Mag-log inที่อำเภอ
เจี้ยนเฉินมาถึงก่อนหลี่เหมยเขาลงมารอที่หน้าอำเภอหวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนเห็นคนรักกันลังเดินตรงมาทางนี้ในมือของเธอมีเอกสารใบหย่าเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีโดยไม่รู้เลยว่าวันนี้จะไม่มีการหย่าเกิดขึ้น
“มาแล้วก็รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ เวลาของฉันมีค่าและคุณเองก็จะได้กลับไปดูแลคุณแม่ป่านนี้คงอาการทรุดลงกว่าเดิมแล้วล่ะ”มาถึงเธอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันจนทำให้ร่างใหญ่ที่ยืนอยู่สูดลมหายใจเข้าและเอ่ยถามเธอด้วยความแน่ใจอีกครั้ง
“ซูหลี่เหมยฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะหมดรักฉันแล้ว เกิดอะไรขึ้นบอกฉันมาเถอะนะฉันจะจัดการให้เธอทุกอย่าง เรื่องที่เราจะหย่ากันมันคือความต้องการของเธอจริง ๆ นะหรือ? หรือว่าเธอถูกคุณแม่กลั่นแกล้งแต่คงไม่ใช่หรอกใช่มั้ย เพราะก่อนจะออกมาฉันถามคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แถมมีป้าหลินยืนยันอีกคนว่าคุณแม่ดีกับเธอรักเธออย่างกับลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง บางอารมณ์คุณแม่อาจจะโมโหร้ายแต่คุณแม่ไม่ได้เป็นคนโหดร้ายหรอกนะ ”
“จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา ต่อให้คุณเอาทหารทั้งค่ายมายืนยันความใจดีของแม่เฟิ่งฉันก็ไม่กลับไปเด็ดขาด อย่ามาชักช้ารีบเข้าไปได้แล้ว” หลี่เหมยไม่ใจอ่อนยิ่งเห็นหน้าเขาความทรงจำครั้งก่อนก็หวนคืนย้อนมา เธอจำได้ดีวันนั้นที่เธอต้องการอ้อมแขนของเขา ต้องการการปลอบใจต้องการโอบกอดที่อบอุ่นแต่เขากลับผลักไส สายตาที่จ้องมองมาเหมือนเรื่องที่เธอแท้งกลายเป็นความผิดของเธอ ทั้ง ๆ ที่เป็นฝีมือแม่ของเขา เธอจำมันได้ดีและฝังใจจนลมหายใจสุดท้าย
“หลี่เหมยในเมื่อเธอยังดึงดันคำเดิมอย่าต่อว่าสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปนี้เลยนะเพราะเธอเป็นคนบีบบังคับฉันเอง ฉันไม่ต้องการหย่าและไม่มีทางหย่าให้เธอเด็ดขาด ”
“อ๊ายยย ! ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ใครก็ได้ช่วยด้วย ” เขาคว้าตัวของเธอก่อนจะแบกเธอขึ้นบ่าทันทีหลังพูดจบหลี่เหมยตกใจทำอะไรไรไม่ถูกตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ คนที่เดินผ่านไปมาเหมือนจะเข้ามาช่วยแต่ก็ถูกเจี้ยนเฉินห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีภรรยาของผมงอลผมนิดน้อยเท่านั้น”
“คิดว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็คู่สามีภรรยาทะเลาะกันนี่เอง” คนที่เดินผ่านมาซุบซิบนินทาคิดว่าจะเกิดการลักพาตัวเสียอีก
“ปล่อยนะ... ไม่ใช่นะคะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขา ”
“พูดไปใครจะเชื่อในเมื่อในมือของเธอยังถือหนังสือสมรสของเราอยู่ หม่าถงกลับบ้าน”
ตุบ ! เขาวางเธอลงเบาะด้านหลังยื่นมือไปปิดประตูสั่งการหม่าถงให้ออกรถทันที
“หม่าถงจอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น ”
“ขอโทษด้วยนะครับคุณนายแต่ว่าผมเป็นลูกน้องของท่านนายพลไม่อาจจะขัดคำสั่งได้” หม่าถงบังคับพวงมาลัยขับเคลื่อนออกจากอำเภอตามคำสั่งและตอบกลับนายหญิง
