หากเป็นราคาขายในร้านสหกรณ์ เนื้อคุณภาพต่ำอยู่ที่ราคาชั่งละ 5.5 หยวน ส่วนเนื้อชั้นดีจะอยู่ที่ราคาชั่งละ 7 หยวน
หลี่เล่อเยียนรู้ว่าราคาที่เธอขายนั้นสูงลิ่วมีโอกาสที่หญิงคนนี้จะไม่ซื้อสูงมาก แต่ช่วยไม่ได้เพราะเธอตัดใจขายราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว
" ตกลงค่ะ คุณมีเท่าไหร่คะ ฉันต้องการเนื้อชั้นดี 5 ชั่ง ส่วนหมูสามชั้นกับซี่โครงต้องการอย่างละ 10 ชั่งค่ะ "
เมื่อรู้ความต้องการของคุณผู้หญิงคนนี้เห็นทีหลี่เล่อเยียนต้องเปลี่ยนไปเรียกคุณนายแล้วล่ะ หล่อนจะเอาไปทำอะไรกันมากมายถึงเพียงนั้น แต่ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องของเธอ
" เอ่อ คุณรอฉันสักครู่นะคะเดี๋ยวฉันไปหยิบของมาให้ "
หลี่เล่อเยียนแสร้งเดินไปยังตรอกที่ไม่มีคน ทำทีล้วงถุงผ้าที่พกมาด้วยอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินออกมา
" ของที่คุณต้องการได้แล้วค่ะ แล้วคุณจะเอาไปอย่างไรหรือคะ มันค่อนข้างเยอะพอสมควร " ขนาดเธอยังต้องเดินถึงสองรอบ แล้วหล่อนจะเอากลับอย่างไรกัน
"ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันมากับแม่บ้าน นั่นไงคะหล่อนมาแล้ว ป้าจางทางนี้ค่ะ " จากนั้นคุณนายอำเภอก็จ่ายเงิน
เนื้อชั้นดีชั่งละ 12 หยวน 5 ชั่งเป็นเงิน 60 หยวน
เนื้อสามชั้นชั่งละ 13 หยวน 10 ชั่งเป็นเงิน 130 หยวน
เนื้อซี่โครงชั่งละ 15 หยวน 10 ชั่งเป็นเงิน 150 หยวน
รวมเงินทั้งหมดที่คุณนายอำเภอต้องจ่าย คือ 340 หยวน ต้องรวยขนาดไหนกันถึงจะจ่ายเงินจำนวนนี้ได้ ชาวบ้านต้องทำงานกี่ปีถึงจะได้อาหารเพียง 1 มื้อของคนพวกนี้
" นี่จ้ะเงิน เธอมาที่นี่ประจำรึเปล่าจ๊ะ ฉันจะได้ขอเป็นลูกค้าประจำ พี่ชื่อซ่งเยว่ซินจ้า ส่วนนี่ป้าจางเป็นแม่บ้านที่บ้านพี่น่ะ " คุณนายอำเภอแนะนำตัวเอง แต่ไม่ได้บอกฐานะของตนไปด้วยกลัวว่าฝั่งนั้นจะตกใจ เธอรู้ดีว่าที่ตรงนี้ผิดกฎหมายแต่เธอก็เข้าใจสถานการณ์ดี
" ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณนายซ่ง แม่บ้านจาง ฉันชื่อหลี่เล่อเยียนค่ะ ฉันมาขายเฉพาะวันหยุดค่ะ ไม่ได้ขายประจำ แต่ถ้าคุณอยากได้นัดวันกับฉันก่อนได้ค่ะ " เจอลูกค้ารายใหญ่ขนาดนี้เธอไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือไปได้หรอก
"เรียกพี่เยว่ซินเถอะจ้า พี่ก็จะเรียกเธอว่าน้องเล่อเยียนดีไหม ถือว่าเรารู้จักกันแล้ว
ต่อไปอาจจะเป็นป้าจาง ที่จะเป็นคนมาซื้อ แต่บ้านพี่จะทานเนื้อกันอาทิตย์ละครั้ง ถ้าเป็นไปได้อาทิตย์หน้าน้องเล่อเยียนก็เอามาเผื่อพี่หน่อย แต่ครั้งต่อไปคงไม่เยอะเท่าครั้งนี้หรอกนะ อย่างที่บอกพี่มีงานเลี้ยงที่บ้านครั้งนี้เลยใช้เยอะ " คุณนายซ่งร่ายยาวถึงสาเหตุการซื้อเยอะขนาดนี้ ส่วนป้างจางนั้นได้แต่ยืนส่งยิ้มและค้อมหัวให้เธอด้วยความสุภาพ
