เจินไป๋เจีย ไม่ได้สนใจว่าใครจะประมวลหรือคิดอะไร นางนั่งเปลขาพาดยกสูง ไร้มารยาทเฉกสตรีทั่วไป ในเมื่อไม่ให้หย่า แต่นางคงออกไปไหนมาไหนได้กระมัง
“แม่นมมู่ ข้าจะไปเป็นเด็กฝึกงานที่ร้านโอสถ ท่านช่วยจัดการให้ด้วย”
ไทเฮาเป็นบุตรสาวจากตระกูลอัน หนึ่งในสี่ตระกูลที่มีผู้นำตระกูลเป็นถึงปรมาจารย์โอสถการที่เจินไป๋เจียอยากจะไปเป็นเด็กฝึกย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
“ฮูหยินท่าน…เอ่อ..เจ้าค่ะ”
เป็นเด็กฝึกก็ต้องคอยรับใช้และฟังคำสั่งผู้อื่น เจินไป๋เจียไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แม่นมมู่แค่คิดว่าองค์หญิงของนางต้องไปเป็นข้ารับใช้ผู้อื่นก็ปวดใจทันที
“ชิงอี ชิงอิง เจ้า 2 คนต้องคอยดูแลไม่ให้ใครมารังแกคุณหนูเด็ดขาดรู้ไหม” แม่นมมู่สั่งกำชับองค์รักษ์ข้างกายของเจินไป๋เจียด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่รู้ว่าตอนนี้องค์หญิงทรงครุ่นคิดสิ่งใดอยู่
“ชิงอี ชิงอิง เจ้าทั้งสองต่อไปเรียกข้าว่าคุณหนูเจียเจีย เข้าใจหรือไม่”
เมื่อจะเดินออกมาข้างนอกเจินไป๋เจียก็สั่งบ่าวให้เรียกนางใหม่
“เจ้าค่ะคุณหนูเจียเจีย”
สามสาวดุรณีแรกแย้มอายุเพียง 16-17 เท่านั้น เมื่อปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าไร้เครื่องประดับหรูหรา
เจินไป๋เจียก็สดใสไร้เดียงสา งดงามสมวัย
“คุณหนูไม่ว่าจะแต่งกายเช่นไรก็งดงาม”
ในสายตาแม่นมมู่ เจินไป๋เจียย่อมดีที่สุด นางจึงไม่เชื่อคำอีกฝ่ายเท่าไรนัก รถม้าที่ได้รับการออกแบบจากช่างเหล็กระดับปรมาจารย์จากตระกูลกัวที่แลกกับโอสถต่ออายุขัย ขับเคลื่อนด้วยพลังหินอัคคีของตระกูลหวง กำลังจอดรอรับเจินไป๋เจีย
นางมองดูนวัตกรรมในดินแดนแห่งนี้ด้วยสายตาชื่นชม รถม้าคันนี้คงเทียบกับรถเฟอรารี่ราคาหลักร้อยล้านกระมัง
“เราเดินไปดีกว่า หากขึ้นรถคันนี้ไปย่อมไม่เกิดผลในสิ่งที่ต้องการ”
เอ่ยเสร็จไป๋เจียเจียก็เดินออกมาบรรยากาศข้างนอกล้วนทำให้นางสดชื่นขึ้น
ดินแดนเทพประกาย
หรือแคว้นที่นางกำลังอยู่เต็มไปด้วยความหลากหลายที่แตกต่างจากโลกที่นางจากมาเพราะเจินไป๋เจียเติบโตในวังหลวงชีวิตนอกวังนางล้วนไม่คุ้นเคย
ในเมื่อได้ออกมาแล้วก็ใช้ชีวิตเสพสุขเสียดีกว่า นางวิ่งไปดูสิ่งต่าง ๆ ด้วยสายตาตื่นเต้น รอยยิ้มของนางงดงามดุจตะวันเจิดจ้า
ดึงดูดสายตาผู้คน ไม่นานหญิงสาวก็กลายเป็นจุดสนใจทันที
“คุณหนูพักก่อนดีไหมเจ้าคะ ข้างหน้าเป็นหอชิงหยวนมีอาหาร ขนมหลากหลาย”
“ดีจริง ไปกัน” เจินไป๋เจียช้อนดวงตาเป็นประกายสุกใสอย่างยินดี นางรีบเร่งฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงหอชิงหยวน
