แชร์

ตอนที่ 6 หนทาง

ผู้เขียน: ประดับดิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-02 11:58:50

ตอนที่ 6 หนทาง

เป็นเด็กฝึกไม่สนุกอย่างที่คิด  

เจินไป๋เจียตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้หยุดฟัง แม้จะมีชิงอิงและชิงอี  คอยช่วยทว่านางก็ยังยืนและคอยพวกนาง  คนที่นอนและกินมาตลอดชีวิต  สภาพร่างกายจะรับได้อย่างไรเมื่อพักเที่ยงนางก็แทบจะถอดใจล้มเลิกความตั้งใจ

หากไม่ใช่  นางชำเลืองเห็นคนรับสมัครเมื่อวานหรี่ตามองเหยียดปากดูแคลนส่งมาให้นางอย่างไม่ปกปิดนางคงกลับจวนไปแล้ว

“คุณหนู  แม่นมสั่งให้พวกข้าดูท่านให้ดี  ท่านนั่งพักเถอะเจ้าค่ะ  พวกข้าจะจัดการเก็บสมุนไพรพวกนี้เอง”

หน้าที่ในวันนี้คือเด็กฝึกต้องเรียนรู้ตั้งแต่ปลูกและเก็บสมุนไพร  เมื่อนึกถึงสมุดไม้ไผ่เมื่อวาน  

สมุนไพรที่มีกว่าพันชนิด   เจินไป๋เจียก็คำนวนระยะเวลาในการฝึกเช่นนี้ทันที  

ปีที่  1  เรียนรู้สมุนไพร

ปีที่  2  เริ่มศึกษาการปรุงยา

ปีที่  3 หัดปรุงยาร่วมกับพี่ชั้นปีที่  4  

และปีที่ 4  ปรุงยาด้วยตนเองจบการศึกษา เป็นผู้ปรุงโอสถเริ่มต้น     

ทว่าการเรียนรู้ย่อมไม่มีทางลัดนอกจากการฝึกฝนตัวเอง  เหล่าคุณหนูและคุณชายล้วนมาฝึกตนเองตั้งแต่อายุ 7  ขวบ  ช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่อย่างช้าอายุ 15  ปีก็จบการศึกษา 

อย่างเด็กสาวที่เป็นผู้ช่วยคัดเลือกเมื่อวานก็มีคาดว่ามีอายุเพียง  13  ปี  

เจินไป๋เจียกลับไปหอชิงหยวนด้วยร่างกายที่อ่อนเพลียสุด ๆ   ยังไม่ทันได้คิดไตร่ตรองก็คล้อยหลับไป

ชิงอีปรนนิบัติเจินไป๋เจียอาบน้ำ เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบาก็ชำเลืองมองมาด้วยสายตาอ่อนโยน 

“คุณหนู…”   

นางถอดหายใจเบา ๆ  แม้นิสัยคุณหนูจะเปลี่ยนไปบ้างอ่อนโยนลงแต่ความดื้อรั้นยังคงมีมากเช่นเคย   

อยากจะห้ามปรามทว่าเมื่อเห็นความตั้งใจ  ในฐานะบ่าวที่อยู่ข้างกายมาตัั้งแต่เด็กก็อยากสนับสนุนเต็มที่

“ชิงอิง  เจ้าลองไปปรึกษาแม่นมมู่  มีทางใดที่จะทำให้คุณหนูจบหลักสูตรนี้ในระยะเวลาอันสั้นหรือไม่”

หรืออีกนัยก็็คือให้คุณหนูล้มเลิกเช่นกัน 

“ได้”  

รุ่งเช้าหน้าร้านโอสถ

เด็กฝึกทั้งระดับชั้นปี 1 2 3  ต่างก็ยืนมุ่งดูประกาศหน้า 

“ประลองฝีมือ  เปลี่ยนระดับชั้นปี”  

การประลองฝีมือไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่  ทว่าหลายปีที่ผ่านมาไม่มีผู้สามารถประลองเพื่อข้ามชั้นปีได้  จึงได้ปรับเปลี่ยนเป็นประลองในชั้นปีเท่านั้น  

“แสดงว่าหากข้าสามารถชนะพี่ชั้นปี 3  ได้ข้าก็จะได้ไปอยู่ชั้นปี 3 ใช่หรือไม่”  

เจินไป๋เจียพูดด้วยความดีใจ  เมื่อวานนางยังถอดใจนางมั่นใจว่าตัวเองสามารถปรุงโอสถได้  หากนางบอกฐานะตนเองอย่างไรนางก็สามารถไปอยู่ในตำแหน่งอื่นได้  

ทว่าแบบนั้นก็จะกลายเป็นการล้มความตั้งใจแรกของตนเองมาอย่างมาดมั่นจะล้มในวันแรกได้อย่างไร  แต่เมื่อมีการประลองนางก็สามารถทำตามความตั้งใจเดิมได้

“ใช่ค่ะ คุณหนู  ข้ามั่นใจว่าท่านต้องทำได้”

ชิงอีพูดในกำลังใจและปรายส่งสายตาให้ชิงอิง    

“ข้าจะเตรียมอาจารย์เพื่อสอนท่านเองเจ้าค่ะ”   ชิงอิงพูดขึ้น

“ไม่ต้อง…พวกเจ้าเตรียมอุปกรณ์และสมุนไพรก็พอ  ข้าจะฝึกฝนด้วยตนเอง”  

อีก  1 เดือนให้หลังจะถึงวันประลอง  

เจินไป๋เจียจึงใช้เวลาทั้งหมดทุ่มเทตั้งใจฝึกซ้อม  และนางให้ยังให้ชิงอีแอบไปหาบทเรียนที่พี่ปี 4  เรียนไปแล้วมาดูว่ามีตรงไหนที่ตนเองทำไม่ได้หรือไม่

ในขณะที่  ฮ่องเต้องค์ใหม่กำลังขึ้นครองราชย์  แม้ในเมืองหลวงจะวุ่นวาย  เหล่าขุนนางก็วุ่นวาย ราชสำนักวุ่นวาย ทว่าก็ไม่ส่งผลต่อหอโอสถ   ทำให้เจินไป๋เจียไม่รู้เรื่องราวอะไรแม้แต่น้อย

จวบจนถึงวันหนึ่ง

“เจ้าบอกว่าพี่ชายออกมาพักที่นอกวังหรือ”  

หลังจากทุกอย่างสงบลง  ชิงอิงก็รายงานให้นางทราบ  

“แล้วฐานะของพี่ชายตอนนี้”    

 เจินจิงจวิน  พี่ชายของนางหากต้องกลับเข้าตระกูลต้องเปลี่ยนแซ่จากราชวงค์ไปยังตระกูลใหญ่  

พี่ชายที่มีพลังลมปราณธาตุไฟ  อย่างไรย่อมได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นแน่นอน  

“ท่านชายจิงจวิน  ไม่รับตำแหน่งอ๋องและฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลกัว  พระองค์..เอ่อ..ท่านขอเป็นต้นตระกูลจิ้งสร้างวงค์ตระกูลขึ้นมาใหม่  เพื่อให้ทุกอย่างจบลงอย่างสงบเหล่าขุนนางจึงได้ยินยอมและตกลง"

เจินไป๋เจียร้อง ฮึ!! ในลำคอ  จบอย่างสงบอันใด

เพราะคนเสียผลประโยชน์มีเพียงตระกูลกัวต่างหาก

“ข้าจะไปหาพี่ชาย”  

ไม่นานนางก็มายืนอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ หลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวงพื้นที่ที่กันดารที่สุด

ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร  ตื้นตันสงสาร  เจินไป๋เจียรู้สึกแสบที่คอแทบจะกลั่นออกมาเป็นน้ำตา  นางยืนสงบสติอยู่สักพักก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน  

