เมื่อคุณนายอำเภอได้ของที่ต้องการเธอก็ปั่นจักรยานพร้อมแม่บ้านจางตรงกลับบ้านทันทีอย่างมีความสุข
จะไม่ให้เธอมีความสุขได้อย่างไรล่ะ ของที่ได้มาดูก็รู้ว่าคุณภาพชั้นเยี่ยม ถึงแม้ราคาจะขูดรีดกันจนเธอแทบอยากจะให้สามีคนเก่งมาจัดการ แต่ลึกๆ แล้วเธอกลับรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวไม่น้อย เพราะท่าทางหล่อนดูฉลาดเฉลียวมาก
พบกันครั้งแรก หล่อนไม่บอกว่าตัวเองนั้นมีเนื้อมาขาย แต่ถามไถ่ด้วยความห่วงใยว่าต้องการให้ช่วยสิ่งใดหรือไม่ ตัวเธอนั้นกลัวแทบตายในสถานที่แบบนั้น แต่เพราะงานเลี้ยงนี้สำคัญต่อเก้าอี้ของสามีเธอนัก
ช่วงนี้มีการตรวจสอบเข้มงวดมาก เรื่องการทุจริต รับสินบนต่าง ๆ หากเธอเองยังไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงว่าตำแหน่งของสามีอาจจะไม่ปลอดภัย
ผู้หญิงเราก็เป็นแบบนี้ตั้งแต่สมัยโบราณ ภรรยามีหน้าที่ดูแลบ้านปรนนิบัติสามีที่ออกไปทำงานนอกบ้าน เธอผู้เป็นลูกสาวของตระกูลใหญ่ย่อมต้องทำหน้าที่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
" เนื้อวันนี้คุณภาพดีจริง ๆ คุณนายจะทำอะไรบ้างหรือคะ ดิฉันจะได้เตรียมเครื่องปรุง และส่วนผสมต่าง ๆ รอ " เมื่อกลับมาถึงยังบ้านหลังใหญ่ก็มีคนงานมาช่วย ถือของที่ทั้งสองได้ไปตระเวนซื้อมา แม่บ้านจางสอบถามถึงเมนูในมื้อค่ำที่จะถึงนี้
" ฉันถามจ้านเจิ้งแล้วล่ะ แขกที่มาวันนี้มีจำนวนทั้งหมด 10 คน มีแต่ตำแหน่งสูงๆ ทั้งนั้น สงสัยจะเป็นภารกิจสำคัญมากเลยล่ะ
เราทำเมนูที่พิเศษหน่อยแล้วกันจะได้ไม่เสียชื่อเมืองเราถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ ก็ตาม"
คุณนายอำเภอ อดตื่นเต้นไม่ได้กับจำนวนแขกเหลื่อที่จะมาเยือนยังบ้านของเธอ เธอจะต้องตั้งใจทำอาหารอย่างสุดความสามารถแน่นอน
" ทำอาหารสัก 8-9 อย่างเถอะป้าจางกำลังดี"
เมื่อคิดเมนูได้แล้วทั้งหมดจึงลงมือทำเพราะอาหารค่อนข้างเยอะจึงเริ่มทำไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาแค่นำมาอุ่นก็เป็นอันกินได้แล้ว
เมนูที่เยว่ซินเลือกทำแต่ละอย่างล้วนเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อ เธอไม่รู้ว่านายทหารมาจากมณฆลไหนบ้าง จึงเลือกทำของขึ้นชื่อเป็นการโยนหินถาม
ปลาหลีฮื้อเปรี้ยวหวาน จุดเด่นของอาหารคือตัวปลาจะงอหางจะกระดกขึ้น
ไก่เต๋อโจว ตัวของไก่นั้นหนังจะมันเงา แต่เนื้อด้านในจะนุ่ม
หมูเหลี่ยมอบ สามชั้นปรุงรสอบเนื้อนุ่มหอมอร่อยเคียงคู่มากับผักกันเลี่ยน
หัวปลานึ่งพริกสับ หัวปลานึ่งราดพริกสับ ต้นหอม ขิง กระเทียม
หมูแดงอบน้ำผึ้ง นำหมูมาอบราดซอสทำจากน้ำผึ้งมีกลิ่นหอมรสชาติอร่อย
ซี่โครงอบผักดอง มีรสชาติออกเค็มหวาน
เนื้อเส้นหอมกลิ่นปลา เนื้อหมูผัดเปรี้ยวเผ็ดแต่มีกลิ่นของปลาควบคู่ไปด้วย
สามชั้นกลับกระทะ เนื้อหมูสามชั้นต้มสุกแล้วนำมาปรุงผัดปรุงรสในกระทะเพิ่มความหอม
ซุปซี่โครงตุ๋นเยื่อไผ่ ตามด้วยของหวานล้างปากนั่นคือ บะหมี่หวาน ส่วนผสมมีเส้นบะหมี่ที่ทำจากไข่ ลูกเดือย,ถั่วแดง,รากบัวเชื่อม,พุทราจีนเชื่อม,แห้ว,แปะก๊วย,เม็ดบัว เข้ากันดีทีเดียว
