ขณะที่ทุกคนไม่ทันสังเกต มีร่างๆ หนึ่งเดินออกไปอย่างเงียบเชียบ ซ่งหว่านชิวเหลือบมอง มุมปากยกยิ้มลึกขึ้นกว่าเดิม….. ที่หน้าเคาน์เตอร์ เสิ่นเยียนกำลังจ้องมองการ์ดเชิญในมือบนกระดาษนูนโรยด้วยผงทอง เผยความเปล่งประกายระยิบระยับออกมาเป็นความฟุ้งเฟ้อที่คนอย่างเธอไม่มีทางเอื้อมถึงได้ในชีวิตนี้ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากตรงข้าม“อิจฉาเหรอ?”เสิ่นเยียนมองเฉินฮวนที่จะว่ายิ้มก็ไม่ยิ้ม พลางขมวดคิ้วแน่น “เธอเองเหรอ? เธอมาทำอะไร?”เฉินฮวนเดินเข้ามาแล้วชี้ไปที่การ์ดเชิญ “หมาน่ะ ยังไงก็แทนที่เจ้าของไม่ได้หรอก”“อย่ามาพูดจาบ้าๆ ตรงนี้นะ!” เสิ่นเยียนพูดอย่างเดือดดาล“ร้อนใจแล้วเหรอ? หรือว่าฉันพูดผิด? เป็นนกสองหัวน่ะไม่ได้เป็นกันง่ายๆ หรอกนะ” เฉินฮวนยิ้มกว้างขึ้นได้ยินแบบนี้ เสิ่นเยียนถึงกับถอยหลังอย่างระวัง “เธอรู้อะไรมากันแน่?”“ฉันเห็นหมดแล้ว เธอแอบสมรู้ร่วมคิดกับซ่งหว่านชิวเล่นงานหลินจืออี้ รสชาติของการถูกซ่งหว่านชิวตบหน้าคงรู้สึกไม่ดีใช่ไหมล่ะ?” เฉินฮวนพูดแดกดันสีหน้าของเสิ่นเยียนซีดเผือด มองซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง กลัวคนอื่นจะได้ยินเข้าอย่างไรอย่างนั้น“เธอจะเอายังไง
ณ ห้องพักผ่อนหลินจืออี้กำลังใช้ผ้าขนหนูซับคราบไวน์แดงบนกระโปรงเสิ่นเยียนหยิบถุงใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นมาตรงหน้าเธอ “จืออี้ ฉันพกเสื้อผ้ามาเผื่อชุดหนึ่งพอดี เราสองคนสัดส่วนใกล้เคียงกัน เธอใส่แก้ขัดไปก่อนนะ”หลินจืออี้เหลือบมองโลโก้บนถุง ก่อนแกล้งพูดติดตลก “เสิ่นเยียน เธอรวยแล้วเหรอ? เสื้อผ้าร้านนี้ไม่มีชุดไหนต่ำกว่าห้าหลักเลยนะ”สายตาเสิ่นเยียนชะงักไปแวบหนึ่ง ก่อนอธิบาย “ได้เงินเดือนแล้วน่ะ ฉันเลยอยากให้รางวัลตัวเองบ้าง ยังไงก็เป็นงานแรกในชีวิตนี่นา”“งั้นเหรอ แล้วฉันจะกล้าใส่ชุดใหม่ของเธอได้ยังไง? ฉันใส่ชุดนี้ต่อก็ได้ ยังไงฉันก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรอยู่แล้ว” หลินจืออี้พูดพลางจงใจดันถุงกลับไปเสิ่นเยียนตาไหววูบอย่างเห็นได้ชัด ก่อนรีบยัดถุงกลับเข้ามาในอ้อมแขนของหลินจืออี้“จืออี้ เราเป็นเพื่อนรักกันนะ จะมาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ทำไม? ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ฉันจะโกรธแล้วนะ”“งั้น…ก็ได้ ขอบใจนะ” หลินจืออี้กล่าวด้วยสีหน้าซาบซึ้ง“เอาล่ะ อย่ามัวรีรอ เธอรีบไปเปลี่ยนเถอะ”“อืม”หลินจืออี้ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ ด้านหลัง เสิ่นเยียนแสยะยิ้ม เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา หลินจืออ
