ไม่ว่าจะยุคไหน สุดท้ายทุกคนก็ต้องยืนหยัดด้วยตนเอง ต้องเป็นคนมีความสามารถเท่านั้นถึงจะอยู่รอดได้ ก่อนหน้าเพราะมีพระมารดา มีพระเชษฐา ที่คอยคุ้มครองปกป้อง พอเกิดเรื่องเช่นนี้แม้ว่าอย่างไรฐานะนางไม่เปลี่ยนแปลงแต่จะให้เป็นเช่นเคยคงเป็นไปไม่ได้
นางเป็นคนในราชวงศ์ เชื้อสายของผู้นำดินแดนย่อมไม่ใช่คนธรรมดาทั้งรูปโฉมและสายพลัง ตั้งแต่เกิดนางได้รับความรักมากมาย ทำให้กลายเป็นคนขี้โมโห อารมณ์ร้าย เอาแต่ใจเย่อหยิงไร้ความเมตตา
ทำให้ทรัพย์ในกายล้วนไร้ค่า
“แม่นมมู่ ตอนนี้พวกเรามีคนอยู่จำนวนเท่าไร”
นางเป็นองค์หญิงอย่างน้อยก็ควรมีองค์รักษ์ส่วนตัวสิ
“องค์รักษ์เงาจำนวนหนึ่งเจ้าค่ะ ส่วนบ่าวไพร่ที่ติดตามมาจากในวังก็ 20 คน”
แม่นมเอ่ยพลางแปรงผมให้เจินไป๋เจียอย่างเบามือ และมองดูผมยาวสลวยเป็นเงางามนุ่มลื่นดั่งผ้าไหมล้ำค่าอย่างภาคภูมิใจ องค์หญิงของนางล้วนงดงามไร้ที่ติ ในขณะที่เจินไป๋เจียคิดถึงแต่เรื่องเงินทอง นางไม่เคยส่องกระจกเหลืองที่ไม่ชัดเจนอันนั้น
จึงไม่รู้ถึงความงามของตนเอง
มากมายจริง ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งกลับมีคนต้องดูแลมากมายเพียงนี้
หากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ แล้วไม่ให้เงินนางมาอีก จะทำอย่างไร
นางไตร่ตรองทุกอย่างเงียบ ๆ ที่ผ่านมานางเองก็ไม่ควรสนใจพลังจิตของตนเองว่าอยู่สายไหน
นึกว่าท่านยมฑูตพูด นึกว่าไร้สาระเสียอีก พลังลมปราณอะไร
เจ้ามีพลังลมปราณ 2 สาย วนเวียนคือ ธาตุดินและธาตุน้ำ
ข้าได้ทิ้งตำราโอสถไว้ให้
จากนั้นสูตรยาและสมุนไพรมากมายก็วิ่งเข้ามาในหัว พออยากนึกถึงก็นึกออกได้ทันที
แสดงว่า ต่อไปนี้ให้นางเป็นเภสัชกรสินะ
ไม่สิ…ที่นี่เรียก โอสถ อาจารย์โอสถ ปรมาจารย์โอสถ และเซียนโอสถ
แต่ละขั้นก็ยังมีขั้นเริ่มต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง สรุปว่ามี 12 ขั้น
ดินแดนแห่งนี้ก็ไม่ต่างจากดินแดนที่นางจากมา มีหลากหลายอาชีพ ทว่าในระดับขั้นปรมาจารย์ล้วนต้องมีพื้นฐานพลังลมปราณ และนอกจากผู้นำสี่ตระกูลใหญ่และผู้สืบเชื้อสายแล้ว คนมีสายลมปราณก็แทบจะนับจำนวนได้
นางเก่งกาจขนาดนี้จะทนอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้อย่างไร
“แม่นมมู่ เตรียมกระดาษและฝนหมึกให้ข้า”
นางจะเขียนหนังสือหย่าเอง
แม่นมมู่ชำเลืองมองสิ่งที่ เจินไป๋เจียเขียน มือก็สั่นระริก ทว่าแต่ไหนแต่ไรหากองค์หญิงตัดสินใจล้วนไม่สามารถเอ่ยขัดได้ นางก็เพียงมองด้วยใบหน้าสลดใจ น้ำตาเริ่มคลอ
“ชิงอี เจ้าเอาไปส่งให้ท่านแม่ทัพ”
ในจดหมายนางได้ลงลายมือไว้เรียบร้อย เหลือเพียงท่านแม่ทัพหวงซีซวนลงนามเท่านั้น
และหน้าซองนางยังเขียนเพื่อประกาศให้คนรู้ว่า
หนังสือหย่า
