" หืม... ปกติจะสั่งเนื้อต้องไปสั่งร้านข้างๆ สหกรณ์น่ะค่ะ แต่เพียงต้องจองล่วงหน้า 1 วัน ทางร้านจะได้จัดสรรให้ " คุณนายซ่งตอบออกไปยิ้มๆ แต่ภายในใจเธอนั้นเต้นระส่ำนี่อย่าบอกนะว่าพวกเขากำลังสงสัยที่มาที่ไปของเนื้อพวกนี้
" แล้วคนที่ เอ่อ ผมหมายถึงคนที่เป็นธุระให้คุณนายซ่งเธอทำงานที่นั่นด้วยหรือเปล่าครับ " หยางหมิงเฉิงไม่ละความพยายาม วันนี้จะต้องรู้ให้ได้ว่าใช่เล่อเยียนคนเดียวกันหรือไม่
"ใช่จ้ะ เธอทำงานที่นั่นแต่ทำวันนี้วันสุดท้ายแล้ว สามีเธอป่วยจึงต้องลาออกไปดูแล " ซ่งเยว่ซินไม่รู้จะตอบยังไงต่อตัดบทไปแบบนี้เลยแล้วกัน
" สามีอย่างนั้นหรือ คุณแน่ใจนะว่าเธอมีสามีแล้ว สามีเธอชื่ออะไรครับ ตกลงว่าเธอแซ่อะไรหรือครับ " หยางหมิงเฉิงพอรู้ว่าเธอมีสามีก็หน้าซีดไป แต่เพียงครู่เดียวกลับทำหน้าเขียวใส่ อารมณ์แปรปรวนเหมือนไปกินรังแตนที่ไหนมา
" แน่ใจสิจ๊ะ แต่แซ่อะไรนั้นฉันก็จำไม่ได้หรอกค่ะ รู้จักแค่ชื่อเธอเท่านั้นเพราะเคยสั่งเนื้อกับเธอ 2-3 ครั้ง หากคุณต้องการเนื้อเพียงแค่มีคูปองไปจองก็ได้แล้วล่ะค่ะ
ขอตัวก่อนนะคะพอดีต้องไปดูความเรียบร้อยข้างใน ไม่ส่งนะคะ " ซ่งเยว่ซินไม่รอคำตอบพูดจบเธอรีบเข้าไปยังบ้านตัวเองทันที
ทางด้านหยางหมิงเฉิงได้แต่เก็บความคับข้องใจไว้ภายใน เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยตามไปสืบดูที่ร้านขายเนื้อแล้วกัน
“ มีสามีอย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นคงจะไม่ใช่คนเดียวกันแน่ " แต่พรุ่งนี้คงต้องไปดูให้เห็นกับตา
ทางด้านหลี่เล่อเยียนที่กลับมาถึงก็ลงมือทำอาหารเลี้ยงคนในบ้าน ถูกแล้วล่ะเธอแบ่งซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานให้สองสาวได้กินด้วย
" อร่อยมากเลยเล่อเยียน รสชาติกลมกล่อมมาก ฉันไม่เคยกินซี่โครงที่อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย " เหอหมี่เมี่ยนเมื่อได้ชิมก็เอ่ยปากชมด้วยใจจริง มันอร่อยจนเธอแทบจะกลืนลิ้นตัวเองลงไปด้วย ส่วนผสมทุกอย่างช่างเข้ากันดีจริงๆ
" ใช่ๆ อร่อยจนเปิดร้านได้เลยล่ะ " หม่ายวี่ไท่พูดขึ้นบ้าง ถึงแม้ว่าตัวเธอนั้นจะไม่เคยกินอาหารตามร้านอาหารแต่เธอมั่นใจว่าซี่โครงจานนี้สู้ร้านใหญ่ๆ ได้แน่นอน
" กินกันเถอะจ้า จะได้พักผ่อนสู้กับงานพรุ่งนี้ เรื่องขายอาหารคงไม่มีวี่แววว่าจะได้ขายเวลานี้หรอก เป็นไปได้ยากมากถ้าเรายังอยู่ในค่ายแห่งนี้ " หลี่เล่อเยียนตอบแบบยิ้มๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะแอบขายอาหารยังพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้ เฮ้อ..
