บทที่ 4 ทุกอย่างต้องเป็นของบุตรสาวข้า
หลังจากที่นางเข้ามาอยู่ที่เรือนของใต้เท้าโจนางก็มีอำนาจอยู่ในมือ การเป็นฮูหยินใหญ่ที่นางปรารถนามาโดยตลอดตอนนี้นางได้ครอบครองมันแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดเหมยอิงในอายุครบ15 ปี นางได้จัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ หนิงเอ๋อเองก็ดีใจที่นางมีน้องสาวในตอนแรกเหมยอิงก็แสนดีกับนางมาตลอดจนกระทั่งนางได้เห็นปิ่นปักผมที่แสนสวยของมารดาของหนิงฮวาที่ให้มาดูต่างหน้า การที่นางแสร้งทำดีด้วยนั้นเพราะหวังให้หนิงฮวาตายใจ นางจำได้ตั้งแต่ยังเด็กนางเคยเจอท่านพ่อที่ตลาดพร้อมกับเด็กหญิงที่ถูกท่านพ่อรักและตามใจต่างจากตนเองที่ไม่เคยแม้แต่มาเหลียวแล นางจะทำทุกทางเพื่อแย่งความรักกลับคืนมา นางจึงไปบอกมารดาของนาง เมื่อซินหยางได้รู้ว่าเหมยอิงอยากได้ นางจึงได้ไปหาหนิงฮวาที่ห้องของนาง
“ข้าขอเข้าไปได้หรือไม่” หนิงฮวาที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ก็ได้ลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องให้แก่ซินหยาง เมื่อนางเข้ามาด้านในก็กวาดตามองสิ่งของในห้องหนิงฮวา และนั่งลงในห้องของนาง หนิงฮวาก็นั่งลงต่อนางและถามว่าซินหยางมาทำอะไรที่นี่
“ท่านแม่มาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“วันนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงให้เหมยอิงนางอายุครบ15ปี นางได้บอกข้าว่านางต้องการปิ่นปักผมของเจ้าเป็นของขวัญวันเกิดเจ้าให้นางได้หรือไม่” หนิงฮวาเองนางก็มิใช่คนหวงของนางจึงยินยอมที่จะให้ปิ่นปักผมหากเหมยอิงต้องการ
“ข้าให้เหมยอิงได้เสมอ ไม่ทราบว่านางได้บอกท่านแม่หรือไม่เจ้าคะว่าต้องการปิ่นปักผมอันใด” หนิงฮวาหันหลังไปคว้ากล่องเก็บปิ่นปักผมมาเปิดให้ซินหยางดู ซินหยางเองก็ไล่ดูจนหมดก็ยังไม่เห็นอันที่เหมยอิงต้องการ
“เจ้ามีอีกหรือไม่ เท่าที่ข้าดูยังไม่เห็นอันที่เหมยอิงต้องการสักอัน” หนิงฮวานางมีเพียงกล่องเดียว นางเองครุ้นคิดก็ได้นึกออกมานางยังมีอยู่อีกกล่องแต่ทว่ากล่องนั้นเป็นปิ่นหยกที่ท่านแม่ของนางได้มอบให้ไว้ดูต่างหน้าเป็นสิ่งของชิ้นเดียวท่านแม่ของนางได้มอบให้
“หากท่านแม่หมายถึงปิ่นหยกล่ะก็ข้าคงมอบให้แก่เหมยอิงมิได้เจ้าค่ะ ปิ่นหยกอันนั้นท่านแม่ของข้าได้มอบให้ก่อนที่ท่านจะจากข้าไป ท่านแม่โปรดเลือกปิ่นในกล่องนี่หรือนำไปมอบให้แก่เหมยอิงจนหมดนี่ก็ได้เจ้าค่ะ” หนิงฮวายื่นกล่องนั้นกลับไปให้อีกรอบ แต่ทว่าถูกซินหยางดันกลับมาพร้อมตวาดเสียงใส่นาง
“เหมยอิงเอ่ยว่าต้องการสิ่งใดนางจะต้องได้สิ่งนั้น นี่เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าหรืออย่างไร ไม่ว่าจะเป็นของเจ้าหรือของแม่เจ้าก็เอามาให้นางบัดเดี๋ยวนี้”
