บทที่ 1
เรื่องวุ่นวายในคืนเข้าหอ
ในห้องหอที่ควรจะมีแค่คู่บ่าวสาว บัดนี้กลับมีคนมากมายเดินเข้าออกกันอยู่หลายรอบ คราแรกเป็นท่านหมอที่เข้ามาตรวจดูอาการ คนที่สองคือผู้นำตระกูลเหอ 'เหอหมิงเจ๋อ' เสนาบดีกรมยุติธรรม และถัดมาก็เป็นแม่ทัพไป๋แห่งทิศอุดร เขาสละเวลาอันมีค่าจากชายแดนเพื่องานมงคลของบุตรสาวคนโต ทว่ากลับมีเรื่องเกิดขึ้นที่ยากจะคาดคิดเอาเสียได้
"เจ้าตั้งใจฆ่าตัวตายจริงหรืออวี้เอ๋อร์"
แม่ทัพไป๋เอ่ยถามบุตรสาวน้ำเสียงคร่ำเครียด หากเป็นจริงดั่งที่ได้ยินมาก็นับว่าบุตรสาวของเขาโง่เขลานัก
ไป๋อวี้มองคนที่ยืนอยู่ในห้องหอด้วยท่าทีที่พยายามจะทำให้สงบที่สุด นางใช้เวลาใคร่ครวญไม่นานก็รู้ว่าแท้จริงตัวเองคือใคร และพวกเขาคือใคร นี่ถือเป็นตลกร้ายที่นางได้เข้ามาอยู่ในนิยายที่ยังแต่งไม่จบ ฉะนั้นแล้วนี่ถือเป็นการแสดงละครชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดในฐานะอดีตนักแสดงชื่อดัง
"ไม่ใช่เจ้าค่ะ ฉัน เอ่อ... ลูกทานขนมแล้วคอแห้งจึงคิดจิบสุราเท่านั้น ทว่า... สุรานี้กลับมีพิษ มีคนจงใจคิดจะสังหารลูกเจ้าค่ะ ลูกจึงกระอักเลือดออกมาแล้วหมดสติไปครู่หนึ่ง โชคดีที่... เอ่อ ตัวลูกต้านพิษชนิดนี้ได้เจ้าค่ะ"
นางจะพูดได้อย่างไรว่าบุตรสาวที่แท้จริงได้ตายไปแล้ว ส่วนนางคือวิญญาณที่เข้ามาสวมร่างแทน ที่สำคัญพิษที่พรากวิญญาณของไป๋อวี้ตัวจริงไปได้สลายหายไปหมดสิ้นแล้ว แม้แต่ท่านหมอที่มาตรวจอาการก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้
นี่คือประโยคยาวเหยียดที่ไป๋อวี้คนใหม่ได้เอ่ยออกมาเป็นครั้งแรก ท่าทีที่ดูสงบของนางไม่โวยวายเหมือนคราแรก ยิ่งทำให้เจ้าบ่าวเกิดความประหลาดใจ
"มิใช่ว่าเจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้าหรือ"
'เหอซีหยาง' บุตรชายเพียงคนเดียวของเหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้น เขาไม่เชื่อว่าที่จวนของเขาจะมีคนลอบเข้ามาวางยาพิษได้ ไม่ใช่ว่านางแสร้งสร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากทุกคน และถือโอกาสกล่าวว่าจวนของเขาไม่ปลอดภัยจึงจะขอยกเลิกงานแต่งงานเล่า
หึ! แผนการตื้นเขินเช่นนี้ เขามองออกแล้ว
"ใครบอก ฉะ... ข้าไม่อยากแต่งงาน" คิ้วเรียวเลิกขึ้น นางมองหน้าผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างท้าทาย แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นนางก็ช่างเถิด
สกิลการชอบดูซีรีส์และอ่านนิยายเป็นประจำ ในที่สุดก็ได้นำออกมาใช้สักที ไม่เสียแรงที่นางชอบดูท่านกั๋วกงจนตาดำเป็นหมีแพนด้า เกือบตื่นไปทำงานไม่ทัน
"..."
