“ฉันไม่ใช่ที่รักของคุณ ไม่ต้องมาเรียก มันกระดากหู ไม่ต้องอ้างด้วย ฉันดูแล้ว สามคนนั้นไม่ได้อยู่แถวนี้แน่”
เธอพูดฉะฉาน ไม่เกรงกลัว สู้สายตาเขาอย่างเปิดเผย
“ส่วนเรื่องพี่เป๊ก กลับถึงเมืองไทยแล้ว ฉันจะหาทางออก หาทางเอาตัวรอดของฉันเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
เขายกไหล่ “ผมไม่ได้เป็นห่วงคุณ ผมแค่เสียดายน่ะ”
“เสียดายอะไร”
“ถ้าคุณจำเป็นต้องเสียมันจริงๆ ในสักวัน”
“หมายความว่ายังไง”
“สักวันเมื่อคุณจนตรอก บางทีคุณอาจจำเป็นต้องใช้ของที่มีอยู่ดี” เขาใช้สายตาหยามมองตั้งแต่ดวงตาของเธอลงไปจนถึงส่วนล่างของเธอ หญิงสาวรู้สึกปากคอสั่นขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่าเขากำลังดูถูกเธออยู่ “ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอกนะคุณ เงินกับความก้าวหน้าในอาชีพต่างหาก ที่ทำให้คุณไม่อด”
หญิงสาวรู้สึกโกรธจนตัวสั่น “สรุปคือ ฉันควรจะขายตัวเพื่ออนาคตใช่ไหม”
“เปล่าเลย คุณไม่ควรขาย ถ้าคุณฉลาด คุณควรจะให้ฟรีด้วยซ้ำไป แบบแฟร์ๆ น่ะ”
ขวัญชนกทนไม่ไหว ห้ามฝ่ามือไม่อยู่ เงื้อมือขึ้นจะตบชายหนุ่มสักฉาดให้หายปากเสีย แต่เขารู้ทันจับแขนเธอไว้แล้วดึงร่างแบบบางเข้ามาแนบลำตัว จนใบหน้าเกือบชิดกัน ลมหายใจประสานกัน สายตาจับจ้องมองกันแทบจะทะลุเข้าไปถึงสมอง
“ถ้าคุณตบผม คุณไม่รอดไอ้พี่เป๊กนั่นแน่”
“คุณก็ไม่รอดเหมือนกัน”
“ผมกำลังจะกลับเมืองไทย สองคนนั้นไม่ถ่อไปตื๊อผมที่โน่นหรอก คิดดูให้ดีๆ”
หญิงสาวกัดฟันกรอด แต่พยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด “ที่คุณพูดตะกี้ก็จริงนะ ฉันควรจะคิดให้ดีๆ ว่าศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ เงินและอนาคตต่างหากที่สำคัญ เพราะอย่างนั้น ฉันควรจะกลับไปหาพี่เป๊ก ว่าไหม” ขาดคำนั้น เจ้าหล่อนก็กระทืบเท้าลงบนหลังเท้าของชายหนุ่มอย่างแรง แม้รองเท้าหนังราคาแพงก็ไม่อาจลดความเจ็บปวดลงได้ ชายหนุ่มร้องลั่นตัวงอ จับเท้าของตัวเองขึ้นโดยอัตโนมัติ
“สมน้ำหน้า” ขวัญชนกยิ้มเหี้ยม เดินถอยห่างเขาหลายก้าว “เราเลิกกันแค่นี้นะคะ...ที่รัก”
“ยัยบ้า!!!”
