مشاركة

บทที่ 2

مؤلف: SnailW
last update آخر تحديث: 2025-10-29 17:36:17

ตอนที่ 1

โรงพยาบาลอวี้เหอ

เสียงล้อเตียงคนไข้เสียดสีไปตามพื้นกระเบื้อง ดังแทรกสลับกับเสียงเรียกชื่อจากพยาบาล แพทย์เวร และญาติผู้ป่วย โรงพยาบาลอวี้เหอในยามสายแน่นขนัดราวกับใจกลางตลาดยามเช้า

ตรงชั้นล่าง หน้าห้องฉุกเฉิน มีคนไข้นั่งรอ ห้อมล้อมไปด้วยเสียงเครื่องช่วยหายใจและเสียงประกาศขอเลือดด่วน

ส่วนชั้นสอง ผู้ป่วยแผนกอายุรกรรมเบียดเสียดกันอยู่บนเก้าอี้สีเทา ใบหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวังและความกังวล แม้แต่เจ้าหน้าที่เวรเปลก็ยังวิ่งสวนกันไปมาไม่หยุด เหงื่อไหลชุ่มหลังเสื้อในเวลาเพียงครึ่งวัน

แต่บนชั้นสิบเจ็ด ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายของทั้งอาคาร กลับมีพื้นที่หนึ่งที่เงียบกริบเกินจริง

ห้องประชุมใหญ่สุดของศูนย์ศัลยกรรมทรวงอก เงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงพลิกกระดาษ

ซูอวี้หนิง ยืนพิงโต๊ะประชุม ทอดสายตามองภาพสแกน 3 มิติบนจอโปรเจกเตอร์

บนจอนั้นคือภาพของเด็กหญิงวัยห้าขวบ มีเนื้องอกชนิดหายากฝังลึกใกล้เส้นเลือดใหญ่ภายในทรวงอกด้านซ้าย

การผ่าตัดนี้ ไม่ใช่แค่งานยาก แต่ยังต้องแข่งกับเวลาอีกด้วย

อาจารย์แพทย์รุ่นใหญ่นั่งล้อมวงอยู่รอบโต๊ะ บ้างขมวดคิ้ว บ้างพยักหน้าเงียบ ๆ ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำถาม

หญิงสาวในชุดกาวน์สีขาว มีผมดำขลับรวบไว้เรียบร้อย ใบหน้าเรียวสวยกลับไร้เครื่องสำอางใด ๆ ดวงตาเรียวคม จับจ้องภาพตรงหน้าโดยไม่สั่นไหว แม้จะมีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาในห้อง แต่แววตาของเธอกลับเปล่งประกายอย่างมั่นคง ราวกับมั่นใจในหนทางข้างหน้าอย่างไม่มีข้อกังขา

"มีเวลาไม่ถึงห้าชั่วโมงก่อนที่ความดันในปอดจะพุ่งสูงจนเด็กเสียชีวิต"

น้ำเสียงของเธอนิ่ง ราบเรียบ แต่ทรงพลัง

"ฉันจะลงมือนำผ่าในครั้งนี้เอง ขอทีมผ่าตัดเตรียมพร้อมในสองชั่วโมง ทีมหัวใจ ทีมประสาท ทีมวิสัญญี… ขอความร่วมมือจากทุกท่าน"

ยังไม่มีผู้ใดกล่าวคำใดออกมา แม้ภายในห้องจะมีเหล่าแพทย์อาวุโสมากมาย แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยปากคัดค้านเลยแม้แต่คนเดียว

เหล่าทีมแพทย์ที่ได้รับคำสั่งจากหญิงสาวต่างพากันพยักหน้ารับ ก่อนจะแยกย้ายกันไปเตรียมตัวในส่วนของตนเอง เหล่าแพทย์คนอื่น ๆ ต่างเริ่มทยอยเดินออกจากห้อง สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องมองมาที่หญิงสาว บ้างก็ชื่นชมในความสามารถและความเก่งกาจของเธอ แต่เมื่อมีคนชื่นชมก็ต้องมีคนที่ต้องการเหยียบย่ำเธอให้จมดินเช่นกัน

ซูอวี้หนิงที่ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าเวทีของห้องประชุมไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาที่ตัวเองเลยแม้แต่น้อย เพราะในตอนนี้เธอกำลังให้ความสนใจกับเอกสารผลตรวจหลาย ๆ อย่างของคนไข้อย่างละเอียดอีกครั้ง

เธอเป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดเล็กหรือใหญ่ เธอมักจะอ่านข้อมูลเหล่านี้ของคนไข้ให้ขึ้นใจ เพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดระหว่างผ่าตัดน้อยที่สุด

