หลังจากที่ปลายฝันยอมให้โอกาสภาคินัยได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมด หัวใจที่เคยปิดตายของเธอก็เริ่มอ่อนลงเล็กน้อย ความเจ็บปวดจากความเข้าใจผิดไม่ได้จางหายไปโดยสิ้นเชิง แต่ความรู้สึกสับสนก็ลดลงไปมาก เธอรับรู้ได้ถึงความจริงใจของเขาในวันที่เขาเข้ามาง้อและสารภาพความรู้สึก
แต่ถึงแม้จะรับฟังคำอธิบายจากเขา เธอก็ยังคงรักษาระยะห่างไว้อย่างระมัดระวัง เพราะบทเรียนที่เจ็บปวดทำให้เธอไม่อาจผลีผลามเปิดใจได้อย่างเต็มที่ เธอเลือกที่จะสังเกตการณ์การกระทำของภาคินัยอย่างเงียบๆ และยังคงทุ่มเทให้กับงานออกแบบโปรเจกต์ "The Zenith" อย่างเต็มที่
ภาคินัยเองก็เข้าใจดีว่าการสร้างความเชื่อใจขึ้นใหม่ต้องใช้เวลา เขาจึงพยายามหาโอกาสที่จะได้พูดคุยกับปลายฝันอย่างจริงจังอีกครั้ง โดยอาศัยเรื่องงานเป็นข้ออ้าง
ในเช้าวันหนึ่ง ภาคินัยเดินเข้ามายังแผนกออกแบบด้วยสีหน้าจริงจังกว่าปกติ เขามุ่งตรงไปที่โต๊ะของปลายฝัน ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับแบบร่าง
“คุณครับ” ภาคินัยเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด
ปลายฝันเงยหน้าขึ้นมองเขา หัวใจของเธอเต้นรัวเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของเขาใกล้ๆ
“ค่ะคุณภีม มีอะไรหรือเปล่าคะ” ปลายฝันถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ แต่ก็ยังคงรักษาระยะห่าง
“ผมอยากจะขอเวลาคุณปรึกษาเรื่องโปรเจกต์ The Zenith หน่อยครับ” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “ผมอยากให้คุณช่วยอธิบายรายละเอียดบางอย่างเพิ่มเติม”
ปลายฝันลังเลเล็กน้อย เธอมองไปที่คุณชลดาที่กำลังเดินผ่านไปมา เธอกลัวว่าการพูดคุยกับภาคินัยสองต่อสองจะทำให้เกิดข่าวลือที่ไม่ดีขึ้นอีก
“คือ...ปายว่าคุยกันตรงนี้ก็ได้นะคะคุณภีม” ปลายฝันเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ” ภาคินัยตอบอย่างนุ่มนวล “ผมคิดว่าคุยกันในห้องประชุมส่วนตัวน่าจะสะดวกกว่านะครับ จะได้ไม่มีใครรบกวน”
ปลายฝันถอนหายใจเล็กน้อย เธอนึกถึงคำพูดของน้ำหวานที่บอกให้เธอให้โอกาสเขา และเธอเองก็อยากจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดให้กระจ่างเช่นกัน
“ก็ได้ค่ะ” ปลายฝันตอบรับอย่างจำใจ
ภาคินัยยิ้มเล็กน้อย และเดินนำปลายฝันไปยังห้องประชุมเล็กที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาเปิดประตูให้เธอเข้าไปก่อน และปิดประตูลงอย่างช้าๆ
เมื่อเข้ามาในห้อง ปลายฝันก็เลือกที่จะนั่งห่างจากภาคินัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แต่ความรู้สึกประหม่าก็ยังคงเกาะกุมใจของเธอ
“คุณครับ” ภาคินัยเริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ผมอยากจะขอบคุณคุณมากนะครับสำหรับความพยายามในการออกแบบโครงการนี้ คุณทำได้ดีมากจริงๆ”
ปลายฝันพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะคุณภีม”
“ผมเห็นถึงความสามารถและความตั้งใจของคุณอย่างชัดเจนเลยนะครับ” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “คุณมีความเป็นมืออาชีพมากจริงๆ”
คำชมของภาคินัยทำให้ปลายฝันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาตรงๆ
“ผมอยากจะขอโทษคุณอีกครั้งนะครับ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ผมรู้ว่าคุณคงเสียใจมาก และผมก็รู้สึกผิดมากที่ทำให้คุณต้องรู้สึกแบบนั้น”
ปลายฝันเงียบไป เธอรับฟังคำขอโทษของเขาอย่างตั้งใจ และเริ่มรู้สึกว่ากำแพงในใจของเธอกำลังพังทลายลงช้าๆ
“ผมรู้ว่าคำพูดของผมอาจจะไม่มีน้ำหนักมากพอ” ภาคินัยเอ่ยต่อ “แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าผมจริงจังกับคุณนะปลายฝัน ผมรักคุณจริงๆ”
ภาคินัยลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามกับปลายฝัน เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริง
“ผมรู้ว่าคุณคงยังไม่เชื่อผมในตอนนี้” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “แต่ผมอยากจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมรักคุณมากแค่ไหน และผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคุณ”
น้ำตาของปลายฝันเริ่มไหลอาบแก้ม เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดกับเธอแบบนี้อีกครั้ง
“คุณภีมคะ” ปลายฝันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ปาย...ปายไม่รู้จะพูดยังไงดีค่ะ”
“คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรหรอกครับ” ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “แค่ให้โอกาสผมได้ดูแลคุณก็พอแล้ว”
ภาคินัยยื่นมือไปจับมือของปลายฝันเบาๆ มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับมือของเธอ
“ผมรักคุณนะปลายฝัน” ภาคินัยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ได้โปรดเชื่อผมนะ”
ปลายฝันมองไปที่มือของภาคินัยที่จับมือของเธอไว้ และมองไปที่ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่แท้จริง เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจ และในที่สุด กำแพงที่เธอเคยสร้างไว้ในใจก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์
“ปาย...ปายจะลองเชื่อคุณนะคะคุณภีม” ปลายฝันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่หนักแน่น
คำตอบของปลายฝันทำให้ภาคินัยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ขอบคุณครับคุณปลายฝัน” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเลย”
ในขณะที่ภาคินัยและปลายฝันกำลังปรับความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง ทิชาที่ยังคงเก็บความแค้นไว้ในใจ ก็กำลังวางแผนการร้ายขั้นต่อไป เพื่อกำจัดปลายฝันออกจากชีวิตของภาคินัยอย่างถาวร
เธอรู้ดีว่าการจะเล่นงานภาคินัยโดยตรงนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะเขามีทั้งอำนาจและอิทธิพล แต่กับปลายฝันที่เป็นเพียงเด็กฝึกงาน ไม่มีเส้นสายอะไร การเล่นงานเธอจะง่ายกว่ามาก
ทิชาโทรหาคุณหญิงรัญจวนมารดาของเธอ “คุณแม่คะ ทิชาคิดแผนการใหม่ได้แล้วค่ะ”
“แผนการอะไรอีก” คุณหญิงรัญจวนถามด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเล็กน้อย “หวังว่าจะไม่ทำให้เรื่องมันแย่ลงไปอีกนะ”
“ไม่แน่นอนค่ะคุณแม่” ทิชาตอบอย่างมั่นใจ “คราวนี้ทิชาจะทำให้ยัยเด็กนั่นหมดอนาคตในวงการออกแบบไปเลยค่ะ”
ทิชาเล่าแผนการร้ายของเธอให้มารดาฟัง คุณหญิงรัญจวนฟังอย่างตั้งใจ และในที่สุดก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
“ดีมากทิชา” คุณหญิงรัญจวนเอ่ยขึ้น “ลูกสาวแม่ต้องแบบนี้สิ”
ในขณะที่ทิชากำลังวางแผนการร้ายเพื่อทำลายปลายฝัน ธามก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณพ่อของภาคินัย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขา
“ธาม พ่อมีเรื่องจะปรึกษาหน่อย” คุณพ่อของภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ครับคุณลุง มีอะไรครับ” ธามตอบ
“เรื่องภาคินัยกับทิชาน่ะ” คุณพ่อของภาคินัยเอ่ยขึ้น “พ่อรู้ว่าภาคินัยไม่ต้องการแต่งงานกับทิชาแล้ว แต่พ่อไม่รู้จะทำยังไงดีทิชาและคุณหญิงรัญจวนไม่ยอมง่ายๆ หรอก”
“ผมพอจะเดาได้ครับคุณลุง” ธามเอ่ยขึ้น “คุณลุงต้องการให้ผมช่วยอะไรครับ”
“พ่ออยากให้แกช่วยเป็นคนกลางหน่อยได้ไหม” คุณพ่อของภาคินัยเอ่ยขึ้น “ช่วยคุยกับทิชาและคุณหญิงรัญจวนให้ยอมจบเรื่องนี้ดีๆ”
“ผมจะลองดูครับคุณลุง” ธามตอบรับ “แต่ผมก็ไม่รับปากนะครับว่าจะสำเร็จ”