เมื่อได้เวลาแขกก็มากันครบ พวกเขาดูผ่อนคลายเล็กน้อยเนื่องจากไม่ได้ใส่เครื่องแบบมาในวันนี้ เพราะเป็นการกินข้าวมื้อเย็นธรรมดาๆ เท่านั้น
อีกอย่างคือนายอำเภอซ่งจ้านเจิ้งคนนี้ เป็นคนซื่อสัตย์สุจริตไม่มีประวัติเสียหาย อีกเขาทั้งยังเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพล ได้แต่งงานกับภรรยาที่เป็นตระกูลเก่าแก่ร่ำรวย มาวางมาดในถ้ำเสือเห็นทีจะแย่เอาได้ภายหลัง ถึงแม้ว่าตัวเขาจะเป็นเพียงนายอำเภอในเมืองเล็กๆ นี้ก็เถอะนะ
งานเลี้ยงเล็กๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งได้กินอาหารเสร็จ นายพลท่านหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างเอาใจใส่ว่า
" อาหารพวกนี้ช่างเลิศรสนัก ไม่ทราบว่าสั่งจากร้านไหนหรือครับวันหลังผมจะได้พาผู้ใต้บังคับบัญชาไปกินกันบ้าง "
" ไม่ได้สั่งหรอกครับ ภรรยาผมเยว่ซินเป็นคนจัดการทั้งหมดนี้คือฝีมือของเธอน่ะครับ " เป็นนายอำเภอซ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ใครบ้างจะไม่ภูมิใจล่ะมีภรรยาที่เก่งงานในบ้านแบบนี้ตัวเขาถือว่าโชคหล่นทับแล้ว
" โอ้ เป็นคุณนายซ่งนี่เอง เนื้อนี้คุณภาพดีมากครับ ไม่ยักรู้ว่าเมืองเล็ก ๆ แบบนี้มีเนื้อคุณภาพดีเยี่ยมจริง ๆ " นายพลยังคงพูดอย่างเอาใจ แต่จริง ๆ แล้วอาหารนี่ช่างคุณภาพเยี่ยมเหลือเกิน วัตถุดิบที่นำมาใช้ก็สดใหม่ เกรงว่าแม้แต่ในปักกิ่งเองก็คงหากินได้ยากแล้วล่ะ
" ขอบคุณค่ะท่าน เมืองเราเป็นเมืองเล็ก ๆ วัตถุดิบมีจำกัด ดิฉันก็ใช้เท่าที่หามาได้ บังเอิญมีคนรุ่นน้องที่รู้จักกันนามว่า เล่อเยียนเธอเป็นธุระจัดการให้นะคะ "
เยว่ซินพูดตัดปัญหาเรื่องแหล่งที่มาของวัตถุดิบเพราะถ้าหากบอกนำมาจากตลาดมืดเห็นทีทหารผู้มีเกียรติทั้งหลายคงสำรอกออกมาเป็นแน่ แต่เธอกลับเผลอพูดชื่อคนที่ขายของให้ซะนี่แย่จริงเชียว ดีที่นายพลท่านนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย
" ถึงอย่างนั้นพวกผมก็ต้องขอขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ที่แสนพิเศษมากๆ นะครับ อีก 2 สัปดาห์ พวกผมคงจะต้องกลับแล้วล่ะ แต่คิดว่าจะแวะไปดูความเรียบร้อยของค่ายปัญญาชนที่หมู่บ้านชนบทสักหน่อยน่ะ" นายพลคนนั้นยังคงเสวนาเรื่องต่างๆ อยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับที่พัก
ทางฝั่งของนายทหารหนุ่มมากความสามารถ อายุน้อยคนนามว่า หยางหมิงเฉิง มีผลงานโดนเด่นก้าวกระโดดจากตำแหน่งนายร้อยมาเป็นนายพันในอายุเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น
จู่ๆ เขาก็ติดใจเรื่องชื่อของคนจัดหาวัตถุดิบ สัญชาตญาณของเขาบอกว่าต้องเป็นเธอแน่ๆ แต่ลึกๆ ในใจเขาได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เป็นคนๆ เดียวกัน
โอกาสจะเป็นไปได้สูงมาก เพราะเขาเพิ่งเจอเธอตัวเป็นเมื่อ 5 วันก่อน มีอะไรที่สามารถเชื่อมโยงความเป็นไปได้นี้บ้างนะ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะรู้จักคนเมืองนี้ " หลี่เล่อเยียน " น่าเสียดายที่วันนั้นเขามีภารกิจจะต้องไปทำ ไม่อย่างนั้นคงได้ตามเธอไปให้หายข้องใจ
