" เธอรู้ได้อย่างไร ฉันยังไม่ได้บอกเธอเลยนะว่าของฉันหายหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นในบ้าน " หลี่เล่อเยียนจ้องตาเขม็งแบบไม่หลบสายตา พร้อมกับไล่สำรวจอย่างจ้องจับผิด
" อ้อ ก็ ก็เสียงคุยกันดังขนาดนี้ใครก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวเองได้บ้างน่ะจ้ะ " ฟู่หลินฮุ่ยรีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวันในการแสดงท่าทางให้ดูน่าเชื่อถือ
" เอาล่ะ มาครบแล้วก็แยกย้ายกัน แล้วตามสมาชิกคณะกรรมการไปสอบสวนเถอะ " เป็นผู้ใหญ่บ้านที่แยกวงบทสนทนานี้
"เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันคิดว่าไม่ต้องถามแล้วล่ะค่ะ เพราะฉันรู้ตัวคนทำแล้ว
ฟู่หลินฮุ่ย เธอมีอะไรจะพูดหรือไม่ ฉันให้โอกาสเธอสารภาพผิด " หลี่เล่อเยียนพูดเข้าประเด็นไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป
" เธอพูดเรื่องอะไรนะเล่อเยียน ฉันนอนในห้องของตัวเองตลอด วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้ออกจากห้องเลยนะ " หลินฮุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พร้อมกับอาการประหม่า มือเธอชื้นไปด้วยเหงื่อที่ไหลซึมออกมาตามรูขุมขน
"อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเธอบอกว่าเธอไม่สบายไม่ได้ออกไปไหน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงฉันขอถามหน่อย
เธอไม่ได้ออกจากห้องแล้วเธออาบน้ำสระผมอย่างไร เธอคงจะไม่บอกว่าเป็นเพราะเหงื่อของเธอหรอกนะ เพราะผมของเธอตอนนี้ยังไม่แห้งดี ซ้ำตอนนี้ผมของเธอยังมีกลิ่นหอมเช่นเดียวกับผมของฉันอีกด้วย
อีกอย่างคนป่วยที่ไหนจะอาบน้ำสระผมกัน เธอว่าหรือไม่จ๊ะฟู่หลินฮุ่ย"
หลี่เล่อเยียนค่อยๆ เดินเข้าไปประชิดตัวของฟู่หลินฮุ่ยขณะที่ตัวของฟู่หลินฮุ่ยถอยหลังทีละก้าวจนชิดกับตัวของหม่ายวี่ไท่ที่เดินไปดักทางไว้แล้วเรียบร้อย
" ฉะ ฉันดีขึ้นแล้วล่ะ ก็เลยไปอาบน้ำสระผมแล้วก็มานอนต่อ" ฟู่หลินฮุ่ยยังคงอธิบาย ถึงแม้ว่าน้ำเสียงเธอจะฟังดูสั่นก็ตาม
เพียงเท่านี้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็พอจะเดาตัวคนร้ายได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่จะพูดปรักปรำก็ไม่ได้ ยังจะต้องหาหลักฐานมามัดตัวผู้ร้ายให้ได้เสียก่อน
" อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยบอกแหล่งที่มา ของยาสระผมที่เธอใช้ได้หรือไม่ ว่าเธอนำมันมาจากที่ไหน เพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมาไม่เห็นว่าเธอจะใช้มันเลยนี่จ้ะ" หลี่เล่อเยียนพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่สายตาเธอนั้นดูน่ากลัว และยากที่ใครจะหลบสายตาเวลาที่เธอจ้อง
" ฉะ ฉัน คือ ฉัน ค คือ ว่าฉัน " ฟู่หลินฮุ่ยกลายเป็นคนพูดติดอ่าง อีกทั้งยังตัวสั่นยากที่จะควบคุม
เธอจะบอกได้ยังไงล่ะ เพราะเธอไม่ใช่เจ้าของมันตั้งแต่แรก ในบ้านนี้คงจะมีเพียงเล่อเยียนเท่านั้น ที่มีของใช้พวกนั้นติดตัวมา เป็นเธอที่เฝ้าอิจฉาเวลาเดินผ่านหรืออยู่ใกล้ๆ กับหล่อน เพราะมักจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวหลี่เล่อเยียนเสมอ
" เธอตอบไม่ได้ เพราะเธอไม่รู้ว่าซื้อมาจากไหนสินะ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ เธอไม่ได้ซื้อมา แต่เธอขโมยมันมาจากห้องของฉัน "
หลังจากนั้นฟู่หลินฮุ่ยก็รับสารภาพ เพราะเธอไม่มีที่พึ่งจริง ๆ ข้าวสารอีกทั้งแป้งของเธอหมดไปแล้ว เพราะต้องแบ่งให้กับฟ่านเหมยเหมยตัวกินจุ
เธอมาอยู่นี่ตัวคนเดียวไม่กล้าที่จะไปหยิบยืมใคร จึงคิดว่าจะสร้างสถานการณ์ทำทีเป็นเหมือนโจรขึ้นบ้าน ที่ไม่ได้เอาไปหมดเพราะกลัวเล่อเยียนไม่มีจะกินเหมือนกัน
คนทำผิดทางคณะกรรมการเห็นว่าเจตนาไม่ได้ร้ายแรงเพียงแค่คนจนตรอกไม่มีที่ไปคนหนึ่ง จึงคาดโทษไว้ก่อน อีกทั้งตัวของเล่อเยียนเองก็ไม่ได้เอาความอะไร เรื่องนี้จึงจบไป แต่จะให้คนอื่นมองตัวฟู่หลินฮุ่ยเหมือนเดิมคงจะไม่ได้แล้ว เธอกลายเป็นหัวข้อถกเถียงกันของคนในหมู่บ้านเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วล่ะ
“ที่เธอพูดมา … เป็นความจริงหรือ” แม่เฒ่าหยางเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะในเนื้อจดหมายที่น้องชายส่งไปไม่เห็นเขาจะพูดถึงเรื่องนี้เลยนี่นา“พี่คะฉันจะโกหกพี่ทำไมละคะ ตัวหมิงเฉิงเองเขาไม่ได้อยากจะแยกไปหรอกค่ะ แต่ขัดใจภรรยาไม่ได้ เพราะเธอเป็นคนเอาแต่ใจ ถูกพ่อตามใจมาจนเสียคน เด็กไม่มีแม่คอยสั่งสอนก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ” พูดถึงตรงนี้แม่เฒ่าหยางก็มองตาค้างเพราะเธอก็ไม่ได้สั่งสอนลูกชายคนรองเช่นกัน“เอ่อ…ฉันไม่ได้หมายถึงพี่นะคะ อาเฉิงถึงแม้จะได้ไม่อยู่ใกล้ชิดกับพวกพี่เท่าไหร่ แต่ว่าเขายังมีฉันกับสามีคอยสั่งสอนนี่คะไม่อย่างนั้นเขาจะได้เป็นถึงผู้พันหรือคะพี่ว่าจริงไหม ฮ่าๆ” น้องสะใภ้หัวเราะกลบเกลื่อนที่เผลอพูดไปโดยไม่คิด แม่เฒ่าหยางมีสีหน้าเจื่อนๆ แต่ก็ยังคงยิ้มบาง ๆ พยักหน้าเห็นด้วย“พี่ว่าพี่กลับก่อนดีกว่านะมานานแล้ว ปล่อยอาหลงอยู่กับแม่เขาสองคน กลัวเธอจะทำอะไรยังไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่” พูดจบแม่เฒ่าหยางก็รีบเดินกลับบ้านลูกชายทันที เธอตั้งใจมานั่งหาความสบายใจ แต่ทว่ากลับยิ่งไม่สบายใจมากกว่าเดิม แต่อ
เช้าวันที่อากาศร้อนวันหนึ่งของเดือนพฤษภาคม หลี่เล่อเยียนยังคงยุ่งอยู่กับการดูแลลูกชาย จนถึงตอนนี้ลูกชายของเธอก็มีอายุได้ 2 เดือนแล้ว เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ ที่ต้องให้ถกเถียงกันเรื่องของลูกชาย เพราะแม่สามีนั้นได้เตรียมน้ำข้าวต้มมาป้อนลูกชายของเธอแล้ว“คุณแม่ทำอะไรคะ” หลี่เล่อเยียนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ จึงทิ้งลูกชายไว้กับแม่สามี แต่พอกลับเข้ามา เธอแทบจะกระโจนเข้าไปคว้าถ้วยอะไรสักอย่างจากมือของแม่สามี“กำลังป้อนน้ำข้าวต้มให้อาหลงน่ะ ดูสิเขาดูชอบมันมากนะ” ตอนนี้หยางหนิงหลงทำหน้าตาหยีๆ กับรสชาติที่เขาไม่คุ้นเคย เพราะหลี่เล่อเยียนให้ลูกชายดื่มเพียงน้ำนมจากเต้าของเธอเท่านั้น“ยังกินไม่ได้ค่ะคุณแม่ เขายังเด็กเกินไป” แม่เฒ่าหยางชะงักมือที่กำลังป้อนหลานชายทันที ทำไมถึงจะกินไม่ได้เธอเลี้ยงลูกมาตั้งกี่คนกัน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าอันไหนกินได้กินไม่ได้ หลานชายเธอถือว่ากินช้ากว่าคนอื่นเสียด้วยซ้ำ“ทำไมล่ะ ฉันก็ทำแบบนี้เมื่อตอนที่พ่อของเขายังเป็นเด็ก เขากินเร็วกว่าหลงเอ๋อร์เสียด้วยซ้ำ” เธอยังรู้สึกว่าป้อนข้าวหลานชายช้าไป แต่เพราะเห็นว่าลูกสะใภ้มีน้ำนมเยอะเลยยังไม่ได้ป้อนเท่านั้
ทางด้านของเสี่ยวฮวาที่ตอนนี้กำลังร้อนใจ เพราะเลยกำหนดส่งของมานานแล้ว เธอกลัวว่าเล่อเยียนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เพราะธรรมดาแล้วเล่อเยียนจะไม่มาสายเลยนี่นา เธอเข้าออกภายในบ้านและนอกบ้านทุกๆ 10 นาที จนเมื่อชั่วโมงก่อนเธอตัดสินใจมานั่งรอเล่อเยียนที่หลังพุ่มไม้เดิม ที่เล่อเยียนเคยซ่อนของเอาไว้ เธอฟุบหลับที่หลังพุ่มไม้ จนรู้สึกได้ถึงแรงสะกิด คิดว่าคงเป็นสามีที่มาตามเธอเข้าบ้านอย่างแน่นอน แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องร้องตะโกนดีใจกระโดดกอดเล่อเยียนด้วยความโล่งอก“เล่อเยียน พี่คิดว่าเธอเป็นอะไรไปเสียอีก พี่มานั่งรอเธอหลายชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มา ไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีกับเธอใช่ไหม” เสี่ยวฮวาที่มัวแต่ดีใจที่ได้เห็นหน้าหลี่เล่อเยียน ก็ไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครอีกคนที่ติดตามเธอมาด้วย“ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ พี่คะนี่หยางหมิงเฉิงสามีของฉันค่ะ และนี่พี่เสี่ยวฮวาค่ะ ทั้งสองคนรู้จักกันไว้นะคะ” หลี่เล่อเยียนแนะนำสามีให้เสี่ยวฮวารู้จัก ส่วนทางด้านของเสี่ยวฮวานั้นตะลึงกับความหล่อของสามีน้องสาวหลี่ไปแล้ว เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกเสียจริง เธอยังคิดจินตนาการว่าสามีของหลี่เ
“ภรรยาครับได้โปรด…………” ตอนนี้เขายอมแลกทุกอย่างสำหรับการได้กินเนื้อในครั้งนี้“รับปากมาก่อนสิคะเรื่องส่งสบู่ ฉันรับปากค่ะถ้าหากเกิดอะไรที่ไม่ชอบมาพากลจะเลิกทำทันที ตอนนี้กำลังเป็นไปได้ด้วยดี เราก็ควรจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้นะคะ” หยางหมิงเฉิงไม่รอให้เธอพูดจบ“อืม” เขาพูดออกไปได้เพียงเท่านั้นจริง ๆ แล้วก็ประกบเข้ากับริมฝีปากบางนั้นทันที เขาฉกฉวยเอาความหวานจากในโพลงปากที่เฝ้าคิดถึงมานาน ไม่ปล่อยให้เสียเวลามือก็ทำงานไปด้วยในการปลดเปลื้องอาภรณ์ให้ไปพ้นๆ สายตา เหลือเพียงร่างบางอรชรที่เขานั้นเคยชิมมาแล้วทุกตารางนิ้ว ผิวของเธอขาวเนียนละเอียดเหมือนไข่ขาว สวยไปทุกสัดส่วนไม่เว้นแม้แต่จุดอ่อนไหวที่สุด แม้เธอจะผ่านการคลอดลูกมาแล้วหนึ่งคน แต่ทุกอย่างยังดูสดใหม่เสมอ หยางหมิงเฉิงบอกรักภรรยาทุกตารางนิ้วของกายหยาบเธอ เขาไม่เคยมัวเมาอะไรเช่นนี้มาก่อน เธอทำให้เขาเมายิ่งกว่าสุราพันจอกที่ได้ดื่มมันลงไปหลี่เล่อเยียนยอมพลีกายสำหรับงานนี้มาก อะไรที่ไม่เคยทำเธองัดออกมาใช้จนหมด แม้กระทั่งการที่เธอเป็นคนคุมเกม ซึ่งดูเหมือนว่าสามีข
