Share

บทที่ 3

ลู่เป่ยเฉิงกำลังอยู่ในชุดนอนสีเทาอ่อน เขายกมือขึ้น เพื่อเช็ดผมที่กำลังเปียกหมาด ๆ คอเสื้อกว้างเผยให้เห็นกล้ามอกทั้งสองข้าง

ลู่เป่ยเฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ในขณะที่กำลังเช็ดผม “ไม่ต้องยั่ว ต่อให้ถอดหมดก็ไม่มีประโยชน์”

คำพูดสั้น ๆ ของลู่เป่ยเฉิง ทำให้กู้หนานเยียนหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย

เธอดึงชุดคลุมบาง ๆ ขึ้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ลู่เป่ยเฉิง คุณก็ให้ความร่วมมือทำให้มันเสร็จ ๆ ไปสักทีสิ จากนี้ไปคุณจะออกไปหาใคร ฉันจะไม่ยุ่ง จะไม่เข้าไปรบกวนชีวิตของคุณอีกเลย”

จากนั้น เธอก็เปลี่ยนเรื่องไป “ถ้าคุณไม่เต็มใจจริง ๆ ก็นอนเป็นดิลโด้ให้ฉันก็ได้”

เมื่อกู้หนานเฉิงพูดจบ ลู่เป่ยเฉิงก็เขวี้ยงผ้าเช็ดตัวลงพื้น ก่อนจะบีบคางของเธอ “กู้หนานเยียน เธอจะใช้ผมเป็นตุ๊กตายางงั้นเหรอ?”

ตุ๊กตายางเหรอ?

เมื่อถูกลู่เป่ยเฉิงจ้องหน้า กู้หนานเยียนก็เถียงอะไรไม่ออก

เมื่อดวงตาของทั้งคู่ประสานกัน ลู่เป่ยเฉิงมองเห็นตัวเองสะท้อนออกมาจากดวงตาของเธอ เขาค่อย ๆ เคลื่อนตัวต่ำลง ระยะห่างของพวกเขาใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ

มันใกล้จนราวกับจะจูบเธอ

เมื่อลู่เป่ยเฉิงก้มลงมาประชิดตัวกู้หนานเยียน ทำให้เธอขัดขืนทันที

ในขณะนั้นเอง ลู่เป่ยเฉิงก็ดึงสติกลับมาได้ เขายืดตัวขึ้นและพูดกับเธอเสียงแข็ง “กู้หนานเยียน อยากเป็นแม่ของลูกผมงั้นเหรอ?”

เขาหยุดไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “เธอมันไม่คู่ควร”

ไม่คู่ควร?

กู้หนานเยียนไม่พอใจ

เพราะเขาไม่ชอบเธอ เพราะพวกเธอทั้งคู่ถูกพ่อแม่คลุมถุงชน เพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจของทั้งสองบริษัท

ทำให้ไม่ว่ายังไงลู่เป่ยเฉิงก็ไม่ชอบเธอ

จากนั้น เขาก็ใช้มือกดท้ายทอยของกู้หนานเยียนให้เธอเงยหน้าขึ้น เขาสบตากับเธอ “กู้หนานเยียน เธอยังมีเวลาอีกหนึ่งปี ถ้าภายในหนึ่งปีนี้ เธอทำให้ผมทำลูกกับเธอไม่ได้ ก็ไสหัวไปซะ”

พูดจบ เขาก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและเลือกชุดสูทสีเข้มออกมาสวมพร้อมกับแว่นกรอบทอง จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

ปัง! ประตูห้องถูกปิดลงอย่างแรง กู้หนานเยียนถอนหายใจ ก่อนจะนั่งฟุบลงบนเตียงอย่างหมดแรง เธอใช้มือขวากุมหน้าผากตัวเองเอาไว้

เธอไม่รู้ว่าลู่เป่ยเฉิงชอบเย่ฉู่ ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ตอนที่พูดเรื่องแต่งงานกับลู่เทียนหยาง เธอจะไม่ตอบตกลงเด็ดขาด

ต่อให้เธอจะมีลูกและเป็นแม่คนไม่ได้อีกตลอดชีวิตก็ตาม

ผ่านไปสักพัก กู้หนานเยียนก็เดินมาทางตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบชุดนอนธรรมดาออกมา

ถึงแม้จะชินตั้งนานแล้ว แต่ทุกครั้งหลังจากถูกลู่เป่ยเฉิงปฎิเสธ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวในการเป็นผู้หญิงมาก เธอลงทุนขนาดนี้แต่เขากลับไม่แตะต้องตัวเธอ

เธอจนปัญญาแล้วจริง ๆ

——

ช่วงสายของวันที่สอง ในขณะที่เธอกำลังนอนอยู่ ฉินไห่อวิ๋นก็โทรศัพท์มาหาเธอ

“ค่ะ แม่”

“หนานเยียน เมื่อคืนเธอกับเป่ยเฉิงเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรกันหรือยัง?”

คำถามของฉินไห่อวิ๋นทำให้กู้หนานเยียนจนมุม

สองปีมานี้ เธอถูกฉินไห่อวิ๋นเร่งให้มีหลาน จนเธอแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว

ถ้าอยากอุ้มหลานขนาดนั้น เธอก็ควรจะมีลูกชายสองคนสิ ไม่ใช่ฝากความหวังไว้ที่ลู่เป่ยเฉิงคนเดียวแบบนี้!