“อย่าดื้อนักเลย นั่งนิ่ง ๆ เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว เรามีเรื่องต้องเปิดใจคุยกันถ้าเหตุผลของเธอเพียงพอต่อการขอหย่าในครั้งนี้ ฉันจะยอมหย่าให้ตามที่เธอต้องการ” หลี่เหมยหายใจแรงอย่างไม่พอใจกอดอกขยับกายไปนั่งไกลจากเจี้ยนเฉิน จ้องมองออกไปนอกกระจก ไม่ว่าเขาจะทำอะไรพูดอะไรเธอจะไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด เพื่อความอยู่รอดและชีวิตของเธอกับลูกคือการหนีไปให้ไกลจากคนตระกูลเฟิ่ง
รถยนต์มาถึงบ้านตระกูลเฟิ่งเขาอุ้มเธอเข้าบ้าน ตอนนั้นแม่เฟิ่งนั่งดื่มชาอยู่ถึงกับตกตะลึงรีบวางจอกน้ำชายืนมองทั้งสองด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นทำไมหลี่เหมยถึงกลับมาที่นี่อีก หรือว่าเรื่องที่เธอเดินออกจากบ้านเมื่อวานนี่เพียงเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากเจี้ยนเฉิน ร้ายจริง ๆ ”
“คุณแม่ครับผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าพูดแบบนี้กับหลี่เหมย เรื่องนี้เป็นเรื่องของสามีภรรยาผมจะจัดการเอง”
“ฉันเดินเองได้ ไม่เห็นต้องอุ้มเลยปล่อยฉันนะ ฉันไม่ได้อยากกลับมาที่นี่ คุณเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
“เป็นคนแบบนี้ก็เพราะภรรยาสุดที่รักของฉันดื้อรั้นจะหย่านะสิ อุ้มเธอตัวเล็กแค่นี้ไม่เกิดกำลังฉันหรอกนะ ” เจี้ยนเฉินดื้อรั้นยิ่งกว่าเธอเสียอีกไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเอาแต่ใจตัวเอง จนตอนนี้ทังสองอยู่ในห้องนอนด้วยกันตามลำพัง เจี้ยนเฉินปิดประตูล็อคห้องทันที ก่อนจะวางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ
“ ตอนนี้มีแต่เราแล้ว ช่วยบอกหน่อยได้มั้ย ว่าสิ่งที่ทำให้เธออยากหย่ากับฉันเพราะอะไรกัน หลี่เหมยเธอก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันรักเธอมากทั้งชีวิตของฉันต่อจากนี้ไว้เพื่อตอบแทนบุญคุณเธอ”
“ฉันไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากคำว่าหมดรัก นั่นคือเหตุผลเดียวที่ต้องการหย่า และแม่เฟิ่งเองก็คงเห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้เพราะหาคนที่แต่งงานกับคุณเอาไว้แล้ว ”
“หรือว่าเธอหึงหวงฉันเรื่องเสี่ยวลี่ โธ่ ๆ หลี่เหมย หัวใจของฉันมีแต่เธอคนเดียวเสี่ยวลี่คนนั้นแม้คุณแม่จะชอบใจแต่เธอไม่ใช่คนที่ฉันรักสักหน่อย” เจี้ยนเฉินเดินเข้ามาโอบกอดจากด้านหลังของหลี่เหมย เธอพยายามปัดป้องไม่ให้เขาเข้าใกล้ ในเมื่อพูดมาอย่างนี้เขาไม่ยอมก็คงมีอีกทางเดียวที่จะทำให้เขายอมหย่ากับเธอได้
“ฉันไม่ได้หึงหวงแต่ฉันไม่เคยรักคุณต่างหาก ฉันหลอกคุณมาตลอดฉันมีคนรักอยู่ที่บ้านเกิด ตอนนี้ฉันไม่อยากอยู่อย่างสุขสบายแต่ทิ้งคนที่รักมาอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะกลับไปหาเขา”
“หลี่เหมย เธอพูดอะไรก็ให้มันสมจริงหน่อย คิดว่าฉันไม่สืบเรื่องของเธอก่อนที่จะพาเธอกลับมาที่นี่หรือไงกัน ”เธอจะบอกเขาได้อย่างไรว่าเรื่องจริงหรือความจริงเป็นอย่างไร หากพูดออกไปเขาคงคิดว่าเธอคือคนที่ใส่ร้ายแม่ของเขาและหาว่าเธอฝันเฟืองมากกว่า
