Share

บทที่ 5

กู้หนานเยียนยืนช็อกไปทันที

ลู่เป่ยเฉิงรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไร?

ท่าทางช็อกตาค้างของกู้หนานเยียน ทำให้แพขนตาของลู่เป่ยเฉิงสั่นไหว เขาลืมตาขึ้นก่อนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ “เธอเอาแต่แหกปากอยากทำลูกอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ เป็นอะไรไป หรือรอให้ผมเป็นฝ่ายเริ่ม?”

กู้หนานเยียนดึงสติกลับมา เธอยกมือขึ้นถอดเสื้อผู้ป่วยของเขาก่อนจะถามขึ้น “สภาพคุณเป็นแบบนี้ มันยังจะแข็งใช่ไหม?”

ลู่เป่ยเฉิงอยากจะหยิบเข็มกับด้ายมาเย็บปากเล็ก ๆ ของกู้หนานเยียนจริง ๆ

เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาสะบัดมือเธอออก “เธอถอดเสื้อผ้าผู้ชายได้คล่องมือเชียวนะ”

จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยไป “เรื่องวางยา รอให้พ่อกับแม่เธอมาพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

กู้หนานเยียนถูกลู่เป่ยเฉิงผลักลงให้นั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เธอพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ลู่เป่ยเฉิง ทำแบบนี้มันไม่มีประโยชน์”

ลู่เป่ยเฉิงจะยุ่งกับใครก็ได้ แต่ไม่ใช่พ่อกับแม่ของเธอ

พ่อกับแม่เป็นเสาหลักให้ชีวิตเธอ เป็นเส้นตายของเธอ

ลู่เป่ยเฉิงมองหน้าเธอนิ่ง “แล้วตอนวางยาทำไมไม่กลัว?”

พูดจบ เขาก็หยิบขวดยาออกมาจากใต้หมอน ก่อนจะส่งไปให้กู้หนานเยียน “จะกินมันทั้งขวดหรือจะให้พ่อแม่เธอรู้เรื่องนี้”

กู้หนานเยียนหยิบขวดยาขึ้นมา มันคือยาถ่าย เธอโมโหมาก

แต่จำเป็นต้องกดความโมโหนี้ไว้ เธอกัดฟันพูดอย่างไม่เต็มใจ “ได้ ลู่เป่ยเฉิง”

เธอยอมที่จะนอนโรงพยาบาล ดีกว่าจะต้องให้แม่จ้องมานั่งร้องไห้สั่งสอนลูกสาวคนนี้

จากนั้นเธอก็ยกขวดยาในมือขึ้นดื่ม

เมื่อเห็นว่ากู้หนานเยียนจะกินมันเข้าไปจริง ๆ ลู่เป่ยเฉิงก็หยิบหมอนขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะใช้มันตีเธอ

ขวดยาในมือกู้หนานเยียนหล่นลงพื้น ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขา ลู่เป่ยเฉิงก็พูดกับเธอว่า “ฉันไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น”

กู้หนานเยียนยิ้ม “เป็นห่วงก็พูดมาตรง ๆ ”

ลู่เป่ยเฉิงมองเธอด้วยสายตาแข็งกร้าว กู้หนานเยียนรีบทำสัญลักษณ์มือให้เขาเงียบ

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันที

ผ่านไปไม่นาน โจ๊กที่ฉินไห่อวิ๋นสั่งเอาไว้ก็มาส่ง

กู้หนานเยียนถือถ้วยโจ๊กขึ้นมา และค่อย ๆ ป้อนให้เขาอย่างระมัดระวัง

ทุก ๆ คำที่เธอป้อน กู้หนานเยียนจะเป่า เพื่อให้คลายความร้อนก่อนเสมอ

เมื่อคิดว่ามันไม่จะไม่ลวกปากอีกฝ่ายแล้ว เธอจึงป้อนให้กับลู่เป่ยเฉิง

ภาพทั้งหมดราวกับย้อนกลับไปในเมื่อก่อน ย้อนกลับไปตอนที่พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกันครั้งนั้น

พวกเขาไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานมากแล้ว

——

ท่ามกลางความเงียบ เมื่อลู่เป่ยเฉิงสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าในห้องมีแค่โคมไฟเล็ก ๆ แค่ดวงเดียวที่เปิดเอาไว้บนหัวเตียง

ภายใต้แสงไฟที่เลือนราง เขาเห็นว่ากู้หนานเยียนกำลังนอนอยู่ข้าง ๆ เขา

สองปีแล้ว!

