เช้านี้อากาศยังเย็นสมกับเป็นฤดูเหมันต์ สายลมหนาวพัดโชยเย็นเยือก ทว่าบรรยากาศความคึกคักของผู้คนในตลาดยังคงไม่เปลี่ยนแปลงร่างบอบบางในอาภรณ์สีอ่อนหนานุ่ม สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวตัวยาว ก้าวเดินเลือกชมสินค้าตามแผงลอยสองฟาก โดยมีสาวใช้ทั้งสองคอยติดตามไม่ห่างกาย อวิ๋นซือคลี่ยิ้มเล็กน้อยยามถูกคนสนิทชี้ชวนให้มองของแปลกตา พวกนางสามคนเดินจับจ่ายสิ่งของที่ต้องการจนครบถ้วน ครั้นมองท้องฟ้าก็พบว่าดวงอาทิตย์ขึ้นสูงจนเกือบตรงศีรษะแล้ว“เสี่ยวอิง เสี่ยวหยวน ประเดี๋ยวเเวะโรงน้ำชาข้างหน้านี่ก่อนเถอะ สายมากแล้ว หาของรองท้องกันสักหน่อย”เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนาย สาวใช้ทั้งสองก็มิรอช้า พวกนางพากันหันเลี้ยวเข้าสู่ด้านในของโรงน้ำชาตรงหน้าทันทีเพราะเป็นกลุ่มสตรีที่หน้าตางดงามถึงสามคน สายตาผู้คนในโรงน้ำชาจึงพุ่งตรงมาอย่างสนใจ อวิ๋นซือไม่คิดมองผู้อื่น สาวใช้ทั้งสองเองก็ไม่แยแส พวกนางเดินตรงเข้าไปนั่งโต๊ะที่ว่างทันที“ขอชาร้อนสักกาหนึ่งกับขนมสักสามอย่างแล้วกัน” เสียงใสเอ่ยสั่ง ดวงตากลมกวาดมองรอบด้านไม่นานชาร้อนหอมกรุ่นหนึ่งกาพร้อมขนมหน้าตาน่ากินอีกสามอย่างก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะอวิ๋นซือมองแล้วให้ชื่นชมรูปลัก
ข่าวบ้านสกุลหลันนั้นแพร่ออกไปประหนึ่งไฟลามทุ่งแม้จะพยายามปกปิดสักแค่ไหนก็ยังเล็ดลอดออกไปนอกเรือนได้ ทว่าเป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่าล้มป่วย ทำให้หลันชิงไม่อาจปลีกตัวมาสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ในร้านไห่ถัง สามนายบ่าวก็กำลังคุยเรื่องนี้กันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะเสี่ยวอิงทั้งสมน้ำหน้าและสะใจจนบอกไม่ถูก ถึงขนาดกราบไหว้ฟ้าดินรอบทิศเลยทีเดียว ก็เจ้านายของนางถูกซูลี่หลินเล่นงานเสียขนาดนั้น ไม่สิ้นชีพตายกลายเป็นผีก็นับว่ามีบุญแล้ว จะให้มานั่งสงสารสุนัขที่เคยไล่กัด ขออภัยเถอะ ผู้ใดจะทำกันทว่าสะใจก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนสาวใช้ก็เกรงกลัวนายท่านหลันจะล่วงรู้เรื่องนี้ หากได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนแต่เป็นฝีมือของเจ้านายนาง อีกฝ่ายคงต้องมาเอาคืนอย่างแน่นอน “คุณหนู ท่านไม่กลัวนายท่านหลันรู้เรื่องนี้แล้วจะมาแก้แค้นคืนทีหลังหรือเจ้าคะ”อวิ๋นซือเคาะมือเป็นจังหวะ ใบหน้างามยังคงมีรอยยิ้มกว้าง ท่าทางที่แสดงออกไร้ความหวั่นไหวแม้แต่น้อยหลันชิงจะมาแก้แค้นนางอย่างนั้นหรือ ได้สิ หากเขาสามารถหาคนลงมือกระทำได้น่ะนะ!“เขาไม่มีทางรู้ หากหาตัวหมอหลี่จู้ไม่พบ” อีกทั้งนอกจากหลี่จู้แล้ว ไม่มีหลักฐานให้ตามหาเลย เพราะทาง