หากไม่ถามวันนี้ ตัวเขาเองคงไม่เป็นอันทำอะไรเป็นแน่ จึงได้ตัดสินใจถามคุณนายซ่งก่อนที่จะไม่มีโอกาส หากไม่ใช่ก็แล้วไปเถอะ
" ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคนที่จัดหาวัตถุดิบที่ชื่อ เล่อเยียน หล่อนมีแซ่ว่าอะไรหรือครับ คือพอดีผมอยากจะให้เธอเตรียมให้บ้างน่ะครับ " หยางหมิงเฉิง ร้อนใจรีบถามออกไปแต่ลืมไปว่าเสียมารยาทกับคุณนายอำเภอเข้าให้แล้วล่ะ
" หืม .... "
ใกล้ถึงกำหนดส่งขนมตามที่นัดกันเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนเริ่มตามแผนการคือ เล่อเยียนแกล้งป่วยขอลางาน หมี่เมี่ยนขอลาด้วยให้เหตุผลว่าไม่มีคนดูแลเล่อเยียน ส่วนหม่ายวี่ไท่ลากเหมยเหมยและฮุ่ยหลินออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้า ก่อนที่เสียงระฆังจะเตือนให้ลงพื้นที่ด้วยซ้ำจากนั้นเล่อเยียนเริ่มขนอุปกรณ์ รวมถึงวัตถุดิบออกมาจากห้อง พร้อมทั้งบอกหมี่เมี่ยนว่าซื้อมาตั้งแต่ติดเกวียนของลุงในหมู่บ้านเข้าเมือง หมี่เมี่ยนถามเล่อเยียนว่าไม่กลัวเธอจะขโมยสูตรไปทำขายบ้างหรือ" ถ้าเธออยากทำขายฉันก็ไม่ขัดหรอก ขอแค่อย่าแย่งลูกค้ากันก็พอ " แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ หมี่เมี่ยนจะทำขายได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินลงทุน อาศัยเพียงแค่สูตรอย่างเดียวไม่มีทางเป็นไปได้ทั้งสองช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง กลิ่นของขนมโก๋ช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน กลิ่นมันหอมไปทั่วบริเวณบ้าน เพราะพวกเธอทำในปริมาณที่มาก วันแรกผ่านไปด้วยดีทั้งสองคนช่วยกันทำจัดขนมใส่กล่องเวลาในการทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลานึ่งประมาณ 45 นาที นึ่งครั้งหนึ่งได้ประมาณครั้งละ 6 ชิ้น เมื่อนับแล้ววันนี้ทำขนมได้ทั้งหมด 50 กล่อง เป็นแบบนี้ทำไม่ทันแน่นอนเพราะเธอทำได้แค่เฉพาะกลางวันเพ
เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านหลี่เรียบร้อยแล้ว หยางหมิงเฉิงก็ต้องเข้ากรมแลกวันหยุดกับเพื่อน เพื่อที่จะเดินทางไปหาหลี่เล่อเยียนอีกครั้ง ครั้งนี้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่เจอที่ร้านบะหมี่คือเธอแน่นอน แต่อาจจะต้องสืบอีกทีว่าเธออยู่ที่หมู่บ้านไหนเขาได้เรียนรู้แล้วว่าการที่เขาเงียบไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้พ่อของเล่อเยียนก็เข้าใจลูกสาวแล้ว และเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งนี้ หลี่ฮ่าวตูอาสาจะเป็นคนไปแทนเล่อเยียน แล้วให้น้องสาวของเขากลับมามีชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่าจะทำได้ส่วนสองแม่ลูกหนูนั้นก็ถูกคาดโทษ เพราะการกระทำของคนเป็นแม่ เธอสารภาพว่าแผนการทุกอย่าง เธอนั้นลงมือทำเองคนเดียว ลูกสาวอย่างหรูฟางเซียนนั้นไม่รู้เห็นเรื่องนี้กับเธอด้วยกล่าวตามที่แม่เลี้ยงหรูรับสารภาพ ว่าเธอทำเรื่องน่าอายในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของ หยางหมิงเฉิงและซุยเถาหยวน ทั้งสองมาเลี้ยงฉลองที่บ้านของตระกูลหลี่ เพราะมีข่าวแว่วมาว่าทางการจะเกณฑ์พวกนักศึกษาจบใหม่ หรือที่กำลังเรียนอยู่นั้นไปเข้าค่ายชนบทห่างไกล เพื่อทำงานแลกแต้มค่าแรงว่ากันตามตรงคือคนที่เหมาะสมที่สุดคงหนีไม่พ้นหลี่