ภายในห้องหอพลันเงียบเสียงลง แล้วหันมาจ้องหน้าไป๋อวี้เป็นตาเดียว มิใช่ว่าก่อนหน้านี้นางเคยพูดออกมาว่าไม่อยากแต่งงานกับเหอซีหยางไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้พูดกลับไปกลับมาเช่นนี้กันเล่า
"เจ้าหมายจะพูดว่าอะไร"
"ข้าไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งงานกับท่าน ถึงแม้ว่าท่านจะตา... เอ่อก็เถอะ แต่เพราะท่านมีความสามารถ อีกทั้งยังรูปงามถึงเพียงนี้ การได้แต่งเป็นภรรยาให้ท่านก็นับว่าไม่เลวเลย จริงหรือไม่เจ้าคะท่านพ่อ"
ไป๋อวี้หันไปหาบิดาเพื่อให้เขาช่วยพูด
"ฮะฮ่า อวี้เอ๋อร์กว่าได้ถูกต้องแล้ว ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เช่นนั้นพวกเราก็ปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้อยู่กันตามลำพังเถิด ส่วนเรื่องที่อวี้เอ๋อร์ถูกพิษ อย่างไรก็ต้องหาตัวคนทำมาให้ได้"
"ฮ่าฮ่า นั่นสิ ๆ นี่ก็จะเลยฤกษ์ยามอันดีแล้ว เรารีบออกไปเถอะ อวี้เอ๋อร์พ่อขอฝากอาหยางให้เจ้าดูแลด้วยนะ จะให้ดีพ่อขอมีหลานเร็ว ๆ เลย"
เหอหมิงเจ๋อผู้เอ็นดูไป๋อวี้กล่าวออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาเดินเข้ามาลูบศีรษะนางก่อนจะชวนทุกคนให้ออกไปจากห้องหอ ท่านหมอเองก็บอกว่าไป๋อวี้ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็สมควรออกไปเพื่อให้ทั้งสองได้ใช้ค่ำคืนวสันต์ร่วมกันเสียที
"ท่านพ่อ" เหอซีหยางเอ่ยเรียกบิดา
"อย่าได้ทำให้ตระกูลเหอของเราผิดหวัง เข้าใจหรือไม่อาหยาง" คำพูดนี้ได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้น
"ขอรับ" เหอซีหยางขานรับด้วยความจำยอม
ทุกคนตบเท้ากันเดินออกไปจากห้องหอ ทิ้งให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันตามลำพัง เมื่อไม่มีผู้ใดอื่นอีก เหอซีหยางก็คลำทางอย่างสะเปะสะปะไปยังห้องอาบน้ำ เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เป็นอย่างดี จนแม้แต่ไป๋อวี้ยังอดจะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ด้วยท่าเดินของเขาดูมั่นคงนัก
เสียงอาบน้ำดังขึ้นจากหลังฉากกั้นอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานร่างสูงกำยำที่สวมเพียงกางเกงเนื้อบางสีขาวก็เดินออกมา เส้นผมสีดำขลับเปียกลู่ไปตามกรอบใบหน้าคมสัน ไป๋อวี้ที่มองอยู่ก่อนแล้วอดจะรู้สึกหายใจติดขัดไม่ได้
สามีผู้นี้... รูปโฉมงดงามนัก ใบหน้าหล่อเหลาเป็นรูปไข่ กรอบหน้าชัดเจนโดยเฉพาะสันกรามที่ขึ้นนูนเด่นจนนางรู้สึกใจหวิว คิ้วกระบี่คมเข้มพาดเฉียงเหนือดวงตาคู่คมสีดำเข้ม ไล่ลงมาที่จมูกโด่งเรียวสวย รับกับริมฝีปากหยักหนาอวบอิ่มสีแดงระเรื่อน่าจูบ
อ่า... เขาหล่อเหลาเสียจนหัวใจของนางเต้นระรัวจนรู้สึกได้ นางคิดว่าใบหน้าของเขานั้นสามารถล่อลวงสตรีได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าเทียบกับหน้าท้องแกร่งที่เป็นลอนคลื่นอย่างสวยงามนี้ นางกลับรู้สึกว่านี่สิคือหุ่นผู้ชายที่ผู้หญิงต่างใฝ่ฝันถึง ที่นี่ไม่มียิม ไม่มีฟิตเนส ไม่มีโค้ชมาช่วยเรื่องปั้นกล้าม ปั้นหุ่น แต่เหตุใดกล้ามเนื้อของสามีนางถึงได้ดูกำยำน่าลูบไล้ขนาดนี้กันล่ะเนี่ย
โอ๊ย... น้ำลายไหล!!
