สิ่งดีที่กลายเป็นโชคดีสำหรับนางตอนนี้คือ
ไม่มีใครมาเยี่ยมนางสักคน
นอกจากคนจากในวังก็ไม่มีใครถามข่าวคราวนางอีกเลย
เมื่ออาการดีขึ้น พอมีเรี่ยวแรง
สิ่งแรกที่เจินไป๋เจีย ตัดสินใจและต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ
นางต้องหย่า ต้องหย่าเท่านั้น!!
เป็นนางที่ขอสมรสพระราชทาน
และจะเป็นนางที่ขอหย่า
นางต้องเข้าวัง
ทว่าหลังจากนอนพักมาหลายวัน สิ่งที่เกิดคำถามในใจ คนในจวนแม่ทัพทำกับนางถึงเพียงนี้แต่ทำไม ฮ่องเต้หรือไทเฮาไม่มีกระแสตำหนิลงมาสักคำ มันเป็นความไม่ปกติเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือเป็นเพราะพวกเขาเคยชิน
“แม่นมข้าจะเข้าวัง”
นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ แม้กระทั่งตัวเองก็แปลกใจ
“ฮูหยินท่านเพิ่งจะหายป่วย บ่าวว่าท่านพักผ่อนอีกระยะดีไหมเจ้าคะ” คำพูดของแม่นมทำให้เจินไป๋เจียขมวดคิ้วชำเลืองมองตาขวาง
แม่นมมู่หรานรีบคุกเข่าแล้วเอ่ยเสียงสั่น แม้จะหวาดหวั่นแต่ก็ยังเอ่ยห้ามเช่นเดิม
“ฮูหยินท่านเชื่อบ่าวเถิดเจ้าค่ะ บ่าวขอร้องท่านอย่าเพิ่งเข้าวังเลย”
นั่นปะไร เป็นอย่างที่นางคิดไม่ผิดทุกอย่างล้วนไม่ปกติ
ในเมื่อออกไปไหนไม่ได้ เมื่ออาการดีขึ้นมากเจินไป๋เจียก็ออกมานั่งรับลมอยู่สวนหน้าเรือน นั่งทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ บ่าวไพร่มองดูต่างก็คิดว่าความนางกำลังตรอมตรม
ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาฮูหยินก็เงียบขรึมผิดปกติ พวกเขาต่างคิดว่าคนที่เพิ่งไปเหยียบประตูผีมาล้วนเป็นเช่นนี้ไม่แปลกอะไร
เจินไป๋เจียพอคิดถึงเรื่องราวในอดีตชาติ จำได้แค่ว่าตัวเองเป็นใครมีความรู้อะไรทำอะไร ความทรงจำยังคงอยู่ทว่าความรู้สึกกลับหายไปหมด ทั้งเศร้า ทั้งรัก ทั้งแค้น ล้วนไม่มีเหลือในห้วงความรู้สึก ทว่าความรู้สึกที่มีในจิตใจที่ค่อย ๆก่อตัวขึ้นมากลับเป็นความรู้สึกเดิมของเจินไป๋เจียคนเดิม
ความรักที่มีต่อมารดา พี่ชาย และสามีแม่ทัพ แสนรักคนนั้นด้วย พอมีชีวิตมาถึง 2 ชาติ อารมณ์พวกนี้ล้วนอันตราย นางจะต้องระวังความรู้สึกและจิตใจของตนเองให้ดี ต้องมีสติรู้เท่าทันจะได้ไม่ตกบ่วงเสน่ห์หาไม่อย่างนั้นได้ตรอมตรมอีกชาติแน่นอน
“ฮูหยิน รับของว่างสักหน่อยเจ้าค่ะ บ่าวเตรียมมาไว้ให้แล้ว”
แม่นมมู่รักและหวังดีกับองค์หญิงของนางอย่างสุดหัวใจ เห็นฮูหยินเหม่อลอยก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจ
“ท่านจะเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เจินไป๋เจียเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ ไร้อารมณ์
