เข้าสู่ระบบบทที่ 1
เรื่องวุ่นวายในคืนเข้าหอ
ในห้องหอที่ควรจะมีแค่คู่บ่าวสาว บัดนี้กลับมีคนมากมายเดินเข้าออกกันอยู่หลายรอบ คราแรกเป็นท่านหมอที่เข้ามาตรวจดูอาการ คนที่สองคือผู้นำตระกูลเหอ 'เหอหมิงเจ๋อ' เสนาบดีกรมยุติธรรม และถัดมาก็เป็นแม่ทัพไป๋แห่งทิศอุดร เขาสละเวลาอันมีค่าจากชายแดนเพื่องานมงคลของบุตรสาวคนโต ทว่ากลับมีเรื่องเกิดขึ้นที่ยากจะคาดคิดเอาเสียได้
"เจ้าตั้งใจฆ่าตัวตายจริงหรืออวี้เอ๋อร์"
แม่ทัพไป๋เอ่ยถามบุตรสาวน้ำเสียงคร่ำเครียด หากเป็นจริงดั่งที่ได้ยินมาก็นับว่าบุตรสาวของเขาโง่เขลานัก
ไป๋อวี้มองคนที่ยืนอยู่ในห้องหอด้วยท่าทีที่พยายามจะทำให้สงบที่สุด นางใช้เวลาใคร่ครวญไม่นานก็รู้ว่าแท้จริงตัวเองคือใคร และพวกเขาคือใคร นี่ถือเป็นตลกร้ายที่นางได้เข้ามาอยู่ในนิยายที่ยังแต่งไม่จบ ฉะนั้นแล้วนี่ถือเป็นการแสดงละครชีวิตครั้งใหญ่ที่สุดในฐานะอดีตนักแสดงชื่อดัง
"ไม่ใช่เจ้าค่ะ ฉัน เอ่อ... ลูกทานขนมแล้วคอแห้งจึงคิดจิบสุราเท่านั้น ทว่า... สุรานี้กลับมีพิษ มีคนจงใจคิดจะสังหารลูกเจ้าค่ะ ลูกจึงกระอักเลือดออกมาแล้วหมดสติไปครู่หนึ่ง โชคดีที่... เอ่อ ตัวลูกต้านพิษชนิดนี้ได้เจ้าค่ะ"
นางจะพูดได้อย่างไรว่าบุตรสาวที่แท้จริงได้ตายไปแล้ว ส่วนนางคือวิญญาณที่เข้ามาสวมร่างแทน ที่สำคัญพิษที่พรากวิญญาณของไป๋อวี้ตัวจริงไปได้สลายหายไปหมดสิ้นแล้ว แม้แต่ท่านหมอที่มาตรวจอาการก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้
นี่คือประโยคยาวเหยียดที่ไป๋อวี้คนใหม่ได้เอ่ยออกมาเป็นครั้งแรก ท่าทีที่ดูสงบของนางไม่โวยวายเหมือนคราแรก ยิ่งทำให้เจ้าบ่าวเกิดความประหลาดใจ
"มิใช่ว่าเจ้าไม่อยากแต่งงานกับข้าหรือ"
'เหอซีหยาง' บุตรชายเพียงคนเดียวของเหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้น เขาไม่เชื่อว่าที่จวนของเขาจะมีคนลอบเข้ามาวางยาพิษได้ ไม่ใช่ว่านางแสร้งสร้างเรื่องเพื่อเรียกร้องความสนใจจากทุกคน และถือโอกาสกล่าวว่าจวนของเขาไม่ปลอดภัยจึงจะขอยกเลิกงานแต่งงานเล่า
หึ! แผนการตื้นเขินเช่นนี้ เขามองออกแล้ว
"ใครบอก ฉะ... ข้าไม่อยากแต่งงาน" คิ้วเรียวเลิกขึ้น นางมองหน้าผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างท้าทาย แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นนางก็ช่างเถิด
สกิลการชอบดูซีรีส์และอ่านนิยายเป็นประจำ ในที่สุดก็ได้นำออกมาใช้สักที ไม่เสียแรงที่นางชอบดูท่านกั๋วกงจนตาดำเป็นหมีแพนด้า เกือบตื่นไปทำงานไม่ทัน
"..."
