บทที่ 4 ท่านแม่ทัพกลับจวน
  “ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ท่านจะไม่ไปรอรับท่านแม่ทัพหรือเจ้าคะ” ซุนหงสาวใช้เพียงคนเดียวที่ติดตามนางมาตั้งแต่สกุลโจว ไดัเอ่ยเตือนด้วยความร้อนใจที่นายหญิงยังไม่ขยับเลยสักนิด ท่านแม่ทัพใกล้จะถึงหน้าจวนแล้ว
  “เจ้าจะรีบไปใยขาดข้าเสียคนท่านแม่ทัพจะเข้าจวนมิได้รึ” ร่างบางเอนกายบนตั่งด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายจนเห็นทรวดทรงองค์เอวที่โค้งเว้าดูยั่วยวนใจขัดกับใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชา
  “ท่านไม่ดีใจหรือเจ้าคะ ที่ท่านแม่ทัพกลับมา” ซุนหงรู้สึกสับสนกับท่าทางของนายหญิงที่ดูไม่กระตือรือล้นต่อสิ่งใด
  “ข้าจะดีใจรึไม่ สำคัญด้วยหรือ เจ้าเคยเห็นท่านแม่ทัพต้องการพบข้ารึ” โจวฟางหลินถอนหายใยด้วยความเบื่อหน่าย ก็แค่กลับมาใยจะต้องวุ่นวายถึงเพียงนี้
  ซุนหงส่ายหน้า เพราะก็ไม่เห็นท่านแม่ทัพจะยินดีจะพบนายหญิงเสียเท่าไหร่ ในระหว่างที่พูดคุยได้มีบ่าวรับใช้ขั้นหนึ่งในเรือนของฮูหยินใหญ่ มาแจ้งด้วยท่าทางไม่มีความยำเกรง ว่าให้รีบออกไปต้อนรับท่านแม่ทัพเดี๋ยวนี้
  “ฮูหยินน้อย ท่านไม่รู้หน้าที่เลยรึว่าจะต้องรีบออกไปต้อนรับท่านแม่ทัพ” อี้ถงเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวของฮูหยินใหญ่นั่นก็คือมารดาของเฉินโม่เหยียน ที่อี้ถงไม่คิดจะเกรงใจ ด้วยรู้ว่าฮูหยินผู้นี้ไม่ใช่คนที่ท่านแม่ทัพให้ความสำคัญและฮูหยินใหญ่นายหญิงของนางก็ไม่ชอบหน้าเท่าใดนัก ไฉนเลยยังจะต้องให้เกียรติอันใดมากมาย
  ร่างอรชรลุกขึ้นจากตั่งที่เอนกายด้วยท่าทางเกียจคร้านเดินมาตรงหน้าอี้ถง ที่ยังมีท่าทียะโสโอหังด้วยมั่นใจว่าฮูหยินน้อยผู้นี้ไม่กลัาจะทำอันใดแน่นอน แต่ก็ต้องล้มลงไปอย่างงุนงง เมื่อมือเรียวสวยตบไปที่ใบหน้าอย่างรุนแรง
  โจวฟางหลินจับที่เอวมีแส้อ่อนพันไว้แทนเข็มขัดผ้าด้วยท่าทางเชื่องช้า แส้ในมือได้สะบัดลงบนร่างกายบ่าวรับใช้ที่หยิ่งยโส ที่ยังล้มอยู่บนพื้น
  อี้ถงที่ไม่คาดคิดว่า สตรีตรงหน้าจะกล้าทำโทษบ่าวคนสนิทของฮูหยินใหญ่ จึงได้แต่กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แส้ที่บาดลงตรงผิวอ่อนบอบบางจะฉีกขาดเป็นริ้วเลือดได้ไหลออกมาตามร่องรอยของการถูกแส้บาดลงมา ท่ามกลางความตกใจของบ่าวรับใช้ที่มาพร้อมกันกับอี้ถง
  ซุนหงยังตกตะลึงกับเหตุการณ์ข้างหน้า หันมามองใบหน้านายหญิงที่เรียบนิ่งเย็นชา สายตาเย็นยะเยือกจนรู้สึกเหน็บหนาว ชุนหงไม่เคยเห็นนายหญิงดุร้ายเช่นนี้มาก่อน ท่วงท่ายืนที่นิ่งสงบดูสง่าและมีอำนาจจนจิตใจสั่นไหวหวาดกลัว
  เสียงกรีดร้องดังออกไปจนถึงหน้าจวน เฉินโม่เหยียนที่พึ่งจะเข้ามาในจวน ถึงกับขมวดคิ้วกับเสียงที่ได้ยินดังลอยมาถึงด้านหน้าภายในจวนที่ยืนอยู่
  ฮูหยินใหญ่เฉา และฮูหยินผูุ้เฒ่า ก็รู้สึกงุนงง เสียงมาจากเรือนของฮูุหยินแม่ทัพที่ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับผูัใดทำไมจึงมีเสียงกรีดร้องแแบบนั้นได้เล่า
