Compartir

เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง
เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง
Autor: กวนอวิ๋นเจี้ยน

บทที่ 1

Autor: กวนอวิ๋นเจี้ยน
สำนักกระบี่เสวียนเทียน บนแท่นประลองครั้งใหญ่ของสำนัก

อวี้หลานชิงสวมชุดสีเขียว คิ้วกระบี่ยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าที่ไม่แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมใด ๆ เรียบนิ่งไร้ความรู้สึก

นางออกกระบวนท่าอย่างพริ้วไหว ใช้เคล็ดวิชากระบี่อีกครั้ง

ผลักให้ผู้ฝึกตนหญิงหน้าตาน่ารักในชุดสีเหลืองไข่ห่านที่อยู่ตรงข้าม ต้องถอยร่นจากกลางแท่นประลองไปที่ขอบ

วันนี้นางไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว ทุกกระบวนท่าล้วนเฉียบคมและเด็ดขาด ทำให้ผู้ฝึกตนหญิงไม่มีโอกาสจะโต้กลับและกำลังจะร่วงจากแท่นในอีกไม่ช้า

ผลแพ้ชนะปรากฏชัดเจน

แต่ในตอนนี้เอง ลำแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งผ่านอากาศมาจากที่นั่งชมของเหล่าผู้อาวุโส

ตัดผ่านอาคมที่ปกคลุมอยู่เหนือแท่นประลองและตรงเข้าสู่อกของอวี้หลานชิง

แทงทะลุหัวใจ!

เสียงฮือฮาดังกึกก้องไปทั่วสำนัก

อวี้หลานชิงก้มมองอกอย่างไม่เชื่อสายตา

กระบี่เล่มนี้ นางคุ้นเคยเป็นอย่างดี

มันคือกระบี่วิญญาณประจำตัวของท่านอาจารย์ฉางยวน กระบี่หลิงเทียน!

และที่ฝั่งตรงข้าม ผู้ฝึกตนหญิงหน้าตาน่ารักผู้เรียกกระบี่เล่มนี้มาก็คือศิษย์ลำดับที่สองของท่านอาจารย์ ศิษย์น้องหญิงของนาง จี้ฝูเหยา

กระบี่วิญญาณประจำกาย มีเพียงเจ้าของกระบี่กับผู้ที่ผูกพันทางจิตและร่วมเป็นร่วมตายกันเท่านั้นที่จะควบคุมได้ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ นอกเหนือจากเจ้าของกระบี่แล้ว มีเพียงคู่บำเพ็ญของเจ้าของกระบี่เท่านั้นที่จะทำให้กระบี่วิญญาณเชื่อฟัง

ท่านอาจารย์กับศิษย์น้องหญิง?

อวี้หลานชิงมองโลหิตที่ไหลออกจากอกไม่หยุด รู้สึกไม่เชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ

ท่านอาจารย์กับศิษย์น้องหญิงได้ทำพันธสัญญาชีวิตและกลายเป็นคู่บำเพ็ญกันแล้ว

ชายอาภรณ์สีดำปัดผ่าน

เงาร่างหนึ่งร่อนลงสู่แท่นประลองอย่างสง่างาม ทว่ากลับไม่แม้แต่จะชายตามองผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แต่หันไปโอบฝ่ายที่ตื่นตกใจอยู่ข้างแท่นประลองอย่างอ่อนโยน

“ท่านอาจารย์ ฝูเหยาไม่ได้ตั้งใจ ฝูเหยาไม่ได้คิดว่าจะทำร้ายศิษย์พี่หญิง…”

“ศิษย์พี่หญิงเอาแต่ต้อนข้าไม่หยุด ข้าคิดเพียงว่าห้ามตกจากแท่นประลอง ห้ามให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าในยามคับขันจะเผลอไปเรียกกระบี่หลิงเทียนของท่านอาจารย์ให้มาสู้เพื่อข้าแทน และพลั้งทำร้ายศิษย์พี่หญิง”