องค์รักษ์ไม่ได้เข้าไปขวางเจินไป๋เจียเพราะรู้ฐานะของนาง 

บ้านหลังเล็ก ๆ เพียงเปิดประตูเข้ามาก็มองเห็นบุรุษทันที  แม้จะสวมอาภรณ์ธรรมดา แม้จะอยู่ในซ่อมซอ  ไม่งดงาดวิจิตรตระการตาอย่างวังหลวง

ทว่าจิงจวินผู้ที่ได้รับการเลี้ยงดูในฐานะองค์รัชทายาทตั้งแต่เกิด รอบกายก็ยังแผ่บารมีทรงอำนาจ  อากัปกิริยาเต็มไปด้วยความสง่างดงามสูงส่ง  

นางรีบเร่งฝีเท้าตั้งใจเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง  ไม่ทันได้ถึงตัว

จิงจวินก็เอาแขนขึ้นมาขวาง เอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงละมุ่น

“ข้ากับเจ้าไม่ใช่พี่ชายและน้องสาวกัน  ระวังกิริยาด้วย”   แววตายังเต็มไปด้วยความจริงใจไม่ได้เอ่ยประชด

“ภายในใจของข้า  ท่านเป็นพี่ชายของข้าตลอดกาลข้าไม่เคยลืมว่าท่านรักและดีกับข้าเพียงใด  พี่ชายท่านอย่างเย็นชาและกีดกันข้าเด็ดขาด”

เจินไป๋เจียเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงแง่งอน

“ข้าไม่ได้กีดกัน ทว่าหญิงสาวย่อมไม่ควรชิดใกล้”  

จิงจวินยังเอ่ยบอกอย่างใจเย็นน้องสาวผู้นี้ชอบโวยวายเป็นที่สุด

“เช่นนั้น ข้าสามารถมาหาท่านได้ตลอดใช่หรือไม่”  เจินไป๋เจียได้จังหวะรีบเอ่ย

“ทำไมเจ้า แต่งกายเช่นนี้”  จิงจวินมองดูน้องสาวด้วยความเป็นห่วง  แม้จะแต่งกายธรรมดาจะไม่สามารถบดบังรัศมีขององค์หญิงได้  ทว่าก็ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องทำหากไม่ใช่ว่านางหย่าแล้ว

“ข้าแค่หนีออกมา  แม่ทัพหวนนั้นไม่ยอมให้ข้าหย่า ทั้งที่ไม่ได้สนใจข้า ข้าไม่เข้าใจเขาเลยจริง ๆ”

หากเป็นเมื่อก่อนเรื่องนี้  จิงจวินย่อมสามารถเข้าไปช่วยน้องสาวได้  พอนึกถึงสถานะของตัวเองก็ทำให้ใบหน้าสลดขึ้นมา  เจินไป๋เจียเริ่มรู้สึกตัวจึงเอ่ยขึ้น

“ท่านไม่ต้องห่วงข้าพี่ชายข้าโตแล้วช่วยตัวเองได้แล้ว   หากท่านไม่เชื่อข้าจะแสดงบางอย่างให้ท่านดู”

เจินไป๋เจียตั้งใจเก็บความลับเรื่องที่นางครองลมปราณดินและน้ำ  จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมจึงจะเปิดเผย  แต่ทว่าตอนนี้นางอยากให้พี่ชายวางใจ  นางจำเป็นต้องเอ่ยบอก

นางค่อย ๆ รวบรวมลมปราณ ตวัดมือเบา ๆ ก็ปรากฏมวลน้ำก็เริ่มก่อตัวขึ้นในฝ่ามือ  

“เจ้ามีพลังลมปราณหรือทำไมเจ้าถึงได้ปกปิด"  จิงจวินเอ่ยถามคิ้วขมวด  หากน้องสาวต้องการอำนาจและความเคารพในจวนแม่ทัพย่อมเปิดเผยตนเอง