" อืม ฉันจะไปคุยกับคุณลุงเอง " หยางหมิงเฉิงคิดตำหนิตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรให้ชัดเจน ปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายจนทำลายชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งรอจนเวลาพลบค่ำ หลี่ฉินผู้เป็นพ่อของหลี่เล่อเยียนก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เขาเจอกับหยางหมิงเฉิงก็ตกใจไม่น้อยเพราะระหว่างเขาและหมิงเฉิงนั้นมีสัญญาใจกันอยู่ แต่จะให้เขาทำเช่นไรได้ล่ะ เพราะลูกสาวของตนเป็นคนไม่ดีเอง เขาผู้เป็นคนกลางจึงต้องให้ความยุติธรรมที่สุด" สวัสดีครับคุณลุง ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ " หยางหมิงเฉิงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายผู้ใหญ่ก่อน พ่อของเล่อเยียนดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ" นั่งสิ กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ " หลี่ฉินตั้งสติได้ก็เริ่มบทสนทนา ท่าทางสุขุมของเขาที่ต้องทำงานพบปะผู้คนมากมาย พอจะช่วยลดอาการประหม่า เวลาที่เจอกับผู้ชายตรงหน้าเขาได้ รังสีของชายชาติทหารมันแผ่ออกมาโดยที่หยางหมิงเฉิงนั้นไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ดูน่าเกรงขาม" ครับ พึ่งมาถึงเมื่อคืนผมเห็นว่าดึกแล้วน่ะครับเลยไม่ได้มาหาคุณลุงก่อน " หลี่ฉินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเข้าเรื่อง" เธอไปแล้วล่ะ ฉันขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ " หลี่ฉินเอามือประสานกั
กล่าวถึงนายทหารหนุ่มที่ร้อนใจขออนุญาตผู้บังคับบัญชา มุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงก่อนกำหนดเดิม โดยรายงานว่ามีเหตุจำเป็นสำคัญ นายทหารยศใหญ่เดิมทีชอบในฝีมือและผลงานของเขา อีกทั้งยังหมายตาให้เป็นว่าที่ลูกเขย จึงพยายามที่จะสนับสนุนเต็มที่ ครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาในการขอลากิจด่วน อีกอย่างภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอะไรน่ากังวลหยางหมิงเฉิงเดินทางโดยรถไฟ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากไปบ้าง แต่เพื่อให้หายขับข้องใจถึงอย่างไรเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมืองชนบทเขาพยายามตามหาเธอจนทั่วทุกที่ที่เขาคิดว่าเธอจะไป แม้กระทั่งในค่ายชนบทของเหล่าปัญญาชน เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่ในค่ายนั้นหรือไม่ เพราะคิดว่าครอบครัวของเธออย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้มาเป็นแน่เธอมีพี่ชายที่ทั้งรักและหวงแหนเธอดั่งแก้วตาดวงใจขนาดนั้น เขาจะทนให้เธอมาลำบากได้อย่างไรกัน แต่เขาคิดไม่ตกสำหรับผู้หญิงที่เจอที่ร้านบะหมี่ ทำไมเขาถึงไม่เดินไปหาเธอให้รู้เรื่องกันนะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงไม่ต้องมานั่งร้อนใจ เพราะเป็นห่วงเช่นนี้ระยะเวลา 3 วัน 3 คืน ที่เขานั้นเดินทางมา ในที่สุดก็ถึงปักกิ่ง แต่ขอบอกว่าเวลานี้นั้น ปักกิ่งไม่น่าอยู่เลยสักนิด ม