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดเจ้า กระบี่หลิงเทียนมีหน้าที่ต้องปกป้องเจ้าอยู่แล้ว ศิษย์พี่หญิงเจ้าลงมือหนักเกินไปเอง”

“ท่านอาจารย์อย่าโทษศิษย์พี่หญิงเลยเจ้าค่ะ นางเพียงอยากเอาชนะมากเกินไป ท่านก็รู้ว่านางเป็นพวกชอบเอาชนะมาตั้งแต่ไหนแต่ไร…”

ม่านพลังเหนือศีรษะได้ก่อตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อบุรุษตรงข้ามก้าวขึ้นมาบนแท่นประลอง บดบังสายตาจากรอบข้าง

คนสองคนที่ยืนกอดกัน ไม่มีแม้สักคนที่คิดจะช่วยศิษย์และศิษย์พี่หญิงที่ถูกกระบี่แทง

ความเจ็บปวดรวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย อวี้หลานชิงเจ็บจนชา ภายในใจรู้สึกเหลวไหลและน่าขัน

ที่เหลวไหลคือพวกเขา ส่วนที่น่าขันคือตัวนางเอง

แท้จริงแล้วทุกอย่างในวันนี้มีเค้าลางมานานแล้ว!

ย้อนกลับไปตอนที่นางเข้าสำนักได้ห้าปี นางคอยดูแลยอดเขาหลิงเซียวอย่างขยันขันแข็งมาห้าปี กว่าท่านอาจารย์จะออกฌานและได้ทำพิธีคำนับอาจารย์อย่างเป็นทางการ

แต่แล้วในวันเดียวกันนั้น ท่านอาจารย์กลับไปถูกใจศิษย์น้องหญิงที่เข้าร่วมการทดสอบของสำนัก รับเข้าเป็นศิษย์แบบกรณีพิเศษ ทำให้พิธีคำนับอาจารย์ซึ่งควรเป็นของนางต้องแบ่งให้อีกคนด้วยครึ่งหนึ่ง

ต่อมานางพากเพียรฝึกฝน แต่ท่านอาจารย์กลับให้คำชี้แนะเพียงน้อยนิด ไม่เคยชื่นชมที่นางทุ่มเทแรงกายแรงกายจัดการกับปัญหาที่ศิษย์บนยอดเขาเซียวหลิงพบเจอ กระนั้นทุกครั้งที่กลับมาจากนอกสำนัก กลับมีของขวัญให้ศิษย์น้องหญิงเสมอ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์นำสมบัติกลับมาสิบกว่าอย่าง ในนั้นมีพู่ห้อยกระบี่ฝังอักขระป้องกันที่นางชอบมาก แต่ท่านอาจารย์กลับบอกว่าของทั้งหมดเป็นของศิษย์น้องหญิง ไม่มีของนาง

ศิษย์น้องหญิงปลอบนางว่า ระดับพลังยุทธ์ของนางสูงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งปัจจัยภายนอก ที่ท่านอาจารย์มอบสมบัติต่าง ๆ ให้นางก็เพราะพลังยุทธ์นางต่ำและปกป้องตัวเองไม่ได้ อวี้หลานซิงเชื่อคำพูดนั้น

ต่อมานางฝึกแก่นกระบี่ครั้งแรกได้สำเร็จ นางรีบไปหาอาจารย์เพื่อบอกข่าวดี แต่แล้วกลับพบภาพที่ท่านอาจารย์กำลังสอนศิษย์น้องหญิงขี่กระบี่ สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม

ศิษย์น้องหญิงตกใจรีบกระโดดลงจากกระบี่จนเกือบข้อเท้าพลิก

จากนั้นชี้มาที่นางว่า “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่หญิงมองอยู่นะเจ้าคะ”