ชุดกี่เพ้าไร้แขนติดแนบไปกับร่างกายเธอ เผยส่วนเว้าโค้งสมบูรณ์ออกมา ประหนึ่งถูกตัดเย็บขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ สองแขนลู่แนบไปกับลำตัว เปล่งประกายขาวเนียนดุจรากบัวทั้งที่ทั่วตัวบนล่างเผยแค่แขนออกมา แต่กลับดึงดูดสายตาจากทุกทิศทุกทางหลังจากสังเกตุเห็นสายตาของเสิ่นเยียน หลินจืออี้ก็จงใจจัดชุดกี่เพ้าต่อหน้าเธอ“เสิ่นเยียน ฉันสวมเสื้อของเธอแล้วดูคับไปหน่อยนะ”ชาติก่อน หลังจากที่หลินจืออี้กลายเป็นหนูข้ามถนน เสิ่นเยียนก็คร้านจะเสแสร้งต่อ เหยียบร่างเธอที่ล้มอยู่กับพื้นซ้ำ ดูหมิ่นสุดขีด“เธออย่าโทษฉันเลย ใครให้เธอดีกว่าฉันทุกอย่างล่ะ? พูดว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เธอมีสิทธิอะไรถึงทะยานขึ้นฟ้าแต่งงานกับคุณชายสามได้?”“ฉันจะบอกอะไรเธอให้ ทุกการกลั่นแกล้งที่เธอต้องเผชิญ ล้วนเป็นแผนการที่ฉันและซ่งหว่านชิวร่วมมือกันรังสรรค์ขึ้น ตอนนี้คุณชายสามเห็นเธอก็รังเกียจแล้ว เธอไปตายยังดีกว่าซะอีก!”เสิ่นเยียนชอบอิจฉาริษยาขนาดนี้ งั้นก็ปล่อยให้เธอใช้ชีวิตในความริษยาไปทุกวันแล้วกันเมื่อเห็นเช่นนี้ เสิ่นเยียนกัดฟันแน่น มือกำชายกระโปรงตัวเองแน่น ความอิจฉาในดวงตาแทบจะซ่อนไว้ไม่อยู่หลินจืออี้ทำเหมือนไม่เห็นสีหน้า
หลินจืออี้เดินเข้าประตูมาก็พบว่าเสิ่นเยียนที่ตามตนไปเมื่อสักครู่หายไปแล้วน่าจะกลัวต้องเผชิญหน้ากัน ดังนั้นเสิ่นเยียนจึงเล่นหายไปเลยรอเมื่อสิ่งที่ควรเกิดขึ้นเกิดขึ้นแล้ว เสิ่นเยียนในฐานะเพื่อนที่ดีของเธอก็ออกมาโยนความผิด ทำเอาเธอตายสนิทคาที่ได้แต่เสิ่นเยียนมองข้ามไปเรื่องหนึ่ง เธอไม่อยู่ หลินจืออี้จะพูดยังไงก็ได้หลินจืออี้ยิ้มให้สามีของเซวียมั่นอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันคิดว่าฉันควรอธิบายสักหน่อยค่ะ”สามีของเซวียมั่นเหลือบมองด้านข้างโดยไม่รู้ตัวและรีบขัดจังหวะ "เธอไม่ต้องอธิบายหรอก ฉันเชื่อเธอ"คําพูดนี้ยากที่จะไม่ให้คนอื่นคิดเพ้อเจ้อได้“ไม่ ฉันไม่ได้จะอธิบายให้คุณฟังค่ะ แต่อธิบายให้ประธานเซวียฟัง ที่ฉันใส่คือ... สินค้าก๊อปปี้เกรดเอ" แก้มของหลินจืออี้แดงเล็กน้อย มองเซวียมั่นอย่างอายๆ “ประธานเซวียคะ ขอโทษที่ทําให้คุณเข้าใจผิดนะคะ ฉันชื่นชมคุณมาตลอด เลยเลียนแบบการแต่งตัวของคุณโดยไม่รู้ตัว คุณก็รู้ว่าฉันเป็นแค่เด็กฝึกงาน ไม่มีเงินมากขนาดนั้น ฉันก็เลยหาของถุกๆ มาแทนน่ะค่ะ”พูดไปเธอก็ดึงคอเสื้อ ไม่มีป้ายแท็กป้ายแท็กของแบรนด์นี้มีสิทธิบัตร สินค้าก๊อปปี้เกรดเอ ทั่วๆ ไปไม่สามาร
“เสื้อผ้าที่เธอซื้อมานั้นไปตรงกับเสื้อของประธานเซวีย ถ้าประธานเซวียคิดว่าเธอไม่พอใจเขาขึ้นมาจะทํายังไงดีล่ะ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกว่ามันเป็นสินค้าก๊อปปี้เกรดเอ ฉันกําลังช่วยเธออยู่นะ ถ้าเธอไม่เต็มใจ ตอนนี้เราก็ไปอธิบายให้ประธานเซวียฟังก็ได้นะ”หลินจืออี้รู้ว่าเสิ่นเยียนไม่กล้าจริงดังคาด เสิ่นเยียนเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า “จืออี้ ท้องฉันไม่ค่อยสบาย เธอช่วยไปเอายามาที่แผนกต้อนรับมาส่งที่ห้องรับรองเบอร์ 6 หน่อยได้ไหม?”