Share

บทที่ 2

Author: กวนอวิ๋นเจี้ยน
อาจจะเป็นเพราะการออกฌานของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน ภายในตำหนักจึงมีคนมารวมตัวอย่างคับคั่ง

สำนักกระบี่เสวียนเทียนมียอดเขาทั้งหมดสิบแปดยอด หากไม่นับประมุขยอดเขาที่กำลังเข้าฌานแล้ว ประมุขยอดเขาทั้งหมดต่างมารวมตัวกันที่นี่ แม้แต่ประมุขยอดเขาชิงจู๋ที่มักจะหายตัวอย่างเสิ่นหวยจั๋วก็ยังโผล่มาและกำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่มุม

การทดสอบคัดเลือกศิษย์ใหม่เพียงอย่างเดียวไม่อาจเรียกคนมาได้มากขนาดนี้

ทุกคนมาเพื่อให้เกียรติปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน

หลังจากเข้าฌานมาสิบปี ท่าทีของเขาดูสุขุมมากขึ้น ส่วนพลังก็ยิ่งล้ำลึกยากจะหยั่งถึง บัดนี้ไม่มีผู้ใดในสำนักกระบี่เสวียนเทียนกล้าถือตัวต่อหน้าเขาอีกต่อไป

อวี้หลานชิงก้าวเท้าเข้าสู่ตำหนัก ได้ยินเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ชี้มาที่นางพลางกล่าวแนะนำ

“ฉางยวน นี่คือคนที่คุณสมบัติโดดเด่นที่สุดจากการคัดสอบเมื่อห้าปีก่อน มีรากวิญญาณทองคำบริสุทธิ์เฉกเช่นเดียวกับเจ้า นอกจากนี้ยังคว้าอันดับหนึ่งจากการทดสอบบันไดสวรรค์”

“ฉางเยี่ยและจวีหยางต่างหมายจะรับนางเป็นศิษย์ แต่ข้ามองว่า อย่างไรนางก็มีรากวิญญาณแบบเดียวกับเจ้า ทั้งยังมีจิตใจมุ่งมั่น เป็นต้นกล้าชั้นเลิศในการฝึกกระบี่ ให้เป็นศิษย์เจ้าจะเหมาะสมที่สุด อีกอย่าง เจ้าก็ยังไม่มีศิษย์”

“ฉางยวน บัดนี้เจ้าหายดีและออกฌานโดยราบรื่น หากได้มีศิษย์ฝีมือดีเพิ่มอีก ก็จะเท่ากับมีโชคสองชั้น”

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บรรดาผู้อาวุโสในตำหนักต่างมีรอยยิ้มเช่นกัน

ทว่าตัวเอกทั้งสองคนของงานนี้กลับไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย

อวี้หลานชิงมองขึ้นไปที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนที่นั่งอยู่ข้างเจ้าสำนักอวิ๋นไห่

สายตาของเขายังคงเป็นเช่นเดียวกับชาติก่อน จับจ้องไปยังกระจกวารีที่อยู่กลางตำหนัก

ภายในกระจกฉายภาพบรรดาศิษย์ใหม่ที่กำลังขึ้นบันไดสวรรค์หน้าตำหนัก

อวี้หลานชิงรู้ว่าผู้ที่ดึงดูดสายตาของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือจี้ฝูเหยาที่มีสภาพสะบักสะบอมและอยู่รั้งท้ายด้านหลังสุด

ส่วนถ้อยคำที่เจ้าสำนักอวิ๋นไห่แนะนำนางนั้น เขาคงไม่ได้ตั้งใจฟัง หรือต่อให้ฟังก็สำคัญไม่สู้เงาร่างที่อยู่ในกระจก

แต่เขาก็เฉยชากับทุกสิ่งแบบนี้มานานแล้ว เจ้าสำนักอวิ๋นไห่กับเหล่าผู้อาวุโสต่างเคยชิน ไม่ได้ถือสาแต่อย่างใด

“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้”

“กำหนดพิธีคำนับอาจารย์ไว้ที่อีกเจ็ดวันหลังจากนี้ดีหรือไม่? จะได้กระจายข่าวเรื่องที่เจ้าออกฌานและรับศิษย์ได้ทัน”

สิ้นเสียงของเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ ปรมาจารย์กระบี่ฉางจวนจึงค่อยละสายตาจากกระจกวารีในที่สุด

หลังจากขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก เขาก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าไม่คัดค้านที่จะจัดพิธีรับศิษย์ในอีกเจ็ดวัน แต่ว่า…ศิษย์ที่ข้าจะรับ ยังมีอีกคน”

“ยังมีอีกคนหรือ?”