แต่ดวงตาท่านอาจารย์พลันแข็งกร้าวและประคองศิษย์น้องหญิงพูดว่า

“ไม่ต้องไปสนใจนาง นางสู้เจ้าไม่ได้”

นั่นเป็นครั้งแรกที่อวี้หลานชิงได้สัมผัสกับความผิดหวังโดยแท้จริง

เดิมทีนางคิดว่าท่านอาจารย์ห่างเหินเย็นชากับนางก็เพื่อฝึกฝนจิตใจกับความมุ่งมั่นของนาง และนางก็ใช้ความพยายามของตัวเองจนกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกัน

แต่คำที่ว่า “นางสู้เจ้าไม่ได้” ของเขามันช่างบาดลึกหัวใจเหลือเกิน

ราวกับว่าในสายตาท่านอาจารย์แล้ว ความทุ่มเทพยายามทั้งหมดของนางไม่ได้มีค่าอะไรเลย!

นางไม่ยอม

ด้วยเหตุนี้ ในการประลองครั้งใหญ่ นางจึงตั้งใจจะไม่ออมมือตามคำขอของศิษย์น้องเล็กอีกเช่นทุกครั้ง

ตั้งใจสู้สุดกำลัง

นางต้องการพิสูจน์ให้ท่านอาจารย์เห็นว่า นางไม่ได้ด้อยกว่าศิษย์น้องหญิง ไม่ด้อยกว่าผู้ใดทั้งนั้น!

ทว่าดูจากตอนนี้ …

ความคิดนี้ช่างเหลวไหลสิ้นดี น่าขันสิ้นดี

โลหิตไหลออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ วิสัยทัศน์ค่อย ๆ เลือนราง

อวี้หลานชิงราวกับรับรู้ได้ว่าชีวิตตัวเองกำลังดับสลาย

ในตอนนี้เอง คนสองคนซึ่งอยู่ตรงข้ามเสมือนเพิ่งนึกถึงนางได้ในที่สุด

นางได้ยินศิษย์น้องหญิงถามอย่างระมัดระวัง “ท่านอาจารย์ ยังมีทางช่วยศิษย์พี่หญิงหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่มี”

เพียงคำสั้น ๆ ก็กลายเป็นการตัดสินประหารอวี้หลานชิงแล้ว

“เดิมทีแก่นกระบี่และรากวิญญาณของนางก็ควรถูกย้ายมาที่เจ้าอยู่แล้ว บัดนี้แค่ย้ายล่วงหน้าก็เท่านั้น”

“เมื่อเจ้ากลายเป็นเจ้าสำนักกระบี่เสวียนเทียน แก่นกระบี่และรากวิญญาณของนางจะได้ไม่สูญเปล่า นางตายได้เหมาะสมแล้ว!”

ชั่วพริบตาก่อนที่สติจะดับวูบ เสียงของท่านอาจารย์ได้ลอยเข้าสู่โสตประสาท

อวี้หลานชิงเข้าใจทุกอย่างในที่สุด

เหตุใดท่านอาจารย์จึงรับนางเป็นศิษย์ทั้งที่ไม่เคยสนใจและไม่มีความเป็นศิษย์อาจารย์กับนาง

ที่แท้ นางก็เป็นเพียง “สิ่งของ” ที่ท่านอาจารย์เตรียมไว้ให้คนรัก

ก็เหมือนกับที่เขาคอยหาของขวัญต่าง ๆ จากทั่วแดนบำเพ็ญเพียรมาให้ศิษย์น้องตลอดหลายปีมานี้

ไม่นึกเลยว่าท่านอาจารย์ที่นางเคยเห็นเป็นเป้าหมายของการฝึกวิชาจะเป็นคนไร้ยางอายเพียงนี้

ต่อให้นางต้องตายก็จะไม่ให้พวกเขาสมหวังเด็ดขาด!