“ได้ เธอรอฉันนะ”“อืม เธอรีบหน่อยนะ ฉันรู้สึกไม่สบายจริงๆ” เสิ่นเยียนเร่งเร้า“เข้าใจแล้ว”หลังจากวางสายแล้ว หลินจืออี้ก็หันหลังเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง...อีกด้านหนึ่งประธานอวี๋ถือโอกาสที่ซ่งหว่านชิวคุยกับเพื่อน เดินไปข้างกงเฉินอย่างเชื่องช้าเธอยกแก้วขึ้นแล้วพูดเป็นเชิงส่งสัญญาณว่า “คนก็ไปแล้ว ยังไม่ตามไปอีกหรือ? ไม่กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไง?”กงเฉินดื่มเหล้าเข้าไปอึกหนึ่ง “เธอยังไม่ได้โง่ขนาดนั้น”ประธานอวี๋หัวเราะเบาๆ “แล้วเมื่อกี้ตอนที่คุณชายสามเห็นเธอถูกจีบ ทําไมแก้วเหล้าถึงเกือบแตกล่ะ?”“เปล่าสักหน่อย”ประธานอวี๋ชินกับปากแข็
หลินจืออี้ตกใจกับการกระทําของกงเฉินแต่ยิ่งเธอดิ้นรนมากเท่าไหร่ อารมณ์ของผู้ชายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้นในที่สุดชุดกี่เพ้าก็ร่วงหล่นจากไหล่ของเธอ เธอหมายจะกอดตัวเองไว้อย่างตื่นตระหนก แต่กลับถูกผู้ชายจับข้อมือด้วยมือเดียวและยกขึ้นเหนือศีรษะมืออีกข้างหนึ่งของเขาบีบคางเธอเบาๆ จูบลงมาอย่างไม่หนักไม่เบาเธอรู้สึกคันอย่างบอกไม่ถูกหลินจืออี้ไม่สามารถควบคุมเสียงครางเบาๆ ที่ออกมาจากริมฝีปากได้ ถึงตอนนี้เธอก็ยังกัดริมฝีปากแน่นไม่ยอมให้เขาเข้าไปก้าวก่ายอีกเมื่อผู้ชายได้ยินเสียงที่ควบคุมอารมณ์ของเธอ เขากลับควบคุมตัวเองไม่ได้ มองดูความอ่อนหวานตรงหน้า แล้วเขาก็กัดริมฝีปากของเธอเธอตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะถูกพรากลมหายใจทั้งหมดไปเขาสัมผัสผิวที่ขาวเนียนของเธอผ่านร่างในชุดสูท มันไม่เพียงพอ ไม่เพียงพอเลย...หลินจืออี้หายใจลําบาก พละกําลังยิ่งต่างกันอย่างไม่ต้องสงสัยกงเฉินเห็นเธอขมวดคิ้ว สติสัมปชัญญะค่อยๆ กลับมา“ยังให้ผู้ชายคนอื่นเข้าใกล้อีกไหม?”“...” หลินจืออี้ถลึงตาใส่เขาโดยไม่พูดอะไร“ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันพูดยังไม่ชัดเจนพอนะ” กงก้มหน้าลง"ไม่แล้ว พอหรือยัง!” หลินจืออี้กัดฟันพูด แต่สายต
“ขอร้องล่ะ” หลินจืออี้พูดอย่างไม่สบอารมณ์“หืม?” เสียงต่ำและทุ้มของกงเฉินที่แฝงความเย้ายวนใจดังขึ้น “ไม่ใช่ชอบเรียกอาเล็กหรอกเหรอ? ไหนลองพูดว่าอาเล็ก ขอร้องล่ะสิ”ความร้อนแผ่ซ่านออกมาพร้อมกับเสียงของเขา หลินจืออี้ฟังจนหน้าแดงหูแดงไปหมดไม่พูด!ไม่พูดเด็ดขาด!เมื่อเห็นเธอไม่พูด ฝ่ามือใหญ่ของกงเฉินก็ลูบเอวเธอ และเลื่อนขึ้นไปทีละนิดทีละหน่อยหลินจืออี้เบิกตากว้าง หน้าแดงจากแก้มลามไปถึงร่างกาย อ่อนปวกเปียกลงทันทีในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้“อาเล็ก ขอร้องล่ะ...”