เรื่องหย่าไม่ใช่เจินไป๋เจียไม่ใส่ใจ
ทว่าสิ่งที่จำเป็นตอนนี้คือนางต้องฝึกปรือวิชา
การเป็นผู้มีฝีมือวาจาถึงจะมีสิทธิ์ต่อรอง หากใช้ตระกูลอันหรือราชอำนาจจากไทเฮายิ่งทำให้คนอื่นดูแคลน และด้วยสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งไม่อาจจะทำอะไรได้ดั่งใจ
“พรุ่งนี้แล้ว มันจะต้องสำเร็จข้าจะต้องทำให้ได้”
เจินไป๋เจียบอกให้กำลังใจตนเองนางแล้วรีบพักผ่อน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ต้องเจอกับอะไรบ้างนางต้องเก็บแรงไว้ให้มาก
ตะวันยังไม่ทอแสงนภายังคงมืด ทว่าชิงอีก็เข้ามาปลุกหญิงสาวแล้ว
“คุณหนูได้เวลาได้ ท่านต้องรีบไปลงทะเบียนและจับสลากอันดับนะเจ้าคะ"
เจินไป๋เจียยังพลิกตัวไปมางัวเงีย เมื่อคืนเพราะตื่นเต้นมากเกินไปทำให้นางนอนไม่หลับ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะสดชื่นกว่านี้ก็กลายเป็นเช่นนี้ไปได้ สุดท้ายจึงได้หยิบอุปกรณ์ออกมาเพื่อกระตุ้นร่างกาย
“คุณหนูนี่คือชาชนิดใดกันเจ้าคะ"
ชิงอีถามเจินไป๋เจียด้วยความสงสัย
“สิ่งนี้เรียกว่ากาแฟ ขั้นตอนเหล่านี้คือวิธีการดริป รอว่าง ๆ ข้าจะสอนพวกเจ้าเอง”
เจินไป๋เจียยืดอกตอบด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ด้วยพลังปราณธาตุดินขอแค่นางระลึกถึงก็สามารถปลูกทุกสิ่งอย่างได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเมล็ดตอนนี้พลังของเธอยังอยู่เพียงระดับต้นทำให้ปลูกได้เพียงพืชที่ชาวบ้านเพาะได้เท่านั้น
ชิงอี ชิงอิง มองคุณหนูของนางด้วยสายตาชื่นชม ยกย่องและเทิดทูนนับวันคุณหนูของนางยิ่งเก่งกาจ
ในขณะที่เจินไป๋เจียลงทะเบียนขอประลองกับชั้นปี 4 เด็กสาวคนเดิมก็จ้องมองอย่างดูแคลนนางรู้สึกไม่ถูกชะตากับเจินไป๋เจียตั้งแต่วันแรกที่นางมาสมัครเป็นเด็กฝึก ความมคิดต้องการอยากจะสั่งสอนก็ผุดขึ้นทันที
เด็กปี 1 ที่ลงทะเบียนส่วนมากจะขอประลองกับพี่ปี 2
และปี 2 ก็ขอประลองกับปี 3
ก็ตามลำดับ ปี 3 ก็ขอประลองกับปี 4
มีเพียงเจินไป๋เจียเท่านั้นที่คล้ายทำอะไรไม่เจียมตัวเอง คู่อื่น ๆ เหล่าลูกศิษย์อาจารย์ก็พากันไปดูและให้กำลังใจกันตามชั้นปี ทว่ามีเพียงคู่ของเจินไป๋เจียเท่านั้นที่ทุกคนมามุงดูความล้มเหลวของนาง
“ไป๋เจียเจีย เด็กใหม่ที่เข้ามาไม่ถึงเดือนนะเหรอที่จะประลองคู่กับศิษย์เอกอันดับหนึ่งอย่างพี่เหมยฮว่า"
หนึ่งในลูกศิษย์เอ่ยถามขึ้น
“แล้วแบบนี้จะมีอะไรให้ลุ้น แค่เห็นรายชื่อก็รู้แพ้ชนะแล้ว”
หนึ่งในนั้นก็แย้งขึ้นเช่นกัน
“เจ้าเคยเจอไป๋เจียเจียหรือไม่ เขาว่านางงดงามยิ่งนัก”
“ไอ้บ้า ความงามมาเกี่ยวอันใด”
เหล่าลูกศิษย์ก็มองเพื่อนร่วมชั้นด้วยสายตาประหลาด
“สำหรับข้า คนงามย่อมดีที่สุด”
