Share

บทที่ 2

สุดท้ายเป็นโจวเป่ยที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ก็พูดขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดภายในห้อง “หนานเยียน เจ้าเด็กนี่ใสซื่อจริง ๆ เธออย่าทำลายความหวังดีของเด็กมันสิ ตอนเล่นก็เล่นระวัง ๆ ด้วยนะ เดี๋ยวเด็กมันจะช้ำเสียก่อน”

เป่ยโจวพูดจบ ลู่เป่ยเฉิงก็หันมาแสยะยิ้มให้เธอทันที “ก็อย่างว่า ผู้หญิงที่ขาดความรักควรจะโดนตอกไปสักสองสามเข็ม”

เมื่อกู้หนานเยียนได้ยินดังนั้น เธอจึงแสร้งยืนขึ้นด้วยความดีใจ “นี่มู่ไป๋ เจ้าเสิ่น พวกนายได้ยินที่คุณสามีสุดที่รักของฉันพูดไหม งั้นฉันขอตัวไปตอกสักสองสามเข็มก่อนนะ พวกนายเล่นกันให้สนุกล่ะ”

พูดจบ เธอก็หันมาพูดกับเด็กหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ “ไปกันเถอะสุดหล่อ เดี๋ยวพี่จะพานายไปเปิดห้องเอง”

“ครับพี่” เด็กหนุ่มก้มลงพูดข้างหูกู้หนานเยียน

“จริงสิ! เดี๋ยวพี่โชว์ลีลาเด็ด ๆ ให้ดู” กู้หนานเยียนตอบกลับ

“......” คนอื่น ๆ ต่างอึ้งไป

กู้หนานเยียนพูดไปตามน้ำ ส่วนโจวเป่ยก็พาเด็กผู้ชายอีกคนออกไปเช่นกัน

ในห้อง ลู่เป่ยเฉิงก็เก็บสีหน้าไม่อยู่อีกต่อไป เขาใช้เท้าถีบโต๊ะอย่างแรง

โต๊ะที่ใช้เล่นไพ่นกกระจอกปลิวกระเด็นออกไป ทำให้ไพ่บนโต๊ะกระจัดกระจายออกไปคนละทิศละทาง

เย่ฉู่หน้าซีดด้วยความตกใจ เธอยืนขึ้นก่อนจะจับแขนของชายหนุ่ม และตวาดเรียกชื่อเขา “เป่ยเฉิง!”

เมื่อเห็นว่าเย่ฉู่ตกใจจนเสียขวัญ ซูมู่ไป๋จึงบอกไปว่าเธอไม่ควรจะอยู่ที่นี่ และจะให้คนไปส่งเธอที่บ้านก่อน

ทางด้านหน้าประตู กู้หนานเยียนไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง เธอถามเด็กหนุ่มที่พาออกมาด้วยอย่างสนใจว่า พวกเขาทำอะไรได้บ้าง ชอบท่าร่วมรักท่าไหนมากที่สุด และงานประเภทนี้ทำเงินได้ไหม?

โจวเป่ยหันกลับมามอง ก่อนจะแสยะยิ้มที่มุมปาก เธอรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก

——

ผ่านไปไม่นาน ในขณะที่กู้หนานเยียนกำลังหยิบคีย์การ์ดเดินมายังประตูห้องสุดหรูอยู่นั้น จู่ ๆ ลู่เป่ยเฉิงก็เดินเข้ามาหาเธอ

อยากจะนอนกับผู้ชายคนอื่นงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ

ของที่ลู่เป่ยเฉิงไม่อยากได้ คนอื่นก็อย่าได้คิดจะแตะต้องมัน

เมื่อกู้หนานเยียนเห็นว่าเขาเดินมา จึงแกล้งทำเป็นทักทายอย่างคนคุ้นเคย “บังเอิญจัง คุณก็มาเปิดห้องเหมือนกันเหรอ!”

“เย่ฉู่ล่ะ! คุณเรียกเธอมาด้วยสิ”

ไม่รอให้ลู่เป่ยเฉิงได้ตอบกลับ กู้หนานเยียนก็พูดขึ้นอีก “คนเป็นสามีภรรยากันนี่นา ถึงแม้ฉันจะนอนกับคุณไม่ได้ แต่อย่างน้อยให้ฉันดูลีลาของคุณบนเตียงกับคนอื่นก็ได้ ไม่อย่างนั้น พอหย่ากันไป ถ้าคนอื่นถามฉันว่าลีลาบนเตียงของอดีตสามีเป็นยังไง ฉันคงตอบไม่ได้”

คำพูดหยอกล้อของกู้หนานเยียน ทำให้โจวเป่ยที่กำลังยืนมองพวกเธอมาโดยตลอดหัวเราะออกมา

ลู่เป่ยเฉิงเอ่ย “กู้หนานเยียน เธอมันร้ายจริง ๆ “

กู้หนานเยียนหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน “ถ้าฉันไม่ร้าย ฉันจะได้จดทะเบียนกับคุณเหรอ? ฉันจะได้นอนอยู่บนเตียงบ้านของคุณไหม?”