ภายในห้องหอพลันเงียบเสียงลง แล้วหันมาจ้องหน้าไป๋อวี้เป็นตาเดียว มิใช่ว่าก่อนหน้านี้นางเคยพูดออกมาว่าไม่อยากแต่งงานกับเหอซีหยางไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้พูดกลับไปกลับมาเช่นนี้กันเล่า
"เจ้าหมายจะพูดว่าอะไร"
"ข้าไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งงานกับท่าน ถึงแม้ว่าท่านจะตา... เอ่อก็เถอะ แต่เพราะท่านมีความสามารถ อีกทั้งยังรูปงามถึงเพียงนี้ การได้แต่งเป็นภรรยาให้ท่านก็นับว่าไม่เลวเลย จริงหรือไม่เจ้าคะท่านพ่อ"
ไป๋อวี้หันไปหาบิดาเพื่อให้เขาช่วยพูด
"ฮะฮ่า อวี้เอ๋อร์กว่าได้ถูกต้องแล้ว ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน เช่นนั้นพวกเราก็ปล่อยให้คู่บ่าวสาวได้อยู่กันตามลำพังเถิด ส่วนเรื่องที่อวี้เอ๋อร์ถูกพิษ อย่างไรก็ต้องหาตัวคนทำมาให้ได้"
"ฮ่าฮ่า นั่นสิ ๆ นี่ก็จะเลยฤกษ์ยามอันดีแล้ว เรารีบออกไปเถอะ อวี้เอ๋อร์พ่อขอฝากอาหยางให้เจ้าดูแลด้วยนะ จะให้ดีพ่อขอมีหลานเร็ว ๆ เลย"
เหอหมิงเจ๋อผู้เอ็นดูไป๋อวี้กล่าวออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาเดินเข้ามาลูบศีรษะนางก่อนจะชวนทุกคนให้ออกไปจากห้องหอ ท่านหมอเองก็บอกว่าไป๋อวี้ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็สมควรออกไปเพื่อให้ทั้งสองได้ใช้ค่ำคืนวสันต์ร่วมกันเสียที
"ท่านพ่อ" เหอซีหยางเอ่ยเรียกบิดา
"อย่าได้ทำให้ตระกูลเหอของเราผิดหวัง เข้าใจหรือไม่อาหยาง" คำพูดนี้ได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้น
"ขอรับ" เหอซีหยางขานรับด้วยความจำยอม
ทุกคนตบเท้ากันเดินออกไปจากห้องหอ ทิ้งให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันตามลำพัง เมื่อไม่มีผู้ใดอื่นอีก เหอซีหยางก็คลำทางอย่างสะเปะสะปะไปยังห้องอาบน้ำ เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เป็นอย่างดี จนแม้แต่ไป๋อวี้ยังอดจะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ด้วยท่าเดินของเขาดูมั่นคงนัก
เสียงอาบน้ำดังขึ้นจากหลังฉากกั้นอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานร่างสูงกำยำที่สวมเพียงกางเกงเนื้อบางสีขาวก็เดินออกมา เส้นผมสีดำขลับเปียกลู่ไปตามกรอบใบหน้าคมสัน ไป๋อวี้ที่มองอยู่ก่อนแล้วอดจะรู้สึกหายใจติดขัดไม่ได้
สามีผู้นี้... รูปโฉมงดงามนัก ใบหน้าหล่อเหลาเป็นรูปไข่ กรอบหน้าชัดเจนโดยเฉพาะสันกรามที่ขึ้นนูนเด่นจนนางรู้สึกใจหวิว คิ้วกระบี่คมเข้มพาดเฉียงเหนือดวงตาคู่คมสีดำเข้ม ไล่ลงมาที่จมูกโด่งเรียวสวย รับกับริมฝีปากหยักหนาอวบอิ่มสีแดงระเรื่อน่าจูบ
อ่า... เขาหล่อเหลาเสียจนหัวใจของนางเต้นระรัวจนรู้สึกได้ นางคิดว่าใบหน้าของเขานั้นสามารถล่อลวงสตรีได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าเทียบกับหน้าท้องแกร่งที่เป็นลอนคลื่นอย่างสวยงามนี้ นางกลับรู้สึกว่านี่สิคือหุ่นผู้ชายที่ผู้หญิงต่างใฝ่ฝันถึง ที่นี่ไม่มียิม ไม่มีฟิตเนส ไม่มีโค้ชมาช่วยเรื่องปั้นกล้าม ปั้นหุ่น แต่เหตุใดกล้ามเนื้อของสามีนางถึงได้ดูกำยำน่าลูบไล้ขนาดนี้กันล่ะเนี่ย
โอ๊ย... น้ำลายไหล!!
