ความใจเย็นของหลินจืออี้เหนือเกินกว่าความคาดหมายของทุกคนนี่คือคนที่ไร้อำนาจที่สุดในตระกูลกง แต่กลับไม่ขี้ขลาด และไม่ก้มหน้าก้มตาพูดอีกต่อไปเธอยืนอยู่บนแท่นเวที ยืนหยัดเพื่อตัวเองสายตาของเธอใสสะอาดและแน่วแน่ กวาดมองใบหน้าราบเรียบแฝงอันตรายของกงเฉิน ไร้ซึ่งท่าทีถดถอยครั้นเห็นสถานการณ์พลิกผัน กล้องทั้งหมดจึงจ่อไปที่นักข่าวเฉินและซ่งหว่านชิวแทนนักข่าวเฉินที่ไม่แน่ใจ เผลอมองซ่งหว่านชิวอย่างลืมตัวซ่งหว่านชิวขมวดคิ้ว ส่งสายตาตอบทันทีนักข่าวเฉินโต้เสียงดังลั่น “คุณหลิน แค่เพราะผมถามคำถามไม่กี่ข้อ คุณจะมาสาดสีใส่ฉันกับคุณหนูซ่งแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”ซ่งหว่านชิวดวงตาแดงก่ำ “จืออี้ ฉันรู้ว่าการที่โรงเรียนแย่งโควตาการแข่งมาให้ฉันทำให้เธอโกรธมาก ฉันก็แค่อยากได้คำขอโทษคำเดียวเท่านั้น ฉันคุยและอธิบายกับตำรวจหมดแล้ว ถ้าเธอดึงดันจะทำแบบนี้ งั้นฉันจะถอยเอง ฉันขอแค่เธอหยุดก่อเรื่อง แบบนี้จะทำให้ตระกูลกงกับนายท่านสามลำบากใจมาก”ถอยเพื่อให้ได้เข้าใกล้ คือวิธีการที่ซ่งหว่านชิวใช้บ่อยที่สุดประกอบกับดวงหน้ารูปไข่สวยงามอ่อนโยนแล้ว มักกระตุ้นให้อยากปกป้องได้อยู่เสมอผู้นรอบด้านเริ่มมองซ่งหว่านชิ
กระนั้น สายตาสงสัยของฝูงชนรอบด้านแทบทำเอาซ่งหว่านชิวรู้สึกจมน้ำ ถ้าเธอไม่ให้เหตุผลสักข้อ ภาพลักษณ์ที่เธอรักษามาต้องจบสิ้นแน่ซ่งหว่านชิวเม้มปาก แววตาหม่นแสงลง ก่อนเอ่ยโน้มน้าว “จืออี้ เธอลืมเรื่องหนึ่งไปแล้วเหรอ ที่เราคุยกันตอนนี้คือเรื่องที่เธอยุงยงคนอื่นมาทำร้ายฉัน ฉันให้โอกาสเธอมายืนขอโทษตรงนี้ ก็เพื่อปรับความเช้าใจกัน ปรับความเข้าใจคนดีกันแล้วเธอถึงจะไม่เป็นไร”แสร้งน้อยใจไม่ได้ ตอนนี้เริ่มข่มขู่แล้วสินะแต่น่าเสียดายที่เธอพลาดอีกครั้งหลินจืออี้มองตำรวจหญิง ตำรวจหญิงเอ่ยอย่างเข้มงวด “คุณหนูซ่ง เราตรวจสอบชายที่วางแผนทำร้ายคุณแล้ว เขาไม่เคยมีประวัติอาชญากรแม้แต่น้อย แค่ต้องการเงินไปรักษาลูกสาวเท่านั้น ฉันตรวจสอบบัญชีเขาแล้ว จำนวนเงินที่สอดคล้องกับค่าธรรมเนียมการผ่าตัดถูกหักจากบัญชีต่างประเทศ การตรวจสอบว่าบัญชีนั้นเป็นของใครติดปัญหาเดียวคือเวลา แต่เราสามารถบอกทุกท่านได้ชัดเจนว่า ภายใต้ชื่อคุณหลินไม่มีบัญชีต่างประเทศใดๆทั้งสิ้น”“ดังนั้น คุณหลินจึงเป็นฝ่ายถูกใส่ร้าย”ครั้นประโยคนี้ดังขึ้น ซ่งหว่านชิวก็หมดคำพูดต่อ ทำได้เพียงกัดปากแน่นสุดท้าย เธอกันมองจ้าวเฉิงอย่างไม่พอใจจ้า