กู้หนานเยียนและลู่เป่ยเฉิงมีเพียงทะเบียนสมรสเท่านั้น พวกเขาไม่ได้จัดพิธีแต่งงาน ความจริงพวกเขาจัดเตรียมงานแต่งแล้ว แต่ลู่เป่ยเฉิงกลับยกเลิกขึ้นมากลางคัน

เรื่องนี้เป็นเข็มที่ทิ่มแทงจิตใจของกู้หนานเยียนมาโดยตลอด

และด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีคนรู้ว่าพวกเขาแต่งงานกันน้อยมาก

เมื่อเห็นว่ากู้หนานเยียนถูกลู่เป่ยเฉิงขวางเอาไว้ และได้ยินเธอพูดถึงทะเบียนสมรส เด็กหนุ่มที่มากับกู้หนานเยียนจึงรีบพูดขึ้นทันที “พี่ งั้นพี่...”

แต่เขายังไม่ทันจะพูดจบ ลู่เป่ยเฉิงก็ถีบเข้ากลางหน้าอกเขาอย่างแรง

‘ตุ้บ’ จากนั้น เด็กหนุ่มหน้าซีดก็ถอยหลังไปหลายเก้า จนล้มลงกับพื้นในที่สุด

ในที่สุด กู้หนานเยียนก็เลิกแสดงละคร “ลู่เป่ยเฉิง พอได้แล้ว”

เมื่อเห็นว่ากู้หนานเยียนกำลังปกป้องเด็กหนุ่ม ลู่เป่ยเฉิงจึงยกมือขึ้นบีบแก้มของเธออย่างแรง “กู้หนานเยียน สินค้าราคาถูกแบบมัน เธอก็เอาลงงั้นเหรอ?”

กู้หนานเยียนสะบัดมือของเขาออก ก่อนจะพูดขึ้น: “ฉันจะเอาลงหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณมีชีวิตของคุณ ฉันมีชีวิตของฉัน เราไม่ยุ่งเรื่องของกันและกัน ยุติธรรมดีออก”

ความดื้อรั้นของกู้หนานเยียน ทำให้ลู่เป่ยเฉิงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงบีบคอเธออย่างแรง

แรงบีบของฝ่ามือทำให้ใบหน้าของกู้หนานเยียนแดงขึ้นทันที

โจวเป่ยเมื่อเห็นว่าลู่เป่ยเฉิงโกรธจริง ๆ จึงรีบดึงมือเขาออก “ลู่เป่ยเฉิง หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

โจวเป่ยพูดจบ ซูมู่ไป๋และเสิ่นหลีก็วิ่งเข้ามาพอดี

เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า พวกเขาก็รีบแยกลู่เป่ยเฉิงทันที

จากนั้น พวกเขาก็หันไปมองเด็กหนุ่มสองคนที่นั่งกองอยู่บนพื้น ก่อนจะไล่ทั้งสองไป

ไม่อย่างนั้น อีกเดี๋ยวคงจะต้องมีคนตายแน่นอน

กู้หนานเยียนยกมือจับที่คอและไออย่างรุนแรง เมื่อสูดอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่แล้ว เธอจึงยกเท้าขวาขึ้น และถีบเข้าที่ท้องน้อยของลู่เป่ยเฉิงทันที

ลู่เป่ยเฉิงหน้าซีดลงด้วยความเจ็บปวดทันที

ส่วนซูมู่ไป๋และเสิ่นหลีต่างช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ใคร ๆ ก็รู้ว่ากู้หนานเยียนโหด แต่ไม่คิดว่าจะโกรธขนาดนี้

กู้หนานเยียนมองไปทางลู่เป่ยเฉิงอย่างคาดโทษ เธอจับคอตัวเอง และพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “นายลองทำร้ายฉันอีกทีดูสิ”

ความเกลียดที่สะท้อนออกมาจากแววตาของกู้หนานเยียน ทำให้ลู่เป่ยเฉิงใจกระตุกวูบทันที

และเขาก็สำนึกได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองวู่วามเกินไปจริง ๆ

เพราะแบบนั้น เขาจึงเงยหน้ามองกู้หนานเยียนเล็กน้อย ก่อนจะซุกมือเข้าในกระเป๋าเสื้อ และหันหลังไปอย่างเงียบ ๆ