เมื่อหลันชิงก้าวเข้าสู่ห้องด้านใน สายตาก็เห็นร่างสตรีสามสี่คนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา โดยเฉพาะผู้ที่กำลังดึงรั้งสาวใช้เข้ามาทำร้ายนั้นคืออนุภรรยาที่รักของเขาเอง“ทำอะไรกัน หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงทุ้มเอ่ยตวาดอย่างเฉียบขาด เป็นผลให้เงาร่างที่กำลังพัวพันกันชะงักไป สาวใช้ผู้นั้นพลันสะบัดตัวออกจากกรงเล็บอีกฝ่ายอย่างขวัญเสีย ซูลี่หลินไม่ทันระวังตัวจึงหงายตามแรงเหวี่ยงทันทีตุ้บ!“โอ๊ย!”ครั้นเห็นร่างบางของภรรยาถูกเหวี่ยงไปชนฝาผนัง หลันชิงให้ตกใจจนใจหายวาบ ร่างสูงรีบก้าวเข้าไปพยุงอีกฝ่ายทันที “หลินเอ๋อร์!”ซูลี่หลินได้ยินเสียงสามีก็ร้องไห้โฮ ดวงตาของนางแดงก่ำ ส่งเสียงสะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา หลันชิงเห็นสภาพคนรักให้เกิดความสงสาร เขากอดร่างบอบบางไว้แนบอก พลางส่งสายตามองไปยังสาวใช้ผู้ลงมือเมื่อครู่อย่างเยือกเย็น ก่อนจะออกคำสั่งกับคนสนิทด้วยน้ำเสียงเฉยชา“นำนางไปขายทิ้งเสีย สาวใช้ที่กล้าลงมือกับผู้เป็นนาย สกุลหลันของข้าไม่ต้องการเลี้ยงไว้”ซูลี่หลินปรายตามองสาวใช้คนสนิทที่ยามนี้กำลังส่งเสียงอึกอักในลำคอ เพราะถูกอาอิ้นใช้ผ้าอุดปากแล้วลากออกไปอย่างสาแก่ใจ นางไร้ความเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อยหลั
ขณะที่อวิ๋นซือกำลังมุ่งมั่นวางแผนสร้างชื่อให้ร้านไห่ถัง เพื่อก้าวสู่หนทางชีวิตที่ดีในวันข้างหน้าของตนเองซูลี่หลินนับวันกลับยิ่งถอยหลังเข้าสู่วังวนที่ไร้ทางออก เช้านี้นางตื่นขึ้นมาพร้อมด้วยใบหน้าซีดขาว มือเล็กเกาะกุมท้องที่ทั้งปวดและเสียดอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาคู่สวยตวัดมองอีกฟากของเตียงที่ไร้ไออุ่นอย่างขุ่นมัว เมื่อคืนนางรอสามีมาค้างด้วยจนเกือบฟ้าสาง ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้กลับมา ความเจ็บปวดจากร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นความกราดเกรี้ยวทันทีเดิมทีพี่ชิงมีสตรีข้างกายมากมาย นางเองก็รับรู้และทำใจได้ แต่นั่นเป็นเพราะแต่ก่อนนางยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในฐานะที่จะห้ามปรามอีกฝ่าย จึงได้แต่เก็บกักความหึงหวงที่พึงมีไว้ในอก ทว่ายามนี้นางก็อยู่ที่นี่แล้ว แล้วเหตุใดชายคนรักจึงยังต้องไปหาหญิงอื่นอีกเล่า ยิ่งคิดมากเท่าไรใบหน้างดงามก็ยิ่งทวีความขุ่นมัวเท่านั้น ร่างบางข่มใจก่อนจะหันไปเอ่ยถามสาวใช้ข้างกาย“เมื่อคืนนายท่านไปค้างเรือนใด”สาวใช้คนสนิทที่ติดตามกันมาจากบ้านเดิมเหลือบมองผู้เป็นนายอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยบอกเสียงเบา “เมื่อคืนนายท่านค้างที่เรือนอนุเจียวเจ้าค่ะ”ร่างบอบบางของซูลี่หลินชะงักไปครู่หนึ่ง พ