" ตกลงค่ะฉันจะเอามาเผื่อพี่สาว " ซ่งเยว่ซินไม่พูดพร่ำมากไปกว่านี้เนื่องจากเธอกลัวจะเจอคนที่เคยเห็นหน้าคร่าตาบ้างตามงานที่เคยติดตามสามีเวลาออกนอกพื้นที่ มันไม่เป็นการดีต่อเธอแล้วก็ชื่อเสียงของสามีเอาซะเลย
การขายถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่นดี ยุคนี้การติดต่อถือว่าล้าหลังมาก ไม่สะดวกสบายเหมือนสมัยที่เธอจากมา จะทำอะไรก็ต้องนัดวันและเวลากันให้ชัดเจนไม่อย่างนั้นคงหากันไม่เจอหรอก
หลี่เล่อเยียนได้ลาภก้อนโต ขายครั้งแรกก็เจอลูกค้ารายใหญ่เสียแล้วไม่เรียกว่าโชคหล่นทับจะเรียกอะไรได้อีกเล่า
แต่จะให้เธอเอาของจากในมิติมาขายอย่างเดียวเห็นทีคงจะไม่ได้ เนื่องจากของมีอยู่อย่างจำกัดใช่ว่ามันจะเพิ่มขึ้นเหมือนในนิยายทั่ว ๆ ไป แต่แรกๆ คงต้องทำแบบนี้ไปก่อนมีช่องทางค่อยว่ากัน
นอกจากเนื้อที่เธอขายให้กับซ่งเยว่ซินแล้ว เธอก็มีลูกค้ารายย่อยอีก 5-6 ราย รวมเงินที่ขายเนื้อวันนี้อยู่ที่ 420 หยวน และได้คูปองผ้าที่บางคนเอามาแลกด้วยอีก 5-6 ชั่ง ถือว่าเป็นเงินจำนวนมากทีเดียวสำหรับวันแรก เธอมีเวลาแค่เดือนละ 2-3 ครั้งที่จะเอาของออกมาขายก็ต้องเร่งทำการค้ากันหน่อยล่ะ
เมื่อขายเสร็จเล่อเยียนจึงนำเอาไข่ออกมาจากมิติครึ่งชั่ง เนื้อซี่โครง 1 ชั่ง วันนี้เธอจะทำผัดซี่โครงเปรี้ยวหวาน เธอรอเวลานี้มานาน แม้ว่าจะมีของในมิติแต่ไม่สามารถเอาออกมาได้ตามใจชอบ ช่างเป็นเรื่องทรมานท้องซะเหลือเกิน
ทำเช่นไรเธอถึงจะมีอิสระในการใช้ชีวิตกันนะ จะทำอะไรก็ต้องคอยระแวดระวังคนจะรู้ไปหมด
" มาแล้วหรือเล่อเยียน เป็นอย่างไรบ้างเจอญาติเธอหรือไม่" เป็นเหอหมี่เมี่ยนที่รีบทักทาย เมื่อเห็นเล่อเยียนถือของมาเต็มมือ
" อื้ม...เจอสิ นี่ไงฉันได้ของกินมาเพียบเลย วันนี้ฉันจะเข้าครัวพวกเธอรอชิมฝีมือฉันได้เลย " หลี่เล่อเยียนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้มีท่าทีอึกอักหรือแสดงพิรุธอะไรออกมาแม้แต่น้อยทั้ง ๆ ที่เรื่องทั้งหมดเธอแค่สร้างมันขึ้นมาเท่านั้น
ใกล้ถึงกำหนดส่งขนมตามที่นัดกันเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนเริ่มตามแผนการคือ เล่อเยียนแกล้งป่วยขอลางาน หมี่เมี่ยนขอลาด้วยให้เหตุผลว่าไม่มีคนดูแลเล่อเยียน ส่วนหม่ายวี่ไท่ลากเหมยเหมยและฮุ่ยหลินออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้า ก่อนที่เสียงระฆังจะเตือนให้ลงพื้นที่ด้วยซ้ำจากนั้นเล่อเยียนเริ่มขนอุปกรณ์ รวมถึงวัตถุดิบออกมาจากห้อง พร้อมทั้งบอกหมี่เมี่ยนว่าซื้อมาตั้งแต่ติดเกวียนของลุงในหมู่บ้านเข้าเมือง หมี่เมี่ยนถามเล่อเยียนว่าไม่กลัวเธอจะขโมยสูตรไปทำขายบ้างหรือ" ถ้าเธออยากทำขายฉันก็ไม่ขัดหรอก