ชิงอีอยากให้เจินไป๋เจียเข้าไปหลบหลบสายตาผู้คน เมื่อไปถึงก็แสดงป้ายประจำตัว
พวกนางจึงได้ห้องพิเศษทันที
“ท่านชาย นั่นคือ เจินไป๋เจียน้องสาวของท่านขอรับ”
องค์รักษ์กล่าวแนะนำตามหลัง ร่างของหญิงสาวทั้งสาม
“จำได้ว่าองค์หญิงได้รับสมรสพระราชทานแต่งให้กับหวงซีซวน ทำไมตอนนี้แต่งกายเป็นเด็กสาววัยปักปิ่นออกมาวิ่งเล่นได้”
น้ำเสียงแม้จะกล่าวอย่างเนิบ ๆ ทว่าก็ยังเปี่ยมด้วยอำนาจน่าเกรงขาม
“ได้ยินว่า อนุของหวงซีซวนมีมากมายยิ่งกว่าหญิงสาวในหอนางโลม และยังมีฮูหยินรองที่เพิ่งตบแต่งเข้าไป คาดว่าฐานะนางในจวนคงลำบากไม่น้อย”
องค์รักษ์พยายามอธิบายอย่างรวบรัด
“แม้ไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน ทว่าก็เป็นน้องสาวร่วมอุทร ส่งคนคอยประกบดูแลนางด้วย”
องค์รักษ์รับคำและถอยออกมาให้เจ้านายพักผ่อนเพียงลำพัง
กัวเลี่ยงโยวหรือว่าที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ ใบหน้าหล่อเหลาดั่งบุรุษชั้นสูง ลมปราณสายไฟระดับขั้นไม่มีใครทราบได้
ดวงตาสีดำเข้มราวหลุมลึกไร้ที่สิ้นสุดเปล่งประกายวาววับ มีเปลวไฟอยู่สองดวงพร้อมมอดไหม้สรรพสิ่งตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน หวงซีซวนก็ได้รับรายงานเช่นกัน
“นางอยากทำก็ปล่อยนางทำไป ต่อไปไม่ต้องรายงาน”
เฮอะ!! ไปเป็นเด็กฝึกร้านโอสถ
เจินไป๋เจียก็ยังเป็นเจินไป๋เจีย ไร้สาระเช่นไรก็ยังเป็นเช่นนั้น
เขาต้องมานั่งฟังรายงานบ้า ๆ แบบนี้ไปทำไมกัน
ตกบ่าย เจินไป๋เจียก็มาถึงร้านโอสถ วันนี้มีคุณหนู คุณชายจากต่างเมืองเข้ามาสมัครเป็นเด็กฝึกงานเช่นกัน แม่นางน้อยวัยแรกแย้มคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายเจินไป๋เจียอย่างยินดี ในขณะที่กำลังจะเข้าไปใกล้ชิงอิงก็ออกไปยืนขวางทาง
“ชิงอิง” เจินไป๋เจียเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เอ่อ … ข้าเองที่พรวดพราดเข้ามา..ข้าอี้หราน เจ้าล่ะ”
“ข้าไป๋เจียเจีย ยินดีที่รู้จักนะ”
พวกนางล้วนทักทายอย่างคนกันเอง
ในขณะนั้นก็หญิงสาวคนหนึ่งมองเหล่าคุณหนูด้วยสายตาหวาดระแวง
วันนี้มีคุณหนูมาสมัครมากมายขนาดนี้นางคงไม่ได้รับเลือก
เจินไป๋เจียมองดูใบหน้าที่ฉายความกังวลออกมาอย่างชัดเจน หากวัดความสามารถกันเด็กที่มาจากครอบครัวธรรมดาย่อมไม่ได้รับคัดเลือกแน่นอน เพราะคุณหนูหรือคุณชายล้วนได้รับการอบรมและมีความพร้อมในการเตรียมตัวมากกว่า
เจินไป๋เจียสายศีรษะเบา ๆ
ไม่ว่าจะที่ใดความเลื่อมล้ำเช่นนี้ก็ย่อมมีให้เห็น
ทว่าการคัดเลือกที่ดีย่อมให้โอกาสทุกคน
ไม่นานผู้รับสมัครก็ออกมาประกาศกติกา