“คุณท่านกง”“เขาเชื่อมั่นว่าฉันบริสุทธิ์ ถึงได้เตรียมงานแถลงให้ฉัน”“แม้ว่าฉันจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตระกูลกง แต่ตระกูลกงปฏิบัติติกับฉัน...เหมือนลูกหลาน ไม่มีวันทำร้ายฉัน”“ขอบคุณ ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง”หลินจืออี้โค้งคำนับให้คุณท่านกงต่อให้คุณท่านกงโกรธแต่ก็ต้องเป็นใบ้ไปชั่วขณะ ทำได้เพียงพยักหน้ายิ้มให้เหล่าผู้คนแต่ต้องพูดว่าการทำแบบนี้ ถือเป็นการแก้วิกฤติข้อครหาให้ตระกูลกงได้เร็วที่สุดแล้วงานแถลงจบลงหลินจืออี้เดินเร็วตามร่างตำรวจหญิง ก่อนกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณหาหลักฐานจ้าวเฉิงเจอ ฉันคง...”ตำรวจหญิงให้เพื่อนร่วมงานพาคนขึ้นรถไปก่อน แล้วมองหลินจืออี้ด้วยความลำบากใจ“ไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นความคิดของนายท่านสาม เด็กผู้หญิงพวกนั้นนายท่านสามเป็นคนหาเองหมด เขาใช้เวลาหนึ่งคืน ก่อนหน้านี้ที่เราตามหาพวกเธอ ก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่องตระกูลจ้าวทั้งนั้น”“คุณว่าไงนะ?” หลินจืออี้ตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ“ที่จ้าวเฉิงถูกจับกุมตัวในวันนี้ ถูกตัดสินลงโทษไม่มีทางรอด ครั้งนี้ตระกูลจ้าวก็ช่วยคุ้มหัวเขาไม่ได้แล้วเหมือนกัน”น้ำเสียงตำรวจหญิงแฝงความหมายล้ำลึกเธออยากบอกว่าจ
ซ่งหว่านชิวหน้าซีด ยามกงเฉินยกมือขึ้น เธอชิงฉกแฟลชไดร์ฟในมือไปก่อน จากนั้นไม่ระวังทำร่วงลงพื้น สุดท้ายโดนรองเท้าส้นสูงเหยียบใส่จนแหลกเธอทำหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษค่ะ นายท่านสาม ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่จะเอามาให้คุณแทนเท่านั้น”หลินจืออี้มองแฟลชไดร์ฟที่แหลกละเอียด ก่อนหันกายกลับกงเฉินจะดูเนื้อหาหรือไม่ไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือซ่งหว่านชิวกินปูนร้อนท้องซึ่งทุกคนได้เห็นแล้ว เท่านี้ก็เพียงพอแล้วเมื่อเดินออกมาจากห้องโถง หลิวเหอก็เดินตามออกมา“แกบ้าไปแล้วเหรอ ถึงเอาหลักฐานให้ซ่งหว่านชิว”“แม่ คิดจริงๆเหรอว่าเราจะปกป้องหลักฐานได้จริง?” หลินจืออี้ถามกลับ“เมื่อกี้แกเล่นวิดีโอเปิดเสียงก็ได้แล้วนี่ ถึงเวลานั้นทุกคนย่อมได้รู้ถึงหน้าตาแท้จริงของซ่งหว่านชิว”“แม่ไม่อยากมีชีวิตอยู่กับคุณอาในตระกูลกงแล้วเหรอ? คิดว่านายท่านสามจะปล่อยเราไปเหรอ?”หลิ่วเหอดูถูกความรักที่กงเฉินมีต่อซ่งหว่านชิวน้อยไปแล้วชาติก่อนเธอก็ตายด้วยฝีมือของความรักนี่แหละกงเฉินปกป้องซ่งหว่านชิวต่อหน้าคุณท่านกงยังทำได้ ทำไมจะต้องปล่อยให้พวกเธอสองแม่แกทำลายภาพพจน์ซ่งหว่านชิวด้วย?พวกเธอหาเรื่องกงเฉินไม่ได้หรอกหลิ่วเห
ตอนหลินจืออี้ตื่นขึ้นอีกครั้ง เจ้าตัวก็อยู่โรงพยาบาลแล้วแม้ดวงตากำลังขยับ แต่สติกลับยังเลือนราง เธอได้ยินเสียงพูดดังขึ้นข้างๆเตียง“เป็นไงบ้าง?”เสียงทุ้มต่ำ ทั้งคุ้นเคยแต่แฝงเร้นด้วยอันตรายเช่นกัน“นายท่านสาม ไม่เป็นไรแล้ว ฉันขอใช้อาชีพตัวเองเป็นประกัน ว่ามือของคุณหลินต้องหายดีแน่นอน”มือ?