“แค่แกช่วยก็พอแล้ว” คุณพ่อของภาคินัยเอ่ยขึ้น “ขอบใจมากนะธาม”
หลังจากวางสาย ธามก็ถอนหายใจเล็กน้อย เขารู้ดีว่าภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเพื่อนสนิทของเขา
ในขณะเดียวกัน ปลายฝันที่กำลังอยู่ในห้องประชุมกับภาคินัย ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากหลังจากที่ได้ปรับความเข้าใจกัน
“ปายขอถามอะไรคุณภีมหน่อยได้ไหมคะ” ปลายฝันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ได้สิครับ” ภาคินัยตอบพร้อมรอยยิ้ม
“แล้วเรื่องคุณทิชาล่ะคะ คุณจะทำยังไง” ปลายฝันถามด้วยความกังวล
ภาคินัยถอนหายใจเล็กน้อย “ผมกำลังจะจัดการเรื่องนี้ให้จบนะครับ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทิชามาสร้างปัญหาให้คุณอีกแล้ว”
คำพูดของภาคินัยทำให้ปลายฝันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เธอเชื่อใจเขามากขึ้นแล้วในตอนนี้
“ปายเชื่อคุณค่ะคุณภีม” ปลายฝันเอ่ยขึ้น
ภาคินัยยิ้มให้ปลายฝัน “ขอบคุณมากนะครับที่เชื่อผม”
เขาจับมือของปลายฝันอีกครั้ง และบีบเบาๆ อย่างอบอุ่น เพื่อแสดงให้เธอเห็นว่าเขาจริงจังกับความรู้สึกของเธอมากแค่ไหน
หลังจากที่ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันเสร็จเรียบร้อย ภาคินัยก็พาปลายฝันไปทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ร้านอาหารใกล้บริษัท
ระหว่างมื้ออาหาร ทั้งคู่พูดคุยกันถึงเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ภาคินัยเล่าเรื่องราวในวัยเด็กของเขาให้ปลายฝันฟัง ส่วนปลายฝันก็เล่าเรื่องความฝันและแรงบันดาลใจในการเป็นนักออกแบบให้กับเขาฟัง
การพูดคุยกันอย่างเปิดใจทำให้ทั้งคู่รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น และความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันก็เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
ในขณะเดียวกัน ทิชาที่กำลังเตรียมแผนการร้ายเพื่อทำลายปลายฝัน ก็รู้สึกกระวนกระวายใจ เธออยากจะเห็นปลายฝันตกต่ำโดยเร็วที่สุด
เธอโทรหาคุณหญิงรัญจวนอีกครั้ง “คุณแม่คะ ทิชาว่าเราไม่ควรรอช้าแล้วนะคะ ทิชาอยากจะจัดการยัยเด็กนั่นให้เร็วที่สุด”
“ใจเย็นๆ สิทิชา” คุณหญิงรัญจวนเอ่ยขึ้น “เราต้องทำให้แน่ใจว่าแผนการของเราจะไม่มีข้อผิดพลาด”
“แต่ทิชาไม่อยากรอแล้วค่ะคุณแม่” ทิชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
“อดทนอีกนิดเดียวเท่านั้นแหละทิชา” คุณหญิงรัญจวนเอ่ยขึ้น “อีกไม่นานยัยเด็กนั่นก็จะต้องเจอกับสิ่งที่เธอทำ”
ในขณะที่ทิชากำลังวางแผนการร้าย ภาคินัยและปลายฝันก็ยังคงใช้เวลาอยู่ด้วยกัน พวกเขาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้บริษัท และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ภาคินัยรู้สึกมีความสุขมากที่ได้อยู่กับปลายฝัน เขาไม่เคยรู้สึกมีความสุขและสบายใจเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต
“คุณภีมคะ” ปลายฝันเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ปายมีความสุขมากเลยค่ะที่ได้อยู่กับคุณ”
คำพูดของปลายฝันทำให้ภาคินัยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เขากำมือของเธอเบาๆ และมองไปที่ดวงตาของเธอด้วยความรัก
“ผมก็มีความสุขมากเหมือนกันครับคุณปลายฝัน” ภาคินัยเอ่ยขึ้น “ผมจะทำให้คุณมีความสุขแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยครับ”
เรื่องราวความรักของพวกเขาที่เริ่มต้นจากความเข้าใจผิด กำลังจะก้าวไปสู่บทใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันทุกรูปแบบเพื่อความรักของพวกเขา
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