“ผู้ใดกัน?”

ถ้อยคำของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนทำให้ทุกคนตกใจ

ผู้อาวุโสในตำหนักตกใจเช่นกัน พากันมองเข้าไปในกระจกวารี หรือว่าท่ามกลางศิษย์ชุดนี้จะมีต้นกล้าชั้นดีคนอื่นที่พวกเขามองข้ามไป?

แต่มองอยู่นานก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไร แม้ว่าศิษย์ที่เดินนำอยู่หัวแถวจะมีคุณสมบัติไม่เลว แต่เทียบกับอวี้หลานชิงเมื่อห้าปีก่อนแล้วยังห่างไกลอีกมาก

ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเห็นดังนี้ ก็โบกมือปล่อยพลังวิญญาณออกมา ควบคุมให้กระจกวารีฉายภาพเหตุการณ์ครึ่งหลังของการทดสอบขึ้นบันไดสวรรค์ บัดนี้เวลาที่ใช้ทดสอบล่วงเลยมาเกินครึ่ง คนส่วนใหญ่ปีนบันไดได้เกินครึ่งหนึ่งแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่ด้านหลัง

ในจำนวนนี้มีหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่รั้งท้ายสุด นางมีเหงื่อออกโชก ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างยากลำบาก

ยามที่กระจกวารีจับภาพไปที่นาง นางก็ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ เผยให้เห็นถึงดวงหน้า

ผู้อาวุโสในตำหนักหยุดหายใจพร้อมกัน หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็ไม่มีผู้ใดถามอีกว่า เหตุใดปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนจึงต้องการรับหญิงสาวนางนี้เป็นศิษย์

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง “ได้ ในเมื่อเจ้ามีคนที่ถูกใจ เช่นนั้นก็รับเป็นศิษย์พร้อมกัน พวกนางเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องหญิงกัน จะได้มีเพื่อนด้วย”

อวี้หลานชิงเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของทุกคนในตำหนักอยู่เงียบ ๆ

ท่าทีของปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนไม่ได้ต่างจากในความทรงจำของนางเมื่อชาติก่อน กระนั้นครั้งนี้ นางกลับสังเกตเห็นรายละเอียดที่ชาติก่อนไม่เคยสังเกตหลายอย่าง

ตอนแรกผู้อาวุโสพวกนี้ก็ดูแคลนจี้ฝูเหยาที่อยู่รั้งท้ายบันไดสวรรค์ แต่แล้วกลับพากันเปลี่ยนท่าทีเมื่อเห็นหน้าตาของนาง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ใบหน้าของจี้ฝูเหยาเป็น “ปัญหาใหญ่”

หลังจากแสดงความยินดีกับปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนที่ได้ศิษย์เพิ่มเป็นสองคน จนต้องเปลี่ยนจากคำว่า “โชคสองชั้น” เป็น “โชคสามชั้น” ทุกคนถึงค่อยนึกถึงอวี้หลานชิงที่ถูกทิ้งให้ยืนอยู่ด้านล่างมานานแล้วขึ้นมาได้

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่กวักมือเรียกนาง “หลานชิง เข้ามาใกล้ ๆ สิ เจ้ายังไม่ได้คำนับฉางยวนอย่างเป็นทางการ”

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่พูดแบบนี้เพื่อบอกให้อวี้หลานชิงเข้าไปคำนับอาจารย์นั่นเอง