เสียงกระซิบแม้จะแผ่วเบาแต่กระนั้น เจินไป๋เจียและเหมยฮว่าก็ได้ยินชัดเจน เจินไป๋เจียยิ้มอย่างพอใจ แค่ความงามนางก็ชนะแล้ว
หากได้เห็นฝีมือของข้าพวกเจ้าต้องตกตะลึง การแข่งขันต้มโอสถในครั้งนี้สำหรับระดับชั้นผู้ปรุงโอสถทั่วไป เป็นการปรุงเลือกสมุนไพรและขั้นตอนการเคี่ยวในส่วนผสมที่พอเหมาะให้สมุนไพรต้านและเสริมกันอย่างลงตัว
เพื่อความยุติธรรมทั้งสมุนไพรและหม้อต้ม หอโอสถล้วนจัดเตรียมไว้ให้อาจารย์ที่ทำหน้าที่คัดเลือกวันนั้นก็มาเป็นคณะกรรมการบนเวทีวันนี้เช่นกัน
แม้สำหรับเหล่าอาจารย์และปรมารย์ของหอโอสถหลายท่านจะไม่ได้เข้าร่วมชม กระนั้นก็ยังมีเหล่าอาจารย์อีกหลายสิบท่าน เข้าร่วมชมเพื่อคัดเลือกศิษย์เอกของตนเอง
หนึ่งในนั้นคืออันลู่จื้อ ลูกพี่ลูกน้องของเจินไป๋เจีย แม้จะเจอกันไม่กี่ครั้งแต่เขาก็ยังจำได้ว่าผู้ประลองคนนั้นคือ
องค์หญิงเจินไป๋เจีย นางมาก่อกวนอะไรในที่นี่
“ไปแจ้งท่านลุงอันหวง ว่าองค์หญิงเจินไป๋เจียกำลังเข้าประลอง”
เขาหันไปบอกคนสนิทที่อยู่ข้างกาย
ที่ใดมีองค์หญิงเจินไป๋เจีย ที่นั่นมีความวุ่นวาย วาจานี้ไม่ได้แต่งตั้งขึ้นโดยไม่มีมูล ทั้งที่ตบแต่งออกไปเป็นฮูหยินแล้วนางยังซุกซนไม่เลิก
แววตาของอันลู่จื้อไม่ได้ปกปิดสายตาดูแคลนเบื่อหน่ายญาติตัวเองแม้แต่น้อย
“โจทย์แรก คือ การปรุงโอสถสำหรับผู้ที่อาการเหนื่อยหอบไร้เรี่ยวแรงและนอนหลับไม่ค่อยสนิท”
เจินไป๋เจียเดินไปคัดเลือกสมุนไพรด้วยท่าทีสบาย ๆ สมุนไพรที่นางเลือกไม่ใช่ตัวล้ำค่าแต่อย่างไร
“ข้าว่า คนงามของเจ้าแพ้ราบคาบแน่แล้ว ดูสิสมุนไพรที่นางเลือกล้วนไม่ได้เรื่อง”
ทว่าเหล่าอาจารย์ที่อยู่บนแท่นสูงกลับรู้สึกตื่นเต้นคาดหวังอะไรบางอย่าง สมุนไพรที่เจินไป๋เจียเลือกนั้นเป็นสูตรลับของหอโอสถแต่มีเพียงคนที่มีพลังลมปราณธาตุน้ำเท่านั้นที่จะสามารถปรุงยาตัวนั้นออกมาได้
เหมยฮว่ายกปากยิ้ม
การแข่งขันครั้งนี้นางคงไม่ต้องเปลืองแรงเท่าใด
ก่อนที่จะวางหินอัคคีเข้าไป เจินไป๋เจียใช้มือโอบหม้อขึ้นมาเปลี่ยนน้ำในหม้อให้เป็นน้ำจากพลังลมปราณแทน เมื่อน้ำในหม้อต้มกำลังเริ่มอุ่น นางก็เด็ดสมุนไพรทิ้งลงไปคล้ายเด็กกำลังเล่นต้มน้ำ
ต่างจากเหมยฮว่าที่ควบคุมจำนวนหินอัคคี ในขณะที่น้ำเริ่มเดือดและจนน้ำเริ่มอุ่นพอเหมาะตัวสมุนไพรที่ผสมลงไปล้วนคำนวณมาอย่างดี
เสียงหัวเราะขบขันของเหล่าลูกศิษย์เริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งโอสถเริ่มส่งกลิ่นหอมอบอวล
“ทำไมข้ารู้สึกว่า กลิ่นหอมสมุนไพรที่ชวนให้สดชื่นผ่อนคลายจนรู้สึกจนอยากจะนอนลง กลิ่นนั้นออกมาจากหม้อต้มโอสถของคนงามใช่หรือไม่”
หลายคนเริ่มไม่มั่นใจหรือพวกเขาแค่สับสน เมื่อกรรมการบอกว่าหมดเวลา เหล่าอาจารย์ที่อยู่บนแท่นนั่งก็ต่างพากันกรูลงมา