“ข้าให้ไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านแม่โปรดเห็นใจ”
หนิงฮวาก้มหัวลงกับพื้น
“ข้าบอกให้นำมาให้ข้า นี่มีผู้ใดอยู่ข้างนอกเข้ามาในห้องนี่เดี๋ยวนี้” ซินหยางได้สั่งสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเข้ามาในห้องของหนิงฮวาเมื่อนางเข้ามาแล้ว ซินหยางก็พยักหน้าบอกแก่สาวใช้เพราะนางเป็นคนของซินหยางนางเตรียมวางแผนไว้แล้วหากหนิงฮวาไม่ยอมอย่างไรนางก็จะเอามาให้จงได้
สาวใช้ได้เดินหาปิ่นปักผมอีกกล่องของหนิงฮวามาให้กับซินหยาง หนิงฮวาเองที่ทำอันใดไม่ได้ทำได้เพียงนั่งมองอย่างเศร้าใจพร้อมขอร้องให้นางหยุดหา
“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าขอเถอะนะเจ้าค่ะปิ่นอันนี้มันมีค่าสำหรับข้า ท่านต้องการสิ่งใดข้าให้ท่านได้แต่ของสิ่งนี้ข้ามิอาจจะให้ท่านได้” หนิงฮวาขยับกายเข้าไปหาซินหยางและจับไปที่แขนของเขาเพื่อขอสิ่งของของตนเองคืน แต่ทว่ากลับถูกนางปัดและบีบใบหน้าของเธออย่างแรง
“ไม่ว่าสิ่งของจะสำคัญกับเจ้าอย่างไร หากเหมยอิงต้องการข้าจะเอาของเจ้าไปให้นาง จำใส่ใจของเจ้าไว้ด้วยหากเจ้ากล้าขัดใจเหมยอิงล่ะก็ข้าจะจัดการกับเจ้า เจ้าคิดหรือว่าท่านพ่อของเจ้าจะช่วยเจ้าได้ “นางสะบัดข้อมือตนเองทำให้ใบหน้าของหนิงฮวาไปอีกทางด้วยความแรงจนนางล้มลงกับพื้น ซินหยางเมื่อได้สิ่งที่ต้องการนางก็ได้ก้าวเท้าออกจากห้องไปโดยไม่สนเลยว่าหนิงฮวาจะรู้สึกอย่างไร หนิงฮวาร้องไห้ออกมาอย่างคับแค้นใจแค่ของต่างหน้ามารดานางยังเก็บรักษาไว้ได้เช่นนี้ชีวิตของนางจะเป็นเช่นไรต่อไป พี่เลี้ยงข้างกายนางที่กลับมาจากการทำงานก็ได้เข้ามาพบคุณหนูของตนนอนร้องไห้อยู่ที่พื้นนางรีบเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วงทันที
“คุณหนูเกิดอะไรขึ้นกับท่านเจ้าค่ะ” หนิงฮวาเงยหน้าขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเปลือกตาของนางบัดนี้บวมแดงไปหมด
“ท่านแม่ ท่านแม่ช่างใจร้ายกับข้าเหลือเกิน นางมาเอาปิ่นที่ท่านแม่ของข้าไปให้แก่เหมยอิง “เสียงสะอื้นไห้ที่เค้นออกมาจากปากของหนิงฮวาทำให้พี่เลี้ยงของนางรู้สึกโมโหจึงจะลุกเอาความไปแจ้งแก่ท่านใต้เท้า ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คุณหนูของนางยอมให้ แต่ซินหยางเองก็ไม่เคยเห็นใจ ไหนจะเหมยอิงที่เอาแต่ใจตนเองไม่ว่าหนิงฮวามีสิ่งใดนางก็ต้องการสิ่งของหนิงฮวาไปหมดเสียทุกอย่าง
“ข้าจะไปแจ้งท่านใต้เท้า คุณหนูต้องได้รับความเป็นธรรม ฮูหยินมาทำเช่นนี้กับคุณหนูมันจะมากเกินไปแล้ว “นางลุกขึ้นกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องแต่ก็ถูกหนิงฮวาจับมือเอาไว้ก่อน