ไป๋อวี้เช็ดน้ำลายที่ไหลออกมาจากมุมปากด้วยความว้าวุ่นใจ นางเหม่อมองเหอซีหยางด้วยแววตาแวววับ ในขณะที่เขาเองก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองแทบจะทะลุเนื้อผ้าของเขาได้เช่นกัน ร่างสูงค่อย ๆ เดินมานั่งบนเตียงแล้วกระแอมไอออกมาเพื่อเรียกสติฮูหยินของตน
"เจ้ารีบไปอาบน้ำ ข้าจะนอนแล้ว"
"ให้ข้ารีบไปอาบน้ำเพื่อมาทำกิจกรรมระหว่างสามีภรรยาหรือ" นางเอ่ยถามด้วยดวงตาวาววับ แต่คนที่ได้ยินกลับอึ้งงันจนวางสีหน้าไม่ถูก
"เจ้าเลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ข้าจะไม่แตะต้องสตรีที่ร้ายกาจ เจ้ามารยาเช่นเจ้าเป็นอันขาด"
เหอซีหยางนึกถึงคำพูดที่ให้ไว้กับสหายที่เขาหลงรักมาตั้งแต่วัยเยาว์
'ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่แตะต้องไป๋อวี้เป็นอันขาด ข้ารักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว'
"ได้! ข้าน้อมรับคำพูดของท่านพี่เจ้าค่ะ"
ไป๋อวี้อมยิ้มตรงมุมปาก นางเดินไปยังหลังฉากกั้น แล้วสั่งให้บ่าวหน้าห้องมาเปลี่ยนน้ำในถังเสียใหม่ จากนั้นจึงลงไปแช่ตัวเพื่อเรียกสติของตนเองให้กลับคืนมา รวมถึงขบคิดเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาราวกับฝันหนึ่งตื่นนี้ เพื่อจะได้ก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปอย่างองอาจ!
คนอย่างไป๋อวี้ย่อมไม่อับจนหนทางเพียงเรื่องแค่นี้หรอก หึ ๆ!!
