Share

บทที่ 4

เมื่อเห็นว่าเป็นกู้หนานเยียนที่เดินเข้ามา ลู่เป่ยเฉิงจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เย่ฉู่ตกใจไปสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอฉีกยิ้มทักทายกู้หนานเยียน “หนานเยียน”

เมื่อเห็นข้าวกล่องในมือของกู้หนานเยียน เย่ฉู่ยกยิ้มขึ้น “เธอเอาข้าวกลางวันมาให้เป่ยเฉิงเหรอคะ!”

พูดจบ เธอก็หันไปมองลู่เป่ยเฉิง “เป่ยเฉิง ในเมื่อหนานเยียนเอาข้าวมาให้คุณ งั้นวันนี้พวกเราไม่ไปกินข้าวข้างนอกแล้วก็ได้นะคะ หนานเยียนนานๆ จะมาที่บริษัทที คุณใช้เวลากับเธอเถอะ”

เย่ฉู่พูดราวกับว่าตัวเองเป็นภรรยาของลู่เป่ยเฉิง เธอต่างหากที่เป็นเถ้าแก่เนี้ยะของลู่กรุ๊ป แม้แต่ลู่เป่ยเฉิงจะกินข้าวที่กู้หนานเยียนเอามาให้ ยังต้องขอโอกาสจากเธอ

กู้หนานเยียนมองเย่ฉู่ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เย่ฉู่ เธอทั้งให้ลู่เป่ยเฉิงทะเลาะกับพ่อตัวเองเรื่องการหย่า ทั้งเอาหลักฐานชิ้นสำคัญมาเขวี้ยงใส่หน้าฉันอีก”

“การกระทำทุเรศ ๆ ของเธอ ไม่รู้สึกว่ามันน่ารังเกียจไปเหรอ?”

หากเย่ฉู่ฉลาด เธอก็คงฉลาดกว่าสองเท่า

ท่าทางไร้เดียงสาของเย่ฉู่ ทำให้กู้หนานเยียนรำคาญตา

คำพูดของกู้หนานเยียนทำให้เย่ฉู่ต้องอธิบายด้วยสีหน้าอับอาย “หนานเยียน ฉันกับเป่ยเฉิงไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิดนะ พวกเราแค่คุยเรื่องงาน”

อธิบายจบ แววตาของเย่ฉู่ก็นิ่งไป “งั้นพวกเธอคุยกันเถอะ ฉันขอตัวก่อน”

ประตูห้องถูกปิดลง กู้หนานเยียนเดินมาหน้าโต๊ะทำงานก่อนจะวางข้าวกล่องลง เธอลากเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับลู่เป่ยเฉิงออกมา และนั่งลง “คุณแม่บอกให้เอาข้าวกล่องมาให้”

ลู่เป่ยเฉิงปาเอกสารลงบนโต๊ะ ก่อนจะถามเสียงแข็ง “กู้หนานเยียน เธอมีความคิดเป็นของตัวเองบ้างไหม?”

กู้หนานเยียนมองการลู่เป่ยเฉิงปาเอกสารลงบนพื้นเงียบ ๆ

นี่ไม่ใช่ท่าทีที่เขามีต่อเย่ฉู่

คนที่ไม่ถูกรัก ไม่ว่าทำอะไร ไม่ว่าพูดอะไรก็ผิดไปหมด แม้แต่เอาข้าวมาให้กิน แม้แต่มีชีวิตอยู่ แม้แต่หายใจก็ผิดทั้งหมด

เธอจ้องหน้าลู่เป๋ยเฉิงไปสักพัก ก่อนจะเอนตัวพิงเก้าอี้ และพูดขึ้นด้วยท่าทีสบาย ๆ “เรื่องของฉันกับคุณ ฉันไม่มีความคิดเห็นอะไรอยู่แล้ว ถ้าพ่อแม่ของคุณสั่ง ฉันก็ค้านไม่ได้”

ไม่เพียงแต่จะค้านไม่ได้ เพราะแม้แต่แม่แท้ ๆ ของเธอยังบอกให้เธอเชื่อฟังและทำตาม เพราะแม่ต้องเสียหยาดเหงื่อและน้ำตากว่าจะเลี้ยงเธอให้มาได้ขนาดนี้ มันไม่ง่ายเลย แม่ถึงต้องการให้เธอเชื่อฟังและเป็นเด็กดีกว่านี้อีกสักนิด

ถ้าคิดดี ๆ ความจริงลู่เทียนหยางก็ดีกับเธอมาก

ตอนที่ทั้งสองแต่งงานกัน เขาให้คำขาดกับลู่เป่ยเฉิง ห้ามลู่เป่ยเฉิงหย่าก่อนเวลา ห้ามลู่เป่ยเฉิงทำผิดต่อเธอ และต้องพยายามประคับประคองชีวิตแต่งงาน ถ้าหากเขาทำผิดเขาจะต้องออกจากตระกูล และจะยกทรัพย์สินรวมไปถึงกิจการทั้งหมดให้เธอ

ถ้าทั้งสองคนไปกันไม่รอดจริง ๆ เขาก็ขอให้ทนอยู่ไปก่อนสามปี

ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ปีเดียวเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าลู่เป่ยเฉิงโกรธและเมินตัวเอง กู้หนานเยียนจึงลุกขึ้นไปหยิบถ้วยและตะเกียบมา ก่อนจะพูดเลียนแบบเย่ฉู่ “เป่ยเฉิง กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคะ ถ้าไม่กินคงจะหิวแย่ คุณกินอะไรสักหน่อยเถอะ!”