“ในกระดาษต่อไปนี้ จะเป็นชื่อสมุนไพรทั้งหมด 1000 ชนิด ข้าให้พวกเจ้าท่องจำ 1 ชั่วยามจากนั้นจะสอบเป็นรายบุคคล”
พวกเขาแจกแผ่นไม้ให้ทุกคน เจินไป๋เจียนำมาเปิดอ่านดู ไม่น่าเชื่อนางรู้จักสมุนไพรทุกตัวดีอยู่แล้ว
แบบนี้ถือว่านางโกงรึเปล่านะ
เมื่อถึงคิวของเจินไป๋เจีย นางถูกให้จัดให้ไปยืนอยู่หน้าแผ่นหินขาวขนาดใหญ่ และมีคนสอบสัมภาษณ์นางเพียง 1 คนเท่านั้น
ไม่นานหินขาวก็สว่างวาบขึ้น กลายเป็นภาพสมุนไพรชนิดต่าง ๆ แทน
“ตอบสิ” เสียงแม่นางน้อยที่กำลังจะจดคะแนนมองดูเจินไป๋เจีย ด้วยสายตาดูแคลนคงไม่เคยเจอจอหินกระมัง
ความจริงไม่เคยเจอก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะจอนี้ ปรมาจารย์ได้มาเพราะแลกกับยาโอสถเพิ่มพลังลมปราณกับช่างเหล็กคนหนึ่ง
เมื่อได้สติ เจินไป๋เจียก็รีบตอบชื่อสมุนไพรทันที ภาพในจอหินขาวก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
“ดีมาก เจ้าคิดว่าจะทำงานที่นี่นานแค่ไหน” บุรุษที่ได้รับหน้าที่มาคัดเลือกเด็กฝึกเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดูหมิ่นเขาเบื่อพวกลูกหนูพวกนี้เต็มทน หากเป็นเหล่าคุณชายยังพอพูดคุยได้อยู่บ้าง
“ข้าตั้งใจจะพัฒนาตนเองจนเป็นเซียนโอสถเจ้าค่ะ”
พูดเสร็จก็ได้ยินเสียงหัวเราะขบขำของเด็กสาวคนนั้น ตลกจริง ๆ
“อย่างน้อยเจ้าก็เป็นเด็กกล้าคนหนึ่ง เอาเถอะพรุ่งนี้ก็มารายงานตัวตั้งแต่เช้า” บุรุษกล่าวแบบผ่าน ๆ
เจินไป๋เจียเดินยิ้มออกมาอย่างยินดี นางเดินออกไปเดินเล่นสักพักก่อนจะกลับเข้าไปพักที่หอชิงหยวน เมื่อมองเห็นเด็กสาวคนเดิมที่ไปสมัครเป็นเด็กฝึกด้วยกันเดินยิ้มด้วยสีหน้ายินดี คงสอบผ่านด้วยกระมังเจินไป๋เจียจึงเดินเข้าไปทักทาย
“ข้าไป๋เจียเจีย เจ้าจำข้าได้ไหมเราเคยเจอกันที่ร้านโอสถ”
“จำได้ เจ้างดงามข้าจำเจ้าได้” เด็กสาวหน้าตาหมดจด ทว่าก็ดูออกว่ามาจากครอบครัวธรรมดา นางจึงเอ่ยบอกชื่อตัวเองอย่างแผ่วเบาไม่ค่อยจะมั่นใจ
“ข้าหลิงอีอี”
“พรุ่งนี้เราเจอกันที่ร้านโอสถนะ”
เจินไป๋เจียเป็นคนชวนคุยไม่เก่ง หลังทักทายนางก็บอกลาทันที
หลิงอีอีมองดูตามหญิงสาวผู้งดงามสดใส นัยน์ตาที่ทอประกายวาววับราวกับไข่มุกที่จ้องมองมาทำให้นางรู้สึกพร่ามัวจนเกือบลืมหายใจ