ตอนพิเศษ 2ครอบครัวใหญ่5 ปีผ่านไปจวนตระกูลเหอได้กลายเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ไปเสียแล้ว เนื่องจากฮูหยินน้อยเหอได้ให้กำเนิดบุตรชายหญิงถึง 4 คนด้วยกัน คนแรกเป็นบุตรชายนามว่าเหอเสี่ยวเฟิง คนที่สองเป็นบุตรชายนามว่าเหอหงซวน คนที่สามเป็นบุตรสาวนามว่าเหอไห่อิง ส่วนคนที่สี่เป็นบุตรสาวนามว่าเหอจื่อเหยา โดยที่บุตรทั้งสี่นั้นมีอายุไล่เลี่ยกัน "ท่านพ่อ ท่านพ่อ ฟันดาบกันขอรับ" เหอหงซวนในวัยเกือบ 3 หนาววิ่งเข้ามาหาเหอซีหยาง ในมือยังถือดาบที่ท่านปู่เป็นคนซื้อให้ด้วย"หงซวนอยากเล่นฟันดาบกับพ่อหรือ"เหอซีหยางที่อุ้มบุตรสาวคนเล็กก้มหน้ามาถามบุตรชายคนรอง "ขอรับ!" เด็กน้อยพยักหน้าระรัวแล้ววิ่งรอบตัวผู้เป็นบิดาเหอซีหยางที่เอาเหอจื่อเหยาในวัย 9 เดือนหลับลงแล้วจึงส่งต่อนางให้กับแม่นมเพื่อพาไปนอนในเรือน ส่วนเขาก็หันกลับมาสนใจบุตรชายคนรอง"เช่นนั้นก็เตรียมตัวให้ดีนะ พ่อจะฟันแล้ว"เหอซีหยางคว้าดาบไม้อีกอันขึ้นฟันดาบกับบุตรชาย สองพ่อลูกเล่นฟันดาบกันจนเหน็ดเหนื่อย แต่คนที่เหนื่อยที่สุดดูท่าจะเป็นเหอซีหยางมากกว่า เพราะเหอหงซวนยังคงวิ่งไล่ฟันบิดาอย่างไม่หยุดหย่อน เด็กน้อยสนุกมากจนหัวเราะลั่นออกมาอย่างมีความสุข อี
ตอนพิเศษ 1เรื่องนี้ยอมกันไม่ได้หลายเดือนที่ผ่านมานี้ได้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย เริ่มจากที่มู่ห่าวรันคอยตามเกี้ยวสตรีใจแข็งอย่างซูหนิงเหอ เขาต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมากมายกว่าจะทำให้นางเปิดใจยอมคบหากับเขาได้ ด้วยความพยายามและปรับปรุงตัวไม่โปรยรอยยิ้มให้กับสตรีอื่น และความหนักแน่นมั่งคงของมู่ห่าวรันทำให้ซูหนิงเหอยอมเปิดใจ "หนิงเหอ อีกหนึ่งเดือนข้าจะกลับไปเมืองสั่วหลิงแล้วนะ เจ้าจะคิดถึงข้าหรือไม่""จะไปนานเลยหรือ" ซูหนิงเหอวางมือจากการบดยาแล้วหันกลับมาสนใจมู่ห่าวรันในใจของนางอดจะรู้สึกวูบโหวงไม่ได้ หลายเดือนที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยอยู่ห่างจากสายตาของนางเกินหนึ่งเดือนเลย จนตอนนี้ฮ่องเต้เริ่มจะไม่พอพระทัยที่เขาอู้งานแล้ว เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งทิศประจิมแต่กลับเอาแต่อยู่ในเมืองหลวงไม่ยอมจากไปไหน"ก็คงเป็นปีเลย ฮ่องเต้ทรงออกคำสั่งให้ข้าย้ายกลับไปประจำยังเมืองสั่วหลิงได้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ก็ส่งจดหมายให้ข้ารีบกลับบ้านเช่นกัน""อื้อ... ข้าคงคิดถึงเจ้า" ดวงหน้างามก้มหน้างุดนี่เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยคำพวกนี้ออกมา ทำเอามู่ห่าวรันตาโตด้วยความตกใจและดีใจเช่นกัน"เจ้าพูดเช่นนี้ข้าไม่อยากกลับเลย""