“ก็บอกแล้วอย่างไรว่าฉันหมดรักคุณแล้ว ทำไมเข้าใจอะไรยากจัง นี่นะหรือท่านนายพลที่ควบคุมทหารหลายร้อยคนแต่ไม่เข้าใจในสิ่งง่าย ๆ” หลี่เหมยตะคอกออกไปสุดเสียงพร้อมแกะมือของเขาออกจากกายของเธอ ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะทำให้เขาโมโหจนตัวสั่นสะท้าน กัดฟันกรามจนเสียงดังออกมา
“ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้และไม่มีทางให้เธอออกไปจากชีวิตของฉัน” เขาพูดจบเดินกระแทกเท้าหายใจรุนแรงปิดประตูเสียงดังจนร่างบางสะดุ้งตกใจไม่เคยเห็นเขาโมโหขนาดนี้มาก่อน เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมานั่งตกใจเสียหน่อยเพราะนี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของความโหดร้ายของเขาเท่านั้น หลี่เหมยรีบเดินตามไปเปิดประตูแต่เหมือนประตูถูกล็อคจากด้านนอก ดวงตาของนางเบิกโพลงทุบประตูเสียงดังเพื่อให้เขาเปิดประตูให้ตัวเองออกไป
ตอนที่ 6 ไม่มีทาง ที่อำเภอ เจี้ยนเฉินมาถึงก่อนหลี่เหมยเขาลงมารอที่หน้าอำเภอหวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนเห็นคนรักกันลังเดินตรงมาทางนี้ในมือของเธอมีเอกสารใบหย่าเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีโดยไม่รู้เลยว่าวันนี้จะไม่มีการหย่าเกิดขึ้น “มาแล้วก็รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ เวลาของฉันมีค่าและคุณเองก็จะได้กลับไปดูแลคุณแม่ป่านนี้คงอาการทรุดลงกว่าเดิมแล้วล่ะ”มาถึงเธอก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันจนทำให้ร่างใหญ่ที่ยืนอยู่สูดลมหายใจเข้าและเอ่ยถามเธอด้วยความแน่ใจอีกครั้ง“ซูหลี่เหมยฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะหมดรักฉันแล้ว เกิดอะไรขึ้นบอกฉันมาเถอะนะฉันจะจัดการให้เธอทุกอย่าง เรื่องที่เราจะหย่ากันมันคือความต้องการของเธอจริง ๆ นะหรือ? หรือว่าเธอถูกคุณแม่กลั่นแกล้งแต่คงไม่ใช่หรอกใช่มั้ย เพราะก่อนจะออกมาฉันถามคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แถมมีป้าหลินยืนยันอีกคนว่าคุณแม่ดีกับเธอรักเธออย่างกับลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง บางอารมณ์คุณแม่อาจจะโมโหร้ายแต่คุณแม่ไม่ได้เป็นคนโหดร้ายหรอกนะ ” “จะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา ต่อให้คุณเอาทหารทั้งค่ายมายืนยันความใจดีของแม่เฟิ่งฉันก็ไม่กลับไปเด็ดขาด อย่ามาชักช้ารีบเข้าไปได้แล้ว” หลี่เหมยไม่ใจอ่อน
ตอนที่ 5 ไม่หย่าฝั่งด้านเจี้ยนเฉินจิตใจของเจี้ยนเฉินร้อนรุ่มเป็นห่วงภรรยารีบสั่งการให้หม่าถงตามไปเธอไปอย่างลับ ๆ จนเวลาผ่านไปพักใหญ่หม่าถงกลับมาที่บ้านตระกูลเฟิ่งพร้อมลูกน้อง“ท่านนายพลครับตอนนี้คุณนายไปที่หมู่บ้านหลิงหลานครับ ดูเหมือนจะเข้าพักที่อพาร์ทเม้นท์ใกล้ ๆ แถวที่มีโรงงานเปิดอยู่ผมให้ลูกน้องเฝ้าดูแลความปลอดภัยอยู่ใกล้ ๆ ตามที่นายพลสั่งแล้วครับ” เจี้ยนเฉินพ่นควันบุหรี่ออกจากปากใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เดิมทีหลี่เหมยไม่ใช่คนที่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแบบนี้หรือว่าตอนที่เขาไม่อยู่จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอจริง ๆ เขาจะไม่เชื่อฟังความข้างใดข้างหนึ่งและจะสืบด้วยตนเอง ส่วนเรื่องหย่าเขาไม่มีทางยอมหย่าแน่นอน “นายไปพักเถอะ ต่อจากนี้ฉันจะจัดการเอง”“ครับ” หม่าถงทำความเคารพเจ้านายก่อนจะไปพักเรือนแยกที่ป้าหลินเตรียมไว้ให้“จะทำอย่างไรกับเธอดีนะหลี่เหมย ”เจี้ยนเฉินมองท้องฟ้าเฝ้าครุ่นคิดจะทำอย่างไรให้หลี่เหมยกลับมาเป็นคนเดิม“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าหลี่เหมยจะหมดรักฉัน เอาไว้พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่อำเภอฉันจะขอร้องอ้อนวอนไม่ให้เธอจากไปเอง” พูดจบเจี้ยนเฉินดินเข้าไปในบ้านเฝ้ารอเวลาพรุ่งนี้เช้ามาเยือน
ตอนที่ 4 หาที่อยู่หลี่เหมยเดินออกจากบ้านตระกูลเฟิ่งสูดลมหายใจสายตามองไปด้านหน้า การเดินทางของเธอได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าไม่เคยจะไปที่ไหนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่เคยกลัวว่าจะลำบาก สองเท้าเดินบนถนนด้วยความตั้งใจมือเรียวลูบที่หน้าท้องพูดกับลูกน้อยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"ต่อจากนี้แม่จะเป็นแม่ที่ดีที่สุดและจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่สุขสบายไม่ให้พบคนตระกูลเฟิ่งอีก เธอเดินมาจนถึงป้ายรถประจำทางไม่นานรถประจำทางเที่ยวสุดท้ายของวันนี้ก็มาถึง ซูหลี่เหมยเคยได้ยินมาจากป้าหลินว่าหมู่บ้านหลิงหลานอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่มีโรงงานมากมายที่เปิดรับสมัครคนงาน มีงานมากมายให้ผู้คนไปสมัครและเลือกทำ ซูหลี่เหมยจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปอยู่หมู่บ้านหลิงหลานหางานทำเพื่อดำรงชีวิตต่อจากนี้มาถึงหมู่บ้านหลิงหลานท้องฟ้าก็มืดสลัว เธอถือกระเป๋าใบน้อยเดินหาที่พักสำหรับวันนี้เอาไว้รุ่งเช้าเธอจะหาที่พักรายเดือน ระหว่างที่หาที่พักอยู่นั้นท้องของเธอก็เกิดร้องประท้วงด้วยความหิวสายตาเหลือบไปเห็นร้านอาหารเล็ก ๆ ข้างทางจึงเลือกที่จะเข้าไปกินข้าวเสียก่อน“หิวแล้วสินะตั้งแต่มีตัวน้อยอยู่ในท้องทำให้หิวมากกว่าเดิม
ตอนที่ 3 หย่ากันเถอะดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ยินมาเนินนานกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาที่หน้าบ้าน หลี่เหมยสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด คนที่มาที่นี่จะเป็นใครไม่ได้นอกจากท่านนายพลเฟิ่งเจี้ยนเฉินตึก ตึก หัวใจของเธอเต้นแรงระรัว ร่างเล็กใช้มือทาบลงบนอกพร้อมพูดเตือนสติตนเองก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้อง“ตั้งสติหน่อยสิหลี่เหมย จำไม่ได้หรือไงว่าผู้ชายคนนี้เขาไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยสักนิด ทั้งระแวงและเชื่อคำพูดของแม่ไม่ยอมตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นถึงท่านนายพลเสียเปล่า ถ้าเธอใจอ่อนให้กับคนเช่นนี้ชะตาชีวิตของเธออาจจะเป็นเหมือนเดิม และสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องอีกแน่ ๆ เอาล่ะไปจบเรื่องนี้กันเถอะ” หลี่เหมยก้าวเท้าออกไปด้วยความแน่วแน่ พร้อมถือกระเป๋าใบน้อยของเธอออกไปด้วย ฝั่งด้านเฟิ่งเจี้ยนเฉินเขากลับบ้านมาครั้งนี้ด้วยความคิดถึงภรรยาสุดหัวใจ เขามอบหัวใจที่มีให้เธอเพียงคนเดียวและจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่จงรักภักดีตอบแทนที่เธอช่วยเหลือเขา เธอจึงเป็นเจ้าของชีวิตของเขา ในมือใหญ่ถือกำไรข้อมือที่เขาซื้อมาเป็นของฝากใบหน้ายิ้มแย้มมาตลอดทางเมื่อนึกภาพที่เธอเห็นกำไรข้อมือนี้จะดีใจแค่ไหน“ท่านนายพ