เจินไป๋เจียได้ยินทุกอย่าง รู้สึกโมโหคิดอยากตอบโต้แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็น แบบนี้ก็ดีเช่นกันต่อไปเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวของหวงซีซวน เมื่อชาติที่แล้วเธอหวังจะเป็นที่ภาคภูมิใจของเขา ชาตินี้เธอทำสำเร็จแน่นอน “พี่ซีซวน” เจินไป๋เจียตะโกนเรียกเสียงดัง จนเป็นเธอเป็นจุดสนใจมากขึ้น หญิงสาวกลุ่มนั้นสะดุ้งตัว ใบหน้าเลิ่กลัก เจินไป๋เจียหรี่ตามองเล็กน้อยท่าทางบอกถึงความเหนือกว่า“นั่นใครอ่ะ” หนึ่งในนั้นเอ่ยกระซิบถามให้เสียงเบาที่สุด“ไม่รู้สิ แต่ยิ้มแบบนี้ฉันรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นแฟนหวงซีซวนนะ” ลางสังหรณ์บางอย่างบอกได้ในสัญชาติญาณของผู้หญิงด้วยกัน “แฟนรึ!!” พวกเธอพากันปรายตามองเจินไป๋เจีย เด็กสาวคนนี้มองอย่างไรก็ดูดีมีฐานะมากกว่าพวกเธอ ความรู้สึกเสียหน้าทำตัวไม่ถูกและกระอักกระอ่วนใจที่ตนเองพากันซุบซิบนินทาแฟนผู้อื่น หวงซีซวนด้วยเป็นผู้ฝึกวรยุทธทำให้เขาได้ยินทุกอย่างที่หญิงสาวกลุ่มนั้นคุยกัน แม้ไม่เข้าใจสิ่งที่เจินไป๋เจียทำแต่เขาก็ทำตามขอตัวแล้วเดินก้าวออกมาหาหญิงสาว “ครับ เจียเอ๋อร์" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุนยิ่งทำให้เจินไป๋เจียยิ้มเจิดจ้ากว่าเดิม “ไปกันเถอะค่ะ
“ครับ เจียเอ๋อร์ข้าคือ หวงซีซวน” เสียงแหบทุ้มต่ำแฝงเสน่ห์ของหวงซีซวนยังคงเหลือร้ายเช่นเคย เวลาคล้ายหยุดนิ่งอีกครั้ง เจินไป๋เจียตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือ “ซีซวน ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านกลับมาถึงบ้านข้าก็พลันนึกได้ว่านั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ฝันไป” ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ“เจียเอ๋อร์พรุ่งนี้ช่วงเช้าข้าจะไปมหาวิทยาลัยบ่ายเจ้าว่างหรือไม่” ยังมีหลายคำที่หวงซีซวนอยากเอ่ย เขาอยากกล่าวต่อหน้าหญิงสาวเท่านั้น “ทำไมต้องเป็นตอนบ่าย นาย…ไม่สิในเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว พี่ซีซวนเลิกเที่ยงฉันจะไปรับพี่เอง” เจินไป๋เจียปลื้มใจ ซีซวนนัดเธอ นัดเธอ “ได้ เรียนเสร็จพี่จะรอเจ้าที่ข้างหน้ามหาวิทยาลัย A” เพราะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนทำให้ทั้งสองเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะเอ่ยอะไร “พี่ต้องไปเรียนและทำงานพิเศษด้วยใช่ไหม ฉันไม่กวนพี่ดีกว่า พี่พักผ่อนเถอะ…ฝันดีนะคะ” เจินไป๋เจียไม่คาดคิดว่าจะมีวันที่นางได้กล่าวคำว่าฝันดี “ฮืม … เจียเอ๋อร์ก็ฝันดีนะ” หวงซีซวนก็ไม่ต่างกันเท่าไรเขาไม่เคยแม้คิดจะชวนสตรีคุย ยิ่งเกิดใหม่ด้วยรูปร่างหน้าตาและฐานะยิ่งทำให้ไม่มีหญิงสาวเข้ามาหา เขาวางโทรศัพท์ลงมองม