จอมทัพกัดฟันกรอด อยากจะตามไปไล่บี้สาวไทยตัวแสบเดี๋ยวนั้นเลย แต่ทำไม่ได้เพราะเจ็บเท้า เขาเห็นสายตาของผู้คนแปลกหน้าที่เดินผ่านไปมา ต่างแอบยิ้มแอบหัวเราะที่เขาโดนผู้หญิงเล่นงาน เขายิ่งเจ็บใจเข้าไปใหญ่
“ตัวแสบเอ๊ย ลืมไปแล้วรึไงว่าเป็นหนี้ใครอยู่” บ่นพลางกำลังจะเดินต่อ แต่กลับต้องชะงักเพราะสองสาวพุ่งเข้ามาคว้าแขนเขาไว้คนละข้าง แบบไม่ทันตั้งตัว และตั้งสติ “แองจี้...เคส...พวกคุณยังไม่กลับอีกเหรอ”
“ในที่สุด คุณก็ทิ้งแม่นั่นจนได้” แองจี้ยิ้มเยาะ
“ผมนี่นะ ทิ้งแม่นั่น” เขาล่ะงง เขาโดนตบแล้วเจ้าหล่อนก็ลากกระเป๋าจากไปไม่ใช่เหรอ
“ใช่ค่ะ คุณรู้แล้วใช่ไหม ว่าระหว่างอึ๋มๆ อย่างฉันกับแบนแตร๋อย่างมัน ใครถึงใจกว่า ไปค่ะ กลับอพาร์ตเม้นต์สุดหรูของคุณกันค่ะ”
“พอก่อนเหอะ ทั้งสองคน กลับไปซะ ผมต้องกลับบ้าน”
“กลับไปทำไมคะ อยู่ที่นี่เถอะ เราสองคนตกลงกันแล้วว่าจะยอมอยู่กันสามคน”
“สามคน!!!”
“สลับวันกันก็ได้” เคสไล้ลูบแผ่นอกของเขาจนเขาสยิว “หรือจะพร้อมกันก็ไม่เกี่ยง”
“นะคะที่รัก เรายอมถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังอยากจะหนีพวกเราไปอีกเหรอ”
จอมทัพหลับตาแน่น เขาจะทำอย่างไรดี ถึงจะสลัดสองสาวจอมตื๊อนี่ออกไปจากชีวิตได้ เพราะน่ารำคาญทั้งคู่ แถมพูดไม่รู้เรื่องด้วย
“ผมไม่ได้หนี และผมยัง...”
“ที่รักค่ะ” เสียงนั้นดังมาแต่ไกล เขาหันไปมองพร้อมหญิงสาวหุ่นสะบึมสองนางที่เกาะแขนเขาอยู่ เป็นสาวไทยตัวแสบของเขาที่กำลังเดินหนีวิญญูมาอย่างกับหนีผี
“อยู่นี่เอง ตะกี้ขวัญขอโทษนะคะ ที่ขวัญพลั้งมือไป”
“ที่รัก” เขาสลัดมือสองสาวออก แล้วพุ่งไปหาขวัญชนก หญิงสาวโผเข้ามาหาเขา หวังว่าจะจับมือ แต่เขากลับคว้าเธอไปจูบอย่างดูดดื่มลืมตาย จนทุกคนมองตาค้าง โดยเฉพาะขวัญชนกที่ช็อกตาตั้ง แองจี้กับเคสสะบัดหน้าใส่จอมทัพพร้อมกันทั้งคู่ ก่อนเดินแยกย้ายไปคนละทาง
วิญญูยังยืนมองอยู่ ด้วยสายตาลุกเป็นไฟ ที่เขายังเฝ้ามอง เพราะไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าขวัญชนกมีคนรัก โดยเฉพาะคนรักที่ดูเป็นหนุ่มเพลบอยด์แบบนี้ กระทั่งวินาทีนี้
“ผมคิดว่าคุณจะทิ้งผมไปแล้วซะอีก” เขาผละออก แล้วมองเธอตาหวานเชื่อม เธอทำหน้าแทบไม่ถูก เพราะยังงง ช็อกและตื่นเต้นไม่หาย จูบแรกของเธอถูกเขาขโมยไปเสียแล้ว อย่างหน้าด้านๆ แต่เธอจะทำอย่างไรได้ เธอต้องเอาตัวรอดจากคนอันตรายอย่างวิญญู ที่พร้อมจะฉกชิงความเป็นสาวเธอไปทุกลมหายใจ
“ฉันก็แค่...อยากให้คุณง้อ...” เธอแค่นยิ้ม ไม่ทันระวัง เขาก้มลงจุ๊บริมฝีปากเธอซ้ำ “หือมมมม...”