“เจ้าเป็นผู้มีลมปราณธาตุน้ำรึ”
พวกเขาต่างแย่งกันพูดคุยกับเจินไป๋เจีย และมองดูโอสถในตำนานหากได้ดื่มคงให้พลังสดชื่นไม่เบา อาจารย์เลี่ยงกำลังจะหยิบดื่มทว่าก็โดยอาจารย์จางสกัดเอา
“ท่านอย่าริคิดจะดื่มเพียงผู้เดียว”
สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนทำให้เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่ข้างล่างเวที งงงวย..
เหมยฮว่ารู้สึกเสียหน้า ตอนนี้ไม่มีใครสนใจหม้อโอสถนางสักคน
อันลู่จื้อ เดินเข้ามากระซิบข้าง ๆ เจินไป๋เจีย
“องค์หญิงท่านต้องการจะทำอะไร” เจินไป๋เจียไม่รู้จักอีกฝ่ายจึงรู้สึกตกตะลึง เพราะชิงอีกับชิงอิงไม่อยู่ข้างกายนางจึงไม่มั่นใจว่าจะกล่าววาจาอันใด ทันใดนั้นอาจารย์อันหวง ซึ่งถือว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุดของเหล่าอาจารย์ก็ปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าตามข้ามา”
เหล่าอาจารย์และลูกศิษย์ต่างมองตามหลังของทั้งสามคน สุดท้ายศิษย์ที่เก่งที่สุดอันหวงก็ได้ครอบครองไป ภายหลังจากทุกคนจากไปชื่อเสียงของไป๋เจียเจียก็โด่งดังทันที
เจินไป๋เจียเดินตามหลังอาจารย์อันมาที่ห้องแห่งหนึ่ง เมื่อประตูห้องปิดลง อันหวงจึงเอ่ยพูดขึ้น
“ข้าคือลุงของเจ้า องค์หญิงเจินไป๋เจีย เจ้าจำไม่ได้รึ”
“หลานคารวะท่านลุงเจ้าค่ะ”
แล้วนางก็ชำเลืองไปมองบุรุษตั้งคำถาม
“ข้าอันลู่จื้อ เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่าน”
ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“เจ้าทำเช่นนี้เพื่ออะไร ในเมื่อตัวเองมีพลังลมปราณเจ้าแค่บอกต่อเหล่าผู้อาวุโสตระกูลอันอย่างไรตระกูลก็ต้องสนับสนุนเจ้า”
น้ำเสียงของอันหวงแฝงตำหนิทำไมต้องทำยุ่งยาก คนมีพลังวิเศษอย่างไรก็ย่อมแตกต่างไม่เดินเส้นทางธรรมดา
“ข้าไม่ใช่คนของตระกูลอันแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นฮูหยินหวน ข้ามาที่นี่ในฐานะไป๋เจียเจีย ขอท่านช่วยส่งเสริมข้าด้วย”
เหตุผลของเจินไป๋เจีย พลันทำทำให้อันหวงสายตาอ่อนโยนขึ้น ทุกคนย่อมมีเรื่องลำบากใจและแนวทางของตนเอง
“ตอนนี้ชื่อเสียงของไป๋เจียเจียของเจ้าโด่งดังสมอย่างที่เจ้าต้องการแล้ว ข้าเองก็เป็นเพียงอาจารย์โอสถแม้จะระดับขั้นสูง ก็ไม่สามารถอบรมสั่งสอนเจ้าได้ เจ้าตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปพบท่านปรมาจารย์โอสถ”
เจินไป๋เจียยิ้มอย่างยินดี ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่นางวางไว้ นางเร่งฝีเท้าเดินตามผู้อาวุโสอันหวงไป
อันลู่จื้อ มองตามหลังของคนทั้งสอง แววตาสับสนอดสู่เขาอยู่ที่นี่มา 10 กว่าปีแล้ว ท่านอาวุโสปรมาจารย์โอสถ แม้จะเป็นปู่ทวดแท้ ๆ ของเขา ทว่าเขากลับไม่เคยได้รับอนุญาตให้เขาได้เข้าพบสักครั้ง