ตอนที่ 44 ใช่ท่านหรือไม่ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย ผู้คนเดินขวักไขว่หนึ่งในนั้น มีเจินไป๋เจียเดินกางร่มเดินเลียบข้างทางเฉกคนอื่นมากมาย สีหน้าของแต่ละคมล้วนมีอารมณ์หลากหลาย ทั้งยินดีเศร้าสร้อย ส่วนสีหน้าของเจินไป๋เจียเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่เจอหวงซีซวน ความคิดน้อยเนื้อใจก็เอ่อล้นขึ้นมา ไหนบอกว่าจะเป็นคนตามหานาง ทำไมจนปานนี้ยังไม่เจอ นางสืบค้นทั้งในเว่ยป๋อและออกตามหาก็ไม่พบชื่อหวงซีซวน หรือเขาไม่ได้มาเกิดในมิตินี้นางอาจจะต้องรอชาติต่อไปอีกหรือภายในใจของนางกลับเงียบเหงายิ่งนัก หวงซีซวนท่านอยู่แห่งหนใดกัน เจินไป๋เจียกลับมาถึงบ้านก็เจอมารดาที่กำลังรอคอยบอกข่าวดี “เจียเอ๋อร์ มีหนังสือจากมหาวิทยาลัย A ลูกได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาในคณะเภสัชศาสตร์” เจินไป๋เจียฝืนยิ้มอ่อนโยนให้มารดา“ดีจังเลยค่ะแม่” จะว่ายินดีก็ไม่เชิง นางมีความทรงจำสามภพชาติเรื่องสอบมหาวิทยาลัยกลายเป็นเรื่องที่ไม่ตื่นเต้นเท่าไรนัก“เจียเอ๋อร์เด็กดี แม่ภูมิใจในตัวลูกที่สุด แม่โทรไปบอกพ่อแล้ว เราคุยกันอย่างไรวันนี้ก็ต้องฉลอง วันนี้เราจะไปทานข้าวนอกบ้านกั
ตอนที่ 43 ตามหาข่าวการเชื่อมสัมพันธ์การแต่งงานระหว่างองค์หญิงไป๋เจียเจียและอ๋องอู๋โหย่วอี้หรือแม่ทัพแดนบูรพาจากดินแดนเมฆาดังไปทั่วแคว้น แม้จะมีข่าวเศร้าจากการสูญเสียแม่ทัพหวงซีซวนก็ไม่ทำให้เกิดกลิ่นอายอัปมงคล ทุกคนต่างยินดีกับข่าวมงคลครั้งนี้ มีเพียงไป๋เจียเจียกลับที่รู้สึกเฉยชากับเรื่องดังกล่าว“ท่านควรจะยินดีกับสิ่งที่กำลังเกิด” จิ้งจอกน้อยเอ่ยบอก “ใช่ข้าควรยินดี ใกล้ถึงเวลาแล้ว ต่อไปนี้หลังแต่งงานจะตั้งใจฝึกและบำเพ็ญเพียร” ไป๋เจียเจียไปจัดการเรื่องของซีหรงกับหม่าจื่อเหลียนด้วยตนเองที่จวนแม่ทัพหวง นางปรายตามองต่ำมองทุกคนที่มารับเสด็จด้วยความรู้สึกเย็นชา ภายใต้ร่างอรชนงดงามแผ่รังสีกดดันให้ผู้คนหายใจไม่ออก “กระหม่อมรับบัญชา จะรีบจัดการส่งแม่สื่อไปสู่ขอหม่าจื่อเหลียนมาเป็นฮูหยินเอกให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” นายท่านหวงบิดาของหวงซีซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม องค์หญิงไป๋เจียเจียนอกจากจะเป็นปรมาจารย์แล้ววาสนาสูงส่งมีสัญญามั่นหมายกับอ๋องต่างดินแดนพระบารมีแผ่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสียอีก ไป๋เจียเจียชำเลืองมองไปยังร่างอรชนของฮูหยินรองหม่าที่กำลังหมอบ