อวี้หลานชิงรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายมาใช้พลังแก่นปราณ มีเสียงดัง “ปัง” เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นโอบร่างนางในทันใด

เปลวไฟนี้ไม่อาจดับได้ด้วยน้ำหรือลม

ครั้นเปลวไฟดับลง บนแท่นประลองก็เหลือเพียงความว่างเปล่า

ร่างของอวี้หลานชิงถูกเผาจนไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน

……

ดวงตะวันขึ้นทางทิศตะวันออก แสงสีทองปกคลุมทั่วฟ้า

วันนี้คือวันเปิดสำนักรับศิษย์ที่มีห้าปีครั้งของสำนักกระบี่เสวียนเทียน

แสงอาทิตย์สาดลงบนบันไดหมื่นขั้นหน้าตำหนักยอดเขาเวิ่นเต้า ทำให้บรรดาคนที่กำลังเดินขึ้นเขารู้สึกวิงเวียนและเซไปมา

นี่เป็นด่านสุดท้ายของการทดสอบคัดเลือกศิษย์

เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสกำลังรออยู่ในตำหนักที่ปลายบันได แต่ศิษย์ชุดใหม่รอบนี้มีคุณสมบัติธรรมดา ไม่ได้โดดเด่นเท่ารุ่นก่อน

ขณะที่กำลังรู้สึกเบื่อหน่าย มีเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความยินดีดังขึ้น

“ยินดีด้วย!”

“ยินดีด้วย!”

“ท่านปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนออกฌานแล้ว!”

ตำหนักที่เงียบเหงาพลันคึกคักขึ้นมาทันที

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ลุกพรวดขึ้น “ฉางยวนออกฌานแล้วหรือ?”

“ศิษย์เห็นเองกับตา! ท่านปรมาจารย์กระบี่ไม่เพียงออกฌานโดยราบรื่น แต่อาการบาดเจ็บยังหายดี ระดับพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นอีกขั้น!”

“ท่านปรมาจารย์กระบี่บอกว่า หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วจะมาพบท่านเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสที่นี่”

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ยกยิ้ม เก็บอาการไว้ไม่อยู่

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม!”

“ตอนนี้อวี้หลานชิงอยู่ที่ใด?”

“รีบเรียกนางมาที่ตำหนัก นางยังไม่ได้คำนับฉางยวนอย่างเป็นทางการ”

เดิมทีแล้วหัวใจหลักของวันนี้คือพวกลูกศิษย์ใหม่ที่กำลังรับการทดสอบที่ขั้นบันได

ตามด้วยข่าวเรื่องการออกฌานของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนแพร่กระจายออกไป

สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่หญิงสาวหน้าตาเรียบนิ่งในชุดสีขาวปักปิ่นสีเงินที่อยู่หน้าตำหนัก!

นี่คือศิษย์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นที่สุดจากในกลุ่มศิษย์ที่เข้าสำนักเมื่อห้าปีก่อน อวี้หลานชิง

มีรากวิญญาณทองคำบริสุทธิ์ พรสวรรค์ของรากวิญญาณสูงถึงเก้าส่วนเก้า!

มีพรสวรรค์แบบเดียวกับปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดแห่งตงโจวเมื่อครั้งอดีต

ที่หายากกว่านั้นคือ นางผ่านการทดสอบบันไดหมื่นขั้นของยอดเขาเวิ่นเต้าเป็นคนแรก บ่งบอกว่าไม่เพียงมีพรสวรรค์ แต่จิตใจยังแข็งแกร่งไม่แพ้กัน

ตอนนั้นผู้อาวุโสหลายคนพากันแย่งนางเป็นศิษย์จนโต้เถียงกันในตำหนัก สุดท้ายต้องให้เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ตัดสินใจรับนางเป็นศิษย์ของยอดเขาหลิงเซียวแทนปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน

ครานี้บรรดาผู้อาวุโสไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ อีก เพราะปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนคือผู้เป็นหนึ่งแห่งวิถีกระบี่แห่งตงโจว โดยเฉพาะหลังจากที่ปรมาจารย์กระบี่จาก ทั่วทั้งดินแดนตงโจวก็มีเพียงเขาคนเดียวที่ได้สมญานามว่า “ปรมาจารย์กระบี่”

น่าเสียดายที่เมื่อห้าสิบปีก่อน เขากับปรมาจารย์กระบี่เยวี่ยหวาได้ไปต่อต้านเผ่ามารที่หุบเขามารจนได้รับบาดเจ็บ อาการบาดเจ็บทวีความรุนแรงมากขึ้นตามกาลเวลา เมื่อสิบปีก่อนจำเป็นต้องประกาศว่าจะเข้าฌานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

สองปีมานี้ อวี้หลานชิงเริ่มโดดเด่นในสำนัก

ศิษย์บางคนเคยเย้ยหยันในใจ ท่านปรมาจารย์กระบี่เข้าฌานไม่ยอมออกมา แม้อวี้หลานชิงจะได้ชื่อว่าเป็น “ศิษย์ของปรมาจารย์กระบี่” แต่แท้จริงแล้วนางไม่เคยได้รับการชี้แนะจากเขาแม้แต่น้อย

แต่ตอนนี้ ความเย้ยหยันนั้นกลับต้องแปรเปลี่ยนเป็นความอิจฉา

“อวี้หลานชิงนี่โชคดีชะมัด!”

“หลังจากเข้าพิธีคำนับอาจารย์วันนี้ นางก็จะเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของท่านปรมาจารย์กระบี่ ต่อไปจะได้สืบทอดเคล็ดวิชาจากเขา อนาคตสดใสไร้ขีดจำกัด!”

“ดูนั่นสิ คนที่เพิ่งเหาะเข้าไปยังตำหนักก็คือท่านปรมาจารย์กระบี่…”

“ประเดี๋ยวก็คงเรียกอวี้หลานชิงเข้าไปแล้ว”

ศิษย์ด้านนอกตำหนักพูดคุยกระซิบกระซาบ

แล้วก็เป็นไปดังคาด มีเสียงเรียกชื่อ “อวี้หลานชิง” ดังมาจากด้านใน

หญิงสาวที่ถูกเรียกชื่อสะดุ้งเฮือกหนึ่งและยืนนิ่งอยู่กับที่

“ศิษย์น้องหลางชิน?” ศิษย์ที่เดินนำทางร้องเรียกเบา ๆ

อวี้หลานชิงราวกับไม่ได้ยิน

เปลวเพลิงที่เคยลุกโชนเบื้องหน้าได้หายไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยตำหนักคุ้นตาสูงใหญ่แสนคุ้นตา

ความคิดชัดเจนขึ้นทีละน้อย

ครั้นอวี้หลานชิงตั้งสติได้ ดวงตาพลันเป็นประกาย

นี่นางย้อนเวลากลับมางั้นหรือ!

กลับมายังวันที่คำนับปรมาจารย์กระบี่เป็นอาจารย์!

