หลินจืออี้ถูกขังอยู่บนขาทั้งสองข้างของผู้ชาย ฝ่ามือใหญ่ที่เอวแนบกับผิวที่เสื้อตัวสั้นของเธอไม่สามารถปกปิดได้พอดีปลายนิ้วอุ่นๆ ลูบไล้อย่างหนักราวกับเป็นการลงโทษ ไม่นานเอวของเธอก็มีสีแดงเพิ่มขึ้นมา"ใส่แค่นี้เองเหรอ? ไม่กลัวหนาวแล้วเหรอ?”เธอหายใจถี่ขึ้น ดิ้นรนกระซิบบอกว่า “อาเล็กไม่ต้องมายุ่ง ปล่อยนะ”เมื่อนึกถึงเมื่อกี้ที่เขาจงใจทําให้เธอตกอยู่ในอันตราย ความโกรธก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอมุมปากของกงเฉินยกขึ้นเล็กน้อย มืออีกข้างจับกําปั้นของเธอไว้ แกะฝ่ามือของเธอออก และบีบรอยเล็บสีแดงบนฝ่ามือของเธอ“ถ้ายังไม่สนใจเธอ คนต่อไปที่หาเรื่องก็คือฉันสินะ”“นี่อาเล็ก...... ดังนั้นอาคิดว่าทําแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าสนุกมากเหรอ? ครั้งนี้จะทำให้ฉันอับอายฉันยังไงอีก? ก้มหัวโค้งคํานับลูกค้าของอาเหมือนพวกบาร์เกิร์ลเหรอ?”อารมณ์ที่ค้างคาอยู่หลายวันของหลินจืออี้พลุ่งพล่านขึ้นมา เธอชักมือออกและกําแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ถึงความเจ็บปวดเลยกงเฉินหลุบตามองเธอ พายุหิมะในดวงตาสั่นไหว แต่ก็กลับคืนสู่ความสงบในชั่วพริบตาราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถทําให้หัวใจที่เงียบสงบของเขาขึ้นๆ ลงๆ ได้“ทำให้เธออับอายเหรอ
ในเวลานี้ ลูกค้าที่อยู่ตรงข้ามกับกงเฉินยกแก้วขึ้นและหัวเราะ“คุณชายสาม คุณเกรงใจเกินไปแล้วครับ ผมเพิ่งลงจากเครื่องบินคุณก็ต้อนรับผมอย่างเอิกเกริกขนาดนี้”"มันสมควรแล้ว เชิญครับ"กงเฉินกดก้นบุหรี่และทําท่าเชิญ ดวงตาของเขาเย็นชาได้ยินดังนั้น หลินจืออี้ก็ตกตะลึงไปทั้งร่างเธอเข้าใจทันทีว่าผู้หญิงเหล่านี้มีประโยชน์ยังไง ดื่มเหล้าเป็นเพื่อน หรือไม่แน่ยังมีอย่างอื่นอีกนี่ทําให้สีหน้าของหลินจืออี้ยิ่งซีดเผือด เธอไม่เชื่อว่ากงจมจําเธอไม่ได้เขาแกล้งทําเป็นไม่เห็นเธอและปล่อยให้คนอื่นเลือกก่อนลูกค้าวางแก้วเหล้าลง ลุกขึ้นช้าๆ กวาดสายตาผ่านผู้หญิงแถวหนึ่งตรงหน้า สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่หลินจืออี้เธอหายใจติดขัด กัดริมฝีปากแน่น สองมือกําหมัดโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยความตื่นตระหนกในใจหากลูกค้ากล้าเข้ามาใกล้เธอ เธอก็ไม่สนกงเฉินว่ามาคุยคุยธุรกิจอะไรหรอก เธอจะเป็นบ้าทันทีเลย!แต่ชายคนนั้นไม่ได้เลือกทันที แต่คุยติดตลกว่า "วิสัยทัศน์ของคุณชายสามนั้นดีจริงๆ เลยครับ ผมเลือกจนตาลายแล้ว คุณเลือกก่อนดีกว่า ผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว”ปากบอกว่าเลือกยาก แต่หางตากลับสังเกตทุกการกระทําของกงเฉิน