ไป๋อวี้เช็ดน้ำลายที่ไหลออกมาจากมุมปากด้วยความว้าวุ่นใจ นางเหม่อมองเหอซีหยางด้วยแววตาแวววับ ในขณะที่เขาเองก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองแทบจะทะลุเนื้อผ้าของเขาได้เช่นกัน ร่างสูงค่อย ๆ เดินมานั่งบนเตียงแล้วกระแอมไอออกมาเพื่อเรียกสติฮูหยินของตน
"เจ้ารีบไปอาบน้ำ ข้าจะนอนแล้ว"
"ให้ข้ารีบไปอาบน้ำเพื่อมาทำกิจกรรมระหว่างสามีภรรยาหรือ" นางเอ่ยถามด้วยดวงตาวาววับ แต่คนที่ได้ยินกลับอึ้งงันจนวางสีหน้าไม่ถูก
"เจ้าเลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ข้าจะไม่แตะต้องสตรีที่ร้ายกาจ เจ้ามารยาเช่นเจ้าเป็นอันขาด"
เหอซีหยางนึกถึงคำพูดที่ให้ไว้กับสหายที่เขาหลงรักมาตั้งแต่วัยเยาว์
'ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่แตะต้องไป๋อวี้เป็นอันขาด ข้ารักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว'
"ได้! ข้าน้อมรับคำพูดของท่านพี่เจ้าค่ะ"
ไป๋อวี้อมยิ้มตรงมุมปาก นางเดินไปยังหลังฉากกั้น แล้วสั่งให้บ่าวหน้าห้องมาเปลี่ยนน้ำในถังเสียใหม่ จากนั้นจึงลงไปแช่ตัวเพื่อเรียกสติของตนเองให้กลับคืนมา รวมถึงขบคิดเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาราวกับฝันหนึ่งตื่นนี้ เพื่อจะได้ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปอย่างองอาจ!
คนอย่างไป๋อวี้ย่อมไม่อับจนหนทางเพียงเรื่องแค่นี้หรอก หึ ๆ!!