Continúa leyendo este libro gratis
Escanea el código para descargar la App

Último capítulo

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 100

    บรรดาสำนักที่เมื่อครู่นี้ลอยเด่นอยู่กลางอากาศ เวลานี้ได้ยึดครองตำแหน่งที่ดีที่สุดบนอัฒจันทร์แล้ว ส่วนสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กที่เหลือก็แทรกตัวเข้าไปในช่องว่างที่สำนักใหญ่เหลือไว้ อวี้หลานชิงนั่งอยู่บนที่นั่งของศิษย์สายตรงชั้นใน นางกวาดตามองไปรอบ ๆ ทอดสายตามองไปยังเบื้องล่างที่มีศีรษะผู้คนอยู่อย่างเนืองแน่นผู้ฝึกตนในงานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนมีเกือบหนึ่งแสนคนเลยทีเดียวเมื่อรอให้ทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว แสงที่เปล่งออกมาจากเสาค้ำฟ้าโดยรอบก็รวมตัวเข้าด้วยกันชายชราผมขาวโพลนดุจหิมะคนหนึ่ง ถือไม้เท้าหัวมังกร ดูสง่างามดั่งเซียนมากกว่าอวี้ชิงจื่อจากสำนักอวี้ซวีก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศทุกก้าวที่เดิน ร่างก็เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นราวกับว่าเดินมาจากท่ามกลางความว่างเปล่า ท้ายที่สุดก็หยุดอยู่ตรงใจกลางสนามเมื่อเขาปรากฏตัว เจ้าสำนักต่าง ๆ ที่อยู่บนที่นั่งสูงสุดของอัฒจันทร์โดยรอบก็พากันลุกขึ้น ประสานมือคารวะชายชราผู้นั้นแล้วร้องเรียกว่า “ผู้อาวุโสเช่อ” “ผู้อาวุโสเช่อผู้นี้เป็นใครกัน?” จิตวิญญาณของอวี้หลานชิงอยู่แค่ระดับหลอมแก่นปราณเท่านั้น ไม่อาจมองทะลุระดับพลังยุทธ์ของชายชราได้ คนท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 99

    เวลานี้เอง ฉากที่อยู่ด้านนอกเสาค้ำฟ้าแทบจะเป็นภาพจำลองของโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรทั้งหมด เมืองที่รองรับผู้คนได้หลายแสนคนแห่งนี้ ทุกคนในเมืองล้วนเฝ้าติดตามสถานการณ์ของทางเสาค้ำฟ้าตรงใจกลางเมือง ศิษย์สำนักใหญ่ที่นำโดยอาจารย์จากสำนัก ต่างก็ยืนอยู่บนอาวุธวิเศษเหาะเหินขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงแวววาวของสำนักต่าง ๆ ส่วนลูกศิษย์ของสำนักขนาดกลางและขนาดเล็กก็ยืนอยู่บนพื้นดิน รออยู่รอบ ๆ เสาค้ำฟ้าอย่างเงียบเชียบถัดออกไปด้านนอก ยังมีผู้ฝึกตนอิสระนับไม่ถ้วนที่ไม่มีสิทธิ์เข้างานชุมนุมใหญ่ของสำนักเซียนกำลังชะเง้อคอมองสถานการณ์ในนี้ แววตาแฝงไปด้วยความชื่นชมและความหลงใหลใฝ่ฝันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนที่หมอกจาง ๆ ที่ปกคลุมเสาค้ำฟ้าจะสลายหายไป สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังบรรดาเจ้าสำนักและผู้อาวุโสของสำนักใหญ่ที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศอัดฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในเสาค้ำฟ้า ผู้ที่ยืนตระหง่านกลางอากาศปลดปล่อยพลังอันมหาศาลเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ส่วนมากก้าวเข้าสู่ระดับทารกวิญญาณช่วงปลายแล้ว ยังมีบางส่วนที่ครอบครองพลังของระดับเทพจุติด้วยผู้ทรงพลังที่มีคว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 98