หลี่ฮวนเปิดประตูจากส่วนที่ลึกที่สุดของทางเดิน ด้านหลังประตูเป็นสวนเล็กๆ ที่เชื่อมกับห้องทํางานของเจ้าของร้านสไตล์ของสวนดอกไม้เหมือนกับห้องโถงข้างหน้าทุกประการ มีต้นไม้หนึ่งต้นเป็นทิวทัศน์ เก๋ไก๋มากเช่นเดียวกับหลี่ฮวนที่ใช้ชีวิตทั้งสองด้าน ไม่เข้ากันโดยสิ้นเชิงเลยสักนิดหลี่ฮวนร้อนใจมาก ดังนั้นจึงไม่ได้สังเกตเห็นหลินจืออี้ที่อยู่ข้างหลังเขาหลินจืออี้ถลันตัวเข้าไปในสวนดอกไม้เล็กๆ ซ่อนตัวอยู่หลังภูเธอจําลอง ถึงได้กล้าแอบมองเข้าไปในเวลานี้ ซ่งหว่านชิวยืนรออยู่ใต้ต้นไม้เป็นเวลานานแล้วหลี่ฮวนก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือเธอ แต่ถูกเธอปัดออกและหลบไป"นายมาทําอะไรที่นี่? ไม่ไปป้อนอาหารคนรักของนายแล้วเหรอ?”ซ่งหว่านชิวหันหลังและกําลังจะจากไป แต่ถูกหลี่ฮวนกอดเอวไว้ เขาบีบหน้าเธอและจูบอย่างแรง“อื้อๆ ......”ซ่งหว่านชิวเริ่มดิ้นรนอยู่สองครั้ง กล้ามเนื้อที่แนบกับหน้าอกของเธอก็อ่อนยวบลงไปมือก็ลูบไล้ร่างกายของเขาอย่างไม่รู้ตัวหลี่ฮวนหัวเราะเบาๆ "หึงเหรอ? วางใจเถอะ หลิวซินหน่าสำหรับฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อเธอ ฉันขี้เกียจจะไปสนใจเขาด้วยซ้ำ”“แล้วนายล่ะเป็นอะไรล่ะ? ทําไมฉันต้
เสียงผิวปากและเสียงตะโกนจากด้านล่างเวทีดังขึ้นอย่างไม่ขาดสายแล้วผู้หญิงก็เดินไปหาผู้ชายที่อยู่ด้านล่างเวทีทีละก้าวๆ ท่ามกลางเสียงเพลงสุดท้าย เธอสะบัดหน้ากากและทื้งตัวลงในอ้อมแขนของชายคนนั้นเนื่องจากคนรอบข้างเยอะจริงๆ ดังนั้นหลินจืออี้จึงมองหน้าตาของผู้ชายและผู้หญิงไม่ชัดเจนแต่เมื่อผู้ชายเอื้อมมือไปกอดผู้หญิง นาฬิกาข้อมือก็โผล่ออกมาให้เห็นใต้แสงไฟบนเวทีพอดีLHตัวอักษรที่ทําจากเพชรที่แตกเป็นชิ้นๆ ส่องแสงระยิบระยับเป็นพิเศษ หลินจืออี้มองปราดเดียวก็จําได้แล้วหลี่ฮวน!งั้นผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นหลิวซินหน่าแน่ๆ!หลินจืออี้คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อเอาใจผู้ชายคนหนึ่ง คุณหนูหลิวผู้สง่าผ่าเผยถึงกลับขึ้นไปเต้นบนเวทีอย่างเร่าร้อนเธอเก็บโทรศัพท์และถือแก้วไวน์ อาศัยฝูงชนเดินเข้าไปใกล้ที่นั่งของหลี่ฮวนและคนอื่นๆ หลี่ฮวนสมกับเป็นเจ้าของจริงๆ ตําแหน่งของเขาดีที่สุดในบาร์ ไม่เพียงแต่สามารถมองเห็นทุกอย่างบนเวทีได้อย่างชัดเจน ยังสามารถชมการเต้นของชายและหญิงบนฟลอร์เต้นได้อีกด้วยหลินจืออี้ชําเลืองมองที่นั่งหลี่ฮวนสวมชุดสีดําและสวมเสื้อเชิ้ตสีดําอย่างสบายๆ ปกเสื้อเปิดโล่งเผยให้เห็นหน้าอกครึ่งห