บทที่ 7พาสามีมาพบหน้าครอบครัวหลายวันที่ผ่านมานี้ไป๋อวี้ใช้ชีวิตในจวนตระกูลเหออย่างสงบสุขยิ่งนัก พ่อสามีรักใคร่เอ็นดูคอยเอาอกเอาใจนางสารพัด อาหารการกินล้วนถูกดูแลเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะเหอหมิงเจ๋อต้องการหลานชายไว ๆ เขาจึงทุ่มเทกับลูกสะใภ้ผู้นี้มาก"วันนี้ก็ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมใช่หรือไม่อวี้เอ๋อร์"เหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้นบนโต๊ะอาหาร โดยที่มือก็คีบเป็ดย่างให้ไป๋อวี้ไปด้วย"เจ้าค่ะท่านพ่อ หลังจากรับอาหารเช้าเสร็จข้าก็จะพาท่านพี่ไปเยือนจวนตระกูลไป๋ด้วยกันเจ้าค่ะ""ดี ๆ เช่นนั้นก็เตรียมของไปฝากบ้านเจ้าให้มากหน่อยก็แล้วกัน""ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ"ไป๋อวี้คลี่ยิ้มหวานพลางคีบอาหารป้อนใส่ปากเหอซีหยางไปด้วยเหอหมิงเจ๋อมองทั้งสองด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ตั้งแต่บุตรชายสูญเสียการมองเห็นไป การทานอาหารร่วมกันก็นับว่าหม่นหมองยิ่งนัก เหอซีหยางมักจะรับอาหารที่ห้อง ไม่ค่อยยอมออกมาทานร่วมโต๊ะกับผู้ใดด้วยเกรงว่าจะคีบอาหารผิด ๆ ถูก ๆทว่าหลังจากแต่งไป๋อวี้เข้ามา บุตรชายของเขาก็ออกมาร่วมโต๊ะอาหารกับเขา แม้จะเอาแต่นั่งเงียบคอยอ้าปากรับอาหารที่ผู้เป็นภรรยาป้อนให้ไม่ขาดปากก็ตาม แต่ก็ดีกว่าเดิมมากนัก ลูกสะใภ้ผู้น
บทที่ 6นายหญิงคนใหม่อากาศที่เริ่มร้อนขึ้นในช่วงคิมหันต์ฤดูนั้น ทำให้ไป๋อวี้ที่รู้สึกร้อนอบอ้าวลืมตาตื่นขึ้นมา หญิงสาวกวาดสายตามองทั่วห้องหอที่เละเทะด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผู้เป็นสามีที่ควรจะนอนอยู่ข้าง ๆ กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ดูท่าเขาคงจะออกไปนานแล้ว'อื้อ... เจ็บชะมัดเลย'ไป๋อวี้ร้องครางในใจ เมื่อเริ่มขยับตัวก็รู้สึกถึงความเจ็บแปลบตรงกึ่งกลางกายสาว เมื่อคืนนี้นางกับเขาหักโหมกันเกินไป ทำราวกับอดอยากปากแห้งมานานจึงได้ดุดันเร่าร้อนกันถึงเพียงนี้ กว่าทุกอย่างจะสงบลงท้องฟ้าด้านนอกก็ได้เปลี่ยนสีไปเสียแล้ว"ฮูหยินน้อย บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ"เพราะเสียงการเคลื่อนไหวด้านใน ทำให้บ่าวหน้าห้องทราบว่าไป๋อวี้ได้ตื่นแล้ว พวกนางมีหน้าที่มาคอยปรนนิบัตินายหญิงคนใหม่อย่างสุดความสามารถ"เข้ามาได้"ไป๋อวี้เอาผ้าห่มมาพันกายที่เปลือยเปล่าของตน สาวใช้กว่าสี่คนที่เดินเข้ามาพลางอุทานด้วยความตกใจ พวกนางอายุยังน้อยเมื่อเห็นความพินาศของห้องหอ และร่องรอยฝากรักที่โผล่พ้นชายผ้าห่มของไป๋อวี้ อดจะรู้สึกเขินอายออกมาไม่ได้ นายน้อยของพวกเขาแม้จะตาบอดแต่ก็ดุดันเร่าร้อนยิ่งนักน่านับถือ น่านับถือ!"เอ่อ... ฮูหยินน้อยจะอาบน