ทว่าอวี้หลานชิงก้าวออกไปข้างหน้าแล้ว ไม่ได้คุกเข่าก้มลงคำนับศีรษะแต่อย่างใด นางเพียงโค้งตัวเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ศิษย์อวี้หลานชิง คารวะท่านปรมาจารย์กระบี่ฉางยวน”

คำว่า “ศิษย์” ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการเป็น “ศิษย์” ของเขา เป็นเพียงการสื่อว่านางเป็นศิษย์ของสำนักกระบี่เสวียนเทียนเท่านั้น นางทำความเคารพตามแบบที่ผู้น้อยพึงมีต่อผู้อาวุโสในแดนบำเพ็ญเพียร น้ำเสียงแสดงถึงความห่างเหินชัดเจน

ยกเว้นเพียงคนผู้หนึ่งที่นั่งสัปหงกอยู่ในมุมแล้ว สายตาทุกคู่ในตำหนักล้วนจับจ้องมาที่อวี้หลานชิง

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่กระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเตือน “นังหนูหลานชิง เจ้าควรเรียกฉางยวนว่าท่านอาจารย์ถึงจะถูก”

อวี้หลานชิงไม่ได้ทำความเคารพใหม่ตามที่เจ้าสำนักอวิ๋นไห่บอก

สีหน้าของนางจริงจัง แววตามุ่งมั่น พูดเสียงฉะฉานว่า “เรียนท่านเจ้าสำนัก ผู้อาวุโสทุกท่าน”

“ศิษย์ไม่ประสงค์จะคำนับท่านปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเป็นอาจารย์เจ้าค่ะ!”

“กระไรนะ?” มีเสียงอุทานด้วยความตกใจหลายเสียงดังขึ้นพร้อมกันทั่วตำหนัก

หากก่อนหน้านี้รูปโฉมของจี้ฝูเหยาทำให้ทุกคนประหลาดใจ เช่นนั้นคำตอบของอวี้หลานชิงตอนนี้ก็เป็นการทำให้ตกใจ

นี่คือผู้เป็นหนึ่งด้านวิถีกระบี่ ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเชียวนะ!

ลองถามทั่วทั้งตงโจว มีผู้ฝึกกระบี่คนใดไม่อยากได้เขาเป็นอาจารย์บ้าง?

ยิ่งไปกว่านั้น อวี้หลานชิงก็รอที่ยอดเขาหลิงเซียวมาแล้วห้าปี รอคอยให้ฉางยวนออกจากฌานเพื่อจะได้เป็นศิษย์สายตรงอย่างเป็นทางการ

อุตส่าห์รอมาห้าปี แต่เมื่อตอนนี้ถึงเวลาคำนับอาจารย์กลับไม่ยินยอมเสียอย่างนั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไร?

หรือจะประชดประชันที่เมื่อครู่นี้ฉางยวนรับศิษย์อีกคน?

ทุกคนดาดเดากันไปต่าง ๆ นานา

เจ้าสำนักอวิ๋นไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาแสดงความไม่เห็นด้วย “เจ้าอย่าใช้อารมณ์ อย่าล้อเล่นกับอนาคตตัวเอง”

“ท่านเจ้าสำนัก ศิษย์ไม่ได้ใช้อารมณ์เจ้าค่ะ”

อวี้หลานชิงเงยหน้าพูดเสียงดัง “ศิษย์ต้องการคำนับผู้อื่นเป็นอาจารย์เจ้าค่ะ!”

ครานี้ บรรดาผู้อาวุโสพากันเผยแววตาที่สื่อว่า “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”

นั่นสินะ อย่างไร “อัจฉริยะ” ก็ต้องมีความเย่อหยิ่งในตัวอยู่แล้ว

พรสวรรค์ของอวี้หลานชิงไม่ได้ด้อยไปกว่าปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเมื่อครั้งอดีต หากจะไม่อยากคำนับอาจารย์ร่วมกับ “คนอ่อนแอ” ที่อยู่รั้งท้ายในกระจกวารีก็เข้าใจได้

ตอนนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉางยวนแล้ว

เป็นครั้งแรกที่ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนเคลื่อนสายตามามองศิษย์หญิงที่ปฏิเสธตัวเองต่อหน้าธารกำนัล