เธอใช้เวลาอีกหลายนาทีไล่สายตาไปตามผลเอ็กซเรย์ สแกนภาพจาก CT และค่าการทำงานของหัวใจ ซ้ำไปซ้ำมาอย่างใจเย็น ปลายนิ้วค่อย ๆ ลากไล่ตามโครงสร้างหลอดเลือดอย่างระมัดระวัง ก่อนจะขีดเส้นเน้นจุดเสี่ยงที่สุดที่ไม่อาจให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้แม้แต่น้อย

ทุกครั้งก่อนผ่าตัด ไม่ว่าผู้ป่วยจะเป็นใคร หรือเคสจะยากเพียงใด ซูอวี้หนิง จะลงรายละเอียดทุกอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะสำหรับเธอ ข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจหมายถึงชีวิตของคนทั้งชีวิต

เมื่อมั่นใจในข้อมูลทั้งหมดแล้ว หญิงสาวก็ลุกขึ้น เดินออกจากห้องประชุมไปยังห้องพักเปลี่ยนชุดสำหรับทีมผ่าตัด

เธอปลดชุดกาวน์สีขาวออกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดปลอดเชื้อที่เตรียมไว้ เส้นผมถูกรวบขึ้นอีกครั้งอย่างเรียบร้อยภายใต้หมวกคลุมผ่าตัดสีฟ้าอ่อน มือเรียวยาวสวมถุงมือยางแนบสนิท

ใบหน้าเรียวสวยไม่มีสีสันใดทาแต่ง แต่กลับเปล่งรัศมีของคนที่พร้อมเผชิญกับความตายโดยไม่มีความกลัว

กระจกเงาบานหนึ่งในห้องสะท้อนภาพหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้องอย่างสงบนิ่ง ดวงตาเรียวคู่นั้นมองตนเองครู่หนึ่ง

เมื่อทุกอย่างพร้อม ซูอวี้หนิงจึงเดินออกจากห้องเปลี่ยนชุดอย่างสง่างาม ทุกย่างก้าวมั่นคงและไม่ลังเล

ทางเดินในโซนห้องผ่าตัดค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงฝีเท้าของเธอและเสียงเครื่องดูดอากาศกรองเชื้อโรคในระบบห้องปลอดเชื้อ ขณะที่บานประตูอัตโนมัติเลื่อนเปิดออก เบื้องหน้าเป็นทีมแพทย์ในชุดผ่าตัดที่ยืนรออยู่พร้อมแล้วทั้งหมด

ดวงตาทุกคู่หันมามองเธอเป็นหนึ่งเดียว

“เริ่มขั้นตอนปลอดเชื้อเต็มรูปแบบ” เธอกล่าวเสียงเรียบ “ยืนยันลำดับการผ่าตัดอีกครั้ง”

ผู้ช่วยแพทย์รีบหยิบกระดานและไล่ลำดับตามที่เธอกำหนดไว้ก่อนหน้าอย่างไม่มีตกหล่น บรรยากาศในห้องผ่าตัดตึงเครียด แต่เรียบร้อย

ขณะเดียวกัน เสียงนาฬิกาเดินตรงไปยังนาทีสุดท้ายของโอกาสรอดชีวิต

และเมื่อเธอสวมถุงมือปลอดเชื้อคู่สุดท้ายเสร็จ

การผ่าตัดเพื่อชิงชีวิตจากความตาย… ก็เริ่มขึ้น

“เริ่มการผ่าตัดได้”

ไฟเพดานสีขาวนวลสว่างเต็มพื้นที่ บรรยากาศภายในห้องผ่าตัดถูกปกคลุมด้วยความเงียบงันอันเยียบเย็น มีเพียงเสียงเบา ๆ จากเครื่องช่วยหายใจและเสียงติ๊ด สม่ำเสมอจากจอมอนิเตอร์ชีพจร

บนผนังด้านหนึ่ง จอดิจิตอลสีแดงบอกเวลา นาทีแห่งความเป็นความตายค่อย ๆ ลดลงไปทีละวินาที

04:27:31

การเคลื่อนไหวทุกครั้งต้องรวดเร็วแต่มั่นคง เสียงโลหะกระทบกันเบา ๆ ดังขึ้นเมื่อพยาบาลส่งเครื่องมือให้ซูอวี้หนิง

มีดผ่าตัดแตะผิวผนังทรวงอก ก่อนเคลื่อนลงด้วยความมั่นใจที่แฝงไว้ด้วยความระมัดระวังสูงสุด

ดวงตาเรียวคู่นั้นจับจ้องอยู่เพียงแค่ช่องเปิดขนาดไม่กี่เซนติเมตรตรงหน้า มือทั้งสองนิ่งดั่งถูกฝึกมาเป็นพันครั้ง ราวกับเครื่องจักรชั้นเลิศที่ถูกตั้งด้วยโปรแกรม

