เขาชื่อ 'เซฟ' เป็นหนุ่มสุดฮอตของโรงเรียน ส่วนเธอชื่อ 'ภรรยา' แต่ยังเวอร์จิ้นตั้งแต่หัวจดเท้า ! และเซฟคือรักแรกของเธอ แต่เป็นแฟนเก่าของศัตรู ศัตรูที่มีชื่อเล่นเหมือนกับเธอ แล้วมันจะวุ่นวายขนาดไหนล่ะ เมื่อทั้งสามคนได้มาเรียนห้องเดียวกัน!
ดูเพิ่มเติม“นางสาวภรรยา!”
“มาค่ะ”
เธอยอมรับกับสวรรค์เลยว่ารู้สึกอับอายขายขี้หน้า(ปลวกๆ) ทุกครั้งที่ต้องตอบรับ (เบาหวิว) หลังถูกขานชื่อในห้องเรียน...เธอแทบไม่อยากยกมือขึ้นยอมรับว่านั่นคือชื่อจริงตามบัตรประชาชนของตน
“Y_Yใช่แล้ว...ชื่อของฉันก็คือ...ภรรยา!”
ภรรยาที่แปลว่าเมียนั่นแหละ...ชื่อที่พ่อบังเกิดเกล้าตั้งให้ด้วยความภูมิใจนับตั้งแต่เธอลืมตาดูโลก ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับย่าแสนสวย ผู้จากไปในวันที่เธอเกิด
และเพราะอะไรก็ไม่รู้ (อาจเป็นเวรกรรม) ดลจิตดลใจให้พ่อคิดว่าย่ากลับชาติมาเกิดเป็นเธอ ท่านก็เลยสาปเธอด้วยชื่อที่ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเรียก T_T
เธอเข้าใจความรักของพ่อที่มีต่อย่านะ แต่ท่านก็ไม่ควรตั้งชื่อเธอว่าภรรยา สาวน้อยผู้กำลังจะเติบโตขึ้นในสังคมที่เต็มไปด้วยการบลูลี่และกลั่นแกล้ง
‘ฮ่า ๆๆๆ ผู้หญิงอะไรวะ ชื่อเมีย’
‘เมีย ๆ ๆ ๆ ๆ’ นับตั้งแต่เข้าเรียนอนุบาล กระทั่งจบชั้นประถมศึกษา ไม่เคยมีสักวันที่ชีวิตของเธอจะสุขสงบ เสียงหัวเราะเยาะและเสียงตะโกนล้อเลียนชื่อเธออาจดังไปถึงสรวงสวรรค์หรือนรกเลยล่ะ ดูเหมือนเธอจะเป็นเหยื่อชั้นดีให้กับเด็กเปรตพวกนั้น
‘ชื่อภรรยา?...แม่ง...ใครจะกล้าเรียกวะ ฮ่าๆๆๆ’
‘หน้าอย่างงี้อ่ะเหรอ พันธุ์หมาบ้ามากกว่า’
‘ภรรยาที่แปลว่าเมียป๊ะ?’
‘เมียพ่องงงงงงงง’ (◣_◢)พอขึ้นชั้นมัธยมต้น...ใช่แล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเรียกชื่อเธอเลยสักคน เพราะไม่มีใครอยากจะเป็นสามีของผู้หญิงมึนสวมแว่นตาหนาเตอะที่ทำให้ตาเหมือนปลาการ์ตูนตกใจ และยอดแก้มแดงแจ๋เหมือนผลชมพู่มะเหมี่ยว
“อร๊ายยยย ไอ้พวกเวรรรร ฉันก็ไม่ได้อยากให้พวกแกเรียกชื่อฉันย่ะ!!!!!!!! (=`.´=)”
T_T
“พ่อจ๋า...หนูขอเปลี่ยนชื่อได้มั้ยคะ???”
เธอเคยรบเร้าพ่อมาหลายครั้งหลายครา แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จสักที เพราะ...