" หนูเล่อเยียนจ๊ะ หนูเล่อเยียนอยู่ไหมจ๊ะ "
" ใครกันมาตะโกนเรียกเล่อเยียนที่หน้าบ้าน " แล้วทั้งสามคนก็ออกจากในครัวเพื่อไปดูว่าใครที่เป็นคนเรียก
" สวัสดีค่ะคุณป้าเว่ย มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ " เมื่อเดินไปถึงหน้าบ้านจึงพบว่าเป็นแม่เฒ่าเว่ยนี่เองที่มาตะโกนเรียกเธอ
" เอ่อ ..พอดีลูกชายป้ากลับมาจากในเมือง ซื้อขนมเปียะเจ้าดังมาฝาก เห็นบอกว่าร้านนี้ต้องสั่งจองถึงจะได้ นึกถึงสาวๆ ก็เลยตั้งใจเอามาให้ลองชิมดูน่ะจ้ะ"
แม่เฒ่าเว่ยตั้งใจพูดถึงลูกชายที่ก่อนหน้านั้นได้บอกไปแล้วว่าเขาจะกลับมาทุก ๆ ช่วงสิ้นเดือนแต่เดือนนี้จู่ ๆ เขาก็มาเยี่ยมกลางเดือนก่อนซะนี่ ไม่เรียกวาสนาหนุนนำจะเรียกอะไรได้อีก
" ขอบคุณมากนะคะป้าเว่ย ถ้าอย่างนั้นคุณป้ารอเดี๋ยวนะคะหนูจะไปตักซี่โครงเปรี้ยวหวานมาให้ " ผู้ใหญ่ให้ของสมควรรับไว้ หลี่เล่อเยียนจึงแสดงความมีน้ำใจ แบ่งซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานให้ เนื่องจากเธอทำเยอะเพราะอากาศแบบนี้เก็บของสดไว้ไม่ได้นาน
" โอ้ ...ขอบใจมากๆ เลย เนื้อนี่คงแพงมากไม่เห็นต้องลำบาก " เฒ่าเว่ยรับมาด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ว่าจะพยายามไม่แสดงออกว่าดีใจแค่ไหน แต่ก็ปิดไม่มิดเนื่องจากนางปลื้มปริ่มในใจ
" ไม่แพงหรอกค่ะ พอดีวันนี้หนูเข้าไปในเมืองเลยซื้อติดมือมาบ้าง ไปเถอะค่ะเดี๋ยวหนูเดินไปส่ง " หลี่เล่อเยียนอาสาไปส่งแม่เฒ่าด้วยกลัวว่าเธอจะเป็นลมกลางแดดแบบวันนั้นอีก
ใกล้ถึงกำหนดส่งขนมตามที่นัดกันเอาไว้แล้ว ทั้งสามคนเริ่มตามแผนการคือ เล่อเยียนแกล้งป่วยขอลางาน หมี่เมี่ยนขอลาด้วยให้เหตุผลว่าไม่มีคนดูแลเล่อเยียน ส่วนหม่ายวี่ไท่ลากเหมยเหมยและฮุ่ยหลินออกจากบ้านพักตั้งแต่เช้า ก่อนที่เสียงระฆังจะเตือนให้ลงพื้นที่ด้วยซ้ำจากนั้นเล่อเยียนเริ่มขนอุปกรณ์ รวมถึงวัตถุดิบออกมาจากห้อง พร้อมทั้งบอกหมี่เมี่ยนว่าซื้อมาตั้งแต่ติดเกวียนของลุงในหมู่บ้านเข้าเมือง หมี่เมี่ยนถามเล่อเยียนว่าไม่กลัวเธอจะขโมยสูตรไปทำขายบ้างหรือ" ถ้าเธออยากทำขายฉันก็ไม่ขัดหรอก ขอแค่อย่าแย่งลูกค้ากันก็พอ " แต่ความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ หมี่เมี่ยนจะทำขายได้ เพราะทุกอย่างต้องใช้เงินลงทุน อาศัยเพียงแค่สูตรอย่างเดียวไม่มีทางเป็นไปได้ทั้งสองช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง กลิ่นของขนมโก๋ช่างหอมยั่วยวนเหลือเกิน กลิ่นมันหอมไปทั่วบริเวณบ้าน เพราะพวกเธอทำในปริมาณที่มาก วันแรกผ่านไปด้วยดีทั้งสองคนช่วยกันทำจัดขนมใส่กล่องเวลาในการทำขนมแต่ละครั้งใช้เวลานึ่งประมาณ 45 นาที นึ่งครั้งหนึ่งได้ประมาณครั้งละ 6 ชิ้น เมื่อนับแล้ววันนี้ทำขนมได้ทั้งหมด 50 กล่อง เป็นแบบนี้ทำไม่ทันแน่นอนเพราะเธอทำได้แค่เฉพาะกลางวันเพ