ตอนที่ 2 ไม่ยอมคนหลี่เหมยเลือกที่จะเดินอ้อมมาอีกทางเพราะรู้ว่าตอนนี้เฟิ่งซินหนานกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะรับแขกกลางบ้านเป็นที่ประจำของเธอ และวันนี้เสี่ยวลี่ผู้หญิงที่ต้องการสามีของเธอคงมาที่นี่ ก่อนจะสู้รบปรบมือกับใครหลี่เหมยจึงขอเลือกที่จะเติมพลังเสียก่อนป้าหลินแม่ครัวทำงานอยู่ในบ้านเฟิ่งมาหลายปีเห็นหลี่เหมยเดินเข้ามาเธอถอนหายใจเบา ๆ มองด้วยความสงสารเวทนา“คุณหลี่เหมยวันนี้คุณนายสั่งให้มาทำอาหารอีกแล้วสินะ ทำไมคุณไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายทั้ง ๆ ที่เป็นภรรยาของคุณเจี้ยนเฉินกัน คุณนายช่างใจร้ายกับคุณจริง ๆ ” “ใครบอกละคะว่าวันนี้ฉันจะมาทำอาหาร ป้าหลินต่อจากนี้หน้าที่นั้นฉันจะไม่ทำมันอีกแล้ว ที่มาที่นี่เพราะฉันหิวค่ะมีอะไรให้กินบ้างคะ” ป้าหลินยิ้มบาง ๆ ดีใจที่หลี่เหมยรู้จักลุกขึ้นสู้ เธอหยิบชามมาตักข้าวใส่เต็มชามวางลงที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะตักกับข้าวมาวางไว้ต่อหน้า“วันนี้มีผัดผักกับน้ำแกงค่ะ” ป้าหลินพูดจบก็เดินไปทำงานของตัวเองต่อ หลี่เหมยไม่รอช้านั่งลงจับตะเกียบมาคีบอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เวลาผ่านไปครู่ใหญ่หลี่เหมยกินอิ่มเก็บถ้วยชามไปล้าง ตอนนั้นเองเสียงฝีเท้าได้ดังเข้ามาใกล้ ๆ หลี่เหมยคิดว
บทนำซูหลี่เหมยหญิงสาวจากชนบท เมื่อสามเดือนก่อนเกิดการปฏิวัติเธอได้ช่วยเหลือชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บมาที่บ้าน รักษาจนร่างกายของเขาแข็งแรง เขามีชื่อว่าเฟิ่งเจี้ยนเฉินร่างกายบึกบึนแข็งแรง เขารู้สึกขอบคุณซูหลี่เหมยที่ช่วยชีวิตของเขา ทั้งสองก่อเกิดความรักซูหลี่เหมยสวยทั้งใบหน้าและจิตใจทำให้เฟิ่งเจี้ยนเฉินตกหลุกรักเธอ เขาบอกเธอว่าเขาเป็นทหารที่ต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บเธอเหมือนแสงสว่างที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่เขา เขาจึงขอเธอแต่งงาน หลี่เหมยหญิงสาวอ่อนต่อโลกยอมแต่งงานกับเขา วันหนึ่งเขาได้กลับค่ายทหารมีรถยนต์คันใหญ่มารับ หลี่เหมยเศร้าใจคิดว่าเขาทิ้งเธอเสียแล้ว แต่เมื่อผ่านไปไม่นานเขาได้กลับมาหาเธออีกครั้งพร้อมการเปลี่ยนแปลงที่เธอไม่คาดคิด เจี้ยนเฉินพาหลี่เหมยกลับมณฑลของเขาทั้งสองตกลงจะใช้ชีวิตเป็นคู่สามีภรรยา ทางครอบครัวของหลี่เหมยไม่ได้ขัดขวางคิดว่าลูกสาวของตัวเองไปอยู่ที่มณฑลเจริญจะได้มีชีวิตที่ดีแถมสามียังเป็นทหารมีเงินเดือนไม่ทำให้เธอต้องทุกข์ยากแน่ ๆ ครั้นเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวมาถึงบ้านหลังใหญ่หลี่เหมยพึ่งรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสามีของเธอคือท่านนายพลใหญ่ เธอมีความสุขมาก ๆ คิดว่าน