สองปีแล้วที่ไม่ได้มองเธอแบบนี้

ลู่เป่ยเฉิงยกมือขวาขึ้นมา เขาอยากจะจับแก้มของเธอ แต่ก็ค้างมือไว้กลางอากาศ

คำพูดของเธอในวันนั้น เขายังจดจำมันได้ทุกตัวอักษร และยังมีหลักฐานพวกนั้นอีก

เรื่องในอดีตไหลวนอยู่ในความทรงจำ สุดท้ายมือขวาของลู่เป่ยเฉิงถูกวางเอาไว้ที่หัวของกู้หนานเยียน เขาถามขึ้นเบาๆ “เกลียดผมขนาดนี้ ไม่สงสารชีวิตผมเหรอ?”

แค่เหตุการณ์ในครั้งนั้น และการทะเลาะกันของพวกเขา ทำให้ทั้งสองไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ เขาไม่สามารถทำตามความต้องการของเธอ ที่อยากจะมีลูกได้

พวกเขาอยู่ด้วยกัน จึงมีแค่ความบาดหมางและความทรมาน

หลังจากนั้น เมื่อลู่เป่ยเฉิงออกจากโรงพยาบาล เขาก็ไม่ได้บอกใครเรื่องที่กู้หนานเยียนวางยาตัวเอง

กู้หนานเยียนดูแลลู่เป่ยเฉิงจนกระทั่งเขาออกจากโรงพยาบาล ก่อนที่เธอจะกลับไปทำงาน

ทั้งสองบอกลากันเท่านี้ และกลับไปใช้ชีวิตดั่งคนไม่รู้จักกันอีกครั้ง

ในตอนเที่ยง ลู่เป่ยเฉิงเพิ่งกลับจากการประชุม เซี่ยเฉิงก็นำเอกสารใบเสร็จมาให้เขาเซ็นชื่อ

หลังจากที่เซี่ยเฉิงนำเอกสารใบเสร็จวางบนโต๊ะ ลู่เป่ยเฉิงก็ถามขึ้น “ช่วงนี้กู้หนานเยียนทำอะไร?”

หากนับดูแล้ว กู้หนานเยียนไม่ได้มาหาเขาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม

เซี่ยเฉิงเอ่ย “ครับบอส ช่วงนี้คุณนายกำลังยุ่งเรื่องงาน เธอได้รับทำคดีการหย่าร้างมากมายครับ”

ประโยคสุดท้าย เสียงของเซี่ยเฉิงฟังดูเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

ลู่เป่ยเฉิงวางเอกสารในมือก่อนจะหัวเราะขึ้นมา “เธอคงจะเตรียมตัวล่วงหน้าน่ะ”

“......” เซี่ยเฉิง

ความจริงแล้ว เขาก็คิดเช่นนั้นจริง ๆ

เรื่องที่ว่าทำไมกู้หนานเยียนจึงแต่งงานกับเขา ใจของเธอย่อมรู้ดี

--

ห้องประชุม สำนักงานกฎหมายเฉาหยาง

กู้หนานเยียนจามหนึ่งที เธอกำลังคิดว่ามีใครกำลังแอบนินทาเธออยู่เป็นแน่ หัวหน้าจึงหันมาถามเธอด้วยความเป็นห่วง “คุณกู้ คุณยังเด็กขนาดนี้ ทำไมรับแค่คดีการหย่าร้างล่ะ?”

พูดจบ เขาก็หันไปพูดกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ “พวกคุณอย่ารังแกคุณกู้ เพราะเห็นว่าเธอเป็นเด็กใหม่สิ จะโยนคดีที่ไม่อยากรับให้เธอแบบนี้ไม่ได้”

กู้หนานเยียนหัวเราะ “ท่านหัวหน้า ไม่เป็นไรค่ะ ฉันซ้อมเอาไว้น่ะ”

เรื่องการแต่งงานของเธอและลู่เป่ยเฉิงยังไม่รู้ว่าจะมีจุดจบยังไง เธอจึงเตรียมรับมือเอาไว้ก่อน

หัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ก็ไม่ควรซ้อมมากขนาดนี้ คราวหลังรับคดีหย่าร้างให้น้อยลงหน่อย จะได้ไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์การแต่งงานของคุณ”

กู้หนานเยียนเพิ่งจะเรียนจบได้ปีเดียว หัวหน้าจึงกลัวว่าเธอจะได้รับผลกระทบจากการฟ้องร้อง

ไม่รอให้กู้หนานเยียนตอบกลับ หัวหน้าก็พูดขึ้นอีก “คุณกู้ อย่าคิดว่านี่เป็นการแนะนำจากหัวหน้าเลยนะ ได้ยินมาว่าลู่กรุ๊ปอยากเปลี่ยนตัวแทนด้านกฎหมาย ถ้าคุณสามารถเป็นตัวแทนของลู่กรุ๊ปละก็ คุณคงจะทำให้คนในสายอาชีพนี้ช็อกแน่ ๆ

หลายปีมานี้ สำนักงานกฎหมายของพวกเขาแข่งขัน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งตัวแทนฝ่ายกฎหมายของลู่กรุ๊ป แต่ก็ไม่ได้เสียที