เมื่อได้ยินคำนี้ หลินจืออี้ค่อยๆตื่นขึ้น สายตาจดจ้องไปยังป้ายบนอกเสื้อขาวที่แขวนไว้‘ผู้อำนวยการประสาทวิทยา อู๋เฟิง’ชื่อคุ้นจังเธอนึกออกแล้ว ชาติก่อน ซ่งหว่านชิวทำอาหารแต่มือได้รับบาดเจ็บ กงเฉินห่วงมากจนเรียกผู้อำนวยการประสาทวิทยาที่ดีที่สุดมาตรวจซ่งหว่านหลิววันนั้น หลินจืออี้ได้โอกาสออกแบบอัญมณีอีกครั้ง แต่กลับถูกอันธพาลโผล่ออกมาตัดเส้นประสาทข้อมือเธอขอร้องให้โรงพยาบาลช่วยหาหมอด้านประสาทวิทยาที่ดีที่สุมาให้ แต่ทางโรงพยาบาลกลับบอกว่าหมอถูกพาตัวไปรักษาอาการบาดเจ็บเล็กๆของซ่งหว่านชิวเธอโทรหากงเฉินเพื่อขอร้องอ้อนวอน แต่กงเฉินพูดว่า “เวลาหว่านชิวเคลื่อนไหวทำอะไร เธอหยุคลั่งแบบนี้ได้ไหม? หลินจืออี้ เธอไม่เหนื่อยเหรอ?”เขาวางสาย แต่เธอเสียความหวังและโอกาสทั้งหมดไปแล้วชั่วเวลานั้น หน
เมื่อกลับมาถึงโรงเรียนหลินจืออี้ผลักประตูหอเปิดออก พวกเพื่อร่วมหอไม่อยู่เหมือนเดิม เหมือนจะบอกในกลุ่มว่าไปสัมภาษณ์เธอเปิดลิ้นชักของตัวเอง มองของที่อยู่ข้างใน เธอหรี่ตาอยู่ครู่หนึ่งในขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปจับของ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง “จืออี้”หลินจืออี้ปล่อยมือ หมุนตัวกลับไป เสิ่นเยียนก็พุ่งเข้ามาตบตัวเองอย่างรุนแรงต่อหน้าเธอ “จืออี้ ฉันขอโทษ” “ต้องโทษที่ฉันกลัวความยากจน นักข่าวเฉินบอกว่าแค่ใช้บัญชีเธอเขียนไม่กี่ประโยคเท่านั้น ฉันก็เชื่อแล้ว” “เธอก็รู้แม่ฉันไม่ชอบเสียเงินค่าเทอมฉันมาตลอด ฉันถึงได้ติดกับ เธอสงสารฉันเถอะนะ”เสิ่นเยียนตบตัวเองไปพลาง อ้างศีลธรรมต่อหลินจืออี้ไปพลางหลินจืออี้ไม่สนใจ แสร้งทำเป็นนิ่งอึ้ง มองดูเสิ่นเยียนตบตัวเองไปหลายครั้งเสิ่นเยียนกล้าโมโหแต่ไม่กล้าหยุดจวบจนหน้าเธอแดงก่ำ หลินจืออี้ถึงหยุดห้าม“หยุดตบได้แล้ว พูดตอนนี้มันสายไปแล้ว”เธอหลุบตาลง สัมผัสมือที่บาดเจ็บของเธอพลันดวงตาเสิ่นเยียนเป็นประกายขึ้นมา "จืออี้ เธอเป็นอะไร? มือเธอบาดเจ็บจนแข่งขันไม่ได้ใช่ไหม?"หลินจืออี้กวาดตามองเธอ พลางจงใจถอนหายใจ“คุณหมอบอกว่ามือของฉันยาก
เสียงล็อคประตูดังกึกๆ หลินจืออี้ยังไม่ทันหันไปก็รู้ว่าใครกําลังเข้ามาใกล้ กระป๋องใบชาในมือตกลงบนพื้นกลิ้งออกไปกระป๋องใบชากลิ้งไปรอบๆ และในที่สุดก็หยุดลงที่หน้ารองเท้าหนังผู้ชายคู่หนึ่งหลินจืออี้รีบหยิบขึ้นมา แต่มือทั้งสองกลับโอบเอวจากด้านหลังเธอ ราวกับงูพิษที่เย็นเยือก ยิ่งรัดยิ่งแน่นสุดท้ายขังเธอไว้ที่หน้าโต๊ะน้ำชา ความร้อนจากเหนือศีรษะค่อยๆ กระจายไปถึงหู ทําให้ลมหายใจของเธอสับสนวุ่นวายตามไปด้วยริมฝีปากของเขาแนบชิดกับหูของเธอ น้ำเสียงทุ้มต่ําแฝงไว้ด้วยความสนุกสนาน“ชอบถูกจูงมือขนาดนี้เลยเหรอ?”ความร้อนที่หายใจออกเหมือนขนนกถูกับหูของหลินจืออี้ รู้สึกจั๊กจี้เธออยากหนีมาก แต่พอขยับตัวเล็กน้อย แรงกดดันด้านหลังก็ยิ่งน่ากลัว กดทับลงไปลมหายใจโอบล้อมจากด้านหลังของหลินจืออี้ หลินจืออี้สามารถรู้สึกได้ว่าหน้าอกของเขาร้อนผ่าวแค่ไหนผ่านเสื้อเชิ้ตเธอยังคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะปีนติ่งหูขึ้นสีแดงผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเขาจ้องมองเธออย่างยับยั้งชั่งใจและขี้อาย ดวงตาสีเข้มเข้มเหมือนกลางคืน มองเธออย่างเงียบๆ มือที่ตกลงบนเอวของเธอลูบเบาๆร่างกายของหลินจืออี้สั่นเทิ้ม กระซิบกระซาบดิ้นรน “อา