หลินจืออี้ไม่เคยไปบาร์มาก่อน เพื่อไม่ให้ดูเข้ากันไม่ได้ เธอจึงตั้งใจเรียนการแต่งหน้าแบบจัดจากอินเทอร์เน็ต และซื้อชุดฮอตเกิรล์ที่พบเห็นได้ทั่วไปมาชุดหนึ่งเสื้อคล้องคอ กระโปรงสั้นพลีทเอวแบนว่ากันว่าเป็นชุดฮอตเกิรล์ที่ขายดีที่สุดและแพร่หลายที่สุดบนอินเทอร์เน็ตการแต่งตัวแบบนี้ไม่สะดุดตาเกินไปและไม่มีใครจําได้หลินจืออี้แต่งตัวเสร็จก็นั่งแท็กซี่ไปที่บาร์ไม่คิดว่า เมื่อถึงที่หมาย เธอก็ทำตัวสูงส่งดูดทุกสายตาที่อยู่รอบๆ ทันทีที่เธอลงจากรถเธออึ้งไปเล็กน้อย ปฏิกิริยาแรกก็คือ คงไม่ใช่ตัวเองแต่งตัวล้าสมัยแล้วหรอกนะ?ว่ากันว่าผู้ชายและผู้หญิงในบาร์ล้วนเป็นคนทันสมัย การแต่งตัวของเธอคงไม่ธรรมดาเกินไปใช่ไหม?จนกระทั่งเธอเดินไปที่ประตูบาร์และมีเสียงผิวปากตลอดทาง เธอถึงรู้ว่าที่คนเหล่านี้มองเธอหมายความว่ายังไง?หลินจืออี้เคยอ่านคู่มือการไปบาร์ครั้งแรกบนอินเทอร์เน็ตข้อแรกคืออย่าให้ใครเห็นว่าเธอมาครั้งแรก ไม่งั้นจะกลายเป็นเป้าหมายได้ง่ายจุดประสงค์ของเธอในวันนี้คือการไม่ทําตัวเด่นดังนั้นเธอจึงกลอกตาใส่พวกผู้ชายที่ผิวปากอยู่ แล้วหันหลังเดินจากไปข้อที่สองคือต้องทำตัวสูงส่ง ผู้ชายส่วนใหญ
“อีกประมาณครึ่งชั่วโมงฉันก็จะถึงบ้านแล้วค่ะ”หลินจืออี้รู้ว่าโทรศัพท์ของตัวเองซ่อมเสร็จแล้วแน่นอนก่อนหน้านี้เธอกลัวว่ายิ่งนานเหตุการณ์จะยิ่งไม่แน่นอน ดังนั้นเธอจึงเพิ่มเงินให้กับเจ้าของร้านซ่อมโทรศัพท์ ให้เขาซ่อมโทรศัพท์ของเธอก่อนเป็นอันดับแรกพนักงานส่งพัสดุตอบว่า “ได้ งั้นผมจะส่งของถึงบ้านในครึ่งชั่วโมงนะครับ”พอวางสาย หลินจืออี้ก็เรียกแท็กซี่กลับบ้านทันทีบังเอิญเจอพนักงานส่งพัสดุที่ชั้นล่างพอดี หลังจากเซ็นรับแล้ว หลินจืออี้ก็รีบขึ้นไปรื้อพัสดุที่ชั้นบนอย่างรวดเร็วเมื่อเปิดโทรศัพท์ เธอก็รู้สึกประหม่าอย่างอธิบายไม่ได้เธอจะต้องเข้าใจทุกอย่างให้ได้แต่เมื่อเธอกดเปิดอัลบั้มรูป ทั้งตัวก็นิ่งงันไปทันใดนั้นสายตาของเธอก็พร่ามัว ราวกับว่าสูญเสียโฟกัสไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าเธอก็พร่ามัวไปหมดโทรศัพท์กระแทกพื้นดังปังเธอถือโอกาสทรุดตัวลงนั่ง หลังจากตัวแข็งไปหลายวินาที เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจและค้นหาสิ่งที่ต้องการซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่โทรศัพท์ได้ถูกลบทุกอย่างออกไปหมดแล้วไม่มีอะไรเหลือเลย!สมองของหลินจืออี้ว่างเปล่า ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงดึงสติกลับมาได้ รีบโทรหาเ