“อย่าหนีผมไปอีกนะ อย่าอยู่ห่างผมเด็ดขาด”
เธอยิ้มให้เขา แต่สายตาเหี้ยม กระซิบกระซาบรอดไรฟัน “พอแล้วนะ อย่าเยอะ”
จอมทัพหัวเราะชอบใจ คว้าเธอมากอดอย่างแรง เอาเปรียบเธอเข้าไว้ เห็นแก่ตัวอย่างเต็มที่เมื่อโอกาสมันเอื้ออำนวย เขาเหลือบไปเห็นวิญญูที่ยังยืนมองด้วยความปวดร้าว ก่อนจะหันหลังแล้วเดินไปอย่างเร็ว คนชมละครตบตาพากันกลับหมดแล้ว นักแสดงก็ควรจะหยุดแสดงเสียที
แต่เขาไม่หยุด เรื่องอะไรจะหยุด อากาศยิ่งหนาวอยู่ด้วย เนื้อหนังมังสาจากกายอุ่นและหอมหวานจากหญิงสาว ดีเยี่ยมกว่าเสื้อโค้ทราคาแพงจากห้องเสื้อชื่อดังเสียอีก แล้วเขาจะปล่อยให้เสื้อกันหนาวหลุดมือไปทำไม สวมใส่เสียเองไม่ดีกว่าหรือ
“เมื่อไหร่จะปล่อยคะ ปล่อยได้แล้ว”
“เขายังไม่ไปเลย คนของคุณ”
“เขาไม่ใช่คนของฉัน”
“เออน่า คนที่คิดจะงาบคุณนั่นแหละ”
“เฮ้อ...ทำไมฉันจะต้องมาเจอเหตุการณ์บ้าบอแบบนี้ด้วย” เธอบ่นด้วยความเจ็บใจ
“เพราะคุณสวยยังไงล่ะ”
เธอสะดุดคำพูดของเขา ผละตัวออกห่าง แล้วมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้เพียงนิดเพื่อจับความรู้สึกที่แท้จริงของเขา ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะเคยได้ยินผู้ชายพูดประโยคนี้กับเธอ เธอฟังมาบ่อย ฟังมาจนชินแล้ว แต่เธอไม่ชินที่ออกมาจากปากของผู้ชายยโสคนนี้ เธอไม่ไว้ใจ เขาต้องการอะไรกันแน่
“ขอบคุณนะคะที่ไม่ตอบว่าเพราะฉันโง่”
เขายิ้มเอ็นดู แต่แววตายังร้าย “น่าเสียดายที่เราอาจไม่ได้เจอกันอีก”
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะผมอยากให้คุณรู้จักผมแค่นี้”
“ฉันไม่เข้าใจ”
“ก็ถ้าเกิดคุณรู้จักผมมากขึ้น คุณอาจจะเกลียดผมน่ะสิ ผมเลวกว่าที่คุณคิดเยอะ”
เธอหน้าตื่น “ถึงขั้นเลวเลยหรือคะ อย่าบอกนะว่าคุณทำเรื่องผิดกฎหมาย”
“อืม ผมไม่บอกคุณหรอก เพราะถ้าคุณรู้ คุณก็ตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไง” เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาจากนาฬิกาเรือนแสนที่สวมใส่ “ผมควรจะไปขึ้นเครื่องเสียที”
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ” เธอยังได้ยินเสียงประกาศจากสายการบินเที่ยวที่เธอโดยสารร้องเรียกให้ผู้โดยสารเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมง “เราควรบอกลากันตรงนี้รึเปล่า”
“ก็ถ้าคุณต้องการ”
“ถ้าอย่างนั้น” เธอลังเลอึดใจหนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงหนักแน่น “ลาก่อนนะคะ”
ขวัญชนกตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์สามี ทว่า โทรศัพท์เครื่องนั้นดังลั่นอยู่ในบ้านนี่เอง เธอหันไปมองต้นเสียง ถึงได้เห็นว่ามันวางอยู่บนโซฟาตัวยาว“โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป” เธอเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว เมื่อนึกถึงสันดานของสามีที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด เขามันประเภทเจ้าชู้ไม่เลือกกินเสียด้วย ป่านนี้อาจไปนอนกกอยู่กับสาวๆคนไหนก็ได้ “อย่าบอกนะว่าแอบไปตั้งแต่ตอนดึก”คิดแล้วก็เจ็บใจจัด รีบกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด เตรียมตัวออกข้างนอก“คอยดูนะ ถ้าจับได้ว่าคุณนอกใจฉัน ฉันจะเลิกกับคุณทันทีเลย”หญิงสาวไม่รอรีให้เสียเวลา เธอออกจากบ้านหลังสวย แล้วมุ่งสู่อพาร์ตเม้นต์ของชายหนุ่ม ที่ๆเขาเช่าทิ้งไว้สำหรับอยู่อาศัยขณะเรียนหนังสือ ตั้งแต่กลับมาบอสตันเมื่อต้นสัปดาห์ก่อน จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้ไปเหยียบที่นั่นเลยสักครั้ง เขาอ้างว่ายังไม่ได้จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด กลัวเธอจะสูดฝุ่นเข้าปอด เดี๋ยวกระทบถึงลูก“จอมทัพ!!!” เธอเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “คุณไม่ได้ตายดีแน่!!!”ขวัญชนกโบกรถแท็กซี่อย่างร้อนรน เมื่อเข้าไปนั่งที่เบาะหลังแล้ว เธอบอกจุดหมายปลายทางให้โชว์เฟอร์รับทราบอย่างละเอียดยิบ จากนั้นรถก็วิ่งฉิวทิ้งห่างบ้านพักห
บอสตัน...ในวันที่สายฝนเย็นฉ่ำโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย“ทะเลที่นี่ เวลาฝนตกก็สวยไปอีกแบบนะ”“แต่คุณสวยกว่าอีก”“อย่ามาปากหวานหน่อยเลย”“ก็มันเรื่องจริงนี่” ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ในบ้านพักตากอากาศหลังสวยริมทะเล โดยชายหนุ่มสวมกอดหญิงสาวจากด้านหลัง ขณะท้องสาวนูนขึ้นเล็กน้อย “เมียของผม ทั้งสวย ทั้งน่ารัก แถมยังเซ็กซี่ไปทั้งตัว นี่ขนาดท้องอยู่นะ สาวๆที่นี่สู้คุณไม่ได้สักคน”“สู้ไม่ได้ หมายความว่าไงคะ” เจ้าหล่อนปลดมือของชายหนุ่มออก แล้วเหลียวหน้ากลับมามอง ด้วยตาดุเข้ม “หรือว่า แอบกลับไปทบทวนความหลังกับสาวๆของคุณมา”“อย่าหาเรื่องน่า ตั้งแต่มานี่ต้นสัปดาห์ที่แล้วจนถึงวันนี้ ผมก็อยู่กับคุณตลอด ระแวงไม่เข้าเรื่อง”“ไม่เข้าเรื่องยังไง คนอย่างคุณก็รู้ๆกันอยู่” เจ้าหล่อนทำปั้นปึ่ง เดินผละมาที่โต๊ะอาหาร ซึ่งมีชุดชงชาและกาแฟวางอยู่ เธอรินชาใส่ถ้วย ควันพวยพุ่ง หอมฟุ้งไปทั้งบ้านจอมทัพเดินตามมากอดแล้วจูบภรรยาอย่างโหยหาและเอาใจ“อย่าหงุดหงิดเลยนะ เดี๋ยวส่งผลไปถึงลูก มันไม่ดี”“ไม่รู้สิคะ สงสัยจะเป็นเพราะโฮโมน”“ผมอยากให้ลูกชายของผมเป็นเด็กอารมณ์ดีนะ”“รู้ได้ไงว่าลูกชาย”“คนที่สองต้องลูกชายอยู่แล้