พอสัมผัสก็รู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่าง สั่นไหวเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้หลังจากกงเฉินสังเกตเห็น แววตาลึกล้ำ ก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อเข้าใกล้เธอ น้ำชาบนปกเสื้อหยดลงบนท้องหลินจืออี้ตัวสั่นเทิ้มอย่างเห็นได้ชัดนัยน์ตาของกงเฉินมีสีเข้มขึ้น เขาจ้องมองหลินจืออี้โดยตรง ดวงตาลึกล้ำไม่ปิดบังความปรารถนาของตัวเองแม้แต่น้อย“อ่อนไหวเหมือนคืนนั้นเลยนะ”“เปล่าสักหน่อย” หลินจืออี้โต้กลับ"จริงเหรอ? คืนนั้นเธอไม่ได้พูดแบบนี้นี่”เขาหัวเราะเสียงต่ำ สีหน้าแฝงไว้ด้วยความชั่วร้ายนิ้วหัวแม่มือที่สวมแหวนอยู่ถูกับหยดน้ำในช่องท้องของหลินจืออี้ หยกที่อบอุ่นมีอุณหภูมิที่พิเศษ สบายและแปลกมากหน้าท้องของหลินจืออี้หดเล็กลง หอบเสียงเบาๆ ท่วงทํานองที่เหลือถูกกงเฉินตัดออกไปอีกครั้ง“อืม...”กงเฉินบ้าไปแล้ว!ถ้าถูกคนในตระกูลกงพบเข้า เธอต้องตายแน่แต่แรงของหลินจืออี้สู้เขาไม่ได้ เธอถูกเขาหิ้วขึ้นมาจูบทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น“จืออี้ เธออยู่ข้างในหรือเปล่า?”เป็นกงเยี่ยนหลินจืออี้ตกตะลึงไปทั้งร่างใครจะรู้ว่า กงเฉินกลับหรี่ตาและอุ้มเธอเดินไปที่ประตูหลินจืออี้ตกใจจนทําได้เพียงกอดเขาไว้แน่
ในเมื่อซ่งหว่านชิวซ่อนตัวอยู่ในบ้านและแท้งลูก งั้นเธอก็สามารถวางแผนอื่นๆ ของเธอได้ต่อไปแล้วหลินจืออี้ถือโอกาสที่เข้าห้องน้ำโทรหาหลิ่วเหอ“แม่ วันนี้คุณอาอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?”“อยู่ มีอะไรเหรอ?”“ฉันอยากไปหาเขากินฉันข้าวมื้อน่ะ”ขณะที่พูด หลินจืออี้ก็ก้มลงมองถุงที่อยู่ข้างเท้า ในนั้นมีเสื้อนอกของกงเฉินวางอยู่เธอกลัวว่าถ้าตัวเองไปหากงเฉินโดยตรง เขาจะเห็นอะไรบางอย่างแต่ถ้าเขากินข้าวกับกงสือเหยียน เธอก็สามารถหาข้ออ้างคืนเสื้อผ้าของกงเฉินได้หลิ่วเหอคิดไปคิดมา กลับพูดว่า “ช่างมันเถอะ วันนี้อาของเธอยุ่งมากแน่ๆ”หลินจืออี้พูดอย่างประหลาดใจว่า “คุณอามีออเดอร์ใหญ่เหรอ?”“ไม่ใช่” หลิ่วเหออยากจะพูดแต่ก็หยุด สุดท้ายก็ถอนหายใจ “อาของเธอบอกว่าเจ้าสามป่วยน่ะ ก่อนหน้านี้กระโดดลงทะเลสาบไปช่วยเธอ ทั้งตัวเปียกปอนพาเธอไปโรงพยาบาล เมื่อคืนกงเยี่ยนเกิดอุบัติเหตุ เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเพื่อจัดการงานที่เหลือของกงเยี่ยน ตอนเช้าก็ไปบริษัทอีก เขาก็เป็นคนเหมือนกัน จะไม่ป่วยได้ยังไง?”"ป่วย...ป่วยเหรอ?” หลินจืออี้สะดุ้งโหยงในใจนึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่ผิดปกติของกงเฉินเมื่อคืนอย่างอธิบายไม่ได้ เธอยัง