กงเฉินจ้องมองเธอด้วยสายตาที่สั่นไหวเล็กน้อย นิ้วของเขาถูแก้มของเธอ ราวกับว่าเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรเขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หันหลังไปจุดบุหรี่หนึ่งมวน แผ่นหลังที่มืดมนมีอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูกกําลังถูกเก็บกดอยู่“มีเสื้อผ้าอยู่ในตู้เสื้อผ้า”หลินจืออี้ไม่ได้คิดอย่างละเอียด เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วสวมกระโปรงยาวสีขาวตัวหนึ่งแต่เนื่องจากเธอรีบร้อนเกินไป ซิปด้านหลังจึงติดผ้า รูดขึ้นหรือลงก็ไม่ได้ เธอจึงต้องปรับท่าทางไปมาอย่างอึดอัดใจ“เดี๋ยวฉันช่วย”กงเฉินจู่ๆ ก็ขยับเข้าไปใกล้หลังของหลินจืออี้ ฮอร์โมนร้อนๆ ขอ
หลินจืออี้ขดตัวอยู่หลังประตู มองความเคลื่อนไหวที่นอกประตูผ่านตาแมวเซวียมั่นเดินนําหน้าสุดและหยุดที่หน้าห้องรับรองเบอร์ ‘6’อย่างอุกอาจเมื่อยกมือขึ้นเตรียมจะเคาะประตู ซ่งหว่านชิวก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อขัดจังหวะทันทีเธอลดเสียงลงและพูดว่า "ประธานเซวียคะ คุณเคาะประตูแบบนี้จะทำให้พวกเขามีเวลาเตรียมตัวนะคะ ถึงเวลานั้นก็ไม่มีหลักฐานแล้ว คุณดีกับหลินจืออี้ขนาดนั้น เขายังทําแบบนี้กับคุณอีก หรือว่าคุณยังจะให้เกียรติเขาอีกเหรอคะ? ฉันอดรู้สึกไม่คุ้มแทนคุณไม่ได้จริงๆ เลยตั้งใจเอากุญแจห้องรับรองมาด้วยค่ะ”พูดจบ ซ่งหว่านชิวก็ยัดกุญแจเข้าไปในมือของเซวียมั่นเซวียมั่นกําลังโกรธอยู่ พอนึกถึงว่าสามีตัวเองกับพนักงานของตัวเองคบกัน ยังเล่นละครต่อหน้าเธออีกสติสัมปชัญญะของเธอก็หายไป เธอหันหลังและเปิดประตูอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งเข้าไปคนที่อยู่ข้างในยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลย มีแต่เสียงกรีดร้องที่ดังไม่หยุดหลินจืออี้แนบหูกับประตู แต่กลับไม่ได้ยินเสียงในห้องเลย เธอร้อนรนจะตายอยู่แล้วผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเขาค่อยๆ เข้าใกล้หูของเธอ เสียงทุ้มต่ำเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ “ยังไม่ไปอีกเหรอ?”หลินจืออี้ตั้งอกต
ในเมื่อซ่งหว่านชิวซ่อนตัวอยู่ในบ้านและแท้งลูก งั้นเธอก็สามารถวางแผนอื่นๆ ของเธอได้ต่อไปแล้วหลินจืออี้ถือโอกาสที่เข้าห้องน้ำโทรหาหลิ่วเหอ“แม่ วันนี้คุณอาอยู่ที่บริษัทหรือเปล่า?”“อยู่ มีอะไรเหรอ?”“ฉันอยากไปหาเขากินฉันข้าวมื้อน่ะ”ขณะที่พูด หลินจืออี้ก็ก้มลงมองถุงที่อยู่ข้างเท้า ในนั้นมีเสื้อนอกของกงเฉินวางอยู่เธอกลัวว่าถ้าตัวเองไปหากงเฉินโดยตรง เขาจะเห็นอะไรบางอย่างแต่ถ้าเขากินข้าวกับกงสือเหยียน เธอก็สามารถหาข้ออ้างคืนเสื้อผ้าของกงเฉินได้หลิ่วเหอคิดไปคิดมา กลับพูดว่า “ช่างมันเถอะ วันนี้อาของเธอยุ่งมากแน่ๆ”หลินจืออี้พูดอย่างประหลาดใจว่า “คุณอามีออเดอร์ใหญ่เหรอ?”“ไม่ใช่” หลิ่วเหออยากจะพูดแต่ก็หยุด สุดท้ายก็ถอนหายใจ “อาของเธอบอกว่าเจ้าสามป่วยน่ะ ก่อนหน้านี้กระโดดลงทะเลสาบไปช่วยเธอ ทั้งตัวเปียกปอนพาเธอไปโรงพยาบาล เมื่อคืนกงเยี่ยนเกิดอุบัติเหตุ เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเพื่อจัดการงานที่เหลือของกงเยี่ยน ตอนเช้าก็ไปบริษัทอีก เขาก็เป็นคนเหมือนกัน จะไม่ป่วยได้ยังไง?”"ป่วย...ป่วยเหรอ?” หลินจืออี้สะดุ้งโหยงในใจนึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่ผิดปกติของกงเฉินเมื่อคืนอย่างอธิบายไม่ได้ เธอยัง