ขอแค่อย่าแย่งลูกค้ากันก็พอ " แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ หมี่เมี่ยนจะทำขายได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินลงทุน อาศัยเพียงแค่สูตรอย่างเดียวไม่มีทางเป็นไปได้ทั้งสองช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง กลิ่นของขนมโก๋ช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน กลิ่นมันหอมไปทั่วบริเวณบ้าน เพราะพวกเธอทำในปริมาณที่มาก วันแรกผ่านไปด้วยดีทั้งสองคนช่วยกันทำจัดขนมใส่กล่องเวลาในการทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลานึ่งประมาณ 45 นาที นึ่งครั้งหนึ่งได้ประมาณครั้งละ 6 ชิ้น เมื่อนับแล้ววันนี้ทำขนมได้ทั้งหมด 50 กล่อง เป็นแบบนี้ทำไม่ทันแน่นอนเพราะเธอทำได้แค่เฉพาะกลางวันเพ
เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านหลี่เรียบร้อยแล้ว หยางหมิงเฉิงก็ต้องเข้ากรมแลกวันหยุดกับเพื่อน เพื่อที่จะเดินทางไปหาหลี่เล่อเยียนอีกครั้ง ครั้งนี้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่เจอที่ร้านบะหมี่คือเธอแน่นอน แต่อาจจะต้องสืบอีกทีว่าเธออยู่ที่หมู่บ้านไหนเขาได้เรียนรู้แล้วว่าการที่เขาเงียบไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้พ่อของเล่อเยียนก็เข้าใจลูกสาวแล้ว และเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งนี้ หลี่ฮ่าวตูอาสาจะเป็นคนไปแทนเล่อเยียน แล้วให้น้องสาวของเขากลับมามีชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่าจะทำได้ส่วนสองแม่ลูกหนูนั้นก็ถูกคาดโทษ เพราะการกระทำของคนเป็นแม่ เธอสารภาพว่าแผนการทุกอย่าง เธอนั้นลงมือทำเองคนเดียว ลูกสาวอย่างหรูฟางเซียนนั้นไม่รู้เห็นเรื่องนี้กับเธอด้วยกล่าวตามที่แม่เลี้ยงหรูรับสารภาพ ว่าเธอทำเรื่องน่าอายในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของ หยางหมิงเฉิงและซุยเถาหยวน ทั้งสองมาเลี้ยงฉลองที่บ้านของตระกูลหลี่ เพราะมีข่าวแว่วมาว่าทางการจะเกณฑ์พวกนักศึกษาจบใหม่ หรือที่กำลังเรียนอยู่นั้นไปเข้าค่ายชนบทห่างไกล เพื่อทำงานแลกแต้มค่าแรงว่ากันตามตรงคือคนที่เหมาะสมที่สุดคงหนีไม่พ้นหลี่
" อืม ฉันจะไปคุยกับคุณลุงเอง " หยางหมิงเฉิงคิดตำหนิตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรให้ชัดเจน ปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายจนทำลายชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งรอจนเวลาพลบค่ำ หลี่ฉินผู้เป็นพ่อของหลี่เล่อเยียนก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เขาเจอกับหยางหมิงเฉิงก็ตกใจไม่น้อยเพราะระหว่างเขาและหมิงเฉิงนั้นมีสัญญาใจกันอยู่ แต่จะให้เขาทำเช่นไรได้ล่ะ เพราะลูกสาวของตนเป็นคนไม่ดีเอง เขาผู้เป็นคนกลางจึงต้องให้ความยุติธรรมที่สุด" สวัสดีครับคุณลุง ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ " หยางหมิงเฉิงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายผู้ใหญ่ก่อน พ่อของเล่อเยียนดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ" นั่งสิ กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ " หลี่ฉินตั้งสติได้ก็เริ่มบทสนทนา ท่าทางสุขุมของเขาที่ต้องทำงานพบปะผู้คนมากมาย พอจะช่วยลดอาการประหม่า เวลาที่เจอกับผู้ชายตรงหน้าเขาได้ รังสีของชายชาติทหารมันแผ่ออกมาโดยที่หยางหมิงเฉิงนั้นไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ดูน่าเกรงขาม" ครับ พึ่งมาถึงเมื่อคืนผมเห็นว่าดึกแล้วน่ะครับเลยไม่ได้มาหาคุณลุงก่อน " หลี่ฉินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเข้าเรื่อง" เธอไปแล้วล่ะ ฉันขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ " หลี่ฉินเอามือประสานกั
กล่าวถึงนายทหารหนุ่มที่ร้อนใจขออนุญาตผู้บังคับบัญชา มุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงก่อนกำหนดเดิม โดยรายงานว่ามีเหตุจำเป็นสำคัญ นายทหารยศใหญ่เดิมทีชอบในฝีมือและผลงานของเขา อีกทั้งยังหมายตาให้เป็นว่าที่ลูกเขย จึงพยายามที่จะสนับสนุนเต็มที่ ครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาในการขอลากิจด่วน อีกอย่างภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอะไรน่ากังวลหยางหมิงเฉิงเดินทางโดยรถไฟ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากไปบ้าง แต่เพื่อให้หายขับข้องใจถึงอย่างไรเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมืองชนบทเขาพยายามตามหาเธอจนทั่วทุกที่ที่เขาคิดว่าเธอจะไป แม้กระทั่งในค่ายชนบทของเหล่าปัญญาชน เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่ในค่ายนั้นหรือไม่ เพราะคิดว่าครอบครัวของเธออย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้มาเป็นแน่เธอมีพี่ชายที่ทั้งรักและหวงแหนเธอดั่งแก้วตาดวงใจขนาดนั้น เขาจะทนให้เธอมาลำบากได้อย่างไรกัน แต่เขาคิดไม่ตกสำหรับผู้หญิงที่เจอที่ร้านบะหมี่ ทำไมเขาถึงไม่เดินไปหาเธอให้รู้เรื่องกันนะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงไม่ต้องมานั่งร้อนใจ เพราะเป็นห่วงเช่นนี้ระยะเวลา 3 วัน 3 คืน ที่เขานั้นเดินทางมา ในที่สุดก็ถึงปักกิ่ง แต่ขอบอกว่าเวลานี้นั้น ปักกิ่งไม่น่าอยู่เลยสักนิด ม