เห็นว่านางยืนหลังตรง แววตาแน่วแน่ เป็นเหมือนดาบเล่มคมที่ถูกชักออกจากฝัก

นับว่าเป็นต้นกล้าชั้นดีสำหรับฝึกกระบี่

แต่หากคิดว่าตัวเองมีสวรรค์ นั่นก็ดูจะสำคัญตัวเองเกินไปหน่อย

คิดจะบังคับให้เขากลับคำและรับนางเป็นศิษย์เพียงคนเดียว? เขาไม่มีทางทำตามที่นางต้องการ

อย่างไรก็เป็นศิษย์อาจารย์กันมาหลายปี

อวี้หลานชิงมองออกทันทีว่า “อดีตอาจารย์” ของตนกำลังคิดอะไรอยู่

เขาอยากเห็นว่าถ้าเขาไม่เปลี่ยนคำพูด นางจะเล่นละครฉากนี้ต่อไปอย่างไร

เช่นนั้นนางจะให้เขาดูแบบเต็มตา!

อวี้หลานชิงเดินออกไปข้างหน้า ประสานมือโค้งคำนับเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ “ศิษย์จำได้ว่าตอนที่ไต่บันไดสวรรค์ได้เป็นอันดับหนึ่งเมื่อห้าปีก่อน ท่านเจ้าสำนักเคยสัญญาว่าจะเลือกผู้ใดในตำหนักเป็นอาจารย์ก็ได้”

“ไม่ทราบว่าตอนนี้ คำสัญญานี้ยังมีผลอยู่หรือไม่?”

“ต้องมีผลอยู่แล้ว” เจ้าสำนักอวิ๋นไห่เห็นว่าอวี้หลานชิงไม่ได้ล้อเล่น

เริ่มคาดเดาไม่ออกว่าศิษย์หญิงผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่

หรือจะต้องการคำนับผู้อื่นเป็นอาจารย์จริง ๆ?

“เจ้าต้องการคำนับผู้ใดเป็นอาจารย์?”

ทุกคนในตำหนักต่างมีสีหน้าสนใจใคร่รู้

อวี้หลานชิงกวาดสายตามองผู้อาวุโสทุกคน ก่อนจะหยุดสายตาที่บุรุษกำลังเอนเก้าอี้หลับตาอยู่ทางริมสุด

เทียบกับผู้อาวุโสหน้าตาเคร่งขรึมท่าทางน่าเกรงขามภายในตำหนักแล้ว บุรุษผิวขาวปากแดงรูปงามปานภาพวาดผู้นี้กำลังนอนหลับแบบไม่รักษาภาพลักษณ์ ราวกับมาผิดที่อย่างไรอย่างนั้น

สายตาของนางหยุดนิ่งอยู่ที่เขา

อวี้หลานชิงประกาศเสียงดังฉะฉาน “ศิษย์ต้องการคำนับท่านผู้อาสุโสเสิ่นแห่งยอดเขาชิงจู๋เป็นอาจารย์เจ้าค่ะ!”

ผู้อาวุโสในตำหนักต่างแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา

หากอวี้หลานชิงเลือกเจ้าสำนักอวิ๋นไห่ หรือไม่ก็ผู้อาวุโสจวีหยางที่มีฝีมือเก่งกาจและขึ้นชื่อว่าเก่งด้านการสอนเป็นอาจารย์ พวกเขาก็คงไม่แปลกใจขนาดนี้

เหตุใดจึงเลือกเสิ่นหวยจั๋วได้?