หลินจืออี้ไม่เคยคิดว่ากงเฉินจะบ้าขนาดนี้แม้ว่าจะดึกมากแล้ว แต่รอบๆ โรงพยาบาลก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย แต่เขากลับยัดมือของเธอไว้ใต้เสื้อสเวตเตอร์มือที่เย็นเฉียบของเธอสัมผัสเอวที่ร้อนผ่าวของชายหนุ่ม ทำเอาเธอร้องเสียงต่ำออกมาอย่างควบคุมไม่ได้คนที่ได้ยินเสียงของเธอต่างหันมามอง เธอก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว พยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่มือกลับถูกเขากดแน่นอยู่บนขอบเอวหลินจืออี้ขดนิ้วมือ กล้ามเนื้อแน่นๆ รีดฝ่ามือของเธอ หนียังไงก็หนีไม่พ้นเพียงแค่คนรอบข้างก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก็จะเห็นมือของเธอสอดเข้าไปในเสื้อสเวตเตอร์ของเขาไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า อุณหภูมิบนฝ่ามือของเธอสูงจนน่าตกใจเธอเตือนอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “อาเล็ก อาบ้าไปแล้ว ถ้ามีคนถ่ายรูปได้จะทํายังไง?”กงเฉินจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “แต่งตัวแบบนี้มาหากงเยี่ยนตอนดึกดื่นไม่กลัว แต่อยู่ด้วยกันกับฉันกลับกลัวงั้นเหรอ? แล้วทําไมตอนนั้นถึงเข้ามาในห้องฉันล่ะ?”หลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อย ไม่กล้าสบตาเขา เพราะในอดีตเธอเคยรักผู้ชายคนนี้อย่างเร่าร้อนจริงๆแต่ตอนนี้...เธอก้มหน้าลง "ฉันเสียใจแล้วได้ไหม? ถ้าสามารถเริ่มต
หลังจากกงสือเหยียนตอบรับ เขาก็เดินตามหลินจืออี้ไปเมื่อกงเฉินหันกลับมา กงเยี่ยนก็มองเขายิ้มบางๆ“อาเล็ก ขอบคุณที่มาเยี่ยมผมนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง”กงเฉินมองไปที่กงเยี่ยน ในดวงตามีประกายแหลมคมแวบผ่าน “อ้อ? งั้นนายก็เก็บไว้ใช้บ้างนะ”รอยยิ้มของกงเยี่ยนจางลง จ้องมองทิศทางที่กงเฉินหายไป สีหน้าคลุมเครือไม่ชัดเจน……หลินจืออี้ตามกงสือเหยียนลงไปชั้นล่าง เขารับโทรศัพท์และส่งเสียงอืมสองสามครั้งทันใดนั้น เขามองหลินจืออี้อย่างลําบากใจ “จืออี้ อาให้คนขับรถส่งเธอกลับไปนะ พอดีอาต้องไปเอาเอกสารที่บริษัท”“คุณอา ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันใช้แอพเรียกรถมารับแล้ว”หลินจืออี้คิดว่าหลิ่วเหอยังรอเขาอยู่ที่บ้าน เรียกแท็กซี่แถวนี้ก็ต้องรออีกตั้งนาน จึงปฏิเสธความหวังดีของเขา“เด็กคนนี้นี่ มักกลัวจะรบกวนคนอื่นตลอดเลย”“คุณอาคะ คนขับรถมาแล้ว คุณอารีบขึ้นรถเถอะ แม่ฉันยังบ่นว่าช่วงนี้คุณอากลับดึกตลอด” หลินจืออี้ผลักเขาขึ้นรถ“เดี๋ยวอาเอาอาหารว่างยามดึกไปให้แม่เธอ เขาก็ดีใจแล้ว” กงสือเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม“ค่ะๆ คุณอาสองคนรักกันไปเถอะค่ะ”หลินจืออี้ปิดประตูรถแล้วโบกมือลาหลังจากส่งกงสือเหยียนออกไ