ไป๋เจียเจียร้องให้แทบขาดใจ น้ำเสียงของนางคล้ายกำลังอ้อนวอนสวรรค์ขอให้นางได้กลับตัว ทุกคนที่มองต่างไม่เชื่อว่าไป๋เจียเจียจะมีใจให้หวงซีซวนเพียงนี้ “หวงซีซวนเป็นข้าที่ผิดเอง ฮื้อ ฮื้อ…” ความรู้สึกโทษตัวเองถาโถมเข้าใส่นางราวกับทะเลคลั่ง “เจียเอ๋อร์ชาตินี้เป็นข้าเองไม่เหมาะสมกับเจ้า…ข้าขอร้องเจ้า ให้ความผิดของข้าในชาตินี้กลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับร่างของข้า ชาติหน้าข้าจะชดเชยทุกอย่างให้เจ้า ตามหาเจ้า เราจะชมทะเลดาวใต้แสงจันทราด้วยกัน"เสียงของหวงซีซวนแหบแห้งแผ่วเบา แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอื้อนเอ่ยทว่าตอนนี้เขาเพียงกุมมือของหญิงสาวถ่ายเทความอบอุ่นผ่านฝ่ามือที่เยือกเย็น “ไม่ ๆ ๆ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” ไป๋เจียเจียเสียใจอย่างรุนแรง คล้ายมีคนคว้างหัวใจนางออกมาบดขยี้เสียงร้องไห้ของนางบอกถึงความเจ็บปวดทรมานเสียดแทงเข้าไปถึงในกระดูก นางมองดูพิษอสูรค่อย ๆ กัดกร่อนร่างกายของหวงซีซวนจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ปลิวล่องไปตามสายลม นางลนลานพยายามคว้าไม่ให้มันหลุดลอย ทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของแต่นางก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ชาติที่แล้วโชคชะตาลิขิตให้นางลืม ไยชาตินี้ถึงให้นางจดจำได้เพีย
ตะวันฉายแสงพ้นผ่านอีกคืน ไป๋เจียเจียแทบไม่ได้นอนเพราะดูแลเด็กทารกแรกเกิดก่อนกำหนดด้วยตนเอง แม้จะอ่อนแรงทว่ารุ่งเช้านางก็อุ้มเด็กน้อยออกมารับแสงตะวัน ชำเลืองดูมองไปเห็นร่างของหวงซีซวนยังอยู่ที่เดิม สีหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวไร้สีเลือด การปะทะเมื่อวานคาดว่าชายหนุ่มคงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ลางสังหรณ์ผุดขึ้นมาในใจ คาดว่าหวงซีซวนอาจจะได้รับพิษอสูร ฉับพลันดั่งมีมีดปักลงมากลางใจ เสียงกรีดร้องของเจินไป๋เจียภายในจิตใจดังกึกก้องประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด ไป๋เจียเจียยืนตัวสั่นเทานางไม่เข้าใจกับท่าทีของตนเองหรือวิญญาณของเจินไป๋เจียยังคงเหลืออยู่ในร่าง นางส่งเด็กให้ชิงอีด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้หวงซีซวน ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างยากลำบากทว่าอีกใจก็แทบจะถลาเข้าไปดูชายหนุ่ม เมื่อนั่งลงข้างกายนางหยิบมือของชายหนุ่มขึ้นมาจับชีพจร แทบไม่เหลือร่องรอยของการมีชีวิต อวัยวะภายในโดยทำลายด้วยพิษอสูรจนแทบไม่เหลือชิ้นดี “ซีซวน ทำไมท่านดื้นรั้น ทำไมท่านไม่บอกข้า” นางเอ่ยถามทั้งที่ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าไยนางเอ่ยเช่นนั้น น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา ภายใต้จิตใจที่ใกล้จะล่องลอย หวงซีซวนได้