ปีนี้จะมีการคัดเลือกครั้งใหม่ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงอยากลองส่งตัวแทนไปดู

อีกอย่างความสามารถและการทำงานของกู้หนานเยียนก็เป็นที่ยอมรับจากทุกคน

กลัวแค่กู้หนานเยียนจะไม่กล้ารับภารกิจนี้ หัวหน้าพูดกับเธอ “คุณกู้ คุณอย่ากดดันตัวเองเลยนะ สำนักงานกฎหมายของเราไม่ได้บังคับให้คุณต้องได้ตำแหน่งตัวแทนฝ่ายกฎหมายของลู่กรุ๊ปมา แค่ทำให้ดีที่สุดก็พอ”

หัวหน้าพูดมาขนาดนี้แล้ว กู้หนานเยียนก็ปฎิเสธไม่ได้ เธอจึงต้องตกปากรับคำไป

แค่คิดว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับลู่กรุ๊ป กู้หนานเยียนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา

ดังนั้น เมื่อเธอกลับไปกินข้าวกับพ่อและแม่ที่บ้าน ขณะที่พวกเขาถามเรื่องของเธอกับลู่เป่ยเฉิง เธอจึงถามกลับ “ที่พ่อกับลู่เทียนหยางอยากให้หนูแต่งงานกับลู่เป่ยเฉิง ตกลงคืออยากช่วยหนูหรืออยากฆ่าหนูกันแน่?”

คำพูดของกู้หนานเยียนทำให้กู้ชิงหวาไม่พอใจ “เด็กคนนี้พูดจาไร้สาระจริง ๆ พวกเราทำทุกอย่างก็เพื่อให้หนูได้ดี ดูดวงกี่ที ๆ คำทำนายก็บอกว่าหนูกับลู่เป่ยเฉิงจะได้อยู่ด้วยกัน ไม่อย่างนั้นจะไร้ทายาทสืบสกุล”

กู้หนานเยียนมองกู้ชิงหวา “ลู่เทียนหยางไม่สงสัยแม่เลยเหรอ? ไม่สงสัยเรื่องดวงเลยเหรอ?”

“หมอดูพวกนั้นก็เป็นคนที่แม่หามา หนูไม่รู้จักหรอก”

“......”

ถ้าตลอดชีวิตนี้ เธอจะมีลูกได้แค่กับลู่เป่ยเฉิงล่ะก็ งั้นเธอไปนอนกับผู้ชายคนไหนก็ไม่ท้อง ไม่ต้องคลอดลูก ไม่ต้องเป็นแม่คนแล้วงั้นสิ

ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอทำกรรมอะไรไว้กับลู่เป่ยเฉิง หรือว่าเขาทำกรรมไว้กับเธอกันแน่ ชาตินี้ถึงต้องมาข้องเกี่ยวกัน

คงไม่มีใครซวยเท่าเธออีกแล้ว

แม่ของกู้หนานเยียนถาม “ชิงหวา ถ้าหลังจากที่หนานเยียนมีลูกแล้ว แต่เป่ยเฉิงยังอยากหย่ากับเธอ งั้นลูกจะเป็นของหนานเยียนได้ไหม?”

“เทียนหยางพูดว่าถ้าถึงขั้นนั้น ลูกจะต้องเป็นของหนานเยียน เพราะฉะนั้นภารกิจที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ของหนานเยียนก็คือมีลูก”

“นี่ยังไม่พอ” แม่ของกู้หนานเยียนพูดต่อ “หนานเยียน ได้ยินไหม หนูต้องจดเรื่องนี้ไว้ในใจ”

กู้หนานเยียน “มีลูก มีลูก มีลูก ต่อให้หนูไม่กิน ไม่นอน แต่ก็ต้องมีลูกกับลู่เป่ยเฉิงให้ได้ หนูจำไว้ในใจแล้ว”

ความจริงแล้วเธอไม่อยากเก็บเรื่องนี้มาคิดจริงจัง แต่ในเมื่อไปดูดวงกี่ที่ หมอดูก็บอกเหมือนกันหมด กู้หนานเยียนจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญ

ไม่ว่าหลังจากนี้ เธอและลู่เป่ยเฉิงจะเป็นอย่างไร เธอก็จะรีบมีลูกให้ได้

เธอนั่งคุยต่อกับพ่อแม่สักพัก และให้คำสัญญาว่าจะมีลูกให้ได้ จากนั้นกู้หนานเยียนก็ขับรถออกจากบ้านตระกูลกู้

เมื่อกลับมาถึงอวี้หลินวาน ทันทีที่เท้าของเธอก้าวเข้ามาในห้อง ป้าเจียงก็วิ่งมารายงานเธออย่างดีใจ “คุณนาย คุณท่านกลับมาบ้านค่ะ”

กู้หนานเยียนที่กำลังแขวนกระเป๋าชะงักไปทันที เธอรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status