  เฉินโม่เหยียนและทุกคนจึงเดินไปยังที่เกิดเสียงว่าได้เกิดอะไรขึ้น ทำให้หงุดหงิดยิ่งนัก ที่มาถึงยังไม่ได้พักเหนื่อยก็มามีเหตุการณ์วุ่นวาย ช่างน่าปวดหัวเสียจริง
  “เกิดอะไรขึ้น”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามด้วยเสียงทรงอำนาจพลางกวาดสายตาไปโดยรอบจึงได้เห็นสาวใช้ของลูกสะใภ้ใหญ่นอนด้วยมีเลือดไหลตามร่างกายจนชุ่มเสืัอผ้าที่สวมใส่
  “ช่วยด้วยเจ้าค่ะฮูหยินใหญ่ บ่าวแค่มาแจ้งตามที่ฮูหยินใหญ่บอกแต่ถูกฮูหยินโจวทำรัายบ่าวบาดเจ็บถึงเพียงนี้” อี้ถงรีบฟ้องด้วยท่าทางน่าสงสาร
  “ทำไมเจ้าถึงต้องทำถึงเพียงนี้ สตรีเถื่อนที่มักจะอยู่แต่ในค่ายทหารไม่ได้อบรมอย่างคุณหนูชั้นสูงถึงได้มีกริยาโหดร้ายเช่นนี้” ฮูหยินใหญ่เฉากล่าวด้วยความแค้นใจที่บ่าวรับใช้ใกล้ชิดถูกทำร้ายถึงเพียงนี้ ตีหมายังต้องดูเจ้าของ แต่นี่กระไร นางเป็นถึงแม่สามีกลับไม่เกรงกลัวสักนิดเปรียบเหมือนกำลังท้าทายนาง
  เฉินโม่เหยียนยืนนิ่งจับจ้องไปที่ภรรยาที่ไม่เคยเจอหน้ามาครึ่งปี ที่ไม่ค่อยอยากกลับมาไม่ใช่เขาเกลียดนาง แต่ไม่ชอบที่มักจะมาคอยเอาใจจนรู้สึกลำคาญก็เพียงเท่านั้น แต่วันนี้กลับดูแปลกไป ท่ายืนไหล่ตรงดูสง่าใบหน้าเรียบเฉย สายตาเย็นชาจนเหมือนเหวลึก จนไม่รู้ความคิดภายในใจว่าคิดอันใดอยู่ ดูมีทีท่าผ่อนคลายเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับนาง
  โจวฟางหลินสบสายตากับสามีที่เย็นชาด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ไม่ได้โหยหา รักใคร่ เหมือนคนแปลกหน้าเสียด้วยซ้ำ
  “เจ้าจะไม่อธิบายหน่อยรึ” เฉินโม่เหยียนเอ่ยขึ้นเมื่อมีแต่คนกล่าวหาแต่นางกลับนิ่งสงบไม่ได้ตื่นกลัวหรือจะเอ่ยแก้ตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
  “ข้าขอถาม บ่าวที่ไม่เคารพเจ้านายผิดไหม?” ร่างบางเอ่ยถามครั้งที่หนึ่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  “ย่อมผิด” ร่างสูงเอ่ยตอบออกไป
  “บ่าวที่พูดจาส่อเสียดเจ้านายผิดหรือไม่?”นางเอ่ยถามครั้งที่สอง
  “ย่อมผิดเช่นกัน” ร่างสูงกำยำได้เอ่ยตอบคำถามเช่นเคย
  “บ่าวที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งผิดหรือไม่?”นางเอ่ยถามครั้งที่สาม
  “แต่เจ้าก็ไม่สมควรจะทำโทษบ่าวถึงเพียงนี้” ฮูหยินใหญ่ยังไม่ยอมแพ้กับเหตุผลของลูกสะใภ้ที่นางไม่ชอบหน้า
  “ชีวิตข้าเติบโตมากับค่ายทหาร ไม่เคยเรียนศาสตร์สตรี ย่อมไม่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาในการทำโทษ ถ้าเห็นว่าข้ามิเหมาะสมกับตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพ สามารถใช้กฏเจ็ดขับกับข้าได้” ร่างบางเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าราบเรียบเสมือนกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศเสียอย่างนั้น เหมือนการหย่าร้างไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนาง
  “นายหญิง”ซุนหงอุทานด้วยความตกใจ สตรีใดจะกล้าเอ่ยคำหย่าร้างกัน
  โจวฟางหลินส่ายสายตาสบกับทุกคนในที่นี้ ว่าเห็นด้วยหรือไม่
  แต่คงมีเพียงเฉินโม่เหยียนที่ีสบสายตานางอย่างมั่นคง เขาเป็นถึงแม่ทัพผ่านความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน จะให้หลบสายตาสตรีที่เป็นภรรยาก็คงทำไม่ได้ แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่มแปลกๆ นางในตอนนีัช่างดูแตกต่างจากเมื่อก่อน ในแววตาไม่มีความรักใคร่อาทร กลับดูมีความสง่าผ่าเผยและดูเหมือนสายตาของผู้ที่ผ่านโลกมามากมาย แต่นางอายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปีจะผ่านเรื่องราวมากกว่าเขาได้เยี่ยงไร
  ฮูหยินผู้เฒ่ายืนดูเหตุการณ์ด้วยรู้ว่า ถ้ายังไม่รีบจบเรื่องอาจจะบานปลายไปยิ่งกว่านี้ หลานสะใภ้ในวันนี้หาใช่ลูกพลับนิ่มเช่นวันวาน ท่าทางทรนงองอาจไม่สั่นไหวไปกับการกล่าวหา ใบหน้าที่นิ่งสงบ เอ่ยขึ้นมาแต่ละข้อหาช่องโหว่มิได้เลย นางเองก็รู้เห็นมาตลอดว่า เฉาเสวียนหลงสะใภ้ใหญ๋ให้ท้ายบ่าวนางนี้มาตลอด จนเหิมเกริมจึงคิดว่ามีฮูหยินใหญ่ปกป้องถ้ามีอันใดเกิดขึ้น ดูท่าแล้วจากวันนี้ที่เห็น คงสุดกลั้นของหลานสะใภ้ผู้นี้เป็นแน่ แต่ก็แปลกนางชอบหลานสะใภ้ในตอนนี้มากกว่าตอนก่อนเสียอีก
  “แต่ฟางหลินก็ไม่น่าทำถึงเพียงนี้” อนุซุนเอ่ยเพื่อเอาใจฮูหยินใหญ่
  “นั่นสิเจ้าคะท่านแม่”เฉินอันหนิงเสริมคำพูดของมารดา
  “แล้วการหย่าร้างมันใช่เรื่องที่จะเอ่ยกันง่ายๆเสียทีไหน มีสตรีใดบ้างเป็นอย่างเจ้า”ฮูหยินใหญ่ถึงแม้จะไม่ชอบอนุและบุตรสาวนางนัก แต่เวลานี้มีเวลามาสนใจเสียเมื่อไหร่ แค่มาช่วยนางก็เพียงพอแล้ว
  “หยุดพูดกันได้แล้ว แค่ทำโทษบ่าวที่ไม่เคารพเจ้านาย ใยจะต้องมาถกเถียงกันเพราะบ่าวชั้นต่ำเช่นนี้”ฮูหยินผู้เฒ่ารีบปรามด้วยความปวดหัว เหลือบมองใบหน้าหลานสะใภ้ที่ดูเหมือนจะราบเรียบแต่สายตาที่สุขุมนุ่มลึกเช่นนี้ ถ้ายังไม่รีบจบเรื่อง อาจจะมีเรื่องที่ใหญ่กว่านี้เป็นแน่
  “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ส่วนเจ้าสะใภ้ใหญ่ ถ้าไม่สามารถ อบรมบ่าวไพร่ได้และยังทำกิริยากระด้างกระเดื่องเช่นนี้อีก ข้าจะสั่งโบยห้าสิบไม้แล้วขายออกไปเสีย”ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยคาดโทษออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ ที่สะใภ้ใหญ่ให้ท้ายบ่าวจนเกิดเรื่องจนได้ หัวไม่ขยับหางจะส่ายได้เช่นไร
  ในเมื่อไม่สามารถสืบสาวราวเรื่องต่อได้แล้ว เพราะดูท่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าให้ท้ายหลานสะใภ้โจ่งแจ้งถึงเพียงนี้ เรื่องก็คงต้องจบแค่นี้ จึงได้กลับออกไปด้วยความหงุดหงิดใจที่ไม่สามารถทำอะไรลูกสะใภ้นอกสายตาผู้นี้ได้
  อี้ถงถูกประคองออกไปเหมือนนกปีกหัก ไม่กล้าสบตากับโจวฟางหลินเช่นเดิมอีก สายตาที่ดูเย็นเยียบหน้ากลัวจนอดขนลุกไม่ได้