“Clamp1.” เสียงเรียกสั้น ๆ ดังขึ้น ผู้ช่วยรีบส่งเครื่องมือให้อย่างรู้หน้าที่ เสียงกระทบกันของโลหะยังคงดังเป็นระยะ ชัดพอจะบอกว่าทุกคนในห้องยังมีชีวิต

03:11:45

เสียงจากจอชีพจรดัง “ติ๊ด… ติ๊ด… ติ๊ด…”

ในขณะที่ระดับอ็อกซิเจนลดลงเล็กน้อย สายตาทุกคู่หันไปมองจอเหมือนใจจะหยุดเต้นตาม ซูอวี้หนิงขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย ไม่พูดอะไร นางขยับปลายมีดให้แคบลงอีกนิด แล้วลงมือเคลียร์จุดที่เบียดเส้นเลือดใหญ่ตามแผนที่วางไว้

เวลาไหลผ่านราวกระแสน้ำที่ไม่ยอมหยุด เหงื่อเริ่มผุดตามไรผมของทีมแพทย์ที่อยู่ภายในชุดปลอดเชื้อที่แน่นหนา

แม้ห้องจะเย็น แต่ความตึงเครียดกลับทำให้บางคนหายใจไม่ทั่วท้อง

01:59:22

“ชีพจรตกลง 10 จุดค่ะ!” เสียงผู้ช่วยตะโกนขึ้นอย่างระแวดระวัง

สัญญาณชีพเริ่มเปลี่ยนแปลง ในวินาทีนั้นทั้งห้องราวกับหยุดหายใจ

แต่ซูอวี้หนิงยังคงนิ่งเฉย มือเรียวยังคงทำการผ่าตัดต่อไป

"เพิ่มอ็อกซิเจนอีก 10%" เธอสั่งด้วยเสียงราบเรียบ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นจากแผล

"ทีมประสาทเตรียมพร้อม ถ้าความดันลดอีก ฉันอาจต้องเปลี่ยนลำดับการจัดการ" คำสั่งของเธอกระชับ ชัดเจน และเด็ดขาดจนไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม

00:46:09

“พบจุดเบียดแน่นค่ะ!”

ซูอวี้หนิงไม่ตอบ เธอเพียงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนลงมืออย่างแม่นยำ ทุกคนในห้องราวกับหยุดหายใจ

มือเธอกดเข้าที่จุดสำคัญ ก่อนขยับเบา ๆ ด้วยปลายมีด เสี้ยววินาทีนั้น เสียงชีพจรจากมอนิเตอร์เปลี่ยนจังหวะ

ติ๊ด… ติ๊ด… ติ๊ด…

กลับมาเป็นปกติ

เสียงถอนหายใจดังแผ่วเบาเหมือนพายุที่สงบลง

00:09:58

“ขั้นตอนสุดท้าย เริ่มเย็บปิดชั้นกล้ามเนื้อ” เสียงของเธอยังมั่นคงไม่ต่างจากตอนเริ่มต้น มือที่เคยสั่นในวัยนักเรียนแพทย์ บัดนี้เย็นเฉียบและมั่นคงเกินกว่าคำว่า “เชี่ยวชาญ”

ฝีเย็บทุกจุดเป็นไปอย่างแม่นยำ รวดเร็ว และสะอาด

00:02:43

“ระดับอ็อกซิเจนคงที่ ความดันเลือดเริ่มกลับสู่เกณฑ์” เสียงจากผู้ช่วยแพทย์รายงานเบา ๆ

ซูอวี้หนิงพยักหน้าเล็กน้อย ขยับเข็มครั้งสุดท้าย เย็บชั้นผิวหนังด้วยฝีเย็บเรียบตึงเสมอกัน แผลแนบสนิทจนแทบไม่เห็นรอยความเร่งรีบของเวลา

เธอหยุดมือ ถอยออกหนึ่งก้าว หายใจลึก

“จบการผ่าตัด”

คำเพียงประโยคเดียว ทำให้บรรยากาศหนักอึ้งในห้องปลอดเชื้อคล้ายถูกปลดปล่อย มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นแทบพร้อมกันหลายแห่ง

“ส่งตัวเข้าห้องไอซียูเด็กทันที” ซูอวี้หนิงถอดถุงมือออก เสียงถุงมือปลอดเชื้อที่หลุดออกดังเบา ๆ แต่อัดแน่นด้วยความหมาย

“เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดทุกสองชั่วโมง รายงานทันทีหากมีสัญญาณของการบวมน้ำในปอดหรือเส้นเลือดรั่วซึม"

“รับทราบค่ะ!” เสียงพยาบาลรับคำอย่างแข็งขัน

หญิงสาวเดินออกจากบริเวณเตียงผ่าตัดช้า ๆ แม้จะเหนื่อยล้า แต่แววตาของเธอยังแน่วแน่ไม่เปลี่ยน

เพราะสำหรับเธอแล้ว ภารกิจยังไม่จบ ตราบใดที่คนไข้ยังไม่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

แสงจากเพดานห้องผ่าตัดยังคงสว่าง แต่ในใจของทุกคนที่ยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ต่างรู้ดีว่า...