“อย่าเลย อย่านำเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น วันนี้เป็นวันเกิดของเหมยอิงอีกด้วย”
“คุณหนูท่านอย่าใจดีกับคนเช่นนางเลยเจ้าค่ะ ความใจดีของคุณหนูจะกลับมาทำร้ายคุณหนูในสักวัน”
“ข้าไม่เป็นไร ท่านแม่เองก็คงเข้าใจหากของสิ่งนั้นเป็นของข้าอย่างไรสักวันมันก็ต้องกลับมาเป็นของข้า เดี๋ยวสักวันเหมยอิงนางก็คงเบื่อ” หนิงฮวาได้ปาดน้ำตาฉู่ฉู่นางจึงอ่อนใจและนั่งลงจับใบหน้าของหนิงฮวาดูขอบตาที่บวมแดง
“ดูสิเจ้าค่ะ ดวงตาที่แสนงามของคุณหนูตอนนี้บวมแดงไปหมด “หนิงฮวายื่นหน้ามาให้ฉู่ฉู่ได้ดู
เมื่อถึงเวลางานเลี้ยงผู้คนชาวบ้านต่างมาที่งานอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นใต้เท้าที่สนิทกับใต้เท้าโจเองก็ถูกเชิญมางานเลี้ยงในวันนี้ด้วย เหมยอิงเองก็แต่งตัวมาที่งานอย่างสวยงามราวกับเทพธิดา เสื้อผ้าที่ตัดเย็บมาใช้ในงานนี้โดยเฉพาะ ส่วนหนิงฮวาตั้งแต่ท่านพ่อพาซินหยางเข้ามาอยู่ที่เรือนนางก็ไม่เคยได้ตัดชุดใหม่เลยสักครั้ง นางยืนมองดูผู้คนที่เข้ามาในงานอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนเหมยอิงกับซินหยางก็ยิ้มอย่างมีความสุขล้นใจที่เห็นคนที่มีหน้ามีตามาในงานวันนี้ และอีกหนึ่งอย่างที่ซินหยางหวังคือ นางจะหาคู่ให้แก่บุตรสาวของตน ใต้เท้าหลายท่านต่างพาบุตรของตนมาร่วมแสดงความยินดีในงานในครั้งนี้ด้วย
หนิงฮวาเองก็หวังว่าพี่ห่าวหรานจะมาที่งานในวันนี้ด้วย ห่าวหรานเป็นบุตรชายของใต้เท้าที่สนิทกับท่านพ่อ ทั้งสองรู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ นางได้แอบชอบห่าวหรานมาตลอดห่าวหรานเองก็เช่นกัน จนท่านพ่อของทั้งสองคนได้พูดคุยกันเรื่องแต่งงานของทั้งสอง หากหนิงฮวามีอายุครบสิบแปดปีเมื่อไหรจะให้นางออกเรือนไปกับห่าวหราน นี่ก็เหลือเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น
ห่าวหรานที่มีอายุมากกว่าหนิงฮวาอยู่สองปีตอนนี้เขาเองกำลังจะได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการ
ไม่นานนักสายตาของหนิงฮวาก็จับจ้องไปที่ประตู และแล้วผู้ที่นางเฝ้าคอยก็เดินเข้ามาพร้อมท่านพ่อของเขา ร่างกายที่เปลี่ยนไปของเขาเริ่มบึกบึนและแข็งแกร่งจากเด็กตัวเล็กๆ ที่เคยวิ่งเล่นกับนางบัดนี้ได้เติบใหญ่ไหล่กว้างแขนกำยำแถมห่าวหรานยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาเมื่อเดินเข้ามาในเรือนของหนิงฮวาผู้คนต่างจับจ้องไปที่เขา คุณหนูแต่ละเรือนที่เข้าร่วมงานนี่ก็พากันจับจ้องไปที่เขา แต่สตรีที่เขาหวนคำนึงหามีเพียงหนิงฮวาผู้เดียว ใต้เท้าโจได้ต้อนรับเป็นอย่างดีและแสดงความยินดีที่ห่าวหรานจะได้รับตำแหน่งเร็วๆ ห่าวหรานเมื่อพบกับหนิงฮวาจึงออกปลีกตัวออกมา