สายลมเหมันต์ปีนี้หนาวเย็นจับใจนักร้านเครื่องประดับไห่ถังนั้นรายล้อมด้วยดงเหมยฮวาสีขาว ยามลมพัดโบก กลีบดอกก็หมุนคว้างปะปนกับหิมะตามแรงลม พาให้ทิวทัศน์รอบข้างดูเลือนรางจนยากจะคาดเดาด้านหลังของร้านแบ่งเป็นที่พัก เถ้าแก่หวังและอวิ๋นซือกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่อย่างทุลักทุเล เบื้องหน้าพวกเขาคือสำรับที่เต็มไปด้วยกลีบสีขาวของเหมยฮวา“ข้าจะโค่นมันทิ้ง” ผู้สูงวัยนึกโมโห ประกาศก้องด้วยความหงุดหงิดอวิ๋นซือส่ายหน้าพลางสั่งให้เสี่ยวอิงไปปิดหน้าต่าง ก็เห็นอยู่ว่าลมแรงเสียขนาดนี้ ท่านตาผู้เฒ่าของนางยังไม่ยอมปิดหน้าต่าง แล้วจะมาโทษใครได้เล่า“เจ้าคิดเรื่องแซ่ไว้แล้วหรือยังหลานตา จะได้ประกาศออกไปตอนเปิดร้านเลย” พอในห้องสงบไร้แรงลมกวนใจ ผู้เฒ่าก็หันมาถามหลานสาว อีกครึ่งเดือนพวกเขาจะเปิดทำการร้านไห่ถังอีกครั้ง ถึงตอนนั้นต้องพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา เรื่องที่นางไม่มีแซ่จึงเป็นเรื่องสำคัญสุดหลังจากมารดาของอวิ๋นซือกลับไปครานั้น ใต้เท้าอวิ๋นทราบเรื่องที่บุตรสาวแข็งข้อก็ให้ขัดเคือง จึงออกมาประกาศร้องแก่ผู้คนทันทีว่า บัดนี้หญิงม่ายที่หย่าขาดกับสกุลหลันหาใช่คนตระกูลอวิ๋นของเขาอีกต่อไปไม่“ทำไมต้องทำอะไรวุ่นวา
ความจริงอวิ๋นซือคิดว่าตนนั้นเลือกเอ่ยถามคำที่รู้ดีอยู่แก่ใจ นางหาได้โง่งม เพียงแต่เลือกจะไม่รับรู้ ปิดหูปิดตาไม่มองเพื่อหลบลี้ความจริงที่บั่นทอนความรู้สึกสายตาที่มารดาใช้มองมายามเผลอมักมีแววเย็นชาเผยให้เห็นเสมอ เดิมทีนางเคยเฝ้าบอกตัวเองให้มองข้ามไปเสีย ทว่าเมื่อลอบสังเกตเห็นความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีให้น้องชายร่วมบิดา อวิ๋นซือก็พลันเข้าใจตัวนางที่เกิดมาเป็นหญิงนั้น แท้จริงแล้วก็มิได้มีค่าในสายตามารดาเช่นเดียวกับบิดา!ทว่าหญิงสาวก็เลือกที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้น หันมาใช้ความคิดหาหนทางช่วยเหลือมารดาแทน เรื่องแต่งเข้าสกุลหลันแม้จะมารู้ทีหลังว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้รักตน แต่ส่วนหนึ่งที่ยอมรับก็เพื่อผู้ให้กำเนิดเพราะหากไม่มีมารดาก็ย่อมไม่มีนางในวันนี้!แต่เมื่อได้รับจดหมายบอกเล่าเรื่องราวจากมารดาในครั้งก่อน ที่บิดามีความคิดจะเปลี่ยนตัวฮูหยินใหญ่ ทำให้นางบังเกิดความสงสัยขึ้นหลังกลับจากจวนเสนาบดีเหตุใดมารดาที่ดูเหมือนไม่กล้าทำและคิดสิ่งใดไม่เป็นของตนเอง จึงมีคนให้ใช้สอยได้กัน ถึงขนาดหลบหูตาฮูหยินสามมามอบจดหมายให้นางโดยไม่มีใครรู้พอมองย้อนไปถึงการกระทำของมารดาแล้วให้ข่มใจอย่างฝาดเฝื่อน ไม่ใช่ไ