หลินจืออี้ยืนพิงกําแพง ใบหน้าขาวซีด ในสมองมีแต่ตอนจบของกงเยี่ยนในชาติก่อนและตอนนี้ กงเฉินก็ต้องการทําลายกงเยี่ยนอีกครั้ง!ทําลายคนเดียวในตระกูลกงที่ทําดีกับเธอ!เธอหายใจติดขัด ปลายนิ้วข่วนกําแพงจนรู้สึกเจ็บไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็หันหลังและจากไปอย่างเงียบๆหลินจืออี้กลับไปที่วอร์ดผู้ป่วยอีกครั้งในเวลานี้ กงเยี่ยนเจ็บแผลถลอกจนพลิกตัวยาก แต่เมื่อเห็นหลินจืออี้ก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนออกมาทันที“จืออี้ ฉันคิดว่าเธอจะไม่กลับมาแล้ว”“ไม่หรอก” หลินจืออี้เดินไปนั่งที่ข้างเตียง ถามเสียงเบาว่า “พี่ใหญ่ เมื่อกี้ฉันลืมถามไป ทําไมพี่ถึงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ล่ะ?”“เมืองไห่มีขนมอบพิเศษ ฉันอยากจะเอากลับมาให้เธอลองชิม แค่รีบร้อนเท่านั้น” กงเยี่ยนพูดจบก็ไม่อธิบายให้มากความหลินจืออี้สังเกตเห็นช่องโหว่ในคําพูดของเขา “พี่ใหญ่ คนขับรถเป็นคนขับ ไม่ว่าพี่จะรีบแค่ไหน คนขับรถก็ไม่สามารถเอาชีวิตของพี่มาล้อเล่นได้...”ดวงตาของกงเยี่ยนหมองคล้ำ พูดตัดบทว่า “จืออี้ ไม่ต้องถามแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ให้จบลงเท่านี้เถอะ”“พี่ใหญ่ อุบัติเหตุทางรถยนต์ต้องมีปัญหาแน่ๆ ใช่ไหม? พี่บอกฉันได้ไหม?”หลินจืออี้แค่อ
หลินจืออี้รีบก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกมา แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องเขา กลัวว่าจะทําให้เขาเจ็บ“พี่ใหญ่...”หลินจืออี้รู้สึกแสบจมูก ความรู้สึกผิดในใจก่อตัวมากขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะเธอ กงเยี่ยนก็คงไม่ทําแบบนี้กงเยี่ยนมองเธอ ยื่นมือดึงเธอมานั่งที่ข้างเตียง ยกมือขึ้นเช็ดหางตาของเธอกลางคืนในปลายฤดูใบไม้ร่วงอุณหภูมิต่ำมาก หลินจืออี้แต่งตัวไม่เยอะ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการเดินทาง ขนตายาวหลายเส้นที่แขวนอยู่บนขนตาที่เปียกชื้นเล็กน้อย ขับให้ดวงตาแดงก่ำชุ่มชื้นคู่นั้นยิ่งดึงดูดเขามือของเขาหยุดที่แก้มของเธออย่างไม่เต็มใจและยิ้มเบาๆ เพื่อปลอบโยน "ไม่เป็นไรจริงๆ หรือจะให้ฉันลงมาเดินสักรอบสองรอบ?"หลินจืออี้รีบเอื้อมมือไปจับมือเขา เอ่ยห้ามว่า “พี่อย่าขยับไปไหนนะ โตป่านนี้แล้วยังล้อเล่นอีก?”เขาจ้องมองหลินจืออี้แล้วยิ้มโดยไม่พูดอะไร แต่ชั่วพริบตาก็กวาดสายตามองไปทางด้านหลังของเธอหลินจืออี้สังเกตเห็น พอกําลังจะหันตัวกลับ กงเยี่ยนกลับล้มตัวลงไปหาเธอราวกับไม่มีแรงเธอยื่นมือไปกอดกงเยี่ยนตามสัญชาตญาณกงเยี่ยนถือโอกาสโอบเธอไว้ ตบหลังเธอเบาๆ พูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่เป็นไร”หลินจืออี
หลังจากได้ยินคําพูดของหลิ่วเหอ สมองของหลินจืออี้ก็สับสนวุ่นวายไปหมดเธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าชื่อย่อของใครคือ LHคิดไปคิดมา เธอได้แต่พูดว่า “แม่ ช่วยฉันจับตาดูหน่อยได้ไหม? คราวหน้าที่พวกเขานัดพบกันต้องบอกฉันนะ”หลิ่วเหอไม่ได้รับปากทันที น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย “จืออี้ แกคิดจะทําอะไรกันแน่? แกอยากอยู่ให้ห่างจากพวกซ่งหว่านชิวมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”หลินจืออี้เม้มปาก ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองดูดวงดาวบนท้องฟ้าเมื่อก่อนเธอคิดแบบนี้จริงๆเพราะเธอสัญญากับซิงซิงว่าจะเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่มีความสุข ยิ่งเดินยิ่งไกล ต้องชดเชยความเสียใจในอดีตให้ได้ดังนั้นความคิดเดียวของเธอคือการเปลี่ยนชะตากรรมเดิมของเธอเติมเต็มความปรารถนาของเธอและซิงซิงแต่ตอนที่เธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้และฟังกงเฉินขู่เธอว่าจะเข้าข้างซ่งหว่านชิว เลือดก็แพร่กระจายจากร่างกายส่วนล่างของเธอ ราวกับได้สัมผัสกับความเจ็บปวดจากการสูญเสียดวงดาวอีกครั้งถ้าตอนนั้นเธอไม่ได้กินยาคุมกําเนิด วันนี้ซิงซิงของเธอก็คงกลายเป็นก้อนเลือดไปแล้วเธอไม่สามารถระงับเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังได้อีกต่อไป เธอไม่สามารถลืมใบหน้าที
ตอนนี้ซ่งหว่านชิวเป็นนักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง มีสตูดิโอและแบรนด์เป็นของตัวเองเธอยังคลอดลูกชายคนโตให้กงเฉินอีกด้วย กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองสุดขีด แม้แต่เส้นผมก็เหมือนเปล่งประกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสเสิ่นเยียนที่อยู่ข้างเธอก็พลอยสบายไปด้วย แต่งตัวหรูหราถือกระเป๋าโซ่ใบเล็กๆที่ราคาสูงถึงหลายแสนเด็กสาวคนนั้นที่ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับหลินจืออี้และเคยพูดว่าจะขยันทำงานเพื่ออนาคต ตอนนี้ก็ถูกความมืดกลืนกินไปแล้วเสิ่นเยียนเล่นกระเป๋าในมืออย่างไม่ใส่ใจพลางพูดว่า “หลินจืออี้กับลูกสาวแทบไม่ออกจากบ้านเลย แม้แต่คุณท่านก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันกับตระกูลหลิวช่วย คุณจะมีหลักฐานว่าหลินจืออี้ใส่ร้ายพวกคุณแม่ลูกได้ยังไง? ยิ่งกว่านั้น ตระกูลหลิวยังช่วยหา ตัวอย่างเข้าคู่ให้พวกคุณด้วย ถ้าเธอรู้ว่าคุณโกหกและใช้ประโยชน์จากเธอมาตลอด…”“หุบปาก! นี่เธอกำลังขู่ฉันเหรอ?” ซ่งหว่านชิวเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางที่ทั้งโหดและดุร้าย“คุณหนูซ่ง อย่าว่าฉันพูดมากเลยนะคะ ตระกูลหลิวนี่บอกจะล่มก็ล่ม คุณหนูตระกูลหลิวคนนั้นมาขู่คุณและคนที่จะช่วยคุณได้ก็มีแค่ฉันเท่านั้น ฉันก็แค่เอาสิ่งที่ฉันควรได้ เ
“มีเรื่องงั้นเหรอ? หึๆ ผมกำลังพักผ่อนอยู่เลยนะ อยู่ดีๆก็โดนล็อกคอลากเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน หมอสูติฯ สามคนยืนอยู่ข้างๆ ผมมองหน้ากันงงไปหมด รู้ไหมพวกเขาถามผมว่าอะไร?”หลี่ฮวนแสดงท่าทางประกอบอย่างเว่อร์วังราวกับกำลังเล่นละครฉากใหญ่หลินจืออี้ถามอย่างงุนงง “ถามว่าอะไรเหรอคะ?”หลี่ฮวนเลียนเสียงหมอผู้หญิงพูดเสียงแหลมว่า “คุณหมอหลี่คะ จะรักษาอะไรเหรอคะจะรักษาการตั้งครรภ์หรือรักษาประจำเดือนดีคะ?”“ทีนี้รู้หรือยังว่าแผลพวกนี้ฉันได้มายังไง? คราวหน้ารบกวนช่วยเตือนเขาด้วยว่า ถึงจะรีบก็อย่าล็อกคอผมอีก”หลินจืออี้พอได้ยินมาถึงตรงนี้ก็เริ่มเข้าใจว่าหลี่ฮวนพูดถึงเรื่องอะไรแต่สีหน้าของเธอกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆเพียงแค่ก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไรหลี่ฮวนไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของเธอ เขามองไปรอบๆแล้วถามขึ้น“คุณชายสามล่ะ? ไม่ใช่ว่าเขาเฝ้าคุณตลอดหรือไง?”“กลับไปแล้วค่ะ” หลินจืออี้ตอบเสียงเย็นชาที่กงเฉินเฝ้าเธอก็แค่เพราะต้องการแน่ใจว่าจะได้เตือนเธอทันทีที่ตื่นขึ้นว่า "อย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูด"ตอนนั้นเอง หลี่ฮวนก็เริ่มสังเกตได้ว่าบรรยากาศแปลกไปเขานิ่งไปชั่วครู่ ไม่รู้ควรพูดอย่างไร จึงรีบเปลี่ยนห
หลิ่วเหอหลังจากคลอดหลินจืออี้ออกมาร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถมีลูกได้อีกบ้านใหญ่จึงมีหลานชายเพียงคนเดียวคือกงเยี่ยน ส่วยบ้านรองก็ไม่มีลูกเช่นกัน หากบ้านสามอย่างกงเฉินแต่งงานกับผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้อีกคน คุณท่านกงจะยอมได้ยังไง?เมื่อสังเกตเห็นสายตาของหลินจืออี้ ซ่งหว่านชิวก็ยกมือขึ้นปิดท้องโดยไม่รู้ตัวท่าทางนี้ทำให้หลินจืออี้รู้สึกแปลกใจชาติที่แล้วเพราะเธอแต่งงานกับกงเฉินก่อน ซ่งหว่านชิวจึงหนีตามไปพร้อมลูกในท้องแต่ตอนนี้ในเมื่อไม่มีสิ่งใดขัดขวางระหว่างซ่งหว่านชิวกับกงเฉิน หากเธอประกาศว่าท้องการแต่งงานระหว่างสองคนก็ไม่น่าจะมีปัญหาแต่ทำไมซ่งหว่านชิวถึงไม่เพียงแค่ไม่ยอมรับลูกในท้อง ยังถึงขั้นไม่กล้าเปิดเผยเลยแม้แต่นิด?“หลินจืออี้ ฉันรู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวดใจ ไม่เป็นไรนะ เพราะความเจ็บปวดยิ่งกว่านี้กำลังจะมา คุณชายสามบอกว่าพอเซ็นสัญญาร่วมมือเสร็จเขาจะแต่งงานกับฉัน”“เห็นมั้ย? ฉันเคยบอกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะเลือกฉัน ส่วนเธอน่ะ ก็แค่ของเล่นที่ไม่ต้องเสียเงิน”ซ่งหว่านชิวหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเยาะเย้ย จากนั้นก็หมุนตัวออกจากห้องผู้ป่วยร่างกายของหลินจืออี้ที่ฝืนทนจนถ