“ข้าก็เพิ่งรู้ตัวและตอนนี้ก็อยากหย่าให้เรียบร้อยเสียก่อน  ท่านช่วยข้าเก็บเป็นความลับด้วยนะเจ้าคะ”

“ได้หากเจ้าตัดสินใจดีแล้ว  เรื่องหย่าเจ้าสามารถให้ท่านแม่ …เอ่อไทเฮาช่วยได้” 

“ข้ายังไม่อยากรบกวนพระมารดา  อาจจะทำให้พระองค์กังวลพระทัย”

จิงจวินพยักหน้าเห็นด้วย 

“ท่านพี่ท่านกับข้าล้วนเป็นผู้มีพลังลมปราณ  ท่านพี่ไม่ต้องไปสนใจตำแหน่งฮ่องเต้นั้น เมื่อไรที่ข้าเป็นเซียนโอสถข้าจะทำให้เป็นเซียนเช่นกัน คราวนี้แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ต้องก้มหัวให้พวกเรา”

เจินไป๋เจียพูดด้วยน้ำเสียงดุดันทรงอำนาจอย่างราชนิกูล แววตาฉายความตั้งใจเปี่ยมล้น  ทำให้แววตาของจิงจวินยิ่งอ่อนโยนเมื่อนางมั่นใจเพียงนี้เขาก็ย่อมต้องเชื่อใจ ตอบตกลง

“ได้ พี่เชื่อเจ้า”

ไม่รู้ว่าเจินไป๋เจียเอาความมุ่งมั่นและมั่นใจมากจากไหน ทว่าก็ทำให้จิงจวินรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ  เขาไม่รู้สึกเดียวดาย   สิ่งเดียวที่เขากังวลตอนนี้  หากน้องสาวยังไม่หย่า  ชื่อแซ่อย่างไรก็ยังผูกติดกับตระกูลหวนในทะเบียน 

จะกระทำสิ่งใดล้วนลำบาก   เจียเจียคงเจ็บซ้ำมากจนกระทั่งตัดสินใจแบบนี้กับหวงซีซวนในฐานะสหายเขาคงต้องกระทำอะไรสักอย่าง 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินแม่ทัพมากวาสนา   ตอนที่ 7 ประลอง

    ตอนที่ 7 ประลองเรื่องหย่าไม่ใช่เจินไป๋เจียไม่ใส่ใจ ทว่าสิ่งที่จำเป็นตอนนี้คือนางต้องฝึกปรือวิชา การเป็นผู้มีฝีมือวาจาถึงจะมีสิทธิ์ต่อรอง หากใช้ตระกูลอันหรือราชอำนาจจากไทเฮายิ่งทำให้คนอื่นดูแคลน และด้วยสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งไม่อาจจะทำอะไรได้ดั่งใจ“พรุ่งนี้แล้ว มันจะต้องสำเร็จข้าจะต้องทำให้ได้” เจินไป๋เจียบอกให้กำลังใจตนเองนางแล้วรีบพักผ่อน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องเจอกับอะไรบ้างนางต้องเก็บแรงไว้ให้มากตะวันยังไม่ทอแสงนภายังคงมืด ทว่าชิงอีก็เข้ามาปลุกหญิงสาวแล้ว“คุณหนูได้เวลาได้ ท่านต้องรีบไปลงทะเบียนและจับสลากอันดับนะเจ้าคะ"เจินไป๋เจียยังพลิกตัวไปมางัวเงีย เมื่อคืนเพราะตื่นเต้นมากเกินไปทำให้นางนอนไม่หลับ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะสดชื่นกว่านี้ก็กลายเป็นเช่นนี้ไปได้ สุดท้ายจึงได้หยิบอุปกรณ์ออกมาเพื่อกระตุ้นร่างกาย“คุณหนูนี่คือชาชนิดใดกันเจ้าคะ" ชิงอีถามเจินไป๋เจียด้วยความสงสัย“สิ่งนี้เรียกว่ากาแฟ ขั้นตอนเหล่านี้คือวิธีการดริป รอว่าง ๆ ข้าจะสอนพวกเจ้าเอง” เจินไป๋เจียยืดอกตอบด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ด้วยพลังปราณธาตุดินขอแค่นางระลึกถึงก็สามารถปลูกทุกสิ่งอย่างได้โดยไม่จำเป็นต้องม