เสิ่นหวยจั๋วที่มีแค่ตำแหน่ง ปกติเหมือนคนไร้ตัวตน ทำตัวเหลาะแหละและไม่มีผลงานอะไรเลยเนี่ยนะ!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 62

    สายตาของผู้คนล้วนติดตามผีเสื้อที่กลายร่างจากแสงวิญญาณ ไปหยุดอยู่ที่อวี้หลานชิงลั่วอู๋ซางพลันนึกขึ้นได้ว่า ก่อนที่ตนจะลงมือเป็นครั้งที่สอง ศิษย์หญิงผู้นี้เองที่แอบ “ปลดปล่อย” ศิษย์สำนักกระบี่หลายคนซึ่งถูกแรงกดดันกดทับไว้ต่อหน้าต่อตาเขาก็จริงอยู่ เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนหญิงกระโปรงชมพูที่อาจเกี่ยวพันกับการตายของศิษย์ตน เอะอะก็ตาแดง แสร้งทำเป็นน่าสงสาร นางยังชวนให้พึงใจยิ่งกว่า“เอาเถิด ข้าจะเห็นแก่สำนักกระบี่เสวียนเทียน คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหลายถอยออกไปได้”มือที่ลั่วอู๋ซางยกขึ้นยังคงชี้ไปที่จี้ฝูเหยา น้ำเสียงเย็นชาไร้ปรานี “ข้าจะไต่สวนเพียงนางผู้เดียว”ร่างของจี้ฝูเหยาสั่นเทาเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ อย่างไร้ที่พึ่งศิษย์ร่วมสำนักที่นางมองไปหา ต่างพากันหลบสายตาแม้แต่เจินเหรินระดับแก่นปราณหลายคนที่ก่อนหน้านี้ยังคอยปกป้องนาง เวลานี้กลับพากันนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาพูดแทนนางอีกจี้ฝูเหยากำฝ่ามือแน่น ตัดใจเด็ดขาดหันไปทางเสิ่นหวยจั๋ว “ผู้อาวุโสเสิ่น อาจารย์ปู่…ท่านอาจารย์ของศิษย์ยังมาไม่ถึง ท่านจะทอดทิ้งศิษย์มิได้!”เสิ่นหวยจั๋วชิงชังที่สุดในชีวิตก็คือการมีผู้ใดมาข่มขู่ตนเองสายตาท

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 61

    ต่อหน้าธารกำนัล เขานั่งลงบนเก้าอี้เมฆาตัวหนึ่งในนั้นอย่างไม่ลังเลจากนั้นก็ผลักเก้าอี้อีกตัวไปข้างหน้า โอบล้อมด้วยสายลมบริสุทธิ์ ส่งตรงไปยังด้านหลังของลั่วอู๋ซางศิษย์จากสี่สำนักที่อยู่ด้านล่าง ต่างก็มองจนตะลึงงันผู้อาวุโสแห่งสำนักกระบี่เสวียนเทียนท่านนี้ กำลังคิดจะทำสิ่งใดกัน?นี่มันยามใดแล้ว ยังจะมีกะจิตกะใจนั่งลงสนทนากันอีก!เหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียน ยิ่งร้อนใจหนัก พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าผู้อาวุโสเสิ่นคิดจะงัดกลอุบายอันใดออกมาเกรงว่าการกระทำของผู้อาวุโสเสิ่นอาจยิ่งยั่วโทสะลั่วอู๋ซาง ทำให้ทุกคนต้องพลอยรับเคราะห์หนักหนาสาหัสกว่าเดิมท่ามกลางแววตาสงสัยของผู้คนมากมาย เสิ่นหวยจั๋วเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวกับลั่วอู๋ซางว่า “สหายโปรดนั่ง เรื่องราวในวันนี้ ข้าพอจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้ว ข้ามิได้โน้มน้าวให้ท่านคลายโทสะ เพียงแต่อยากพูดคุยด้วยเหตุผลกับท่านเท่านั้น”เขาไม่เคยคิดจะประมือกับลั่วอู๋ซางเลยสักครั้ง เสิ่นหวยจั๋วผู้นี้ เป็นคนที่ยึดถือเหตุผลเสมอมาเป็นครั้งแรกที่ลั่วอู๋ซางต้องเผชิญกับคนที่เล่นนอกกติกาเช่นนี้อย่างไรเสียสองสำนักก็ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีงามอยู่ อีกทั้ง