หลินจืออี้ไม่เคยคิดว่ากงเฉินจะบ้าขนาดนี้แม้ว่าจะดึกมากแล้ว แต่รอบๆ โรงพยาบาลก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่เขากลับยัดมือของเธอไว้ใต้เสื้อสเวตเตอร์มือที่เย็นเฉียบของเธอสัมผัสเอวที่ร้อนผ่าวของชายหนุ่ม ทำเอาเธอร้องเสียงต่ำออกมาอย่างควบคุมไม่ได้คนที่ได้ยินเสียงของเธอต่างหันมามอง เธอก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว พยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่มือกลับถูกเขากดแน่นอยู่บนขอบเอวหลินจืออี้ขดนิ้วมือ กล้ามเนื้อแน่นๆ รีดฝ่ามือของเธอ หนียังไงก็หนีไม่พ้นเพียงแค่คนรอบข้างก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก็จะเห็นมือของเธอสอดเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์ของเขาไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า อุณหภูมิบนฝ่ามือของเธอสูงจนน่าตกใจเธอเตือนอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “อาเล็ก อาบ้าไปแล้ว ถ้ามีคนถ่ายรูปได้จะทํายังไง?”กงเฉินจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “แต่งตัวแบบนี้มาหากงเยี่ยนตอนดึกดื่นไม่กลัว แต่อยู่ด้วยกันกับฉันกลับกลัวงั้นเหรอ? แล้วทําไมตอนนั้นถึงเข้ามาในห้องฉันล่ะ?”หลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาเขา เพราะในอดีตเธอเคยรักผู้ชายคนนี้อย่างเร่าร้อนจริงๆแต่ตอนนี้...เธอก้มหน้าลง "ฉันเสียใจแล้วได้ไหม? ถ้าสามารถเริ่มต
หลังจากกงสือเหยียนตอบรับ เขาก็เดินตามหลินจืออี้ไปเมื่อกงเฉินหันกลับมา กงเยี่ยนก็มองเขายิ้มบางๆ“อาเล็ก ขอบคุณที่มาเยี่ยมผมนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง”กงเฉินมองไปที่กงเยี่ยน ในดวงตามีประกายแหลมคมแวบผ่าน “อ้อ? งั้นนายก็เก็บไว้ใช้บ้างนะ”รอยยิ้มของกงเยี่ยนจางลง จ้องมองทิศทางที่กงเฉินหายไป สีหน้าคลุมเครือไม่ชัดเจน……หลินจืออี้ตามกงสือเหยียนลงไปชั้นล่าง เขารับโทรศัพท์และส่งเสียงอืมสองสามครั้งทันใดนั้น เขามองหลินจืออี้อย่างลําบากใจ “จืออี้ อาให้คนขับรถส่งเธอกลับไปนะ พอดีอาต้องไปเอาเอกสารที่บริษัท”“คุณอา ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันใช้แอพเรียกรถมารับแล้ว”หลินจืออี้คิดว่าหลิ่วเหอยังรอเขาอยู่ที่บ้าน เรียกแท็กซี่แถวนี้ก็ต้องรออีกตั้งนาน จึงปฏิเสธความหวังดีของเขา“เด็กคนนี้นี่ มักกลัวจะรบกวนคนอื่นตลอดเลย”“คุณอาคะ คนขับรถมาแล้ว คุณอารีบขึ้นรถเถอะ แม่ฉันยังบ่นว่าช่วงนี้คุณอากลับดึกตลอด” หลินจืออี้ผลักเขาขึ้นรถ“เดี๋ยวอาเอาอาหารว่างยามดึกไปให้แม่เธอ เขาก็ดีใจแล้ว” กงสือเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ค่ะๆ คุณอาสองคนรักกันไปเถอะค่ะ”หลินจืออี้ปิดประตูรถแล้วโบกมือลาหลังจากส่งกงสือเหยียนออกไ