    บางทีอาจเป็นเพราะตอนนี้จี้ฝูเหยายังเยาว์วัย ยังไม่เข้าใจการเก็บงำอารมณ์โดยสมบูรณ์ หรืออาจเป็นเพราะประสบการณ์ที่สั่งสมมาสองชาติ ทำให้อวี้หลานชิงเข้าใจนางดีเกินไป เมื่อจิตสัมผัสรู้สึกได้ถึงสายตาของจี้ฝูเหยาที่มองตามหลังอีกฝ่ายไป อวี้หลานชิงก็คาดเดาการกระทำต่อไปของนางได้แล้ว นางทำเช่นนี้เป็นประจำใช้ท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสา คำนึงถึงผู้อื่นมาดึงดูดทุกคนที่มีประโยชน์ต่อนาง ชาติที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะกระบี่ที่ทะลวงหัวใจในตอนสุดท้าย อวี้หลานชิงก็คงถูกรูปลักษณ์ภายนอกของนางหลอกไปแล้ว ในฐานะผู้หญิงเหมือนกัน อวี้หลานชิงไม่อยากใช้คำพูดที่ร้ายกาจมาบรรยายจี้ฝูเหยา แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนที่แสดงออกมาเลย สายตาของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนน่าเป็นห่วงยิ่งนักความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาในใจ อวี้หลานชิงก็อดไม่ได้ที่จะ “ถุย” อีกครั้ง ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน ศิษย์อาจารย์คู่นั้นชอบพอกันและกัน มีความรักต้องห้าม เรียกได้ว่าเหมือนเต่ามองถั่วเขียว รับสืบทอดสายตาที่ย่ำแย่มา“ไปกันเถิด” อวี้หลานชิงหันหน้ากลับมามอง เจ้าของแผงลอยที่ยังกำถุงเก็บของไว้แน่นเพราะกล

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 97

    อวี้หลานชิงไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง และไม่อยากอธิบายอะไร เดิมทีนางก็ไม่ได้คิดจะสังหารสัตว์วิญญาณตัวนี้เลย ในเมื่อจี้ฝูเหยายินดีเข้ามายุ่งเรื่องผู้อื่น ก็ปล่อยให้นางดูแลต่อไปก็พอ “ศิษย์หลานกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นหน้าที่สำคัญอย่างตามหาเจ้าของสัตว์วิญญาณตัวนี้ก็ยกให้ศิษย์หลานจัดการแล้วกัน” “แต่ว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้มีนิสัยซุกซน ศิษย์หลานต้องคอยจับตาดูหน่อย อย่าให้มันทำร้ายผู้คนอีกเป็นอันขาด” อวี้หลานชิงพูดจบก็เก็บกระบี่ยาว เจ้าของแผงลอยที่อาศัยช่วงเวลาชุลมุนเก็บกล่องบรรจุหญ้าเย็นกระจ่างกลับคืนสู่อ้อมอกอีกครั้ง ก็ฉวยโอกาสที่จี้ฝูเหยาพูดเมื่อครู่นี้เก็บข้าวของบนแผงลอยจนเสร็จเรียบร้อยนานแล้วอวี้หลานชิงส่งสายตา เขาก็เดินตามหลังนางออกจากฝูงชนทันทีจิ้งจอกแดงเพลิงที่ก่อความวุ่นวายไปครึ่งถนนตัวนั้น เมื่อครู่กำลังทำตากลมสุกใสนิ่งอยู่กับที่ มองอวี้หลานชิงกับจี้ฝูเหยาเหมือนชมละครสนุก ๆ ก็ไม่ปานปากยังคงเคี้ยว “หนวดหัวไชเท้า” ที่มันโยนทิ้งไว้บนพื้นลวก ๆ ก่อนหน้านี้อย่างไม่เร่งรีบเมื่อเห็นอวี้หลานชิงและเจ้าของแผงลอยนำสมุนไพรวิญญาณที่มันหมายตาจากไป มันก็อดร้อนใจไม่ได้มันคายหนวดหัว