แม่ทัพหวงมองดูซองจดหมายที่ เจินไป๋เจียส่งมาให้ ลายมือที่ไม่อยากจดจำแต่เขาก็ยังจำได้ ลายมือเดิมทว่ากลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันกว่าเดิมคือมัน
มั่นคง หนักแน่น
ไม่น่าเชื่อว่าหญิงสาวที่ใจแปรปรวนเช่นนั้นจะเขียนลายมือเช่นนี้ออกมาได้
จวนแม่ทัพของเขาไม่ใช่โรงเตี้ยม
นึกอยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป
หวงซีซวนไม่เปิดอ่านข้อความในจดหมายแม้กระทั่งหยิบขึ้นมาดูก็ไม่ทำ
เขาชำเลืองมองดูซองด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม มีเปลวไฟลุกขึ้นในนัยน์ตาผุดขึ้นมาแวบเดียว ฉับพลันจดหมายก็โดนไหม้ด้วยเปลวเพลิง พลิบตาเดียวก็กลายเป็นขี้เถ้าของกระดาษปลิวไปมา
บ่าวไพร่รีบวิ่งเข้ามาเก็บกวาดอย่างรวดเร็วและรีบปลีกตัวออกมา เพราะพวกเขาต่างรับรู้ว่าท่านแม่ทัพโมโหแล้ว
“เหินอี” เขาเอ่ยเรียกองค์รักษ์เงาออกมาสั่งการ
“ขอรับ”
“จับตาดูองค์หญิงไป๋เจีย”
จากนั้นก็ได้เรียกพ่อบ้านเข้ามาสอบถาม
“ฮูหยินหลังหายจากอาการป่วยก็อยู่เพียงในเรือนไผ่หยกขอรับ ไม่ติดต่อใคร ไม่โวยวาย ทว่าสิ่งแรกที่ฮูหยินทำ…เอ่อ คือส่งหนังสือหย่าให้นายท่านขอรับ”
พ่อบ้านพูดด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น เป็นใครย่อมโมโหถูกสตรีขอหย่าเหมือนโดนดูแคลนเสียศักดิ์ศรี ดีที่เขารีบสกัดไม่ให้ข่าวออกนอกจวน ไม่อย่างนั้น เขาเองก็คงโดนเผาไม่ต่างจากจดหมายฉบับนั้น
หวงซีซวนไล่พ่อบ้านออกไป รีบสลัดเรื่องของหญิงผู้นั้นออกจากหัว
คงเป็นวิธีเรียกร้องความสนใจแบบใหม่
ยิ่งคิด แม่ทัพหวงซีซวนยิ่งรู้สึกปวดหัวหนึบหนับ
จะอย่างไรตอนนี้ก็ปล่อยนางออกไปไม่ได้
ราชสำนักกำลังวุ่นวายอย่างหนักเขาเองก็ต้องควบคุมไม่เคยเกินเรื่องไม่ดี ทั้งที่ควรอยู่เงียบ ๆ อย่างกุลสตรีพึงกระทำ ในเวลาเช่นนี้นางยังไม่วายสร้างปัญหาอีก ชีวิตเขาไม่รู้ว่าก่อกรรมอันใดถึงได้มาเจอสตรีเช่นนี้
ข่าวที่แม่ทัพหวงซีซวนเผ่าหนังสือขอหย่าจากฮูหยินดังไปทั่วจวน เพราะชิงอีตั้งใจเปิดเผยหลายคนต่างเข้าใจไปต่าง ๆ นา ๆ ทว่าสิ่งที่ทุกคนกังวลใจ
“หรือว่า นายท่านจะแอบมีใจให้นางแล้ว”
ฮูหยินรองพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแฝงกังวล
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ขนาดวันนั้นนางกำลังจะตายท่านแม่ทัพก็ยังไม่เหลียวแล” อนุลู่อี้เอ่ยพูดขึ้นพร้อมยกผ้าเช็ดหน้าปิดปากหัวเราะ
ใครบ้างไม่รู้ว่าคืนนั้นท่านแม่ทัพอยู่กับใครและทำอะไร
ฮูหยินรองก้มหน้าเอียงอาย และยิ้มที่มุมปากพอใจ
“เจ้าอย่าพูดไป ข้าเองก็รู้สึกผิดแต่ว่าก็ไม่กล้าขัดนายท่าน”
ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งยกยอตัวเอง หลายคนเองก็นึกดูแคลนอีกฝ่ายทว่าใบหน้ายังเต็มไปด้วยไมตรียิ้มแย้ม ยกยอกัน
ส่วนเจินไป๋เจีย ก็นั่งอย่างหมดพลังเสียอารมณ์
ด้วยรูปโฉมอันงดงาม ท่าทีเหนื่อยเบื่อหน่าย ยิ่งทำให้นางกลายเป็นดูสูงส่ง ไร้ความสนใจในสรรพสิ่ง