วันนี้ พวกเขาได้ดึงชีวิตหนึ่งกลับมาจากเงื้อมมือของความตายแล้ว

…………………….

หมายเหตุ

1 Clamp เป็นอุปกรณ์ช่วยหนีบจับในห้องผ่าตัด เพื่อยึดเนื้อเยื่อหรือหนีบเส้นเลือดเพื่อหยุดการไหลของเลือดขณะผ่าตัด มีหลายรูปทรงขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และตำแหน่งในการใช้งาน หรือในห้องผ่าตัดเรียกชื่อเฉพาะว่า “Scissor clamp” ด้วยมีลักษณะคล้ายกรรไกร
استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 40

    ตอนที่ 26แสงเช้าสีทองอ่อนลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เข้ามาเป็นเส้นบาง ๆ ส่องลงบนผ้าปูสีแดงที่ยังคงยับย่นจากการเคลื่อนไหวเมื่อคืน ความอบอุ่นในอากาศช่างแตกต่างจากความร้อนพลุ่งพล่านของคืนวานราวฟ้ากับดินซูอวี้หนิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอ่อน ๆ ของไม้หอมและลมหายใจสม่ำเสมอคลออยู่ข้างหู นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงั

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 39

    เขาเดินมาหยุดหน้าฉากแม้จะไม่ก้าวล้ำเข้าไป แต่เพียงยืนใกล้ ๆ ก็ทำให้ซูอวี้หนิงรู้สึกถึงลมหายใจที่มั่นคงของเขา“เมื่อกี้ดื่มสุราเพียงนิดเดียว ไม่น่าทำให้เป็นแบบนี้”เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนเอ่ยเสียงจริงจัง “ออกมาหาข้าหน่อย”ซูอวี้หนิงพยายามลุกขึ้น แต่ขากลับอ่อนแรงจนลุกได้ช้ากว่าปกติ ทว่าก็ยังคงยืนขึ้นแล

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 38

    ตอนที่ 25ยามค่ำคืนแห่งวันมงคลยามสนธยาค่อย ๆ คลี่คลุมหมู่บ้านเล็ก ๆ แสงสีส้มของดวงอาทิตย์สุดท้ายลาลับหลังแนวภูเขา ทิ้งความอบอุ่นไว้ก่อนที่ความมืดจะเข้ามาแทนที่ ชาวบ้านที่ยังคงนั่งพูดคุยกันอยู่ใต้โคมไฟแดงต่างทยอยลุกขึ้นกลับบ้าน เสียงหัวเราะค่อย ๆ เบาลง เหลือเพียงลมค่ำพัดเอื่อยและแสงโคมแดงที่ไหวระริก

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 37

    โจวซื่ออมยิ้มพลางจัดชายแขนเสื้อให้เธออีกครั้ง“เจ้าบ่าวมาถึงแล้วล่ะเสี่ยวซู เจ้าต้องนั่งสงบ ๆ นะ อย่าลุกลี้ลุกลน…เจ้าสวยอยู่แล้ว”โจวจวงจื่อหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะออกไปดูหน้าเจ้าบ่าวให้ก่อนว่าทำหน้าเหมือนคนพร้อมแต่งหรือไม่”ด้านนอก โจวซื่อเปิดประตูเรือนเล็กน้อยแล้วโผล่หน้าออกไป เห็นเฟิ่งอวี่เซียนยืนอยู่

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 36

    ตอนที่ 24ในที่สุดวันงานมงคลก็มาถึงแสงอรุณแรกของวันมงคลสาดลอดผ่านหมอกบางเหนือยอดไม้ของหมู่บ้านเล็ก ๆ เสียงไก่ขันแผ่วเบาและกลิ่นควันไฟจากครัวเรือนที่เริ่มตื่นเช้าคละเคล้ากันไปทั่ว บรรยากาศของวันทั้งวันเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นอ่อน ๆบ้านของตระกูลโจวที่ปกติเรียบง่าย กลับมีสีแดงสดแต่งแต้มประปรายไ

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 35

    ตอนนี้ภายในบ้านมีเพียงเขาคนเดียว เนื่องจากอีกสองวันจะถึงวันมงคล ครอบครัวโจวได้ให้ซูอวี้หนิงไปพักอยู่ที่บ้านของพวกเขา เพื่อทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นตรงนอกประตู ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะค่อย ๆ คุกเข่าลง“ท่านแม่ทัพ”เฟิ่งอวี่เซียนไม่ได้หันมอง แต่เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ“รายงาน

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status