จวนตระกูลเหอ ทุกอย่างได้ดำเนินไปในทางที่ควรจะเป็นแล้ว บ้านเมืองกลับมาสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง การปราบกบฏชินอ๋องในครั้งนี้ถือเป็นการกวาดล้างขุนนางกังฉินด้วย และยังมีการมอบรางวัลให้กับขุนนางผู้ภักดี ตัวอย่างเช่นเหอหมิงเจ๋อที่ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย "ยินดีกับท่านพ่อด้วยเจ้าค่ะ" ไป๋อวี้เข้ามาแสดงความยินดี ในวันนี้ที่จวนได้จัดงานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ขึ้นมาโดยมีไป๋อี้ซวน ไป๋ฮวา ซูหนิงเหอ มู่ห่าวรัน และอี้เฉินที่มาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ "ฮ่ะฮ่า ขอบใจมากนะอวี้เอ๋อร์ และขอบใจทุกคนที่มาฉลองให้กับตาเฒ่าเช่นข้าด้วย" เหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี "ยินดีด้วยขอรับท่านอัครเสนาบดี จอกนี้ข้าขอดื่มให้ท่าน" อี้เฉินลุกขึ้นยืนแล้วเป็นฝ่ายดื่มคารวะเขาก่อน "ฮ่าฮ่าฮ่า ขอบใจ ๆ" บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเป็นไปอย่างสนุกสนานครื้นเครง ทุกคนต่างดื่มกินกันอย่างสำราญใจ เสียงพูดคุยดังขึ้นเป็นระยะสลับกับเสียงหัวเราะดังลั่นของมู่ห่าวรัน และคำพูดหยอกล้อของไป๋อี้ซวนที่ชวนให้ผู้คนหัวเราะตามไปด้วย แต่คนที่ถูกเอ่ยถึงกลับเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำไปตาม ๆ กัน แม้งานเลี้ยงจะสนุกสนานเพียงใดก็ต้องมีวันเลิกรา เมื่อเวล
บทส่งท้ายฟิ้ว! ฉึก!เมื่อสุยเฟยหรงพุ่งตัวออกมาจากที่กำบังของตน เขาก็ถูกไป๋ฮวาที่ยืนอยู่บนกำแพงยิงธนูเข้าใส่ทันที ร่างสูงบนหลังม้าเสียหลักจนพลัดตกจากหลังม้า ร่างของสุยเฟยหรงกระแทกกับพื้นอย่างแรง ลูกธนูปักเข้าหน้าอกของเขา อีกเพียงนิดเดียวก็จะถูกหัวใจของเขาอยู่แล้ว"อ๊ากกก สารเลว! ลอบกัดข้า!" เขากัดฟันกรอดด้วยความแค้นใจ เขาเสียรู้ให้กับอี้เฉินเสียแล้ว"เจ้าชอบใช้วิธีลอบกัดมิใช่หรือ พอโดนกับตัวรู้สึกอย่างไรบ้างเล่า" อี้เฉินกระโดดลงมาจากหลังม้าแล้วตรงเข้าสังหารทหารคุ้มกันของสุยเฟยหรงอย่างรวดเร็ว ข้างกายเขายังมีตงเป่าและทหารข้างกายผู้ชาญศึกที่รู้ใจเป็นอย่างดีเข้าห้ำหั่นฝ่ายกบฏด้วย เหตุการณ์ตรงนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก ทางด้านสุยเฟยหรงพยายามจะขึ้นมาหลบหนี ทว่าอี้เฉินกับไป๋ฮวาย่อมไม่ยินยอม นางที่ยืนดูเหตุการณ์ด้านบนยิงธนูเข้ามาสกัดการหลบหนีของสุยเฟยหรง ก่อนที่อี้เฉินจะตรงเข้ามาฟาดฟันดาบใส่ร่างของสุยเฟยหรงอย่างโหดเหี้ยมเพลงดาบของเขาทั้งดุดันและรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวศีรษะของสุยเฟยหรงก็ได้ตกกระเด็นไปกับพื้น เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง"เฮ้! ท่านแม่ทัพอี้สังหารชินอ๋องได้แล