แม่นมมู่ก้มหน้าเริ่มเล่า
“เมื่อหลายวันก่อน ฮ่องเต้ทรงทำพิธีอัญเชิญสัตว์วิเศษเพื่อทำพันธสัญญา ในขณะนั้นก็ปรากฏสัตว์วิเศษแห่งบรรพกาล หงส์อัคคีปรากฏกาย เหล่าขุนนางและผู้นำสำนักและผู้นำเก่าแก่ ต่างยินดีและปลาบปลื้ม”
เมื่อมาถึงตรงนี้แม่นมมู่ก็หยุดเล่า เจินไป๋เจียจึงเอ่ยขึ้น
“หงส์อัคคีเลือกทำพันธสัญญากับใคร”
ปัญหาคงเป็นตรงนี้ การทำพันธสัญญาสัตว์วิเศษจะเลือกผู้มีคุณสมบัติจากบุตรชายที่มีสายเลือดที่ของแห่งมังกรเท่านั้น ท่านพี่เลอะเลือนหรืออย่างไรถึงให้องค์ชายองค์อื่นเข้าร่วมพิธีด้วย
“หงส์อัคคีเลือกคุณชายใหญ่จากตระกูลกัว กัวเลี่ยงโยว เกิดข้อสงสัยมากมาย ภายหลังสืบทราบว่าความจริงแล้วฮ่องเต้และคุณชายกัวโดนคนร้ายสลับตั้งแต่เป็นทารก ทำให้ในวังตอนนี้วุ่นวายเป็นที่สุดเจ้าค่ะ”
โอ้ว… เรื่องราวใหญ่โตจริง ๆ
“ท่านพี่ มิใช่สิ แล้วนี่ข้าเองก็จะต้องเรียกขานพี่ชายว่าอย่างไร คุณชายกัวอย่างนั้นรึ”
“ฮูหยิน ท่านอย่าพูดเป็นเล่นสิเจ้าคะ ตอนนี้หลายคนก็เสนอให้ตำแหน่งอดีตฮ่องเต้ได้ ทว่าอย่างก็ตามผู้ปกครองแผ่นดินต้องเป็นคนเชื้อสายแห่งมังกรเท่านั้น และที่สำคัญ เอ่อ..คุณชายกัวยังได้ทำพันธสัญญากับสัตว์วิเศษแห่งบรรพกาลหงส์อัคคี ฮ่องเต้ไม่มีทางเลือกเส้นอื่น ต้องสละราชบังลังก์เท่านั้นเจ้าค่ะ” ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น หวังพี่ชายจะตัดสินใจได้ไม่ทำให้มันวุ่นวายไปกว่านี้
“ท่านแม่ทัพ สามีของข้าก็กดดันให้พี่ชายสละราชบังลังก์ด้วยใช่หรือไม่”
ตอนนี้คงไม่ต้องเรียกฮ่องเต้แล้ว อย่างไรตามธรรมเนียมของดินแดนพี่ชายไม่มีทางเลือกอื่น
“ข้าเป็นห่วงท่านแม่” เจินไป๋เจียเป็นห่วงพระมารดาจากใจจริง
“ฮูหยิน ตอนนี้ไทเฮาโดนกักบริเวณเจ้าค่ะ"
แม่นมมู่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เมืองภายในวังยังไม่สงบ ผู้คนก็ต่างสงวนท่าที นางเพียงสะท้อนในใจตัวเองเบา ๆ
ปราการที่คิดว่าเข้มแข็งที่สุดของนางก็จะไม่มีแล้ว
เช่นนั้นฐานะฮูหยินเอกจวนแม่ทัพปราบอุดร
นางคงจะสละไม่ได้แล้วสินะ นางคงต้องปรับแผนอีกแล้ว
เจินไป๋เจียได้ยินทุกอย่าง รู้สึกโมโหคิดอยากตอบโต้แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็น แบบนี้ก็ดีเช่นกันต่อไปเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวของหวงซีซวน เมื่อชาติที่แล้วเธอหวังจะเป็นที่ภาคภูมิใจของเขา ชาตินี้เธอทำสำเร็จแน่นอน “พี่ซีซวน” เจินไป๋เจียตะโกนเรียกเสียงดัง จนเป็นเธอเป็นจุดสนใจมากขึ้น หญิงสาวกลุ่มนั้นสะดุ้งตัว