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 60

    “ปรมาจารย์กระบี่ฉางยวนห่วงใยความปลอดภัยของศิษย์น้องหญิงจี้จริงดังคาด เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน ก็รีบมาด้วยตัวเองแล้ว”ส่วนลั่วอู๋ซางแห่งสำนักอู๋จี๋เตี้ยน มาเร็วก็จริง แต่ก็เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้นแต่ดูจากแสงสีขาววาบเดียวเมื่อครู่นั้น เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำลายแรงกดดันของลั่วอู๋ซางได้ พลังนั้นชัดเจนว่าย่อมมีได้เมื่อร่างจริงมาถึงเท่านั้นต่างเป็นระดับเทพจุติเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงร่างแยก ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งปรากฏกายมาด้วยร่างจริง...ใครแพ้ใครชนะ มองปราดเดียวก็รู้แล้วเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนต่างถอนหายใจโล่งอกในที่สุดเหล่าเจินเหรินที่เมื่อครู่ยังรู้สึกไม่พอใจที่จี้ฝูเหยายั่วโมโหลั่วอู๋ซาง บัดนี้ต่างก็สงบความขุ่นเคืองใจลงแล้วอย่างไรเสีย จี้ฝูเหยาก็เป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์กระบี่ ไม่เห็นหรือว่าแค่นางเกิดปัญหาเล็กน้อย ปรมาจารย์กระบี่ก็รีบรุดมาด้วยตัวเอง?เพียงเท่านี้ ก็มากพอให้นางมีทุนที่จะเอาแต่ใจแล้วเช่นเดียวกับทุกคน จี้ฝูเหยาก็กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าตามทิศทางที่แสงสีขาวพุ่งมา บนหมู่เมฆที่ขอบฟ้าอันไกลโพ้น ปรากฏร่างหนึ่งยืนอยู่จี้ฝูเหยากำยันต์หยกไว้ในฝ่ามื

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 59

    ทั้งสองคนนี้อวี้หลานชิงไม่รู้จักเลย พียงเลือกคนที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดเท่านั้นขณะที่นางยื่นมือช่วยเหลือศิษย์ร่วมสำนักใกล้ตัวต้านแรงกดดัน ทางด้านนั้น ลั่วอู๋ซางก็ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพวกจี้ฝูเหยาทั้งสี่แล้วมองปราดเดียวก็รู้ว่า จี้ฝูเหยาต่างหากที่เป็นผู้ตัดสินใจได้ในบรรดาทั้งสี่คนและไม่สนใจว่าคนอื่นจะกล่าวว่าเขารังแกคนอ่อนแอกว่า สายตาจ้องเขม็งไปที่จี้ฝูเหยา มองจากที่สูงลงมาอย่างดูถูก ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “พูดมา หลังจากเจ้าพบเฉินถงแล้วไปที่ไหน แยกจากกันเมื่อใด หลังจากนั้นเจ้าพบเขาอีกหรือไม่?”ใบหน้าจี้ฝูเหยาซีดเผือดภายใต้สายตาอำมหิตของยอดฝีมือระดับเทพจุติ นางตัวสั่นระริก จนไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมาแต่หาใช่เพราะแรงกดดันไม่ นางมีของวิเศษที่ท่านอาจารย์มอบไว้ติดตัว จึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันของลั่วอู๋ซางที่ปกคลุมเหนือหัวของเหล่าศิษย์สำนักกระบี่เสวียนเทียนเพียงแต่นางมีระดับพลังยุทธ์เพียงขั้นหลอมปราณช่วงกลางเท่านั้น การถูกยอดฝีมือระดับเทพจุติจ้องด้วยสายตาอำมหิต ความกดดันเช่นนี้เพียงพอจะทำลายแนวป้องกันในจิตใจของนางได้นางหลับตาลงเบา ๆ กำยันต์หยกที่ท่านอาจารย์มอบให้ตนเอง สัมผัสถึงความอบอุ่นจา