  • ฮูหยินแม่ทัพมากวาสนา   ตอนที่ 6 หนทาง

    ตอนที่ 6 หนทางเป็นเด็กฝึกไม่สนุกอย่างที่คิด เจินไป๋เจียตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้หยุดฟัง แม้จะมีชิงอิงและชิงอี คอยช่วยทว่านางก็ยังยืนและคอยพวกนาง คนที่นอนและกินมาตลอดชีวิต สภาพร่างกายจะรับได้อย่างไรเมื่อพักเที่ยงนางก็แทบจะถอดใจล้มเลิกความตั้งใจหากไม่ใช่ นางชำเลืองเห็นคนรับสมัครเมื่อวานหรี่ตามองเหยียดปากดูแคลนส่งมาให้นางอย่างไม่ปกปิดนางคงกลับจวนไปแล้ว“คุณหนู แม่นมสั่งให้พวกข้าดูท่านให้ดี ท่านนั่งพักเถอะเจ้าค่ะ พวกข้าจะจัดการเก็บสมุนไพรพวกนี้เอง”หน้าที่ในวันนี้คือเด็กฝึกต้องเรียนรู้ตั้งแต่ปลูกและเก็บสมุนไพร เมื่อนึกถึงสมุดไม้ไผ่เมื่อวาน สมุนไพรที่มีกว่าพันชนิด เจินไป๋เจียก็คำนวนระยะเวลาในการฝึกเช่นนี้ทันที ปีที่ 1 เรียนรู้สมุนไพรปีที่ 2 เริ่มศึกษาการปรุงยาปีที่ 3 หัดปรุงยาร่วมกับพี่ชั้นปีที่ 4 และปีที่ 4 ปรุงยาด้วยตนเองจบการศึกษา เป็นผู้ปรุงโอสถเริ่มต้น ทว่าการเรียนรู้ย่อมไม่มีทางลัดนอกจากการฝึกฝนตัวเอง เหล่าคุณหนูและคุณชายล้วนมาฝึกตนเองตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่อย่างช้าอายุ 15 ปีก็จบการศึกษา อย่างเด็กสาวที่เป็นผู้ช่วยคัดเลือกเมื่อวานก็มีคาด