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 96

    วิญญาณร้ายยังไม่สลายไปสักที ในสมองของอวี้หลานชิงผุดขึ้นมาแปดคำทันที จี้ฝูเหยาที่อยู่ตรงหน้าถือกระบี่ใบหลิวที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปลายกระบี่เรียวเล็ก ตรงด้ามกระบี่เคลือบทอง บนนั้นยังฝังอำพันที่ส่องประกายแวววาวสามก้อนตอนที่กระบี่ทั้งสองปะทะกันเมื่อครู่นี้ อวี้หลานชิงรู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณธาตุไฟที่บริสุทธิ์สายหนึ่งปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่เล่มนั้น เป็นลมปราณสายนี้เองที่ต้านทานปราณกระบี่ของนาง ดูเหมือนว่านี่จะเป็นกระบี่เล่มใหม่ที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนมอบให้จี้ฝูเหยา แม้จะเทียบไม่ได้กับกระบี่ที่หล่อหลอมปราณกระบี่ของปรมาจารย์กระบี่เยวี่ยหวาเล่มนั้นในชาติก่อน ซึ่งเข้ากับวิชาที่จี้ฝูเหยาฝึกฝนแต่ก็เป็นกระบี่ดีที่หาได้ยากเล่มหนึ่งจริง ๆ อย่างน้อยในแง่ของระดับก็ถือว่าหายากมากนี่ไม่ใช่อาวุธวิเศษ แต่เป็นอาวุธวิญญาณ แตกต่างกันเพียงคำเดียว แต่ราคาและความล้ำค่าระหว่างทั้งสองนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว อาวุธวิญญาณทั่วไปมีราคาแค่หินวิญญาณไม่กี่ร้อยก้อน แพงอีกแค่ไหนก็แค่พันกว่า แต่อาวุธวิญญาณเป็นสิ่งที่มีราคาแต่ไม่มีในตลาดมาโดยตลอด อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนระดับหลอมปราณเลย ตลอดชีวิตของผู้ฝึกตนระดับห

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 95

    เจ้าของแผลลอยกล่าวจบก็แอบเชยตามองปฏิกิริยาของอวี้หลานชิง จากนั้นก็เห็นนางทำสีหน้าเคร่งขรึม ไม่เอ่ยสักคำเดียวในใจอด “กระตุก” ขึ้นมาไม่ได้ผู้ฝึกตนหญิงผู้นี้คงไม่ให้เขาคืนหินวิญญาณหรอกนะ?ศิษย์ของสำนักใหญ่ ปกติแล้วจะไม่ยอมเสียหน้ากระมัง?แต่ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่แน่นอน เขาตัดสินใจแล้วว่าหากผู้ฝึกตนหญิงตรงหน้าให้เขาคืนหินวิญญาณละก็ เขาจะเก็บแผงหนีไปทันที จากนั้นก็เปลี่ยนที่แล้วค่อยตั้งแผงใหม่ เจ้าของแผงลอยถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างระมัดระวังว่า “สหายน้อย?” สิ่งที่อวี้หลานชิงคิดไม่ใช่เรื่องขอหินวิญญาณคืน “เมื่อครู่ท่านบอกว่าสมุนไพรวิญญาณที่ใช้ระงับพิษเพลิงชื่อว่าอะไรนะ?”“หญ้าเย็นกระจ่าง สมุนไพรวิญญาณชั้นสูง หนึ่งต้นสามารถระงับพิษเพลิงได้สามเดือน” ความคิดที่จะหนีไปของเจ้าของแผงลอยถูกโยนทิ้งไว้ที่ด้านหลังสมองทันที ก่อนจะถามด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นว่า “สหายน้อยถามถึงสมุนไพรนี้ แสดงว่า?”“ข้ามีอยู่ต้นหนึ่ง” อวี้หลานชิงก็เพิ่งนึกขึ้นได้เช่นกันว่ามีสมุนไพรวิญญาณเช่นนี้อยู่ในแหวนเก็บของของตนเป็นของที่ผู้อาวุโสจวีหยางจากสำนักมอบให้ในพิธีกราบอาจารย์ก่อนหน้านี้ สมุนไพรวิญญาณที่

Más capítulos
Explora y lee buenas novelas gratis
Acceso gratuito a una gran cantidad de buenas novelas en la app GoodNovel. Descarga los libros que te gusten y léelos donde y cuando quieras.
Lee libros gratis en la app
ESCANEA EL CÓDIGO PARA LEER EN LA APP
DMCA.com Protection Status