“แต่หนูคือตัวแทนของย่านะ ยิ่งโตขึ้น หนูก็ยิ่งเหมือนย่า ผู้หญิงที่แข็งแกร่งและน่าทึ่งกว่าใคร”
“แข็งแกร่งและน่าทึ่ง? (-_-)”
“ใช่ และสวยมากด้วย”
“สวยมากกกก” เธอยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ “งั้นหนูคงไม่เหมือนย่าแล้วล่ะ หน้าเต้าหู้อย่างหนูคงเป็นได้แค่แกงจืด หรือไม่ก็เต้าหู้ทอด Y_Y”
“พูดอะไรอย่างนั้น หนูก็สวยนะลูก สวยที่สุดในสายตาพ่อเลย ยิ่งเวลาใส่แว่นนะ หนูดูน่ารักมากเลย ลูกสาวคนสวยของพ่อ รักหนูที่สุด”
“ซู๊บบบ...” เธอก้าวออกจากร้านสะดวกซื้อพร้อมกับดูดนมรสกล้วยของโปรดไปด้วย ในทุกวัน...ก่อนจะลงไปที่ห้องพักของตัวเองที่ชั้นลานจอดรถ เธอจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักชั้นสอง สาม สี่และห้า จนครบทั้ง 25 ห้องเพื่อจะส่งเสียงถามว่า...“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เธอไม่ได้เคาะประตูรบกวนผู้พักอาศัยหรอกนะ แต่ส่งเสียงด้วยปากของตัวเอง “ทิ้งขยะมั้ยคะ อยากได้กาแฟ อยากได้อาหารมั้ยคะ รันรันเดลิเวอรี่มาแล้วค่าาาาาาา”เธอเดินถามทุกชั้นทุกห้องแบบนี้เกือบทุกวัน เรียกว่าห้าบาทสิบบาทก็เอา แม้จะโดนดูถูกเหยียดหยามก็ไม่หวั่นไหว เพราะเธอต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้ ตามที่ได้ให้สัญญากับพ่อเอาไว้ “เฮ่อ...วันนี้วันอะไรน๊า ยังไม่ได้สักจ๊อบเลย”เมื่อไม่มีงานให้ทำ เธอก็เลยขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าของตึก ซึ่งเปรียบเสมือนเซฟโซนของเธอ ห้องพักแสนน่ารักท่ามกลางสวนดอกไม้หอมละมุน ดวงดาวนับล้านในยามค่ำคืน และแสงแดดในยามเช้าอันอบอุ่น“อืมมม...ดีจัง”ใช่แล้ว...ห้องพักบนชั้นดาดฟ้าคือความฝันที่ไม่อาจเอื้อมของเธอ เพราะคนยากจนอย่างเธอคงไม่มีสิทธิ์ได้นอนมองดวงดาวเต็มผืนฟ้า และกางสองแขนรับแสงอรุณในยามเช้า“สวัสดีตอนเย็นจ้ะสาว ๆ แสงในยามเย็นทำให้พวกเธอดูส
“นี่คือบ้านของฉันเอง !”ภรรยาพักอาศัยอยู่ที่ลาเวนเดอร์อพาร์ตเม้นต์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนสักเท่าไหร่นัก เป็นอพาร์ตเม้นต์เก่าแก่ห้าชั้นที่ยังคงคลาสิกและสวยงาม อาคารสีขาวราวปุยเมฆท่ามกลางตึกเก่าใหม่หลากหลายสไตล์ของเขตเมืองเก่า ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของเมืองแห่งนี้ลาเวนเดอร์อพาร์ตเม้นต์มีเพียงห้าชั้นกับอีกหนึ่งชั้นดาดฟ้า ประกอบด้วยห้องพักหรูหราสะดวกสบายจำนวน 25 ห้อง และห้องพักส่วนตัวหนึ่งเดียวบนชั้นดาดฟ้าที่มีสวนดอกไม้ไทยโบราณและไม้กระถางล้อมรอบ ส่งกลิ่นหอมละมุนไปทั่ว“คนมีตังค์เท่านั้นแหละ...ที่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่ !”ซึ่งเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น...แต่ไม่ใช่หนึ่งใน 25ห้องนั้นหรอกนะ เพราะห้องพักของเธอ ซ่อนอยู่ในชั้นลานจอดรถใต้อาคาร ห้องเล็ก ๆที่เธอเคยอยู่กับพ่อ ซึ่งทำหน้าที่ยามรักษาการณ์ของตึกจนวาระสุดท้ายแต่ถึงแม้จะเป็นห้องเล็กในชั้นใต้อาคาร แต่ก็เป็นบ้านที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยรักสำหรับเธอ“สวัสดีค่า” ภรรยาเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อซึ่งตั้งอยู่ตรงส่วนหน้าของอาคาร บริเวณชั้นหนึ่งของตึกลาเวนเดอร์นั่นเอง ปกติแล้วเธอจะทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ในช่วงหนึ่งทุ่มถึงเที่ยงคืนของทุกวันส่วนเวลาหลังเลิกเ
‘ยัยนั่นล่ะ...’ ภรรยาเหลือบไปมองใครบางคน ซึ่งอาจช็อคไปแล้วก็ได้ ที่ได้เห็นอคิระปรากฏตัวต่อหน้า‘อึ้ง...หรือตายไปแล้ววะนั่น!’ยามาวดีหน้านิ่งงันเหมือนโดนสาปไปเลย ดูเหมือนจะตกใจจนช็อคไปแล้ว ที่ได้เห็นแฟนเก่ากลับมาในฐานะทายาทเศรษฐีใจบุญ ไม่ใช่ลูกชายเจ้าพ่อมาเฟียที่กลายเป็นนักโทษอีกต่อไป“เลือกนั่งที่ว่างได้เลยจ้ะ” ครูจิตดีบอกให้อคิระเลือกนั่งได้ตามใจชอบ แน่นอน เขาก็ต้องเลือกนั่งใกล้กับ แฟนเก่าของเขาอยู่แล้ว( ̄ε ̄) ‘โอยย...ทำไมใจฉันยังเต้นแรงเหมือนเมื่อก่อนเลย เฮ่อ...เขายังมีอิทธิพลกับฉันเสมอสินะ ♡^▽^♡’ภรรยาแก้มแดงแจ๋เหมือนคนเป็นไข้ เพราะหัวใจสูบฉีดพลุ่งพล่านไม่หยุด เธอยอมรับว่าการได้เห็นใบหน้าของผู้ชายในฝันอีกครั้ง มันทำให้เธอมีพลังที่จะสู้ต่อไป...“เรานี่...เว่อร์จัง(ノ∀`♥)” เธออ้มยิ้มอย่างมีความสุข ก้มหน้าลงวาดตัวการ์ตูนต่ออย่างตั้งใจ“ทำไม?” หย่งหงส์กระซิบอย่างอดสงสัยไม่ได้ “เขาเหมือนเจ้าชายน้ำแข็งเลย”“บ้าเหรอ!” เธอรีบปฏิเสธ เพราะไม่อยากอธิบายอะไรทั้งนั้น ที่สำคัญ เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นรักแรกของเธอ ในขณะที่เขาเป็นแฟนคนแรกของยามาวดี ผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตของเธอดูต่ำต้อยด้อยค่าไ
ใช่แล้ว...ยัยยามาวดีมีแฟนแล้ว เขาชื่อท๊อป หรือกีรติเทพ เป็นลูกชายของนักการเมืองใหญ่ผู้ร่ำรวย ทั้งยังเป็นหลานของผู้อำนวยการโรงเรียนอีกด้วย หมอนั่นเรียนอยู่ห้อง ม.6/1 ถือว่าเป็นหนุ่มฮอตที่สุดของโรงเรียนในเวลานี้ โดยทั้งคู่คบหากันมาตั้งแต่ขึ้นชั้น ม.4 จนถึงตอนนี้ก็ย่างเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว“เงียบ ๆ กันหน่อยนักเรียน กลับเข้าที่ด้วยค่ะ”ครูจิตดีสาวใหญ่วัยสี่สิบซึ่งเป็นครูประจำชั้นเดินเข้ามาในห้องเรียน ด้วยสีหน้าท่าทางอารมณ์ดี แม้เหล่านักเรียนตัวแสบจะทำตัวไม่น่ารักกับครูสักเท่าไหร่ แต่ความใหญ่โตและร่ำรวยของพ่อแม่ ก็ทำให้ครูเกรงอกเกรงใจจนมองข้ามความไม่น่ารักนั้นไปได้ “เอาล่ะทุกคน เปิดเทอมนี้เรามีเพื่อนใหม่มาเรียนด้วยนะคะ หวังว่าทุกคนจะต้อนรับเพื่อนใหม่ด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น...เข้ามาเลยจ๊ะ”ขาดคำของครูจิตดี...ชายหนุ่มร่างสูงราว 185 เซนติเมตรเดินเข้ามาในห้อง ด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนโดนบังคับมาเรียน ความหล่อและสง่าผ่าเผยของเขาทำให้ทุกคนในห้องตกตะลึงตาค้างเลยทีเดียว“มึงๆ” “อาร๊าย!” ภรรยาเงยหน้าจากสมุดด้วยความขัดใจ เพราะโดนหย่งหงส์สะกิดไม่หยุด หากแล้วก็ต้องเบิกตาโตตะลึงด้วยความตกใจ แปลกใจ และปร