บทที่ 41ร่วมแรงร่วมใจต้านศัตรูเรื่องเสบียงถูกทำลายยังไม่สามารถแก้ไขได้ ทหารเกินกว่าครึ่งที่ดื่มน้ำจากแม่น้ำก็มีอันต้องเจ็บป่วยเป็นจำนวนมาก บางคนอาการหนักถึงขั้นท้องเสียอย่างรุนแรงจนตาย ส่วนอาการที่เบาสุดก็ถ่ายท้องจนไม่มีเรี่ยวแรง หลังจากสืบสวนจึงได้ทราบว่าแม่น้ำถูกปนเปื้อนด้วยยาพิษ! จากการคาดคะเนของชินอ๋องนั้น ต้นแม่น้ำอยู่ทางทิศเหนือของเมืองหลวงซึ่งเวลานี้เป็นกองทัพของมู่ห่าวรันที่คุมเชิงอยู่ ฉะนั้นคนที่วางยาพิษในแม่น้ำจะต้องเป็นฝั่งของมู่ห่าวรันเป็นแน่ น่าเจ็บใจยิ่งนัก เขาคาดไม่ถึงเลยว่ามู่ห่าวรันจะเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ได้ "จะทำอย่างไรต่อไปดีเพคะ ทหารของเราถูกพิษเกินกว่าครึ่ง เสบียงก็ถูกเผาจนเกือบวอดวายไปหมดแล้ว" พระชายาเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ"กองทัพของเรามีถึงเรือนแสน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะตีเมืองหลวงไม่แตก สั่งให้ทหารทุกนายเตรียมตัว ในยามจื่อข้าจะนำทัพออกรบด้วยตัวเองทุกทิศทาง อย่างไรจะต้องตีเมืองหลวงให้ราบเป็นหน้ากลองภายในคืนนี้ให้ได้!" สุยเฟยหรงประกาศเสียงกร้าว "พ่ะย่ะค่ะชินอ๋อง"ทหารคนสนิทรับคำแล้วออกไปถ่ายทอดคำสั่งของชินอ๋องด้วยความฮึกเหิม พวกเขารอเวลาที่จะได้ขยี้คนเมืองหล
บทที่ 40หลอกใช้ไป๋อวี้หยิบขวดน้ำปรุงขึ้นมาถือตรงหน้าของซุนหงเสีย อีกฝ่ายมีท่าทีตกใจแล้วพยายามยกมือขึ้นมาปิดปากปิดจมูกของตนเอาไว้แน่น ท่าทางเช่นนี้ของนางบ่งบอกว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกต้องแล้ว"เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วยสินะที่ต้องการให้ข้าตาย น้ำปรุงขวดนี้ที่เจ้าให้ข้าในวันแต่งงานคือตัวกระตุ้นให้พิษกลืนวิญญาณให้ออกฤทธิ์ใช่หรือไม่!"ถ้าไม่ได้ซูหนิงเหอที่มาช่วยไป๋อวี้คัดเลือกน้ำปรุงและเครื่องประดับ นางคงจะโง่อีกนานที่ไม่รู้ว่าคนร้ายที่ตามหาจนแทบพลิกแผ่นดินนั้นอยู่ใกล้ตัวแค่เอื้อม โจวเย่ถงที่ต้องการฆ่านางนั้นยังไม่น่าแปลกใจเท่าซุนหงเสียเลย ไป๋อวี้อยากจะรู้เหตุผลว่านางทำไปเพราะอะไร เหตุใดถึงอยากจะฆ่านางนัก!"จะ เจ้าเอาน้ำปรุงนั่นโยนทิ้งไปเลยนะ" ซุนหงเสียเอ่ยสั่งเสียงดัง นางรีบถอยหลังไปยืนอยู่ด้านหลังห้องขังด้วยความหวาดกลัว"หึ ๆ เจ้าเองก็กลัวเป็นเหมือนกันหรือ""ขะ ข้าไม่รู้เรื่องนะ น้ำปรุงนั่นเป็นชินอ๋องที่ทรงมอบให้ข้า" "เจ้าจะไม่รู้เรื่องได้อย่างไร อย่ามาเล่นงิ้วทำตัวว่าตัวเองถูกหลอกใช้เลย มันน่าขัน" ไป๋อวี้ตอกกลับอย่างเย็นชา"อวี้เอ๋อร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้านะ เป็นชินอ๋องที่หลอกใช้ข้า เขาบ