สวรรค์ช่างลำเอียงพลังลมปราณให้เพียงบางคนเท่านั้น
เจินไป๋เจียได้ยินทุกอย่าง รู้สึกโมโหคิดอยากตอบโต้แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็น แบบนี้ก็ดีเช่นกันต่อไปเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวของหวงซีซวน เมื่อชาติที่แล้วเธอหวังจะเป็นที่ภาคภูมิใจของเขา ชาตินี้เธอทำสำเร็จแน่นอน “พี่ซีซวน” เจินไป๋เจียตะโกนเรียกเสียงดัง จนเป็นเธอเป็นจุดสนใจมากขึ้น หญิงสาวกลุ่มนั้นสะดุ้งตัว ใบหน้าเลิ่กลัก เจินไป๋เจียหรี่ตามองเล็กน้อยท่าทางบอกถึงความเหนือกว่า“นั่นใครอ่ะ” หนึ่งในนั้นเอ่ยกระซิบถามให้เสียงเบาที่สุด“ไม่รู้สิ แต่ยิ้มแบบนี้ฉันรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นแฟนหวงซีซวนนะ” ลางสังหรณ์บางอย่างบอกได้ในสัญชาติญาณของผู้หญิงด้วยกัน “แฟนรึ!!” พวกเธอพากันปรายตามองเจินไป๋เจีย เด็กสาวคนนี้มองอย่างไรก็ดูดีมีฐานะมากกว่าพวกเธอ ความรู้สึกเสียหน้าทำตัวไม่ถูกและกระอักกระอ่วนใจที่ตนเองพากันซุบซิบนินทาแฟนผู้อื่น หวงซีซวนด้วยเป็นผู้ฝึกวรยุทธทำให้เขาได้ยินทุกอย่างที่หญิงสาวกลุ่มนั้นคุยกัน แม้ไม่เข้าใจสิ่งที่เจินไป๋เจียทำแต่เขาก็ทำตามขอตัวแล้วเดินก้าวออกมาหาหญิงสาว “ครับ เจียเอ๋อร์" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุนยิ่งทำให้เจินไป๋เจียยิ้มเจิดจ้ากว่าเดิม “ไปกันเถอะค่ะ
“ครับ เจียเอ๋อร์ข้าคือ หวงซีซวน” เสียงแหบทุ้มต่ำแฝงเสน่ห์ของหวงซีซวนยังคงเหลือร้ายเช่นเคย เวลาคล้ายหยุดนิ่งอีกครั้ง เจินไป๋เจียตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือ “ซีซวน ในที่สุดข้าก็ได้พบท่านกลับมาถึงบ้านข้าก็พลันนึกได้ว่านั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ฝันไป” ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ“เจียเอ๋อร์พรุ่งนี้ช่วงเช้าข้าจะไปมหาวิทยาลัยบ่ายเจ้าว่างหรือไม่” ยังมีหลายคำที่หวงซีซวนอยากเอ่ย เขาอยากกล่าวต่อหน้าหญิงสาวเท่านั้น “ทำไมต้องเป็นตอนบ่าย นาย…ไม่สิในเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว พี่ซีซวนเลิกเที่ยงฉันจะไปรับพี่เอง” เจินไป๋เจียปลื้มใจ ซีซวนนัดเธอ นัดเธอ “ได้ เรียนเสร็จพี่จะรอเจ้าที่ข้างหน้ามหาวิทยาลัย A” เพราะไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนทำให้ทั้งสองเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะเอ่ยอะไร “พี่ต้องไปเรียนและทำงานพิเศษด้วยใช่ไหม ฉันไม่กวนพี่ดีกว่า พี่พักผ่อนเถอะ…ฝันดีนะคะ” เจินไป๋เจียไม่คาดคิดว่าจะมีวันที่นางได้กล่าวคำว่าฝันดี “ฮืม … เจียเอ๋อร์ก็ฝันดีนะ” หวงซีซวนก็ไม่ต่างกันเท่าไรเขาไม่เคยแม้คิดจะชวนสตรีคุย ยิ่งเกิดใหม่ด้วยรูปร่างหน้าตาและฐานะยิ่งทำให้ไม่มีหญิงสาวเข้ามาหา เขาวางโทรศัพท์ลงมองม