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 58

    ภายในเตาหลอมใหญ่พลันปรากฏเงาร่างขึ้นมา แรกเห็นยังคงเลือนราง แต่เพียงพริบตาก็แน่ชัดเป็นรูปเป็นร่างอาภรณ์ดำ ผมสีเพลิง ปกเสื้อหลวมโครก เสื้อคลุมยับย่น ดูไม่งามตา แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนเห็นเขาก้าวย่างอันองอาจ ก้าวข้ามออกมาจากเตาหลอมผมยาวสีเพลิงนั้น ถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจด้วยผ้าคาดผมสีขาว ในจังหวะที่เขาขยับกาย ผ้าคาดผมที่หลวมโครกนั้นก็ขาดสะบั้น ผมยาวสีเพลิงปลิวสยายออก พลิ้วไหวโดยไร้ลม ราวกับเพลิงโทสะที่ลุกโชนในดวงตาของเขา เพียงสบมองก็ทำให้ผู้คนพลันเกิดความหวาดหวั่นจากก้นบึ้งหัวใจนี่แหละความน่าเกรงขามของยอดฝีมือระดับเทพจุติแม้เป็นเพียงร่างแยกสายเดียว ก็สามารถทำให้คนนับร้อยตรึงอยู่กับที่พร้อมกัน อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“ผู้ใดบังอาจลงมือทำร้ายศิษย์ของข้า?” ลั่วอู๋ซางมองไปรอบทิศด้วยแววตาอันดุดันสายตาทอดไปที่ใด ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าสบตาหลิงสวินเฟิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงเร็วเกินไป ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่พบสาเหตุที่ศิษย์น้องหายตัวไปขอรับ”“แล้วเหตุใดไม่รีบตรวจสอบต่อไปเล่า!”ลั่วอู๋ซางตวาดก้อง พูดจบแล้วก็ยกมือขึ้น พลังจิตวิญญาณสายหนึ่งพุ่งห่อหุ้มเ

  • เกิดใหม่ครานี้ ข้าขอถีบอาจารย์ผู้ลำเอียงทิ้ง   บทที่ 57

    ก่อนที่ผู้อาวุโสจะมาถึง เจินเหรินหลายท่านของสำนักอู๋จี๋เตี้ยนยังคงสอบถามสำนักต่าง ๆ ว่ามีใครเคยพบศิษย์สองคนนั้นอีกบ้าง“สำนักอู๋จี๋เตี้ยนก็เหลือเกิน ตอนมาก็ให้คนรอ ตอนกลับก็ยังต้องรออีก ทำตัวใหญ่โตเสียจริง!”“แล้วคนเมื่อครู่นั้นก็ด้วย ท่าทีอย่างไรกัน กล้าพูดกับศิษย์น้องหญิงจี้แบบนี้ได้อย่างไร”ผู้คนที่อยู่รอบตัวจี้ฝูเหยา พากันเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนางสายตาของอวี้หลานชิงก็จับอยู่ที่จี้ฝูเหยาเช่นกันนางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในแดนลับ ตอนที่ขัดขวางจี้ฝูเหยาไม่ให้ใช้ค่ายกลเข็มทิศสอดส่องเข้าไปยังแดนลับใหญ่ ข้างกายจี้ฝูเหยามีผู้ติดตามอยู่หลายคนนอกจากลูกศิษย์ชั้นนอกสามคนของยอดเขาหลิงเซียวที่ยังยืนเคียงข้างจี้ฝูเหยาแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนตัวสูงคนหนึ่งตัวเตี้ยคนหนึ่ง ทั้งสองแต่งกายหรูหรา สีหน้าหยิ่งยโส สองคนนั้นน่าจะเป็นเฉินถงและหนานกงที่สำนักอู๋จี๋เตี้ยนกำลังตามหาในตอนนั้นแดนลับเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงห้าวัน ระดับพลังยุทธ์ของจี้ฝูเหยายังคงหยุดอยู่ที่ขั้นดึงลมปราณเข้าร่างสัญชาตญาณบอกนางว่า จี้ฝูเหยาดูไม่ชอบมาพากลแต่ ณ เวลานั้นนางไม่อาจบอกได้ว่า ไม่ชอบมาพากลตรงไหนกันแน่“อาจารย์อาอวี้”เมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status