ใบหน้าเลิ่กลัก เจินไป๋เจียหรี่ตามองเล็กน้อยท่าทางบอกถึงความเหนือกว่า“นั่นใครอ่ะ” หนึ่งในนั้นเอ่ยกระซิบถามให้เสียงเบาที่สุด“ไม่รู้สิ แต่ยิ้มแบบนี้ฉันรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นแฟนหวงซีซวนนะ” ลางสังหรณ์บางอย่างบอกได้ในสัญชาติญาณของผู้หญิงด้วยกัน “แฟนรึ!!” พวกเธอพากันปรายตามองเจินไป๋เจีย เด็กสาวคนนี้มองอย่างไรก็ดูดีมีฐานะมากกว่าพวกเธอ ความรู้สึกเสียหน้าทำตัวไม่ถูกและกระอักกระอ่วนใจที่ตนเองพากันซุบซิบนินทาแฟนผู้อื่น หวงซีซวนด้วยเป็นผู้ฝึกวรยุทธทำให้เขาได้ยินทุกอย่างที่หญิงสาวกลุ่มนั้นคุยกัน แม้ไม่เข้าใจสิ่งที่เจินไป๋เจียทำแต่เขาก็ทำตามขอตัวแล้วเดินก้าวออกมาหาหญิงสาว “ครับ เจียเอ๋อร์" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุนยิ่งทำให้เจินไป๋เจียยิ้มเจิดจ้ากว่าเดิม “ไปกันเถอะค่ะ
“ครับ เจียเอ๋อร์ข้าคือ หวงซีซวน” เสียงแหบทุ้มต่ำแฝงเสน่ห์ของหวงซีซวนยังคงเหลือร้ายเช่นเคย เวลาคล้ายหยุดนิ่งอีกครั้ง เจินไป๋เจียตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือ “ซีซวน ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านกลับมาถึงบ้านข้าก็พลันนึกได้ว่านั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ฝันไป” ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ“เจียเอ๋อร์พรุ่งนี้ช่วงเช้าข้าจะไปมหาวิทยาลัยบ่ายเจ้าว่างหรือไม่” ยังมีหลายคำที่หวงซีซวนอยากเอ่ย เขาอยากกล่าวต่อหน้าหญิงสาวเท่านั้น “ทำไมต้องเป็นตอนบ่าย นาย…ไม่สิในเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว พี่ซีซวนเลิกเที่ยงฉันจะไปรับพี่เอง” เจินไป๋เจียปลื้มใจ ซีซวนนัดเธอ นัดเธอ “ได้ เรียนเสร็จพี่จะรอเจ้าที่ข้างหน้ามหาวิทยาลัย A” เพราะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนทำให้ทั้งสองเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะเอ่ยอะไร “พี่ต้องไปเรียนและทำงานพิเศษด้วยใช่ไหม ฉันไม่กวนพี่ดีกว่า พี่พักผ่อนเถอะ…ฝันดีนะคะ” เจินไป๋เจียไม่คาดคิดว่าจะมีวันที่นางได้กล่าวคำว่าฝันดี “ฮืม … เจียเอ๋อร์ก็ฝันดีนะ” หวงซีซวนก็ไม่ต่างกันเท่าไรเขาไม่เคยแม้คิดจะชวนสตรีคุย ยิ่งเกิดใหม่ด้วยรูปร่างหน้าตาและฐานะยิ่งทำให้ไม่มีหญิงสาวเข้ามาหา เขาวางโทรศัพท์ลงมองม
