล้วตรงเข้าสังหารทหารคุ้มกันของสุยเฟยหรงอย่างรวดเร็ว ข้างกายเขายังมีตงเป่าและทหารข้างกายผู้ชาญศึกที่รู้ใจเป็นอย่างดีเข้าห้ำหั่นฝ่ายกบฏด้วย เหตุการณ์ตรงนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก ทางด้านสุยเฟยหรงพยายามจะขึ้นมาหลบหนี ทว่าอี้เฉินกับไป๋ฮวาย่อมไม่ยินยอม นางที่ยืนดูเหตุการณ์ด้านบนยิงธนูเข้ามาสกัดการหลบหนีของสุยเฟยหรง ก่อนที่อี้เฉินจะตรงเข้ามาฟาดฟันดาบใส่ร่างของสุยเฟยหรงอย่างโหดเหี้ยมเพลงดาบของเขาทั้งดุดันและรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวศีรษะของสุยเฟยหรงก็ได้ตกกระเด็นไปกับพื้น เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง"เฮ้! ท่านแม่ทัพอี้สังหารชินอ๋องได้แล
บทที่ 41ร่วมแรงร่วมใจต้านศัตรูเรื่องเสบียงถูกทำลายยังไม่สามารถแก้ไขได้ ทหารเกินกว่าครึ่งที่ดื่มน้ำจากแม่น้ำก็มีอันต้องเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก บางคนอาการหนักถึงขั้นท้องเสียอย่างรุนแรงจนตาย ส่วนอาการที่เบาสุดก็ถ่ายท้องจนไม่มีเรี่ยวแรง หลังจากสืบสวนจึงได้ทราบว่าแม่น้ำถูกปนเปื้อนด้วยยาพิษ! จากการคาดคะเนของชินอ๋องนั้น ต้นแม่น้ำอยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวงซึ่งเวลานี้เป็นกองทัพของมู่ห่าวรันที่คุมเชิงอยู่ ฉะนั้นคนที่วางยาพิษในแม่น้ำจะต้องเป็นฝั่งของมู่ห่าวรันเป็นแน่ น่าเจ็บใจยิ่งนัก เขาคาดไม่ถึงเลยว่ามู่ห่าวรันจะเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ได้ "จะทำอย่างไรต่อไปดีเพคะ ทหารของเราถูกพิษเกินกว่าครึ่ง เสบียงก็ถูกเผาจนเกือบวอดวายไปหมดแล้ว" พระชายาเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ"กองทัพของเรามีถึงเรือนแสน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะตีเมืองหลวงไม่แตก สั่งให้ทหารทุกนายเตรียมตัว ในยามจื่อข้าจะนำทัพออกรบด้วยตัวเองทุกทิศทาง อย่างไรจะต้องตีเมืองหลวงให้ราบเป็นหน้ากลองภายในคืนนี้ให้ได้!" สุยเฟยหรงประกาศเสียงกร้าว "พ่ะย่ะค่ะชินอ๋อง"ทหารคนสนิทรับคำแล้วออกไปถ่ายทอดคำสั่งของชินอ๋องด้วยความฮึกเหิม พวกเขารอเวลาที่จะได้ขยี้คนเมืองหล
บทที่ 40หลอกใช้ไป๋อวี้หยิบขวดน้ำปรุงขึ้นมาถือตรงหน้าของซุนหงเสีย อีกฝ่ายมีท่าทีตกใจแล้วพยายามยกมือขึ้นมาปิดปากปิดจมูกของตนเอาไว้แน่น ท่าทางเช่นนี้ของนางบ่งบอกว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกต้องแล้ว"เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วยสินะที่ต้องการให้ข้าตาย น้ำปรุงขวดนี้ที่เจ้าให้ข้าในวันแต่งงานคือตัวกระตุ้นให้พิษกลืนวิญญาณให้ออกฤทธิ์ใช่หรือไม่!"ถ้าไม่ได้ซูหนิงเหอที่มาช่วยไป๋อวี้คัดเลือกน้ำปรุงและเครื่องประดับ นางคงจะโง่อีกนานที่ไม่รู้ว่าคนร้ายที่ตามหาจนแทบพลิกแผ่นดินนั้นอยู่ใกล้ตัวแค่เอื้อม โจวเย่ถงที่ต้องการฆ่านางนั้นยังไม่น่าแปลกใจเท่าซุนหงเสียเลย ไป๋อวี้อยากจะรู้เหตุผลว่านางทำไปเพราะอะไร เหตุใดถึงอยากจะฆ่านางนัก!"จะ เจ้าเอาน้ำปรุงนั่นโยนทิ้งไปเลยนะ" ซุนหงเสียเอ่ยสั่งเสียงดัง นางรีบถอยหลังไปยืนอยู่ด้านหลังห้องขังด้วยความหวาดกลัว"หึ ๆ เจ้าเองก็กลัวเป็นเหมือนกันหรือ""ขะ ข้าไม่รู้เรื่องนะ น้ำปรุงนั่นเป็นชินอ๋องที่ทรงมอบให้ข้า" "เจ้าจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร อย่ามาเล่นงิ้วทำตัวว่าตัวเองถูกหลอกใช้เลย มันน่าขัน" ไป๋อวี้ตอกกลับอย่างเย็นชา"อวี้เอ๋อร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้านะ เป็นชินอ๋องที่หลอกใช้ข้า เขาบ