ตอนพิเศษยามค่ำคืนที่เงียบสงบเรือนหลังหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบด้วยต้นไม้และทุ่งนา ครอบครัวของหนิงฮวาที่ย้ายมาอยู่ท่านกลางธรรมชาติกำลังชุลมุนวุ่นวาย เสียงฉู่ฉู่ที่คอยบอกสาวใช้ให้เตรียมนู้นเตรียมนี่ดังอยู่เรื่อยๆ ห่าวหรานเองก็เดินไปมาหน้าห้องอย่างเป็นกังวลไม่นานนักเสียงทารกแรกเกิดก็ได้ดังขึ้น ทำให้ห่าวหรานดีใจและเป็นห่วงหนิงฮวาจับใจ“แง้ ๆ ” เสียงแรกที่เปล่งออกมาก็มีเสียงจากหมอว่าตอนนี้เขาได้บุตร“ยินดีด้วยขอรับ ท่านได้บุตรชายที่แข็งแรงตอนนี้ฮูหยินเองก็ปลอดภัยดี ” เมื่อเสียงที่เอ่ยออกมาจากด้านในบอกว่าเขานั้นมีบุตรชาย ท่านพ่อกับท่านแม่เองก็ดีใจมิใช่น้อย พากันยิ้มอย่างระรื่น“ข้าเข้าไปด้านในได้หรือไม่” ห่าวหรานอยากจะอุ้มตัวเล็กซะเหลือเกิน แต่ทันใดนั้นเองเสียงหนิงฮวาก็เปล่งออกมาอีกรอบ“โอ๊ย! ท่านหมอข้าเจ็บท้องอีกแล้ว ” ท่านหมอเองก็ตกใจมิใช่น้อย“โอ๊ะ! หรือว่าฮูหยินมีบุตรสองคน ทำใจดีไว้นะขอรับ สูดลมเข้าไปให้ลึกๆ และเบ่งมาอีกรอบ ” คนที่ด้านนอกเมื่อได้ยินก็ต้องตะลึงเพราะคิดว่านางตั้งครรภ์แค่คนเดียวแต่ทว่าในท้องของหนิงฮวานั้นกลับมาบุตรอยู่ตั้งสองคน“ท่านแม่ ท่านได้ยินหรือไม่ว่าท่านมีหลานสองคน ข้าด
บทที่ 23 ตอนสุดท้ายหนิงฮวามาถึงก็ต้องพบร่างของท่านพ่อที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงที่ถูกบ่าวอุ้มขึ้นไปวางไว้ นางเริ่มก้าวเท้าไม่ออกเรี่ยวแรงที่เคยมีก็หายไป ท่านพ่อที่เป็นที่รักของนางได้จากไปทั้งที่ยังไม่ทันได้ร่ำลา เมื่อท่านหมอเห็นหนิงฮวาจึงเดินมาก้มโค้งลงและบอกอาการ“คุณหนูข้าช่วยท่านใต้เท้าสุดความสามารถแล้วก็ไม่อาจจะยื้อท่านใต้เท้าได้ เพราะเสียเลือดมากเกินไปมีดได้แทงไปโดนเส้นเลือดใหญ่ ข้าน้อยขอแสดงความเสียใจด้วยขอรับ” หนิงฮวาหูอื้อไม่รับรู้สิ่งใดนางเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงร่างที่นอนแน่นิ่งกลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่วห้องแต่นางก็มิได้รังเกียจนางโผล่เข้าโอบกอดร่างของใต้เท้าโจสะอึกสะอื้นอย่างปวดร้าว แม้แต่บ่าวในเรือนเองก็ต่างพากันร่ำไห้เสียใจในการสูญเสียในครั้งนี้ ห่าวหรานมาถึงก็ได้เข้าไปปลอบหนิงฮวาและคอยอยู่ข้างๆ กายนางตลอดเวลาจนกระทั่งได้ทำการฝังร่างของใต้เท้าโจเสร็จสิ้นมีใต้เท้ามากมายร่วมมาไว้อาลัย ห่าวหรานเองก็ไม่ห่างคอยช่วยเหลือหนิงฮวาอยู่ใกล้ๆ ส่วนเหมยอิงตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนเสียสติ เพราะรับไม่ได้ที่ท่านแม่ฆ่าท่านพ่อของตนเอง นางช็อคจนสติหลุดตอนนี้หนิงฮวาได้สั่งให้บ่