‘ไม่จริง’“เรื่องนี้คุณแม่กุลธิดาของผมทราบเรื่องดีครับ เพราะท่านอยู่ในเหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์”จอมทัพหันมามองเธอด้วยสายตาผิดหวัง เธอตั้งสติแล้วลงจากเวทีมาหาเขา โผเข้ากอดเขาแล้วสะอื้นฮึกฮัก นักข่าวพากันกระหน่ำถ่ายรูปไม่หยุด“จอมยังไม่ตาย แม่ดีใจเหลือเกิน จอมหายไปไหนมาลูก ทำไมมาเอาป่านนี้”ชายหนุ่มผละจากอ้อมกอดของมารดาเลี้ยง ด้วยท่วงท่าเย็นชา ไร้เยื่อใย“ขอบคุณที่คุณแม่เลี้ยงดูผมมานะครับ”กุลธิดารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เธอเองที่เป็นคนทำลายความรักความเชื่อใจของผู้ชายคนนี้จนหมดสิ้น“จอม...”“ผมรักคุณแม่นะครับ ถึงแม้คุณแม่จะไม่เคยรักผมเลยก็ตาม”“จอม...ไม่จริงลูก”“พอเถอะครับคุณแม่ พอซะทีเถอะ!!!”กุลธิดาอึ้งจนพูดไม่ออก“คิดว่าแม่ไม่เสียใจเหรอที่เห็นลูกตาย...”ชายหนุ่มหัวเราะทั้งน้ำตา หันมองหน้ามารดาเลี้ยงด้วยหัวใจที่แตกสลาย “ผมรู้หมดแล้วครับ ว่าแม่ทำอะไรลงไปบ้าง และตอนนี้หลักฐานทุกอย่างก็อยู่ที่ตำรวจหมดแล้วด้วย ทุกคดี รวมทั้งคดีบงการฆ่าผมด้วย!”ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันตกใจกับข่าวนี้ ก่อนจะจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันมันปาก ขณะกุลธิดาปากคอสั่น ร้องบอกทุกคนว่าสิ่งที่จอมทัพพูดนั้นไม่ใช่เรื่องจ
“ไม่ได้”เขาแสร้งทำเป็นหูเพี้ยน ก้มเข้าหาเธอแล้วประกบริมฝีปากบนเนื้อปากอิ่มแสนรั้นจนแนบแน่น“อือ...”ริมฝีปากร้ายจูบอย่างอ่อนโยนเพียงชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะถอนออกมาอย่างแสนเสียดาย“อ่า...มีความสุขจัง...งานนี้ถึงโดนตบก็ยอม”“คุณจอม!” เธอหน้าแดงก่ำเพราะความเขิน รีบหันมองรอบกาย เพราะกลัวพ่อแม่จะเห็นเข้า “คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”“ผมรักคุณนะ”เขาบอกรักเธอตลอดเวลาจนเธอเริ่มหมดความตื่นเต้นไปแล้ว...อย่างนั้นหรือ...ไม่เลย...ไม่ว่าเขาจะบอกรักเธอสักกี่ครั้ง เธอก็ยังตื่นเต้นได้ทุกครั้งสิน่า“พูดอยู่ได้ น่าเบื่อ”“ผมจะรีบกลับมานะ”“ดูแลตัวเองด้วย”“ว่าไงนะ” เขาได้ยินแล้ว แต่อยากได้ยินอีก เพราะมันทำให้เขามีความสุขแทบบ้า “คุณว่าไงนะขวัญ”เธอไม่อยากพูดอีก มันเสียศักดิ์ศรี แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว“อย่าไปทำอะไรบุ่มบ่ามล่ะ คิดจะทำอะไรก็ต้องรอบคอบ มีสติ ห้ามประมาทเด็ดขาด”เขาคว้ามือเธอไปจับแน่น “คุณเป็นห่วงผมเหรอ”“ก็...คุณจะไปหาเงินมาสร้างโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ฉันก็แค่ห่วงผลประโยชน์ของคนที่เกาะ” เธอรู้จากหมอทินกรมาสักพักแล้ว เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลขนาดเล็กบนเกาะพันดาว ที่เขาเป็นเจ้าของเงินทุนแล
“ผมจะกลับไปกรุงเทพฯสักพักนะ”เขามาบอกเธอที่บ้านในตอนบ่ายของวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังถักเสื้อไหมพรมตัวที่หกให้ลูกของเธออยู่ที่หลังบ้าน“ก็ไปสิ ไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันหรอก”เธอไม่หันมามองเขาด้วยซ้ำตอนที่พูดออกมา น้ำเสียงของเธอแข็งกระด้าง ไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ถือสาหาความหรอก เขารู้ว่าเธอยังโกรธและไม่ให้อภัยเขา แม้เวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา เขาจะพยายามเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน แต่เธอก็ทำเป็นมองไม่เห็น“ผมจะไปสะสางปัญหาที่บริษัท แล้วก็จะไปให้ปากคำเพิ่มเติมเรื่องคดีของคุณด้วย อีกไม่นานคนร้ายตัวจริงจะได้รับผลกรรมที่ทำไว้กับคุณแล้วนะ คุณสบายใจได้”“ทุกวันนี้ฉันก็สบายใจดี การที่ไม่ต้องไปสู้รบปรบมือกับใคร ไม่ต้องไปแก่งแย่งแข็งขันกับใคร มันทำให้ฉันค้นพบความสุขที่แท้จริง”“ผมดีใจนะที่คุณมีความสุข” เขาเดินมานั่งลงข้างๆกับเธอ มองเธอด้วยสายตาล้นเอ่อไปด้วยรัก เวลานี้ท้องของเธอเห็นชัดมากแล้ว จนเธอต้องสวมชุดคลุมท้องเพื่อให้คล่องตัวขึ้น“ทำไมเสื้อผ้าของลูกมีแต่สีหวานๆ”“ก็ลูกฉันเป็นผู้หญิงนี่นา”“จริงเหรอ!” เขาได้ยินก็ตื่นเต้นแทบคลั่ง เกือบจะคว้าเธอมากอดให้ชื่นใจแล้ว หากไม่โดนสายตาพิฆาตเสียก่อน“นี่ผมก
“หมอ...หมอ...” หมอชราพูดออกมาแทบไม่ออก “หมอฝันจะเห็นสิ่งนี้มาตลอด แต่หมอไม่มีปัญญาจะทำ”“ไม่จริงครับ หมอมีปัญญาจะทำ แต่หมอรอผมอยู่ และตอนนี้ผมก็มาแล้วไง...นี่แหละคือโชคชะตาของผม”“ขอบคุณนะ ที่เห็นคุณค่าของคนที่นี่”“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณทุกคนที่นี่...ความจริงผมเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าอีกไม่นานนี้ ลูกของผมจะคลอดที่นี่ ผมเลยอยากทำอะไรเพื่อคนที่ผมรักด้วย”“ไม่ต้องห่วงนะ หมอจะทำคลอดลูกของคุณให้ดีที่สุด และเด็กคนนี้จะภูมิใจที่ได้มีพ่ออย่างคุณ”“ผมก็หวังเช่นนั้นครับ...”หวังว่าเขาจะได้ทำอะไรเพื่อลูกน้อยของเขาที่กำลังจะคลอดในอีกสี่เดือนข้างหน้า แม้ไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่พ่อที่รักเขาอย่างสุดหัวใจ แต่การได้รู้ว่าเขายังปลอดภัยและแข็งแรงดี นั่นก็คงจะเพียงพอให้หัวใจของเขาได้มีแรงเดินต่อ“ตกลงหนูท้องกับใคร”กุลธิดาเค้นถามหญิงสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ หลังจากที่เจ้าหล่อนพูดบางสิ่งที่ทำให้เธอปวดหัวไม่หาย“ไม่รู้สิคะ หนูจำไม่ได้”“จำไม่ได้เลยเหรอว่านอนกับใครบ้าง”สิริวิไลทำหน้าขัดใจ “จะจำไว้ทำไมคะ ก็แค่สนุกๆ ไม่ได้จริงจังสักหน่อย จะซีเรียสทำไมคะ เพราะถึงยังไง ลูกของหนูก็ต้องเป็นลูกของคุณจอมทัพ