อี้หยางที่นั่งนิ่งๆ ตักข้าวกินไปด้วยพร้อมกับสังเกตเล่อเยียนไปด้วย เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ นี่มันแร้งลงโต๊ะกินข้าวหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงเป็นกันได้เพียงนี้ ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของเขา นี่พวกเขาอดอยากกันมากถึงเพียงนี้เชียวหรือแม่เฒ่าเว่ยเก็บอาการโมโหไว้ในใจ ลำพังพวกบรรดาลูกสะใภ้หล่อนจัดการสั่งสอนทีหลังได้ แต่แม่หนูฟ่านเหมยเหมยนี่อะไรกัน หล่อนเป็นหมูมาเกิดหรืออย่างไร ทำไมถึงได้กินมูมมามเสียงดังเพียงนี้ ทั้งยังกินแต่จานเนื้อ ไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ หนูเล่อเยียนรึหล่อนหยิบแต่จานผัก อาหารที่หล่อนนำมาเธอยังไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้แตะมันเลยแม้แต่น้อย"นี่พวกเธอไปอดอยากจากที่ไหนมากัน ไม่อายแขกของฉันกับอี้หยางบ้างเลยหรืออย่างไร " สุดท้ายแม่เฒ่าเว่ยก็ทนไม่ไหว จำต้องแสดงด้านโหดออกมาให้เล่อเยียนเห็น" เหลือไว้ให้คนอื่นเขากินบ้าง อาหารในปากก็เคี้ยวให้หมดเสีย ก่อนที่มันจะติดคอเพราะยัดไม่เลือก" แม่เฒ่าเว่ยโมโหจนตัวสั่น อีกทั้งเธอยังว่ากระทบฟ่านเหมยเหมยอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าว่าต่อหน้าก็ตาม" ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนกินกันเลยค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเนื้อเท่าไหร่ " หลี่เล่อเยียนตอบออกมายิ้มแบบฝืนๆ ใจจริงเธออยากจะบอ
เมื่อไปถึงบ้านเว่ย แม่เฒ่าเว่ยก็ออกมารอต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว วันนี้เธอจะต้องได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ให้ได้เธอให้ลูกสะใภ้ทั้งสองเตรียมอาหารเนื้อชุดใหญ่ เพราะลูกชายเธอเป็นคนซื้อเนื้อมาเอง ถึงแม้ว่าเว่ยอี้หยางจะยังไม่แยกบ้าน แต่เขาก็พอมีเงินเก็บส่วนตัวบ้าง ไม่ได้ส่งให้แม่ไปจนหมดเผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบากเมื่อทั้งสามคนไปถึง อาหารก็ขึ้นโต๊ะพร้อมกินได้แล้วสมาชิกบ้านเว่ยมีทั้งหมด 10 คน ผู้ใหญ่ 7 คน เมื่อหลี่เล่อเยียนและฟ่านเหมยเหมยมาร่วมกินด้วย เด็ก ๆ จึงแยกโต๊ะ รวมถึงลูกสาวคนเล็กคนเดียวของบ้านเว่ยด้วย แม้ว่าเธอจะมีอายุเท่ากับเล่อเยียนก็ตาม" กับข้าววันนี้พี่เขาซื้อมาจากในเมือง หนูเล่อเยียนกินให้อร่อยนะจ๊ะ""จริงสิแล้วนี่ใครกันหรือ ป้าเหมือนจะเคยเห็นหน้า แต่ไม่รู้จักชื่อเพื่อนของหนูเล่อเยียนเองหรอกหรือจ๊ะ" แม่เฒ่าเว่ยว่าจะถามตั้งแต่เข้ามาในบ้าน แต่ก็มัวลืมรีบพาเล่อเยียนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร กลัวว่าหล่อนจะลุกวิ่งหนีไปอีกเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา"หนูชื่อฟ่านเหมยเหมย เป็นเพื่อนของเล่อเยียนค่ะคุณป้า เอ่อ..พอดีหนูมาเป็นเพื่อนเธอน่ะค่ะ ให้เล่อเยียนมาคนเดียวเห็นจะดูไม่เหมาะสัก