บทที่ 22 เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากท่านหลังจากวันงานเลี้ยงฉลองใต้เท้าโจก็ไม่เอ่ยอันใดกับซินหยางอีกเลยแม้กระทั่งห้องนอนเขาก็ออกไปนอนที่ห้องเดิมของตนเองอาการของเหมยอิงก็เริ่มรุนแรงขึ้นทุกวันนาง จนซินหยางเริ่มทุกข์ใจหากเป็นเช่นนี้อีกไม่นานใต้เท้าโจต้องรู้เป็นแน่ ทั้งสองแม่ลูกจึงมาปรึกษากันที่ห้องโถงเพราะคิดว่าวันนี้ใต้เท้าโจไม่อยู่“ท่านแม่ไหนท่านแม่บอกจะช่วยข้าอย่างไรเจ้าคะ ท้องของข้าก็โตขึ้นทุกวัน หรือว่าข้าจะเอาเด็กออก ท่านแม่ช่วยไปหายาสมุนไพรที่รุนแรงมาต้มให้ข้าดื่มได้มั้ยเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นท้องของข้าจะโตขึ้นทุกวันอย่างนี้ข้าจะหน้าไปไว้ที่ใดสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนแต่กลับท้องโตทุกวัน” เหมยอิงวิตกเป็นอย่างมาก“เหมยอิงแม่ผู้นี้บอกแล้วอย่างไรเล่าหากจะจัดการให้เจ้าเองเจ้าช่วยรอข้าก่อนนะ”“รอหรือเจ้าคะ ต้องให้ข้ารอไปถึงเมื่อไหร่กัน หรือท่านแม่จะรอให้ข้าคลอดเด็กคนนี้ออกมาก่อนเจ้าคะ อย่างไรข้าก็จะเอาเด็กออกหากท่านแม่ไม่ทำข้าก็จะออกไปหายาสมุนไพรมาจัดการกับเด็กผู้นี้เอง” เหมยอิงเปิดประตูออกไปก็ต้องตกใจผงะถอยหลังใบหน้าซีเซียว จนซินหยางเองแปลกใจ“เจ้าท้อง ท้องกับผู้ใดเหตุใดเจ้าถึงทำตัวเช่นนี้ช่าง
บทที่ 21 อับอายฮูหยินพาหนิงฮวาเดินเข้ามาในงานเลี้ยงซินหยางพยายามขอร้องก็ไม่เกิดผล หนิงฮวาหันไปมองนางพร้อมแสยะยิ้มอย่างสะใจ“ฮูหยินท่านฟังข้าก่อนที่ข้าทำเช่นนั้นเพราะข้าแค่จะสั่งสอนนางเท่านั้น ข้าเป็นแม่ของนางสั่งสอนบุตรของตนเองมันผิดตรงไหนกัน”“แล้วเจ้าเคยสั่งสอนเหมยอิงบุตรสาวของเจ้าเช่นหนิงฮวาหรือไม่” ซินหยางนิ่งเถียงออกมาไม่ได้ในคำถามที่ฮูหยินได้เอ่ยถาม“ท่านแม่ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่นี้ข้าทนได้เมื่อก่อนช้าเจอมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ท่านแม่อย่านำเรื่องนี้ไปบอกท่านพ่อเลยข้าไม่อยากให้ท่านพ่อต้องดุด่าและต้องอับอาย”“โธ่ๆ หนิงฮวานี่เจ้าต้องเจอกับคนใจร้ายเช่นนี้มานานเท่าไหร่กันเหตุใดเจ้าไม่บอกกับท่านพ่อของเจ้า ว่าเจ้าถูกนางเมียเลี้ยงใจร้ายกลั่นแกล้งมาตลอด แต่ไม่เป็นไรนะต่อจากนี้ข้าจะไม่ให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้อีก” หนิงฮวาได้เติมเชื้อไฟให้ปะทุมากกว่าเดิม จนซินหยางทนไม่ไหวตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ นางจับดึงหัวของหนิงฮวาต่อหน้าฮูหยินโดยไม่ได้เกรงกลัว“ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ เจ้ามันร้ายเอ่ยอันใดมามิใช่ความจริงแม้แต่น้อย หนอยหาว่าข้ารังแกเจ้านั้นหรือได้ข้าจะรังแกเจ้าตามที่เจ้าได้เอ่ยมาเมื่อครู่เอง” หนิงฮวา