  • ฮูหยินแม่ทัพมากวาสนา   ตอนที่ 5 เด็กฝึก

    ตอนที่ 5 เด็กฝึกเจินไป๋เจีย ไม่ได้สนใจว่าใครจะประมวลหรือคิดอะไร นางนั่งเปลขาพาดยกสูง ไร้มารยาทเฉกสตรีทั่วไป ในเมื่อไม่ให้หย่า แต่นางคงออกไปไหนมาไหนได้กระมัง“แม่นมมู่ ข้าจะไปเป็นเด็กฝึกงานที่ร้านโอสถ ท่านช่วยจัดการให้ด้วย”ไทเฮาเป็นบุตรสาวจากตระกูลอัน หนึ่งในสี่ตระกูลที่มีผู้นำตระกูลเป็นถึงปรมาจารย์โอสถการที่เจินไป๋เจียอยากจะไปเป็นเด็กฝึกย่อมไม่ใช่เรื่องยาก “ฮูหยินท่าน…เอ่อ..เจ้าค่ะ”เป็นเด็กฝึกก็ต้องคอยรับใช้และฟังคำสั่งผู้อื่น เจินไป๋เจียไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แม่นมมู่แค่คิดว่าองค์หญิงของนางต้องไปเป็นข้ารับใช้ผู้อื่นก็ปวดใจทันที“ชิงอี ชิงอิง เจ้า 2 คนต้องคอยดูแลไม่ให้ใครมารังแกคุณหนูเด็ดขาดรู้ไหม” แม่นมมู่สั่งกำชับองค์รักษ์ข้างกายของเจินไป๋เจียด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่รู้ว่าตอนนี้องค์หญิงทรงครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ “ชิงอี ชิงอิง เจ้าทั้งสองต่อไปเรียกข้าว่าคุณหนูเจียเจีย เข้าใจหรือไม่”เมื่อจะเดินออกมาข้างนอกเจินไป๋เจียก็สั่งบ่าวให้เรียกนางใหม่“เจ้าค่ะคุณหนูเจียเจีย” สามสาวดุรณีแรกแย้มอายุเพียง 16-17 เท่านั้น เมื่อปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าไร้เครื่องประดับหรูหรา เจินไป๋เจีย

  • ฮูหยินแม่ทัพมากวาสนา    ตอนที่ 4 จะหย่า

    ตอนที่ 4 จะหย่าไม่ว่าจะยุคไหน สุดท้ายทุกคนก็ต้องยืนหยัดด้วยตนเอง ต้องเป็นคนมีความสามารถเท่านั้นถึงจะอยู่รอดได้ ก่อนหน้าเพราะมีพระมารดา มีพระเชษฐา ที่คอยคุ้มครองปกป้อง พอเกิดเรื่องเช่นนี้แม้ว่าอย่างไรฐานะนางไม่เปลี่ยนแปลงแต่จะให้เป็นเช่นเคยคงเป็นไปไม่ได้นางเป็นคนในราชวงศ์ เชื้อสายของผู้นำดินแดนย่อมไม่ใช่คนธรรมดาทั้งรูปโฉมและสายพลัง ตั้งแต่เกิดนางได้รับความรักมากมาย ทำให้กลายเป็นคนขี้โมโห อารมณ์ร้าย เอาแต่ใจเย่อหยิงไร้ความเมตตา ทำให้ทรัพย์ในกายล้วนไร้ค่า “แม่นมมู่ ตอนนี้พวกเรามีคนอยู่จำนวนเท่าไร”นางเป็นองค์หญิงอย่างน้อยก็ควรมีองค์รักษ์ส่วนตัวสิ“องค์รักษ์เงาจำนวนหนึ่งเจ้าค่ะ ส่วนบ่าวไพร่ที่ติดตามมาจากในวังก็ 20 คน” แม่นมเอ่ยพลางแปรงผมให้เจินไป๋เจียอย่างเบามือ และมองดูผมยาวสลวยเป็นเงางามนุ่มลื่นดั่งผ้าไหมล้ำค่าอย่างภาคภูมิใจ องค์หญิงของนางล้วนงดงามไร้ที่ติ ในขณะที่เจินไป๋เจียคิดถึงแต่เรื่องเงินทอง นางไม่เคยส่องกระจกเหลืองที่ไม่ชัดเจนอันนั้นจึงไม่รู้ถึงความงามของตนเอง มากมายจริง ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งกลับมีคนต้องดูแลมากมายเพียงนี้ หากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ แ