อี้หยางที่นั่งนิ่งๆ ตักข้าวกินไปด้วยพร้อมกับสังเกตเล่อเยียนไปด้วย เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ นี่มันแร้งลงโต๊ะกินข้าวหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงเป็นกันได้เพียงนี้ ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของเขา นี่พวกเขาอดอยากกันมากถึงเพียงนี้เชียวหรือแม่เฒ่าเว่ยเก็บอาการโมโหไว้ในใจ ลำพังพวกบรรดาลูกสะใภ้หล่อนจัดการสั่งสอนทีหลังได้ แต่แม่หนูฟ่านเหมยเหมยนี่อะไรกัน หล่อนเป็นหมูมาเกิดหรืออย่างไร ทำไมถึงได้กินมูมมามเสียงดังเพียงนี้ ทั้งยังกินแต่จานเนื้อ ไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ หนูเล่อเยียนรึหล่อนหยิบแต่จานผัก อาหารที่หล่อนนำมาเธอยังไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้แตะมันเลยแม้แต่น้อย"นี่พวกเธอไปอดอยากจากที่ไหนมากัน ไม่อายแขกของฉันกับอี้หยางบ้างเลยหรืออย่างไร " สุดท้ายแม่เฒ่าเว่ยก็ทนไม่ไหว จำต้องแสดงด้านโหดออกมาให้เล่อเยียนเห็น" เหลือไว้ให้คนอื่นเขากินบ้าง อาหารในปากก็เคี้ยวให้หมดเสีย ก่อนที่มันจะติดคอเพราะยัดไม่เลือก" แม่เฒ่าเว่ยโมโหจนตัวสั่น อีกทั้งเธอยังว่ากระทบฟ่านเหมยเหมยอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าว่าต่อหน้าก็ตาม" ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนกินกันเลยค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเนื้อเท่าไหร่ " หลี่เล่อเยียนตอบออกมายิ้มแบบฝืนๆ ใจจริงเธออยากจะบอ
เมื่อไปถึงบ้านเว่ย แม่เฒ่าเว่ยก็ออกมารอต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว วันนี้เธอจะต้องได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ให้ได้เธอให้ลูกสะใภ้ทั้งสองเตรียมอาหารเนื้อชุดใหญ่ เพราะลูกชายเธอเป็นคนซื้อเนื้อมาเอง ถึงแม้ว่าเว่ยอี้หยางจะยังไม่แยกบ้าน แต่เขาก็พอมีเงินเก็บส่วนตัวบ้าง ไม่ได้ส่งให้แม่ไปจนหมดเผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบากเมื่อทั้งสามคนไปถึง อาหารก็ขึ้นโต๊ะพร้อมกินได้แล้วสมาชิกบ้านเว่ยมีทั้งหมด 10 คน ผู้ใหญ่ 7 คน เมื่อหลี่เล่อเยียนและฟ่านเหมยเหมยมาร่วมกินด้วย เด็ก ๆ จึงแยกโต๊ะ รวมถึงลูกสาวคนเล็กคนเดียวของบ้านเว่ยด้วย แม้ว่าเธอจะมีอายุเท่ากับเล่อเยียนก็ตาม" กับข้าววันนี้พี่เขาซื้อมาจากในเมือง หนูเล่อเยียนกินให้อร่อยนะจ๊ะ""จริงสิแล้วนี่ใครกันหรือ ป้าเหมือนจะเคยเห็นหน้า แต่ไม่รู้จักชื่อเพื่อนของหนูเล่อเยียนเองหรอกหรือจ๊ะ" แม่เฒ่าเว่ยว่าจะถามตั้งแต่เข้ามาในบ้าน แต่ก็มัวลืมรีบพาเล่อเยียนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร กลัวว่าหล่อนจะลุกวิ่งหนีไปอีกเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา"หนูชื่อฟ่านเหมยเหมย เป็นเพื่อนของเล่อเยียนค่ะคุณป้า เอ่อ..พอดีหนูมาเป็นเพื่อนเธอน่ะค่ะ ให้เล่อเยียนมาคนเดียวเห็นจะดูไม่เหมาะสัก