หลินจืออี้ยืนพิงกําแพง ใบหน้าขาวซีด ในสมองมีแต่ตอนจบของกงเยี่ยนในชาติก่อนและตอนนี้ กงเฉินก็ต้องการทําลายกงเยี่ยนอีกครั้ง!ทําลายคนเดียวในตระกูลกงที่ทําดีกับเธอ!เธอหายใจติดขัด ปลายนิ้วข่วนกําแพงจนรู้สึกเจ็บไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็หันหลังและจากไปอย่างเงียบๆหลินจืออี้กลับไปที่วอร์ดผู้ป่วยอีกครั้งในเวลานี้ กงเยี่ยนเจ็บแผลถลอกจนพลิกตัวยาก แต่เมื่อเห็นหลินจืออี้ก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาทันที“จืออี้ ฉันคิดว่าเธอจะไม่กลับมาแล้ว”“ไม่หรอก” หลินจืออี้เดินไปนั่งที่ข้างเตียง ถามเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ เมื่อกี้ฉันลืมถามไป ทําไมพี่ถึงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ล่ะ?”“เมืองไห่มีขนมอบพิเศษ ฉันอยากจะเอากลับมาให้เธอลองชิม แค่รีบร้อนเท่านั้น” กงเยี่ยนพูดจบก็ไม่อธิบายให้มากความหลินจืออี้สังเกตเห็นช่องโหว่ในคําพูดของเขา “พี่ใหญ่ คนขับรถเป็นคนขับ ไม่ว่าพี่จะรีบแค่ไหน คนขับรถก็ไม่สามารถเอาชีวิตของพี่มาล้อเล่นได้...”ดวงตาของกงเยี่ยนหมองคล้ำ พูดตัดบทว่า “จืออี้ ไม่ต้องถามแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ให้จบลงเท่านี้เถอะ”“พี่ใหญ่ อุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องมีปัญหาแน่ๆ ใช่ไหม? พี่บอกฉันได้ไหม?”หลินจืออี้แค่อ
หลินจืออี้รีบก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกมา แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องเขา กลัวว่าจะทําให้เขาเจ็บ“พี่ใหญ่...”หลินจืออี้รู้สึกแสบจมูก ความรู้สึกผิดในใจก่อตัวมากขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอ กงเยี่ยนก็คงไม่ทําแบบนี้กงเยี่ยนมองเธอ ยื่นมือดึงเธอมานั่งที่ข้างเตียง ยกมือขึ้นเช็ดหางตาของเธอกลางคืนในปลายฤดูใบไม้ร่วงอุณหภูมิต่ำมาก หลินจืออี้แต่งตัวไม่เยอะ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการเดินทาง ขนตายาวหลายเส้นที่แขวนอยู่บนขนตาที่เปียกชื้นเล็กน้อย ขับให้ดวงตาแดงก่ำชุ่มชื้นคู่นั้นยิ่งดึงดูดเขามือของเขาหยุดที่แก้มของเธออย่างไม่เต็มใจและยิ้มเบาๆ เพื่อปลอบโยน "ไม่เป็นไรจริงๆ หรือจะให้ฉันลงมาเดินสักรอบสองรอบ?"หลินจืออี้รีบเอื้อมมือไปจับมือเขา เอ่ยห้ามว่า “พี่อย่าขยับไปไหนนะ โตป่านนี้แล้วยังล้อเล่นอีก?”เขาจ้องมองหลินจืออี้แล้วยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่ชั่วพริบตาก็กวาดสายตามองไปทางด้านหลังของเธอหลินจืออี้สังเกตเห็น พอกําลังจะหันตัวกลับ กงเยี่ยนกลับล้มตัวลงไปหาเธอราวกับไม่มีแรงเธอยื่นมือไปกอดกงเยี่ยนตามสัญชาตญาณกงเยี่ยนถือโอกาสโอบเธอไว้ ตบหลังเธอเบาๆ พูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่เป็นไร”หลินจืออี