หวงซีซวนไม่ไว้ใจก่อนออกจากจวน เขาได้แอบมาดูหญิงสาว
ภายในใจล้วนเต็มไปด้วยอคติ
ป่วยหนักแทบสิ้นชีพ กลับสามารถมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้เพียงนี้
ไม่หน้ำซ้ำยังดูงดงามขึ้น
อย่าที่เขาว่า “คนชั่วย่อมตายยาก”
เป็นอย่างนี้เอง ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองหลงกลแผนการของนางแล้ว
เขาเองถึงกลับมาแอบดูและยังสั่งให้คนจับตาดู
หวงซีซวนยิ้มดูแคลนความโง่เขลาของตัวเองรีบเร้นกายออกไปทันที
ตอนที่ 7 ประลองเรื่องหย่าไม่ใช่เจินไป๋เจียไม่ใส่ใจ ทว่าสิ่งที่จำเป็นตอนนี้คือนางต้องฝึกปรือวิชา การเป็นผู้มีฝีมือวาจาถึงจะมีสิทธิ์ต่อรอง หากใช้ตระกูลอันหรือราชอำนาจจากไทเฮายิ่งทำให้คนอื่นดูแคลน และด้วยสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งไม่อาจจะทำอะไรได้ดั่งใจ“พรุ่งนี้แล้ว มันจะต้องสำเร็จข้าจะต้องทำให้ได้” เจินไป๋เจียบอกให้กำลังใจตนเองนางแล้วรีบพักผ่อน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องเจอกับอะไรบ้างนางต้องเก็บแรงไว้ให้มากตะวันยังไม่ทอแสงนภายังคงมืด ทว่าชิงอีก็เข้ามาปลุกหญิงสาวแล้ว“คุณหนูได้เวลาได้ ท่านต้องรีบไปลงทะเบียนและจับสลากอันดับนะเจ้าคะ"เจินไป๋เจียยังพลิกตัวไปมางัวเงีย เมื่อคืนเพราะตื่นเต้นมากเกินไปทำให้นางนอนไม่หลับ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะสดชื่นกว่านี้ก็กลายเป็นเช่นนี้ไปได้ สุดท้ายจึงได้หยิบอุปกรณ์ออกมาเพื่อกระตุ้นร่างกาย“คุณหนูนี่คือชาชนิดใดกันเจ้าคะ" ชิงอีถามเจินไป๋เจียด้วยความสงสัย“สิ่งนี้เรียกว่ากาแฟ ขั้นตอนเหล่านี้คือวิธีการดริป รอว่าง ๆ ข้าจะสอนพวกเจ้าเอง” เจินไป๋เจียยืดอกตอบด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ด้วยพลังปราณธาตุดินขอแค่นางระลึกถึงก็สามารถปลูกทุกสิ่งอย่างได้โดยไม่จำเป็นต้องม
ตอนที่ 6 หนทางเป็นเด็กฝึกไม่สนุกอย่างที่คิด เจินไป๋เจียตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้หยุดฟัง แม้จะมีชิงอิงและชิงอี คอยช่วยทว่านางก็ยังยืนและคอยพวกนาง คนที่นอนและกินมาตลอดชีวิต สภาพร่างกายจะรับได้อย่างไรเมื่อพักเที่ยงนางก็แทบจะถอดใจล้มเลิกความตั้งใจหากไม่ใช่ นางชำเลืองเห็นคนรับสมัครเมื่อวานหรี่ตามองเหยียดปากดูแคลนส่งมาให้นางอย่างไม่ปกปิดนางคงกลับจวนไปแล้ว“คุณหนู แม่นมสั่งให้พวกข้าดูท่านให้ดี ท่านนั่งพักเถอะเจ้าค่ะ พวกข้าจะจัดการเก็บสมุนไพรพวกนี้เอง”หน้าที่ในวันนี้คือเด็กฝึกต้องเรียนรู้ตั้งแต่ปลูกและเก็บสมุนไพร เมื่อนึกถึงสมุดไม้ไผ่เมื่อวาน สมุนไพรที่มีกว่าพันชนิด เจินไป๋เจียก็คำนวนระยะเวลาในการฝึกเช่นนี้ทันที ปีที่ 1 เรียนรู้สมุนไพรปีที่ 2 เริ่มศึกษาการปรุงยาปีที่ 3 หัดปรุงยาร่วมกับพี่ชั้นปีที่ 4 และปีที่ 4 ปรุงยาด้วยตนเองจบการศึกษา เป็นผู้ปรุงโอสถเริ่มต้น ทว่าการเรียนรู้ย่อมไม่มีทางลัดนอกจากการฝึกฝนตัวเอง เหล่าคุณหนูและคุณชายล้วนมาฝึกตนเองตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่อย่างช้าอายุ 15 ปีก็จบการศึกษา อย่างเด็กสาวที่เป็นผู้ช่วยคัดเลือกเมื่อวานก็มีคาด