เมื่อจัดการทุกอย่างที่บ้านหลี่เรียบร้อยแล้ว หยางหมิงเฉิงก็ต้องเข้ากรมแลกวันหยุดกับเพื่อน เพื่อที่จะเดินทางไปหาหลี่เล่อเยียนอีกครั้ง ครั้งนี้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าคนที่เจอที่ร้านบะหมี่คือเธอแน่นอน แต่อาจจะต้องสืบอีกทีว่าเธออยู่ที่หมู่บ้านไหนเขาได้เรียนรู้แล้วว่าการที่เขาเงียบไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่าง อย่างน้อยที่สุดตอนนี้พ่อของเล่อเยียนก็เข้าใจลูกสาวแล้ว และเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดในครั้งนี้ หลี่ฮ่าวตูอาสาจะเป็นคนไปแทนเล่อเยียน แล้วให้น้องสาวของเขากลับมามีชีวิตที่ดี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยว่าจะทำได้ส่วนสองแม่ลูกหนูนั้นก็ถูกคาดโทษ เพราะการกระทำของคนเป็นแม่ เธอสารภาพว่าแผนการทุกอย่าง เธอนั้นลงมือทำเองคนเดียว ลูกสาวอย่างหรูฟางเซียนนั้นไม่รู้เห็นเรื่องนี้กับเธอด้วยกล่าวตามที่แม่เลี้ยงหรูรับสารภาพ ว่าเธอทำเรื่องน่าอายในงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ของ หยางหมิงเฉิงและซุยเถาหยวน ทั้งสองมาเลี้ยงฉลองที่บ้านของตระกูลหลี่ เพราะมีข่าวแว่วมาว่าทางการจะเกณฑ์พวกนักศึกษาจบใหม่ หรือที่กำลังเรียนอยู่นั้นไปเข้าค่ายชนบทห่างไกล เพื่อทำงานแลกแต้มค่าแรงว่ากันตามตรงคือคนที่เหมาะสมที่สุดคงหนีไม่พ้นหลี่
" อืม ฉันจะไปคุยกับคุณลุงเอง " หยางหมิงเฉิงคิดตำหนิตัวเองที่ไม่ยอมทำอะไรให้ชัดเจน ปล่อยให้เรื่องราวเลวร้ายจนทำลายชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งรอจนเวลาพลบค่ำ หลี่ฉินผู้เป็นพ่อของหลี่เล่อเยียนก็กลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เขาเจอกับหยางหมิงเฉิงก็ตกใจไม่น้อยเพราะระหว่างเขาและหมิงเฉิงนั้นมีสัญญาใจกันอยู่ แต่จะให้เขาทำเช่นไรได้ล่ะ เพราะลูกสาวของตนเป็นคนไม่ดีเอง เขาผู้เป็นคนกลางจึงต้องให้ความยุติธรรมที่สุด" สวัสดีครับคุณลุง ไม่เจอกันนานสบายดีนะครับ " หยางหมิงเฉิงเป็นฝ่ายกล่าวทักทายผู้ใหญ่ก่อน พ่อของเล่อเยียนดูผอมลงเล็กน้อยเหมือนคนที่พักผ่อนไม่เพียงพอ" นั่งสิ กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ " หลี่ฉินตั้งสติได้ก็เริ่มบทสนทนา ท่าทางสุขุมของเขาที่ต้องทำงานพบปะผู้คนมากมาย พอจะช่วยลดอาการประหม่า เวลาที่เจอกับผู้ชายตรงหน้าเขาได้ รังสีของชายชาติทหารมันแผ่ออกมาโดยที่หยางหมิงเฉิงนั้นไม่ต้องทำอะไรเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ดูน่าเกรงขาม" ครับ พึ่งมาถึงเมื่อคืนผมเห็นว่าดึกแล้วน่ะครับเลยไม่ได้มาหาคุณลุงก่อน " หลี่ฉินพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเข้าเรื่อง" เธอไปแล้วล่ะ ฉันขอโทษที่ทำตามสัญญาไม่ได้ " หลี่ฉินเอามือประสานกั
กล่าวถึงนายทหารหนุ่มที่ร้อนใจขออนุญาตผู้บังคับบัญชา มุ่งหน้ากลับสู่เมืองหลวงก่อนกำหนดเดิม โดยรายงานว่ามีเหตุจำเป็นสำคัญ นายทหารยศใหญ่เดิมทีชอบในฝีมือและผลงานของเขา อีกทั้งยังหมายตาให้เป็นว่าที่ลูกเขย จึงพยายามที่จะสนับสนุนเต็มที่ ครั้งนี้จึงไม่มีปัญหาในการขอลากิจด่วน อีกอย่างภารกิจก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ไม่มีอะไรน่ากังวลหยางหมิงเฉิงเดินทางโดยรถไฟ ถึงแม้ว่าการเดินทางจะยากลำบากไปบ้าง แต่เพื่อให้หายขับข้องใจถึงอย่างไรเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในเมืองชนบทเขาพยายามตามหาเธอจนทั่วทุกที่ที่เขาคิดว่าเธอจะไป แม้กระทั่งในค่ายชนบทของเหล่าปัญญาชน เขาไม่แน่ใจว่าเธอจะอยู่ในค่ายนั้นหรือไม่ เพราะคิดว่าครอบครัวของเธออย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้มาเป็นแน่เธอมีพี่ชายที่ทั้งรักและหวงแหนเธอดั่งแก้วตาดวงใจขนาดนั้น เขาจะทนให้เธอมาลำบากได้อย่างไรกัน แต่เขาคิดไม่ตกสำหรับผู้หญิงที่เจอที่ร้านบะหมี่ ทำไมเขาถึงไม่เดินไปหาเธอให้รู้เรื่องกันนะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงไม่ต้องมานั่งร้อนใจ เพราะเป็นห่วงเช่นนี้ระยะเวลา 3 วัน 3 คืน ที่เขานั้นเดินทางมา ในที่สุดก็ถึงปักกิ่ง แต่ขอบอกว่าเวลานี้นั้น ปักกิ่งไม่น่าอยู่เลยสักนิด ม
อี้หยางที่นั่งนิ่งๆ ตักข้าวกินไปด้วยพร้อมกับสังเกตเล่อเยียนไปด้วย เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ นี่มันแร้งลงโต๊ะกินข้าวหรืออย่างไรกัน ทำไมถึงเป็นกันได้เพียงนี้ ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวของเขา นี่พวกเขาอดอยากกันมากถึงเพียงนี้เชียวหรือแม่เฒ่าเว่ยเก็บอาการโมโหไว้ในใจ ลำพังพวกบรรดาลูกสะใภ้หล่อนจัดการสั่งสอนทีหลังได้ แต่แม่หนูฟ่านเหมยเหมยนี่อะไรกัน หล่อนเป็นหมูมาเกิดหรืออย่างไร ทำไมถึงได้กินมูมมามเสียงดังเพียงนี้ ทั้งยังกินแต่จานเนื้อ ไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ หนูเล่อเยียนรึหล่อนหยิบแต่จานผัก อาหารที่หล่อนนำมาเธอยังไม่เห็นว่าที่ลูกสะใภ้แตะมันเลยแม้แต่น้อย"นี่พวกเธอไปอดอยากจากที่ไหนมากัน ไม่อายแขกของฉันกับอี้หยางบ้างเลยหรืออย่างไร " สุดท้ายแม่เฒ่าเว่ยก็ทนไม่ไหว จำต้องแสดงด้านโหดออกมาให้เล่อเยียนเห็น" เหลือไว้ให้คนอื่นเขากินบ้าง อาหารในปากก็เคี้ยวให้หมดเสีย ก่อนที่มันจะติดคอเพราะยัดไม่เลือก" แม่เฒ่าเว่ยโมโหจนตัวสั่น อีกทั้งเธอยังว่ากระทบฟ่านเหมยเหมยอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่กล้าว่าต่อหน้าก็ตาม" ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนกินกันเลยค่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเนื้อเท่าไหร่ " หลี่เล่อเยียนตอบออกมายิ้มแบบฝืนๆ ใจจริงเธออยากจะบอ
เมื่อไปถึงบ้านเว่ย แม่เฒ่าเว่ยก็ออกมารอต้อนรับอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว วันนี้เธอจะต้องได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ให้ได้เธอให้ลูกสะใภ้ทั้งสองเตรียมอาหารเนื้อชุดใหญ่ เพราะลูกชายเธอเป็นคนซื้อเนื้อมาเอง ถึงแม้ว่าเว่ยอี้หยางจะยังไม่แยกบ้าน แต่เขาก็พอมีเงินเก็บส่วนตัวบ้าง ไม่ได้ส่งให้แม่ไปจนหมดเผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ไม่ลำบากเมื่อทั้งสามคนไปถึง อาหารก็ขึ้นโต๊ะพร้อมกินได้แล้วสมาชิกบ้านเว่ยมีทั้งหมด 10 คน ผู้ใหญ่ 7 คน เมื่อหลี่เล่อเยียนและฟ่านเหมยเหมยมาร่วมกินด้วย เด็ก ๆ จึงแยกโต๊ะ รวมถึงลูกสาวคนเล็กคนเดียวของบ้านเว่ยด้วย แม้ว่าเธอจะมีอายุเท่ากับเล่อเยียนก็ตาม" กับข้าววันนี้พี่เขาซื้อมาจากในเมือง หนูเล่อเยียนกินให้อร่อยนะจ๊ะ""จริงสิแล้วนี่ใครกันหรือ ป้าเหมือนจะเคยเห็นหน้า แต่ไม่รู้จักชื่อเพื่อนของหนูเล่อเยียนเองหรอกหรือจ๊ะ" แม่เฒ่าเว่ยว่าจะถามตั้งแต่เข้ามาในบ้าน แต่ก็มัวลืมรีบพาเล่อเยียนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร กลัวว่าหล่อนจะลุกวิ่งหนีไปอีกเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา"หนูชื่อฟ่านเหมยเหมย เป็นเพื่อนของเล่อเยียนค่ะคุณป้า เอ่อ..พอดีหนูมาเป็นเพื่อนเธอน่ะค่ะ ให้เล่อเยียนมาคนเดียวเห็นจะดูไม่เหมาะสัก