หลังจากได้ยินคําพูดของหลิ่วเหอ สมองของหลินจืออี้ก็สับสนวุ่นวายไปหมดเธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าชื่อย่อของใครคือ LHคิดไปคิดมา เธอได้แต่พูดว่า “แม่ ช่วยฉันจับตาดูหน่อยได้ไหม? คราวหน้าที่พวกเขานัดพบกันต้องบอกฉันนะ”หลิ่วเหอไม่ได้รับปากทันที น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย “จืออี้ แกคิดจะทําอะไรกันแน่? แกอยากอยู่ให้ห่างจากพวกซ่งหว่านชิวมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”หลินจืออี้เม้มปาก ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองดูดวงดาวบนท้องฟ้าเมื่อก่อนเธอคิดแบบนี้จริงๆเพราะเธอสัญญากับซิงซิงว่าจะเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีความสุข ยิ่งเดินยิ่งไกล ต้องชดเชยความเสียใจในอดีตให้ได้ดังนั้นความคิดเดียวของเธอคือการเปลี่ยนชะตากรรมเดิมของเธอเติมเต็มความปรารถนาของเธอและซิงซิงแต่ตอนที่เธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้และฟังกงเฉินขู่เธอว่าจะเข้าข้างซ่งหว่านชิว เลือดก็แพร่กระจายจากร่างกายส่วนล่างของเธอ ราวกับได้สัมผัสกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียดวงดาวอีกครั้งถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้กินยาคุมกําเนิด วันนี้ซิงซิงของเธอก็คงกลายเป็นก้อนเลือดไปแล้วเธอไม่สามารถระงับเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังได้อีกต่อไป เธอไม่สามารถลืมใบหน้าที
ตอนนี้ซ่งหว่านชิวเป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง มีสตูดิโอและแบรนด์เป็นของตัวเองเธอยังคลอดลูกชายคนโตให้กงเฉินอีกด้วย กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองสุดขีด แม้แต่เส้นผมก็เหมือนเปล่งประกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสเสิ่นเยียนที่อยู่ข้างเธอก็พลอยสบายไปด้วย แต่งตัวหรูหราถือกระเป๋าโซ่ใบเล็กๆที่ราคาสูงถึงหลายแสนเด็กสาวคนนั้นที่ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับหลินจืออี้และเคยพูดว่าจะขยันทำงานเพื่ออนาคต ตอนนี้ก็ถูกความมืดกลืนกินไปแล้วเสิ่นเยียนเล่นกระเป๋าในมืออย่างไม่ใส่ใจพลางพูดว่า “หลินจืออี้กับลูกสาวแทบไม่ออกจากบ้านเลย แม้แต่คุณท่านก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันกับตระกูลหลิวช่วย คุณจะมีหลักฐานว่าหลินจืออี้ใส่ร้ายพวกคุณแม่ลูกได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้น ตระกูลหลิวยังช่วยหา ตัวอย่างเข้าคู่ให้พวกคุณด้วย ถ้าเธอรู้ว่าคุณโกหกและใช้ประโยชน์จากเธอมาตลอด…”“หุบปาก! นี่เธอกำลังขู่ฉันเหรอ?” ซ่งหว่านชิวเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางที่ทั้งโหดและดุร้าย“คุณหนูซ่ง อย่าว่าฉันพูดมากเลยนะคะ ตระกูลหลิวนี่บอกจะล่มก็ล่ม คุณหนูตระกูลหลิวคนนั้นมาขู่คุณและคนที่จะช่วยคุณได้ก็มีแค่ฉันเท่านั้น ฉันก็แค่เอาสิ่งที่ฉันควรได้ เ