ตอนที่ 5 เด็กฝึกเจินไป๋เจีย ไม่ได้สนใจว่าใครจะประมวลหรือคิดอะไร นางนั่งเปลขาพาดยกสูง ไร้มารยาทเฉกสตรีทั่วไป ในเมื่อไม่ให้หย่า แต่นางคงออกไปไหนมาไหนได้กระมัง“แม่นมมู่ ข้าจะไปเป็นเด็กฝึกงานที่ร้านโอสถ ท่านช่วยจัดการให้ด้วย”ไทเฮาเป็นบุตรสาวจากตระกูลอัน หนึ่งในสี่ตระกูลที่มีผู้นำตระกูลเป็นถึงปรมาจารย์โอสถการที่เจินไป๋เจียอยากจะไปเป็นเด็กฝึกย่อมไม่ใช่เรื่องยาก “ฮูหยินท่าน…เอ่อ..เจ้าค่ะ”เป็นเด็กฝึกก็ต้องคอยรับใช้และฟังคำสั่งผู้อื่น เจินไป๋เจียไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แม่นมมู่แค่คิดว่าองค์หญิงของนางต้องไปเป็นข้ารับใช้ผู้อื่นก็ปวดใจทันที“ชิงอี ชิงอิง เจ้า 2 คนต้องคอยดูแลไม่ให้ใครมารังแกคุณหนูเด็ดขาดรู้ไหม” แม่นมมู่สั่งกำชับองค์รักษ์ข้างกายของเจินไป๋เจียด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่รู้ว่าตอนนี้องค์หญิงทรงครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ “ชิงอี ชิงอิง เจ้าทั้งสองต่อไปเรียกข้าว่าคุณหนูเจียเจีย เข้าใจหรือไม่”เมื่อจะเดินออกมาข้างนอกเจินไป๋เจียก็สั่งบ่าวให้เรียกนางใหม่“เจ้าค่ะคุณหนูเจียเจีย” สามสาวดุรณีแรกแย้มอายุเพียง 16-17 เท่านั้น เมื่อปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าไร้เครื่องประดับหรูหรา เจินไป๋เจีย
ตอนที่ 4 จะหย่าไม่ว่าจะยุคไหน สุดท้ายทุกคนก็ต้องยืนหยัดด้วยตนเอง ต้องเป็นคนมีความสามารถเท่านั้นถึงจะอยู่รอดได้ ก่อนหน้าเพราะมีพระมารดา มีพระเชษฐา ที่คอยคุ้มครองปกป้อง พอเกิดเรื่องเช่นนี้แม้ว่าอย่างไรฐานะนางไม่เปลี่ยนแปลงแต่จะให้เป็นเช่นเคยคงเป็นไปไม่ได้นางเป็นคนในราชวงศ์ เชื้อสายของผู้นำดินแดนย่อมไม่ใช่คนธรรมดาทั้งรูปโฉมและสายพลัง ตั้งแต่เกิดนางได้รับความรักมากมาย ทำให้กลายเป็นคนขี้โมโห อารมณ์ร้าย เอาแต่ใจเย่อหยิงไร้ความเมตตา ทำให้ทรัพย์ในกายล้วนไร้ค่า “แม่นมมู่ ตอนนี้พวกเรามีคนอยู่จำนวนเท่าไร”นางเป็นองค์หญิงอย่างน้อยก็ควรมีองค์รักษ์ส่วนตัวสิ“องค์รักษ์เงาจำนวนหนึ่งเจ้าค่ะ ส่วนบ่าวไพร่ที่ติดตามมาจากในวังก็ 20 คน” แม่นมเอ่ยพลางแปรงผมให้เจินไป๋เจียอย่างเบามือ และมองดูผมยาวสลวยเป็นเงางามนุ่มลื่นดั่งผ้าไหมล้ำค่าอย่างภาคภูมิใจ องค์หญิงของนางล้วนงดงามไร้ที่ติ ในขณะที่เจินไป๋เจียคิดถึงแต่เรื่องเงินทอง นางไม่เคยส่องกระจกเหลืองที่ไม่ชัดเจนอันนั้นจึงไม่รู้ถึงความงามของตนเอง มากมายจริง ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งกลับมีคนต้องดูแลมากมายเพียงนี้ หากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ แ