บทที่ 5ข้าจะไม่อ่อนโยนเสียงจ๊วบจ๊าบจากการดูดดึงเรียวลิ้นนั้น ดังขึ้นท่ามกลางเสียงที่เงียบลงในห้องหอ ทว่าเพียงไม่นานเมื่อไป๋อวี้ปรับตัวได้ เบื้องล่างของเหอซีหยางจึงได้เริ่มเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า... เบา ๆ หน่อย”ไป๋อวี้ร้องเตือนเขาด้วยสีหน้าเหยเก แม้นางจะเริ่มปรับตัวให้คุ้นชินกับตัวตนของเขาได้แล้ว แต่นางก็ยังคงเจ็บจากการที่เขาเคลื่อนไหวบนตัวนางอยู่ดี ยิ่งเขารุนแรงนางก็ยิ่งรู้สึกเจ็บมาก"ภายในของเจ้ามันรัดข้าแน่นเกินไปแล้วนะ"เหอซีหยางบดกรามแน่น ขณะกำลังกระแทกเอวสอบของตนในร่องรักของนางรัวเร็ว เขาจับยึดสะโพกมนไม่ให้ขยับกายถอยหนี แล้วอัดกระแทกสวนแทงเข้าไปอย่างรุนแรงตามแรงอารมณ์ของตน โดยไม่ได้รับรู้ถึงสีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดและสุขสมของไป๋อวี้เลย กายสูงแหงนหน้าร้องครางเสียงต่ำด้วยความเสียวซ่าน"อ่ะ อ๊า... ซี๊ด แน่นมาก เจ้าตอดรัดข้าจนจุกไปหมดแล้ว อ่า...""ชะ ช้าหน่อย อื้อ... จุก"ไป๋อวี้ตัวสั่นระริกจากแรงกระแทกของคนบนร่าง ช่องทางรักของนางมันบีบรัดตัวตนของเขาเอาไว้แน่น ยิ่งปลายส่วนหัวหยักแตะครูดไปถูกผนังเนื้อด้านในอันแสนอ่อนนุ่ม ยิ่งทำให้ไป๋อวี้ดวงตาเบิกโพลงด้วยความจุกเสี
บทที่ 4ข้าอยากมีลูกเหอซีหยางได้เสียรู้ให้กับนางจิ้งจอกสาวผู้เป็นภรรยาเสียแล้ว นางร้ายกาจเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ เขามิอาจหลุดพ้นออกไปจากพันธนาการของนางได้เลย ในเมื่อนางยั่วยวนเขาถึงเพียงนี้ และยังล่วงรู้ว่าเขามิได้ตาบอดสนิทอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ในยามกลางวันเขาจะมองไม่เห็นนัก เหมือนมีหมอกมาปกคลุมที่ดวงตาตลอดเวลา บางคราก็เกิดภาพซ้อนทับหรือมองสีผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงทว่าในยามกลางคืนหรือในที่มืด เขาจะมองเห็นได้ชัดกว่าปกติ แม้ไม่เหมือนเดิมในกาลก่อนแต่ก็ชัดเจนกว่าในยามกลางวันมากนัก และเพราะกิจวัตรประจำวันต้องทำในยามกลางวัน ทำให้เขามิอาจจะรับราชการหรือทำอะไรได้สะดวกนัก ทุกคนจึงคิดว่าเขาได้ตาบอดไปเสียแล้วแม้จะพยายามตามหาหมอเทวดามารักษา ทว่ากลับไร้ซึ่งความหวัง เขายอมรับแล้วว่าตัวเองคงจะตาบอดสนิทในไม่ช้านี้เป็นแน่"ไป๋อวี้! เจ้าท้าทายข้าเองนะ ในเมื่อเจ้าอยากมีลูกมากนัก ข้าก็จะช่วยทำให้เจ้าสมหวังเอง"เหอซีหยางได้กลายร่างเป็นเสือร้ายไปเสียแล้ว เขาลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าถมึงทึง สายคาดเอวที่มัดข้อมือของเขาถูกดึงจนขาดหลุดมือออกมาด้วย ร่างสูงคว้าร่างเปลือยเปล่าของไป๋อวี้เข้ามากกกอด บดจูบริมฝีปากเ