“มีเรื่องงั้นเหรอ? หึๆ ผมกำลังพักผ่อนอยู่เลยนะ อยู่ดีๆก็โดนล็อกคอลากเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน หมอสูติฯ สามคนยืนอยู่ข้างๆ ผมมองหน้ากันงงไปหมด รู้ไหมพวกเขาถามผมว่าอะไร?”หลี่ฮวนแสดงท่าทางประกอบอย่างเว่อร์วังราวกับกำลังเล่นละครฉากใหญ่หลินจืออี้ถามอย่างงุนงง “ถามว่าอะไรเหรอคะ?”หลี่ฮวนเลียนเสียงหมอผู้หญิงพูดเสียงแหลมว่า “คุณหมอหลี่คะ จะรักษาอะไรเหรอคะจะรักษาการตั้งครรภ์หรือรักษาประจำเดือนดีคะ?”“ทีนี้รู้หรือยังว่าแผลพวกนี้ฉันได้มายังไง? คราวหน้ารบกวนช่วยเตือนเขาด้วยว่า ถึงจะรีบก็อย่าล็อกคอผมอีก”หลินจืออี้พอได้ยินมาถึงตรงนี้ก็เริ่มเข้าใจว่าหลี่ฮวนพูดถึงเรื่องอะไรแต่สีหน้าของเธอกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆเพียงแค่ก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรหลี่ฮวนไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอ เขามองไปรอบๆแล้วถามขึ้น“คุณชายสามล่ะ? ไม่ใช่ว่าเขาเฝ้าคุณตลอดหรือไง?”“กลับไปแล้วค่ะ” หลินจืออี้ตอบเสียงเย็นชาที่กงเฉินเฝ้าเธอก็แค่เพราะต้องการแน่ใจว่าจะได้เตือนเธอทันทีที่ตื่นขึ้นว่า "อย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูด"ตอนนั้นเอง หลี่ฮวนก็เริ่มสังเกตได้ว่าบรรยากาศแปลกไปเขานิ่งไปชั่วครู่ ไม่รู้ควรพูดอย่างไร จึงรีบเปลี่ยนห
หลิ่วเหอหลังจากคลอดหลินจืออี้ออกมาร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถมีลูกได้อีกบ้านใหญ่จึงมีหลานชายเพียงคนเดียวคือกงเยี่ยน ส่วยบ้านรองก็ไม่มีลูกเช่นกัน หากบ้านสามอย่างกงเฉินแต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้อีกคน คุณท่านกงจะยอมได้ยังไง?เมื่อสังเกตเห็นสายตาของหลินจืออี้ ซ่งหว่านชิวก็ยกมือขึ้นปิดท้องโดยไม่รู้ตัวท่าทางนี้ทำให้หลินจืออี้รู้สึกแปลกใจชาติที่แล้วเพราะเธอแต่งงานกับกงเฉินก่อน ซ่งหว่านชิวจึงหนีตามไปพร้อมลูกในท้องแต่ตอนนี้ในเมื่อไม่มีสิ่งใดขัดขวางระหว่างซ่งหว่านชิวกับกงเฉิน หากเธอประกาศว่าท้องการแต่งงานระหว่างสองคนก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่ทำไมซ่งหว่านชิวถึงไม่เพียงแค่ไม่ยอมรับลูกในท้อง ยังถึงขั้นไม่กล้าเปิดเผยเลยแม้แต่นิด?“หลินจืออี้ ฉันรู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวดใจ ไม่เป็นไรนะ เพราะความเจ็บปวดยิ่งกว่านี้กำลังจะมา คุณชายสามบอกว่าพอเซ็นสัญญาร่วมมือเสร็จเขาจะแต่งงานกับฉัน”“เห็นมั้ย? ฉันเคยบอกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะเลือกฉัน ส่วนเธอน่ะ ก็แค่ของเล่นที่ไม่ต้องเสียเงิน”ซ่งหว่านชิวหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเยาะเย้ย จากนั้นก็หมุนตัวออกจากห้องผู้ป่วยร่างกายของหลินจืออี้ที่ฝืนทนจนถ