ตอนที่ 44 ใช่ท่านหรือไม่ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย ผู้คนเดินขวักไขว่หนึ่งในนั้น มีเจินไป๋เจียเดินกางร่มเดินเลียบข้างทางเฉกคนอื่นมากมาย สีหน้าของแต่ละคมล้วนมีอารมณ์หลากหลาย ทั้งยินดีเศร้าสร้อย ส่วนสีหน้าของเจินไป๋เจียเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่เจอหวงซีซวน ความคิดน้อยเนื้อใจก็เอ่อล้นขึ้นมา ไหนบอกว่าจะเป็นคนตามหานาง ทำไมจนปานนี้ยังไม่เจอ นางสืบค้นทั้งในเว่ยป๋อและออกตามหาก็ไม่พบชื่อหวงซีซวน หรือเขาไม่ได้มาเกิดในมิตินี้นางอาจจะต้องรอชาติต่อไปอีกหรือภายในใจของนางกลับเงียบเหงายิ่งนัก หวงซีซวนท่านอยู่แห่งหนใดกัน เจินไป๋เจียกลับมาถึงบ้านก็เจอมารดาที่กำลังรอคอยบอกข่าวดี “เจียเอ๋อร์ มีหนังสือจากมหาวิทยาลัย A ลูกได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาในคณะเภสัชศาสตร์” เจินไป๋เจียฝืนยิ้มอ่อนโยนให้มารดา“ดีจังเลยค่ะแม่” จะว่ายินดีก็ไม่เชิง นางมีความทรงจำสามภพชาติเรื่องสอบมหาวิทยาลัยกลายเป็นเรื่องที่ไม่ตื่นเต้นเท่าไรนัก“เจียเอ๋อร์เด็กดี แม่ภูมิใจในตัวลูกที่สุด แม่โทรไปบอกพ่อแล้ว เราคุยกันอย่างไรวันนี้ก็ต้องฉลอง วันนี้เราจะไปทานข้าวนอกบ้านกั
ตอนที่ 43 ตามหาข่าวการเชื่อมสัมพันธ์การแต่งงานระหว่างองค์หญิงไป๋เจียเจียและอ๋องอู๋โหย่วอี้หรือแม่ทัพแดนบูรพาจากดินแดนเมฆาดังไปทั่วแคว้น แม้จะมีข่าวเศร้าจากการสูญเสียแม่ทัพหวงซีซวนก็ไม่ทำให้เกิดกลิ่นอายอัปมงคล ทุกคนต่างยินดีกับข่าวมงคลครั้งนี้ มีเพียงไป๋เจียเจียกลับที่รู้สึกเฉยชากับเรื่องดังกล่าว“ท่านควรจะยินดีกับสิ่งที่กำลังเกิด” จิ้งจอกน้อยเอ่ยบอก “ใช่ข้าควรยินดี ใกล้ถึงเวลาแล้ว ต่อไปนี้หลังแต่งงานจะตั้งใจฝึกและบำเพ็ญเพียร” ไป๋เจียเจียไปจัดการเรื่องของซีหรงกับหม่าจื่อเหลียนด้วยตนเองที่จวนแม่ทัพหวง นางปรายตามองต่ำมองทุกคนที่มารับเสด็จด้วยความรู้สึกเย็นชา ภายใต้ร่างอรชนงดงามแผ่รังสีกดดันให้ผู้คนหายใจไม่ออก “กระหม่อมรับบัญชา จะรีบจัดการส่งแม่สื่อไปสู่ขอหม่าจื่อเหลียนมาเป็นฮูหยินเอกให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” นายท่านหวงบิดาของหวงซีซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม องค์หญิงไป๋เจียเจียนอกจากจะเป็นปรมาจารย์แล้ววาสนาสูงส่งมีสัญญามั่นหมายกับอ๋องต่างดินแดนพระบารมีแผ่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสียอีก ไป๋เจียเจียชำเลืองมองไปยังร่างอรชนของฮูหยินรองหม่าที่กำลังหมอบ