เฉินหลีเมื่อเห็นดังนั้นจึงพูดกับพวกเขาทั้งคู่ “เอาล่ะ ทะเลาะกันมาทั้งคืนแล้ว มีอะไรค่อยกลับไปคุยเถอะ”

เพราะคำพูดไกล่เกลี่ยของเสิ่นหลี ทำให้ลู่เป่ยเฉิงยอมนำมือข้างขวาออกจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะคว้าคอกู้หนานเยียนเดินไปด้วยกัน

เมื่อเดินลงมาถึงที่จอดรถ หลังจากที่ลู่เป่ยเฉิงจับกู้หนานเยียนยัดเข้าไปในรถเรียบร้อย เธอก็หันหน้าออกไปมองหน้าต่าง

เครื่องยนต์ถูกสตาร์ท ทำให้บรรยากาศเงียบลง ลู่เป่ยเฉิงจึงเปิดกระจกฝั่งตัวเองลง และหยิบบุหรี่ขึ้นมามาสูบ

ควันสีเทาลอยออกไปนอกหน้าต่างรถ เขาพูดขึ้นเสียงแข็ง “ผู้หญิงอะไรนอนกับคนไปทั่ว ไม่กลัวโรคบ้างเลย”

กู้หนานเยียนตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน “ฉันพกถุง”

ลู่เป่ยเฉิงหงุดหงิดขึ้นมาทันที “เธอเป็นผู้ชายเหรอ? ทำไมถึงมีของแบบนั้น? เธอพกถุงยางด้วยเหรอ?”

เมื่อถูกลู่เป่ยเฉิงต่อว่าจบ โทรศัพท์ในกระเป๋าของกู้หนานเยียนก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นฉินไห่อวิ๋น

เธอถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะกดรับสาย “ค่ะ คุณแม่”

ปลายสายตอบกลับด้วยน้ำเสียงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ “หนานเยียน เจอเป่ยเฉิงหรือยัง”

กู้หนานเยียนอยู่ในสภาพมือหนึ่งกุมขยับ ส่วนอีกมือถือโทรศัพท์ ก็พูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “เจอแล้ว กำลังกลับค่ะ”

กู้หนานเยียนไม่ได้พูดเรื่องที่ทั้งสองทะเลาะกันในโรงแรมเลยสักนิด

เมื่อฉินไห่อวิ๋นได้ยินว่าลู่เป่ยเฉิงจะกลับบ้าน เธอจึงพูดขึ้น “หนานเยียน งั้นวันนี้ต้องใช้โอกาสนี้ให้ดีล่ะ นี่ก็สองปีแล้ว เธอกับเป่ยเฉิงยังไม่มีลูกเลย ถ้าลากยาวไปอีกหนึ่งปี แล้วเป่ยเฉิงอยากจะหย่า เธอก็จะไม่มีไพ่สักใบในมือ”

ฉินไห่อวิ๋นบ่นจนกู้หนานเยียนรู้สึกปวดหัว

สองปีแล้วที่เธอต้องเจอกับสถานการณ์นี้ ฝั่งหนึ่งก็อยากให้มีลูก ส่วนอีกฝั่งก็ไม่อยากมี เธอจะบ้าตาย

และที่สำคัญ เธออยากมีลูกจนแทบจะถวายหัว แต่ลูกเป่ยเฉิงกลับไม่ยอม!

กู้หนานเยียนไม่ทันได้ตอบฉินไห่อวิ๋น ปลายสายก็พูดขึ้นมาอีก “หนานเยียน เธอไม่อยากมีลูกหรือเปล่า?”

กู้หนานเยียน “มีค่ะ มี มี หนูอยากมีสุด ๆ ไปเลยค่ะแม่”

คำพูดประชดประชันของกู้หนานเยียน ทำให้ลู่เป่ยเฉิงหันมามองเธอนิ่ง ก่อนจะเหยียบคันเร่งจนมิดไมล์ รถของพวกเขาพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปไม่นาน ทั้งสองก็กลับมาถึงบ้าน ทั่วทั้งบ้านเงียบมาก ระหว่างที่กู้หนานเยียนเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอก็คิดเรื่องที่ฉินไห่อวิ๋นกำชับเอาไว้ ไหนจะมีแม่แท้ ๆ ที่ชอบถามเรื่องลูกกับเธอทุก ๆ สามเวลาหลังอาหารอีก

ทำให้เธอกลั้นใจเดินไปหยิบชุดลูกไม้สีดำแนบเนื้อสุดยั่วยวนออกมาจากตู้เสื้อผ้า

เธอพึ่งจะสวมกางเกงเสร็จ ยังไม่ทันจะได้สวมชุดคลุม จู่ ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออก

เมื่อหันไปมองก็พบว่าลู่เป่ยเฉิงกำลังเดินเข้ามา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status