บทที่ 3วิธีพิสูจน์ของไป๋อวี้เหอซีหยางแทบจะลืมว่าต้องหายใจอย่างไร จู่ ๆ เขาก็ถูกไป๋อวี้ช่วงชิงจูบแรกไปเสียอย่างนั้น ความนุ่มนิ่มของริมฝีปากบางที่แตะแต้มเมื่อครู่นั้นได้จรดลึกเข้าไปในความทรงจำของเขาเสียแล้ว ร่างกายของเขาได้บอกว่าเพียงแค่นี้ไม่พอหรอกนะ ไวเท่าความคิดฝ่ามือหนาก็ได้จับตรึงท้ายทอยของไป๋อวี้เอาไว้แน่น จากเพียงแค่ริมฝีปากแตะสัมผัสกันผิวเผิน เหอซีหยางก็ได้ลอบกัดริมฝีปากล่างของนางเพื่อเอาคืน"อ๊ะ!"ไป๋อวี้อุทานขึ้นมาด้วยความเจ็บจี๊ด กว่าจะรู้ตัวก็ถูกลิ้นร้อนของเหอซีหยางสอดเข้ามาในปากของนางเสียแล้ว เขาไล่ต้อนช่วงชิงความหอมหวานจากโพรงปากเล็กอย่างจาบจ้วง และเงอะงะนักในความรู้สึกของนางทำไมถึงรู้หรือ... ก็เพราะนางเคยเล่นบทจูบกับพระเอกที่จูบเก่งกว่าเขามาแล้วหลายคน จูบเด็กน้อยของเขาไม่ได้ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นเลย ทว่ากลับทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเสียอย่างนั้น ความร้อนวูบวาบพลันแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่างจนยากจะต้านทานได้"อ่า... อื้อ อ๊อย ๆ"ไป๋อวี้รู้สึกลมหายใจได้ถูกเขาช่วงชิงไปจนเกือบหมด มือเล็กยกขึ้นทุบหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเพื่อประท้อง เหอซีหยางที่เพิ่งได้สติก็รีบปล่อยริมฝีปากข
บทที่ 2ข้าไม่ยินยอมเหอซีหยางมองตามร่างบอบบางที่หายเข้าไปยังหลังฉากกั้น หัวคิ้วกระบี่ขมวดมุ่นกับกิริยาที่เหมือนจะเปลี่ยนไปของนางด้วยความสงสัย หากข่าวลือที่ได้ยินมาคือเรื่องจริง ฮูหยินของเขาผู้นี้ย่อมไม่ยอมปล่อยเรื่องยาพิษไปอย่างง่ายดายแน่ นางเป็นถึงบุตรีคนโตของท่านแม่ทัพอุดร ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมคน ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ กดขี่ข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า นิสัยเลือดร้อนโมโหร้าย ชอบทำร้ายบ่าวไพร่ นางจะต้องไม่อยู่เฉยเป็นแน่ ไม่แน่ว่าท่าทีที่สุขุมของนางคงเป็นเพียงอุบายเท่านั้น วันพรุ่งนางอาจจะเรียกบ่าวรับใช้ทุกคนแล้วสั่งลงโทษโบยเพื่อระบายโทสะก็เป็นได้หรือไม่! เรื่องทุกอย่างเป็นเพียงงิ้วโรงใหญ่ที่นางตั้งใจสร้างขึ้น เพื่อเรียกความสงสารจากทุกคนก็ได้ หึ! นางช่างเป็นสตรีที่มากเล่ห์ มิผิดคำพูดของถงเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย สงสัยเขาจะต้องเฝ้าระวังนางให้ดีเสียแล้ว"ท่านพี่คิดสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ คิ้วขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์แล้ว คิก ๆ"ไป๋อวี้เดินมาลูบคิ้วกระบี่ของเหอซีหยางอย่างถือวิสาสะ ทั้งยังล้มตัวนั่งข้างกายเขาเสียด้วย หยดน้ำที่เกาะพราวระยับบนเรือนร่างของนางพลันหยดใส่ตัวของเหอซีหยางไปด้วย"นี่เจ้า! กล้าดีอย่