ไป๋เจียเจียร้องให้แทบขาดใจ น้ำเสียงของนางคล้ายกำลังอ้อนวอนสวรรค์ขอให้นางได้กลับตัว ทุกคนที่มองต่างไม่เชื่อว่าไป๋เจียเจียจะมีใจให้หวงซีซวนเพียงนี้ “หวงซีซวนเป็นข้าที่ผิดเอง ฮื้อ ฮื้อ…” ความรู้สึกโทษตัวเองถาโถมเข้าใส่นางราวกับทะเลคลั่ง “เจียเอ๋อร์ชาตินี้เป็นข้าเองไม่เหมาะสมกับเจ้า…ข้าขอร้องเจ้า ให้ความผิดของข้าในชาตินี้กลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับร่างของข้า ชาติหน้าข้าจะชดเชยทุกอย่างให้เจ้า ตามหาเจ้า เราจะชมทะเลดาวใต้แสงจันทราด้วยกัน"เสียงของหวงซีซวนแหบแห้งแผ่วเบา แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอื้อนเอ่ยทว่าตอนนี้เขาเพียงกุมมือของหญิงสาวถ่ายเทความอบอุ่นผ่านฝ่ามือที่เยือกเย็น “ไม่ ๆ ๆ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” ไป๋เจียเจียเสียใจอย่างรุนแรง คล้ายมีคนคว้างหัวใจนางออกมาบดขยี้เสียงร้องไห้ของนางบอกถึงความเจ็บปวดทรมานเสียดแทงเข้าไปถึงในกระดูก นางมองดูพิษอสูรค่อย ๆ กัดกร่อนร่างกายของหวงซีซวนจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ปลิวล่องไปตามสายลม นางลนลานพยายามคว้าไม่ให้มันหลุดลอย ทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของแต่นางก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ชาติที่แล้วโชคชะตาลิขิตให้นางลืม ไยชาตินี้ถึงให้นางจดจำได้เพีย
ตะวันฉายแสงพ้นผ่านอีกคืน ไป๋เจียเจียแทบไม่ได้นอนเพราะดูแลเด็กทารกแรกเกิดก่อนกำหนดด้วยตนเอง แม้จะอ่อนแรงทว่ารุ่งเช้านางก็อุ้มเด็กน้อยออกมารับแสงตะวัน ชำเลืองดูมองไปเห็นร่างของหวงซีซวนยังอยู่ที่เดิม สีหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวไร้สีเลือด การปะทะเมื่อวานคาดว่าชายหนุ่มคงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ลางสังหรณ์ผุดขึ้นมาในใจ คาดว่าหวงซีซวนอาจจะได้รับพิษอสูร ฉับพลันดั่งมีมีดปักลงมากลางใจ เสียงกรีดร้องของเจินไป๋เจียภายในจิตใจดังกึกก้องประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด ไป๋เจียเจียยืนตัวสั่นเทานางไม่เข้าใจกับท่าทีของตนเองหรือวิญญาณของเจินไป๋เจียยังคงเหลืออยู่ในร่าง นางส่งเด็กให้ชิงอีด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้หวงซีซวน ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างยากลำบากทว่าอีกใจก็แทบจะถลาเข้าไปดูชายหนุ่ม เมื่อนั่งลงข้างกายนางหยิบมือของชายหนุ่มขึ้นมาจับชีพจร แทบไม่เหลือร่องรอยของการมีชีวิต อวัยวะภายในโดยทำลายด้วยพิษอสูรจนแทบไม่เหลือชิ้นดี “ซีซวน ทำไมท่านดื้นรั้น ทำไมท่านไม่บอกข้า” นางเอ่ยถามทั้งที่ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าไยนางเอ่ยเช่นนั้น น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา ภายใต้จิตใจที่ใกล้จะล่องลอย หวงซีซวนได้