ตอนที่ 3 เข้าวังไม่ได้สิ่งดีที่กลายเป็นโชคดีสำหรับนางตอนนี้คือ ไม่มีใครมาเยี่ยมนางสักคน นอกจากคนจากในวังก็ไม่มีใครถามข่าวคราวนางอีกเลยเมื่ออาการดีขึ้น พอมีเรี่ยวแรงสิ่งแรกที่เจินไป๋เจีย ตัดสินใจและต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ นางต้องหย่า ต้องหย่าเท่านั้น!! เป็นนางที่ขอสมรสพระราชทาน และจะเป็นนางที่ขอหย่านางต้องเข้าวังทว่าหลังจากนอนพักมาหลายวัน สิ่งที่เกิดคำถามในใจ คนในจวนแม่ทัพทำกับนางถึงเพียงนี้แต่ทำไม ฮ่องเต้หรือไทเฮาไม่มีกระแสตำหนิลงมาสักคำ มันเป็นความไม่ปกติเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือเป็นเพราะพวกเขาเคยชิน“แม่นมข้าจะเข้าวัง” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ แม้กระทั่งตัวเองก็แปลกใจ“ฮูหยินท่านเพิ่งจะหายป่วย บ่าวว่าท่านพักผ่อนอีกระยะดีไหมเจ้าคะ” คำพูดของแม่นมทำให้เจินไป๋เจียขมวดคิ้วชำเลืองมองตาขวางแม่นมมู่หรานรีบคุกเข่าแล้วเอ่ยเสียงสั่น แม้จะหวาดหวั่นแต่ก็ยังเอ่ยห้ามเช่นเดิม“ฮูหยินท่านเชื่อบ่าวเถิดเจ้าค่ะ บ่าวขอร้องท่านอย่าเพิ่งเข้าวังเลย”นั่นปะไร เป็นอย่างที่นางคิดไม่ผิดทุกอย่างล้วนไม่ปกติในเมื่อออกไปไหนไม่ได้ เมื่ออาการดีขึ้นมากเจินไป๋เจียก็ออกมานั่งรับลมอยู่
ตอนที่ 2 ไม่ตายก็ดี เรือนเหม่ยฮว่าเสียงหายใจกระชั้นยังดังแว่วมาจากห้องข้างใน ทำให้บ่าวที่อยู่ข้างนอกไม่กล้ารบกวน“พวกเจ้าไม่กลัวตายหรืออย่างไร ตอนนี้ใช่เวลาจะขอเข้าพบนายท่านหรืออย่างไร”“แต่ว่าฮูหยิน ฮูหยินอาการหนักมาก” เสียงตอบกระซิบแผ่วเบาพวกนางคุกเข่าอยู่เป็นเวลาหลายเค่อ ทว่าเสียงรัณจวนก็ยังไม่แผ่วลงทำให้คนข้างนอกล้วนมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป ทั้งร้อนใจและอับอาย หากฮูหยินสิ้นตอนนี้ไม่รู้ว่าชื่อเสียงจะย่อยยับเพียงใดสงครามข้างในสงบลงแล้ว ฮูหยินรองอันชิงอีเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงออเซาะ“ท่านพี่ ข้าจะปรนนิบัติท่านอาบน้ำเองนะเจ้าคะ” “เจ้าไม่แสร้งเป็นคนดี ขอร้องให้ข้าไปดูนางหน่อยหรือ” แม่ทัพหวงซีซวนเอ่ยถามน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความเย้ยหยัน“ไยข้าต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยเจ้าคะ หากท่านต้องการจะไปท่านพี่ย่อมตัดสินใจเอง” ฮูหยินรองพูดพร้อมชายตาแลยั่วยวน แม่ทัพหวงซีซวนเก่งกาจสามารถ มารยาเล็กน้อยเขาย่อมมองออก นางไม่สนใจชิงดีชิงเด่นหรือเอาอกเอาใจใคร สิ่งเดียวที่ต้องทำคือปรนนิบัติท่านแม่ทัพให้ดีเท่านั้น และนี่ทำให้นางได้ตำแหน่งฮูหยินรองมาครอบครอง“เจ้าเข้าใจเช่นนี้ดียิ่ง บุตรของข้