บทที่ 20 รู้ทันเมื่อหนิงฮวากระซิบบอกเหมยอิงเสร็จนางก็เอาจอกสุรายื่นให้เหมยอิงเช่นเดิม นางยังคงตกใจยืนอยู่กับที่ จนหนิงฮวาเดินห่างออกจากนางไปนางก็โยกจอกสุรานั้นทิ้งพร้อมกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บแค้น“กรี๊ด!!!” หนิงฮวาที่เดินออกมาได้ไม่ไกลเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของเหมยอิงนางก็ยิ้มออกมาอย่างสะใจ วันนี้นางออกไปที่ตลาดและไปบังเอิญไปพบเจอทั้งสองแม่ลูกที่ตลาดนางจึงแอบเดินตามไปที่โรงหมอ ก็ได้รู้ความลับของเหมยอิงที่นางได้ตั้งครรภ์ และนางเองก็รู้จักสองแม่รู้นี้ดีว่าไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยได้ไม่ว่าวันเวลาจะผลันเปลี่ยนคำพูดที่ทำให้เหมยอิงกรีดร้องออกมานั้นเป็นคำที่แทงใจของนาง“อย่าคิดว่าข้าจะรู้ไม่ทันเจ้า และเจ้าเองก็อย่าคิดว่าข้าจะยอมให้เจ้ากับท่านแม่ของเจ้ารังแกได้อีก ต่อไปนี้เจ้าต้องระวังข้าเสียมากกว่าที่จะเอาความลับของเจ้าไปแพร่งพราย ตอนนี้ตัวของเจ้าก็ไม่ได้มีเจ้าเพียงผู้เดียว จงอย่าทำอันใดที่มันเกินขอบเขตไม่เช่นนั้นเรื่องนี้จะถึงหูท่านพ่อเป็นแน่ และอีกอย่างอย่าคิดมาจับสามีของข้าให้รับเป็นพ่อของเด็กในท้องของเจ้า เพราะข้าจะไม่อยู่นิ่งเป็นแน่”หนิงฮวาเดินกลับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ห่าวหรานเองก็หันมามองแ
บทที่ 19 เหมยอิงท้องฝั่งด้านเหมยอิงช่วงนี้นางรู้สึกแปลกๆ ในร่างกาย นางเริ่มไม่อยากอาหารและไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเมื่อได้กลิ่นอาหารที่มีกลิ่นฉุนก็มักจะคลื้นไส้อ้วกตลอดเวลา นางเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่บอกผู้ใดจนวันนี้ที่ต้องมานั่งกินอาหารร่วมกับท่านพ่อและท่านแม่“วันนี้ท่านพี่มีเวลา ช่างดีเสียจริงเราไม่ได้นั่งกินอาหารด้วยกันมานานมากแล้ว” ซินหยางเอ่ยพร้อมพยักหน้าให้บ่าวตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคน“ที่ข้ามีเวลามานั่งกินข้าวกับพวกเจ้าเพราะมีเรื่องน่ายินดีจะมาบอก วันนี้ในช่วงค่ำบ้านใต้เท้าหวังอี้เป่าจะจัดงานฉลองที่ลูกเขยห่าวหรานได้รับตำแหน่งผู้ตรวจการพวกเจ้าเองก็เตรียมตัวรอเมื่อถึงเวลาข้าจะให้เกี้ยวมารับพวกเจ้าเพราะข้าเองต้องเข้าไปที่วังหลวงในช่วงสายๆ” ใต้เท้าโจนั่งคีบอาหารใส่ถ้วยข้าวของตนและคีบเข้าที่ปากของเขาต่อ เหมยอิงที่มาทีหลังก็รีบนั่งลงด้านหน้าของท่านพ่อ“มาแล้วงั้นรึนั่งลงสิ” ใต้เท้าโจบอกเหมยอิง“เจ้าคะท่านพ่อ” เหมยอิงนั่งลงบ่าวก็ได้ตักข้าวใส่ถ้วยของนางกลิ่นอาหารที่คละคลุ้งอยู่บนอากาศได้เตะจมูกของนางทำให้นางรู้สึกพะอืดพะอมจนเก็บอาการไว้ไม่ไหวอีกต่อไป“อั๊วะ” เหมยอิงลุกขึ้นออกไปอ้วกใต้เท้าโจก็มองต