“ช่างเหอะ” เพราะเธอรู้น่ะสิ ว่าแววตาของยามาวดีไม่ได้แค่สะใจเท่านั้นที่ได้กดเหยียบเธอให้จมดิน แต่มันยังแฝงความหวาดหวั่นวิตกไว้อีกด้วย“หึ ๆ” เพราะเธอคือคนเดียวที่รู้ความลับของยัยนั่น เรื่องที่พ่อแม่ของเธอเป็นเพียงพ่อค้าแม่ค้าขายผักในตลาดสด และตอนนี้ที่มีเงินทองซื้อข้าวของราคาแพงและสามารถเช้าอพาร์ตเม้นต์สุขสบายอยู่ได้ ก็เพราะแม่ของเธอแอบเป็นเมียน้อยเจ้าของตลาดสดนั่นเองแต่ยัยนั่นไม่เห็นต้องกังวลเลย เพราะถ้าเธอจะปูดเรื่องนี้ เธอคงเล่าไปตั้งนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานเกือบ 6 ปีแบบนี้หรอก“เออ ๆ ทุกคน” ยัยพิชซ่าหนึ่งในเพื่อนสนิทของยามาวดีเอ่ยขึ้นท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มเพื่อนนับสิบ ที่ยังอวดของแบรนด์เนมกันไม่เลิก “ได้ยินว่าวันนี้จะมีนักเรียนใหม่มาเรียนห้องเราด้วยนะ ได้ข่าวว่าเป็นทายาทของเศรษฐีผู้อุปถัมภ์โรงเรียนซะด้วย”“จริงเหรอ? งั้นเขาก็รวยมากน่ะสิ” ยัยกูเกิ้ลเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น เธอเองก็เป็นเพื่อนสนิทของยามาวดีเช่นกัน ยัยนี่เป็นจอมเสือก ทำเหมือนรู้ทุกเรื่อง แต่ความจริงก็เก่งแค่ปั้นน้ำเป็นตัว “ฉันรู้มาว่าเศรษฐีคนนี้เป็นเจ้าของธุรกิจนับไม่ถ้วนเลย แถมที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงเรี
“ว๊าวววววว อู๊วส์ โอวโหวววว เลิศ...” “เฮ๊ย! รองเท้าแบรนด์...นี่มันคอลแลกชั่นใหม่ช่วงซัมเมอร์เลยนะ โหวววสุดยอดเลย”“ก็ไม่เท่าไหร่นะ ชอบอีกแบรนด์มากกว่า แต่พอดีมีคนอยากซื้อให้น่ะ ก็เลย...”ยามาวดี หรือ ยาหยี...เธอเป็นดาวเด่นของโรงเรียนแห่งนี้มา 6 ปีแล้ว...นางฟ้าแสนสวยสุดฮอตขวัญใจคนทั้งโรงเรียนที่เพียบพร้อมทั้งภาพลักษณ์และโปรไฟล์ ที่ทุกคนพร้อมใจกันเรียกว่า...‘นางฟ้ายาหยี !!!’โปรไฟล์ที่ไม่เหมือนยามาวดีตอนเรียนชั้นประถมเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะยามาวดีในวันนี้คือลูกสาวของเศรษฐีเจ้าของตลาดสด ไม่ใช่ลูกสาวของพ่อค้าขายผักอีกต่อไปแล้ว...“แม่ง...สวยจนน่าอิจฉา คนบ้าที่ไหนจะเป๊ะได้ทุกอย่างวะ” หย่งหงส์ยอมจำนนให้ยามาวดี“อืม...” เธอเห็นด้วย...และยิ่งแน่ใจว่าเธอไม่ควรชื่อยาหยีเหมือนยัยนั่นเลย...ไม่ควรตอนเจอกันครั้งแรกที่โรงเรียนนี้ เธอดีใจมากที่ได้เจอเพื่อนเก่าจากโรงเรียนประถมเดียวกัน แต่ยามาวดีกลับทำเป็นไม่รู้จักเธอ วางตัวอยู่คนละชั้น แถมยังสร้างข่าวกล่าวหาว่าเธอเป็นคนขี้โกหก ขี้อิจฉา จนไม่มีใครอยากคบหาเป็นเพื่อนกับเธอเลยสักคนตอนเรียนชั้น ม.ต้น นอกจากจะโดนกลั่นแกล้งเรื่องฐานะยากจน โดนบูลลี่เรื่อง
ความคิดเห็น