ตอนที่ 44 ใช่ท่านหรือไม่ท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย ผู้คนเดินขวักไขว่หนึ่งในนั้น มีเจินไป๋เจียเดินกางร่มเดินเลียบข้างทางเฉกคนอื่นมากมาย สีหน้าของแต่ละคมล้วนมีอารมณ์หลากหลาย ทั้งยินดีเศร้าสร้อย ส่วนสีหน้าของเจินไป๋เจียเต็มไปด้วยความผิดหวัง ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่เจอหวงซีซวน ความคิดน้อยเนื้อใจก็เอ่อล้นขึ้นมา ไหนบอกว่าจะเป็นคนตามหานาง ทำไมจนปานนี้ยังไม่เจอ นางสืบค้นทั้งในเว่ยป๋อและออกตามหาก็ไม่พบชื่อหวงซีซวน หรือเขาไม่ได้มาเกิดในมิตินี้นางอาจจะต้องรอชาติต่อไปอีกหรือภายในใจของนางกลับเงียบเหงายิ่งนัก หวงซีซวนท่านอยู่แห่งหนใดกัน เจินไป๋เจียกลับมาถึงบ้านก็เจอมารดาที่กำลังรอคอยบอกข่าวดี “เจียเอ๋อร์ มีหนังสือจากมหาวิทยาลัย A ลูกได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาในคณะเภสัชศาสตร์” เจินไป๋เจียฝืนยิ้มอ่อนโยนให้มารดา“ดีจังเลยค่ะแม่” จะว่ายินดีก็ไม่เชิง นางมีความทรงจำสามภพชาติเรื่องสอบมหาวิทยาลัยกลายเป็นเรื่องที่ไม่ตื่นเต้นเท่าไรนัก“เจียเอ๋อร์เด็กดี แม่ภูมิใจในตัวลูกที่สุด แม่โทรไปบอกพ่อแล้ว เราคุยกันอย่างไรวันนี้ก็ต้องฉลอง วันนี้เราจะไปทานข้าวนอกบ้านกั
ตอนที่ 43 ตามหาข่าวการเชื่อมสัมพันธ์การแต่งงานระหว่างองค์หญิงไป๋เจียเจียและอ๋องอู๋โหย่วอี้หรือแม่ทัพแดนบูรพาจากดินแดนเมฆาดังไปทั่วแคว้น แม้จะมีข่าวเศร้าจากการสูญเสียแม่ทัพหวงซีซวนก็ไม่ทำให้เกิดกลิ่นอายอัปมงคล ทุกคนต่างยินดีกับข่าวมงคลครั้งนี้ มีเพียงไป๋เจียเจียกลับที่รู้สึกเฉยชากับเรื่องดังกล่าว“ท่านควรจะยินดีกับสิ่งที่กำลังเกิด” จิ้งจอกน้อยเอ่ยบอก “ใช่ข้าควรยินดี ใกล้ถึงเวลาแล้ว ต่อไปนี้หลังแต่งงานจะตั้งใจฝึกและบำเพ็ญเพียร” ไป๋เจียเจียไปจัดการเรื่องของซีหรงกับหม่าจื่อเหลียนด้วยตนเองที่จวนแม่ทัพหวง นางปรายตามองต่ำมองทุกคนที่มารับเสด็จด้วยความรู้สึกเย็นชา ภายใต้ร่างอรชนงดงามแผ่รังสีกดดันให้ผู้คนหายใจไม่ออก “กระหม่อมรับบัญชา จะรีบจัดการส่งแม่สื่อไปสู่ขอหม่าจื่อเหลียนมาเป็นฮูหยินเอกให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ” นายท่านหวงบิดาของหวงซีซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม องค์หญิงไป๋เจียเจียนอกจากจะเป็นปรมาจารย์แล้ววาสนาสูงส่งมีสัญญามั่นหมายกับอ๋องต่างดินแดนพระบารมีแผ่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสียอีก ไป๋เจียเจียชำเลืองมองไปยังร่างอรชนของฮูหยินรองหม่าที่กำลังหมอบ