  • ฮูหยินแม่ทัพมากวาสนา    ตอนที่ 3 เข้าวังไม่ได้

    ตอนที่ 3 เข้าวังไม่ได้สิ่งดีที่กลายเป็นโชคดีสำหรับนางตอนนี้คือ ไม่มีใครมาเยี่ยมนางสักคน นอกจากคนจากในวังก็ไม่มีใครถามข่าวคราวนางอีกเลยเมื่ออาการดีขึ้น พอมีเรี่ยวแรงสิ่งแรกที่เจินไป๋เจีย ตัดสินใจและต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ นางต้องหย่า ต้องหย่าเท่านั้น!! เป็นนางที่ขอสมรสพระราชทาน และจะเป็นนางที่ขอหย่านางต้องเข้าวังทว่าหลังจากนอนพักมาหลายวัน สิ่งที่เกิดคำถามในใจ คนในจวนแม่ทัพทำกับนางถึงเพียงนี้แต่ทำไม ฮ่องเต้หรือไทเฮาไม่มีกระแสตำหนิลงมาสักคำ มันเป็นความไม่ปกติเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือเป็นเพราะพวกเขาเคยชิน“แม่นมข้าจะเข้าวัง” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ แม้กระทั่งตัวเองก็แปลกใจ“ฮูหยินท่านเพิ่งจะหายป่วย บ่าวว่าท่านพักผ่อนอีกระยะดีไหมเจ้าคะ” คำพูดของแม่นมทำให้เจินไป๋เจียขมวดคิ้วชำเลืองมองตาขวางแม่นมมู่หรานรีบคุกเข่าแล้วเอ่ยเสียงสั่น แม้จะหวาดหวั่นแต่ก็ยังเอ่ยห้ามเช่นเดิม“ฮูหยินท่านเชื่อบ่าวเถิดเจ้าค่ะ บ่าวขอร้องท่านอย่าเพิ่งเข้าวังเลย”นั่นปะไร เป็นอย่างที่นางคิดไม่ผิดทุกอย่างล้วนไม่ปกติในเมื่อออกไปไหนไม่ได้ เมื่ออาการดีขึ้นมากเจินไป๋เจียก็ออกมานั่งรับลมอยู่

  • ฮูหยินแม่ทัพมากวาสนา   ตอนที่ 2 ไม่ตายก็ดี

    ตอนที่ 2 ไม่ตายก็ดี เรือนเหม่ยฮว่าเสียงหายใจกระชั้นยังดังแว่วมาจากห้องข้างใน ทำให้บ่าวที่อยู่ข้างนอกไม่กล้ารบกวน“พวกเจ้าไม่กลัวตายหรืออย่างไร ตอนนี้ใช่เวลาจะขอเข้าพบนายท่านหรืออย่างไร”“แต่ว่าฮูหยิน ฮูหยินอาการหนักมาก” เสียงตอบกระซิบแผ่วเบาพวกนางคุกเข่าอยู่เป็นเวลาหลายเค่อ ทว่าเสียงรัณจวนก็ยังไม่แผ่วลงทำให้คนข้างนอกล้วนมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป ทั้งร้อนใจและอับอาย หากฮูหยินสิ้นตอนนี้ไม่รู้ว่าชื่อเสียงจะย่อยยับเพียงใดสงครามข้างในสงบลงแล้ว ฮูหยินรองอันชิงอีเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงออเซาะ“ท่านพี่ ข้าจะปรนนิบัติท่านอาบน้ำเองนะเจ้าคะ” “เจ้าไม่แสร้งเป็นคนดี ขอร้องให้ข้าไปดูนางหน่อยหรือ” แม่ทัพหวงซีซวนเอ่ยถามน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความเย้ยหยัน“ไยข้าต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยเจ้าคะ หากท่านต้องการจะไปท่านพี่ย่อมตัดสินใจเอง” ฮูหยินรองพูดพร้อมชายตาแลยั่วยวน แม่ทัพหวงซีซวนเก่งกาจสามารถ มารยาเล็กน้อยเขาย่อมมองออก นางไม่สนใจชิงดีชิงเด่นหรือเอาอกเอาใจใคร สิ่งเดียวที่ต้องทำคือปรนนิบัติท่านแม่ทัพให้ดีเท่านั้น และนี่ทำให้นางได้ตำแหน่งฮูหยินรองมาครอบครอง“เจ้าเข้าใจเช่นนี้ดียิ่ง บุตรของข้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status