  “น้อมส่งท่านย่าเจ้าค่ะ” โจวฟางหลินเอ่ยกล่าวลาด้วยความเคารพ ถึงแม้จวนแห่งนี้จะหนาวเหน็บแต่ก็ยังมีดวงไฟส่องให้ความอบอุ่นนางอยู่บ้าง แต่เมื่อหันกลับมากับยังเจอสามีที่ยังไม่ขยับออกไปไหน จึงเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
  “เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีรึ”ร่างสูงเอ่ยถามด้วยเหตุการณ์ในวันนี้คาดว่านางคงใช้ชีวิตไม่ง่ายเลย
  “ก็สบายดีเจ้าค่ะ ไม่ป่วยไม่ไข้”ร่างบางตอบเรียบๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
  “แค่นี้”เฉินโม่เหยียนถึงกับงุนงง สั้นๆได้ใจความอะไรเยี่ยงนี้
  “เรื่องการหย่าร้างถ้าท่านพร้อมเมื่อไหร่ก็แจ้งข้าได้เลย” โจวฟางหลินคิดว่าสามีอาจจะอยากพูดถึงเรื่องการหย่าร้างให้กระจ่างเลยเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
  “ข้าไม่ได้ต้องการพูดเรื่องการหย่า” ร่างสูงหงุดหงิดว่าทำไมวันนี้ภรรยาที่ดูว่าง่ายกลับเข้าใจอะไรยากถึงเพียงนั้น
  “แล้วท่านต้องการจะพูดเรื่องอะไร ถ้าไม่สำคัญนักก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ท่านพึ่งเดินทางมาคงเหนื่อยแล้ว ข้าขอลาไม่ส่งนะเจ้าคะ” ร่างบางเอ่ยจบก็หมุนตัวกลับขึ้นเรือนทิ้งให้สามีมองตามด้วยความรู้สึกสับสนกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
  ร่างสูงกำยำกลับมาที่เรือนหลักด้านหน้า ที่เขาจะมาพักทุกครั้งที่กลับมาจวน แต่ทำไมวันนี้ถึงดูกว้างใหญ่เกินไปสำหรับที่จะพักเพียงผู้เดียว เมื่อชำระร่างกายจนสดชื่นดีแล้วก็มานั่งที่ห้องทำงาน เขาจะต้องเขียนรายงานสถานการณ์ในเขตชายแดนส่งให้กับราชสำนัก ตอนนี้แคว้นเยี่ยนเริ่มมีการเคลื่อนไหวมักจะส่งทหารเข้ามาสอดแนม และเริ่มมีการดักปล้นในเขตติดต่อบ่อยครั้งจนผิดปกติ และพวกชนเผ่านอกด่านก็เริ่มมาก่อกวนบ่อยครั้งขึ้น เมื่อเขียนรายงานจบก็มองไปที่ประตู ปกติถ้าเขากลับมานางจะต้องนำผลไม้หรือขนมมาให้ ทำไมวันนี้ถึงเงียบสงบถึงเพียงนี้
  “นายท่านมองหาอะไรหรือขอรับ” ตงซานบ่าวรับใช้ส่วนตัวที่จะคอยมาดูแลทุกครั้งที่เขากลับมาที่จวนเอ่ยด้วยความสงสัย นายท่านมักจะมองไปที่ประตูบ่อยครั้งเหมือนรอคอยสิ่งใด
  “เปล่า เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ ข้าจะนอนแล้ว”ร่างสูงไม่ชอบคนมาปรนบัติยามอยู่ในห้องนอน จึงมักจะทำอะไรเองเสมอ
  เมื่อเอนกายลงนอน พลางนึกถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของภรรยา ดูเย็นชา ท่วงท่าสง่างามเหมือนไม่ใช่สตรีที่มีอายุเพียงยี่สิบปี สายตาที่ดูเหมือนรู้ทันในความคิดของแต่ละคน ใช่สิเขาไม่เคยเห็นนางยิ้มให้เลยตั้งแต่กลับมา ร่างสูงกำยำครุ่นคิดเรื่อยเปี่อยจนหลับไหลไปไม่รู้ตัว
  โดนเมินบ้างเป็นยังไงหล่ะ น้องกลับมาคราวนี้โนสนโน🤟
  🥰🥰ฝากกดเข้าชั้นเพื่อจะได้ไม่พลาดการอัพตอนใหม่นะคะ️️