เธอเงียบไปสักพัก ก่อนจะตอบกลับอย่างหมดความอดทน “เขากลับมา แล้วก็ออกไปค่ะ”

เมื่อได้ยินเรื่องที่ทั้งสองไม่ได้มีสัมพันธ์สวาทกันตามเคย ฉินไห่อวิ๋นก็รู้สึกไม่พอใจ ที่ตัวเองพลาดโอกาสในการจะได้เป็นคุณย่า

ฉินไห่อวิ๋นเอ่ย “หนานเยียน เธอก็เอาใส่ใจเป่ยเฉิงหน่อย หัดเริ่มก่อนบ้างสิ!”

กู้หนานเยียนคิดว่าตัวเองแทบจะคุกเข่าขอร้องลู่เป่ยเฉิงให้นอนกับเธออยู่แล้ว นี่เธอยังไม่เริ่มก่อนอีกงั้นเหรอ?

เธอขมวดคิ้วแน่น ในขณะที่กู้หนานเยียนไม่รู้จะตอบอะไร ฉินไห่อวิ๋นก็พูดขึ้นอีก “เธอไม่ใส่ใจเป่ยเฉิงเลยจริง ๆ เดี๋ยวตอนบ่ายเธอเอาข้าวไปให้เป่ยเฉิงซะ แสดงตัวตนในฐานะคุณนายลู่เสียบ้าง เดี๋ยวคนเขาอื่นจะคิดว่าเธอรังแกง่าย”

คนอื่นที่ฉินไห่อวิ๋นพูดคือเย่ฉู่

เธอทำงานเป็นเลขาให้เป่ยเฉิงในบริษัท

ถึงแม้ฉินไห่อวิ๋นจะไม่พอใจมากแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่โทรไป ลู่เป่ยเฉิงจะออกตัวแทน และอ้างเหตุผลที่จะปฎิเสธตลอด เพราะเหตุนี้กู้หนานเยียนจึงลุกขึ้นแต่งตัว และสั่งให้แม่บ้านเตรียมอาหารเที่ยงให้เธอ จากนั้นเธอก็ขับรถไปลู่กรุ๊ป

“เป่ยเฉิงคะ คุณดูให้หน่อยสิว่าฉันแก้แบบนี้ได้ไหม......”

ด้านนอกห้องทำงานของลู่เป่ยเฉิง กู้หนานเยียนยังไม่ทันจะได้เคาะประตูก็ได้ยินเสียงออดอ้อนของเย่ฉู่ดังมาจากข้างใน

ประตูห้องทำงานไม่ได้ล็อก กู้หนานเยียนจึงแอบมองเข้าไปด้านในเงียบ ๆ เธอเห็นว่าลู่เป่ยเยียนกำลังถือเอกสารในมือ และพูดกับเย่ฉู่ที่กำลังเบียดเอวอยู่ข้าง ๆ เขา “ตัวเลขตรงนี้ไม่สมเหตุสมผล อาจจะทำให้โครงการมีปัญหา”

“ตรงตำแหน่งเขต D ก็ยังมีปัญหาอยู่” ลู่เป่ยเฉิงพูดจบ ก็เปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน “คุณไปลากเก้าอี้มานั่งสิ”

เย่ฉู่ยิ้มให้กับความเป็นห่วงของลู่เป่ยเฉิง จากนั้นเธอก็ลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ ๆ มานั่งลงข้าง ๆ เขา

ทางด้านนอกประตู กู้หนานเยียนกลอกตาให้กับภาพตรงหน้า

จากที่ตาเห็น เธอไม่รู้ว่าการกระทำระหว่างลู่เป่ยเฉิงและเย่ฉู่เป็นเรื่องปกติหรือไม่ และไม่รู้ว่าการที่เลขานั่งเบียดเจ้านายแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ปกติหรือเปล่า

แต่เธอรู้ว่า หลังจากที่เธอจดทะเบียนสมรสกับลู่เป่ยเฉิงแล้ว เขาก็ไม่เคยพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นแบบนั้นมาก่อน

และเขายิ่งไม่สนใจว่าเธอจะยืนหรือนั่ง ตื่นหรือนอน มีชีวิตหรือตายไปแล้ว

ปีก่อน เธอขับรถชน คุณหมอให้ญาติมาเซ็นชื่อรับทราบ เธอจึงโทรศัพท์ไปหาลู่เป่ยเฉิง แต่เขากลับตัดสายเธอไปดื้อ ๆ

เธอนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน แต่ลู่เป่ยเฉิงไม่รู้เรื่องนี้เลยจนถึงตอนนี้

เมื่อเธอเห็นว่าพวกเขาทั้งสองคุยกันยังไม่จบ กู้หนานเยียนจึงเดินกลับไปพร้อมกล่องข้าวในมือ

เธอมาถึงที่ชั้นหนึ่งและกำลังเดินผ่านร้านขายยา กู้หนานเยียนจึงนึกถึงข้อตกลงที่ฉินไห่อวิ๋นให้กับเธอ เธอจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปที่บริษัท

จริงสิ! ไม่ว่าลู่เป่ยเฉิงจะยอมรับหรือไม่ แต่ยังไงเธอก็เป็นคุณนายของตระกูลลู่ เธอเป็นภรรยาตามกฎหมายของลู่เป่ยเฉิง

เธอจะหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำไม เธอไม่ได้ทำอะไรผิดศีลธรรมสักหน่อย

เพราะเหตุนี้ กู้หนานเยียนจึงกลับมาที่ห้องทำงานของลู่เป่ยเฉิงอีกครั้ง เธอเปิดประตูห้องทำงานของเขาอย่างไม่สนอะไร

ภายในห้องทำงาน เมื่อลู่เป่ยเฉิงและเย่ฉู่ได้ยินเสียงประตูเปิดออก พวกเขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status