“ก็ได้ค่ะ ฉันยอมรับก็ได้ แล้วจะมาให้คุณลงโทษทีหลังแล้วกัน แต่ตอนนี้คุณต้องช่วยฉันขนสบู่พวกนี้ไปส่งพี่เสี่ยวฮวาก่อนค่ะ ฉันสายมากแล้ว” หลี่เล่อเยียนจนมุมไม่มีทางแก้ตัวใด ๆ เธอเต็มใจรับบทลงโทษหนักๆ เอ้ย บทลงโทษที่เขาจะมอบให้ แต่ตอนนี้ต้องรีบทำเวลาแล้วล่ะ“ไม่ได้ครับ คุณสัญญากับผมแล้ว คุณบอกผมว่าไม่ชอบคนโกหกมีอะไรต้องพูดกันตรง ๆ ผมบอกคุณไปแล้วว่าไม่ชอบคนทำอะไรลับหลัง เรื่องนี้คุณผิดรู้ตัวใช่ไหมครับ” เล่อเยียนยืนหน้าบึ้งที่ประตูห้องของหลี่หาน เธอผิดมากหรืออย่างไรกันที่อยากจะให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น ลำพังแค่เงินเดือนของเขาที่จะต้องจากลูกเมียไปเป็นเวลานาน ๆ แต่ได้เงินกลับมาไม่ถึง 1 ใน 4 ส่วนที่เธอหามันมาได้ด้วยซ้ำไป“ฉันยอมรับว่าทำผิดค่ะ แต่ไม่ขอยอมรับเรื่องที่ทำอะไรลับหลังคุณฟังแล้วดูเหมือนฉันเป็นคนไม่ดี เหมือนผู้หญิงที่สวมหมวกเขียวให้สามีซึ่งฉันไม่ได้ทำแน่นอน เพราะฉะนั้นคุณจะมาเหมารวมว่าฉันเป็นคนประเภทนั้นไม่ได้เด็ดขาดค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องคุณแม่เรื่องที่คุณดูถูกฉันว่าทำอะไรไม่ดีลับหลังคุณ” เธอไม่ได้เก่งแค่เรื่องทำสบู่อย่างเดียวหรอก
กำหนดวันส่งสบู่ล็อตใหญ่ก็มาถึง ตอนนี้สิ่งที่เล่อเยียนกังวลที่สุดคือเธอจะบอกแม่สามีเรื่องขนสบู่ไปอย่างไรดี เธอให้น้องชายช่วยเรียงมันใส่ไว้ในถุงขนาดใหญ่ 4 ถุงเรียบร้อยแล้ว ถ้าเธออยู่บ้านคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน เธอจะไม่คิดมากเลย เสร็จแล้วก็แค่เอาใส่เข้าไปในมิติ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เลยคงต้องหาวิธีใหม่เสียแล้วล่ะ“เธอจะเอาไปยังไงล่ะแม่หนิงหลง เรียกเมียเหยาอินมาช่วยดีหรือไม่แผลเพิ่งจะสมานกันดี แม่ไม่ค่อยอยากจะให้เธอยกของหนักเท่าไหร่ หรือจะให้แม่กับเมียเหยาอินยกไปส่งเขาดี” แม่เฒ่าหยางเห็นหุ่นของลูกสะใภ้แล้วก็เป็นห่วง กลัวว่าถุงสบู่จะทับหล่อนเอวหักไปเสียก่อน“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ เดี๋ยวฉันจะไปเรียกพี่สะใภ้มาช่วยยกไปหน้าบ้าน เดี๋ยวคนที่สั่งก็มาเอาของแล้วล่ะค่ะ” เธอกะว่าจะใช้มุกเดิมที่โกหกสามีไปเมื่อครั้งที่แล้วยังไงก็ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไปให้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันเถอะตอนนี้เธอปวดหัวมาก ๆ เลยกับความเป็นห่วงเป็นใยของแม่สามีที่ดูจะมากเกินไปหน่อย“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวแม่จะดูอาหลงเอง ถ้าได้หลับแล้วก็น่าจะนอนได้นานไม่น่าเป็นห่วง