ลู่เป่ยเฉิงเงยหน้าขึ้นมามองเธอ กู้หนานเยียนกะพริบตาปริบ ๆ อย่างใส่ซื่อก่อนจะป้อนกระดูกชิ้นหนึ่งให้เขา

ท่าทีออดอ้อนของกู้หนานเยียนทำให้ลู่เป่ยเฉิงช็อกไป

เขาแทบจะอ้าปากค้าง

กู้หนานเยียนวางกล่องข้าวลงบนโต๊ะเสียงดัง “ให้ตายเถอะ คงจะกินแต่ของผู้หญิงแซ่เย่คนนั้นสินะ”

จากนั้นเธอก็โยนตะเกียบออกไป และพูดอย่างโมโห “ให้กินก็ไม่กิน ใครสนนายกัน”

หลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานของลู่เป่ยเฉิง กู้หนานเยียนยังจงใจเดินไปปะทะฝีปากกับเลขาของเขา เธอบอกว่าตัวเองเอาข้าวมาส่งให้เขาแล้ว เลขาไม่ต้องเตรียมให้อีกก็ได้

จากนั้น ในเวลาสามทุ่มกว่า ฉินไห่อวิ๋นก็โทรศัพท์มาปลุกกู้หนานเยียน

ปลายสายบอกว่าลู่เป่ยเฉิงท้องเสียจนต้องนอนโรงพยาบาล

กู้หนานเยียนใจกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปโรงพยาบาลทันที

เมื่อถึงห้องพักผู้ป่วย ฉินไห่อวิ๋นก็บอกว่าตัวเองเหนื่อย กู้หนานเยียนจึงบอกให้เธอกลับไปพักผ่อนก่อน

เมื่อกู้หนานเยียนไปส่งฉินไห่อวิ๋นกลับมา ลู่เป่ยเฉิงก็ถามเธอ “กู้หนานเยียน เธอกล้าเกินไปแล้วนะ ใส่ยาลงไปในอาหารให้ผมกินงั้นเหรอ?”

กู้หนานเยียนเดินเข้าไปช่วยห่มผ้าให้เขา “อย่าใส่ร้ายกันแบบนั้นสิ ฉันใส่ยาปลุกเซ็กซ์ไปสองสามหยดเท่านั้นแหละ ใช่ยาถ่ายที่ไหนกัน”

“ไม่ยอมรับเหรอ?” พูดจบ ลู่เป่ยเฉิงก็โยนโทรศัพท์ไปให้เธอ ในจอกำลังเล่นวิดีโอที่เธอเดินเข้าไปในร้านขายยาอยู่

จากนั้นเขาก็นำใบสั่งซื้อยาออกมาให้เธอดู

เมื่อถูกจับได้ กู้หนานเยียนจึงมองเขาเงียบ ๆ

ดวงตาของทั้งสองประสานกัน ลู่เป่ยเฉิงคิดว่าเธอจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น แต่กู้หนานเยียนกลับพูดขึ้นว่า “อย่ามามองฉันแบบนั้นนะ ฉันกลัวตัวเองห้ามใจไม่อยู่”

“กู้หนานเยียน” ลู่เป่ยเฉิงไม่สบอารมณ์ เขาหยิบหมอนปาใส่เธอ

เธอรับหมอนเอาไว้ ก่อนจะพูดอย่างมีเหตุผล “คุณออกไปเที่ยวตลอด ฉันถูกบีบจากทุกทาง ก็แค่วางยาคุณให้จิตใจมันสงบบ้างไม่ได้หรือไง”

ลู่เป่ยเฉิงได้ยินดังนั้น เขาจึงคว้าข้อมือเธอเอาไว้ และดึงเธอเข้ามาใกล้ เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “กู้หนานเยียน เธอหึงผมใช่ไหม?”

คำถามของลู่เป่ยเฉิงทำให้กู้หนานเยียนอึ้งไป จากนั้นเธอก็กลั้วหัวเราะออกมา “สบายใจได้ ต่อให้ต้องกินอุจจาระ ฉันก็ไม่มีทางหึงคุณหรอก”

เสียงหัวเราะของกู้หนานเยียน ทำให้ลู่เป่ยเฉิงออกแรงดึงเธอเข้าใกล้มากกว่าเดิม

ปึก! หน้าผากและปลายจมูกของพวกเขาชนกัน กู้หนานเยียนเจ็บจนร้องโอ๊ย

ในขณะที่เธอกำลังขมวดคิ้วแน่นและไม่ได้ตั้งตัวอยู่นั้น จู่ ๆ ริมฝีปากอันรุ่มร้อนของลู่เป่ยเฉิงก็ประกบลงบนอวัยวะเดียวกันกับเธอ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status