ไป๋เจียเจียร้องให้แทบขาดใจ น้ำเสียงของนางคล้ายกำลังอ้อนวอนสวรรค์ขอให้นางได้กลับตัว ทุกคนที่มองต่างไม่เชื่อว่าไป๋เจียเจียจะมีใจให้หวงซีซวนเพียงนี้ “หวงซีซวนเป็นข้าที่ผิดเอง ฮื้อ ฮื้อ…” ความรู้สึกโทษตัวเองถาโถมเข้าใส่นางราวกับทะเลคลั่ง “เจียเอ๋อร์ชาตินี้เป็นข้าเองไม่เหมาะสมกับเจ้า…ข้าขอร้องเจ้า ให้ความผิดของข้าในชาตินี้กลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับร่างของข้า ชาติหน้าข้าจะชดเชยทุกอย่างให้เจ้า ตามหาเจ้า เราจะชมทะเลดาวใต้แสงจันทราด้วยกัน"เสียงของหวงซีซวนแหบแห้งแผ่วเบา แม้จะมีคำพูดมากมายที่อยากจะเอื้อนเอ่ยทว่าตอนนี้เขาเพียงกุมมือของหญิงสาวถ่ายเทความอบอุ่นผ่านฝ่ามือที่เยือกเย็น “ไม่ ๆ ๆ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร” ไป๋เจียเจียเสียใจอย่างรุนแรง คล้ายมีคนคว้างหัวใจนางออกมาบดขยี้เสียงร้องไห้ของนางบอกถึงความเจ็บปวดทรมานเสียดแทงเข้าไปถึงในกระดูก นางมองดูพิษอสูรค่อย ๆ กัดกร่อนร่างกายของหวงซีซวนจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ปลิวล่องไปตามสายลม นางลนลานพยายามคว้าไม่ให้มันหลุดลอย ทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของแต่นางก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ชาติที่แล้วโชคชะตาลิขิตให้นางลืม ไยชาตินี้ถึงให้นางจดจำได้เพีย
ตะวันฉายแสงพ้นผ่านอีกคืน ไป๋เจียเจียแทบไม่ได้นอนเพราะดูแลเด็กทารกแรกเกิดก่อนกำหนดด้วยตนเอง แม้จะอ่อนแรงทว่ารุ่งเช้านางก็อุ้มเด็กน้อยออกมารับแสงตะวัน ชำเลืองดูมองไปเห็นร่างของหวงซีซวนยังอยู่ที่เดิม สีหน้าของชายหนุ่มซีดเซียวไร้สีเลือด การปะทะเมื่อวานคาดว่าชายหนุ่มคงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ลางสังหรณ์ผุดขึ้นมาในใจ คาดว่าหวงซีซวนอาจจะได้รับพิษอสูร ฉับพลันดั่งมีมีดปักลงมากลางใจ เสียงกรีดร้องของเจินไป๋เจียภายในจิตใจดังกึกก้องประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด ไป๋เจียเจียยืนตัวสั่นเทานางไม่เข้าใจกับท่าทีของตนเองหรือวิญญาณของเจินไป๋เจียยังคงเหลืออยู่ในร่าง นางส่งเด็กให้ชิงอีด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปใกล้หวงซีซวน ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างยากลำบากทว่าอีกใจก็แทบจะถลาเข้าไปดูชายหนุ่ม เมื่อนั่งลงข้างกายนางหยิบมือของชายหนุ่มขึ้นมาจับชีพจร แทบไม่เหลือร่องรอยของการมีชีวิต อวัยวะภายในโดยทำลายด้วยพิษอสูรจนแทบไม่เหลือชิ้นดี “ซีซวน ทำไมท่านดื้นรั้น ทำไมท่านไม่บอกข้า” นางเอ่ยถามทั้งที่ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าไยนางเอ่ยเช่นนั้น น้ำตาเริ่มเอ่อล้นขึ้นมา ภายใต้จิตใจที่ใกล้จะล่องลอย หวงซีซวนได้