Share

บทที่ 10 สตรีหอนางโลม

last update Last Updated: 2025-12-20 09:25:24

“เหตุใดต้องยอมให้พวกนั้นรังแกเล่า เหตุใดไม่สู้” เหยาหมิงเผลอถามคำถามโดยไม่รู้ตัว

                “ไม่มีกำลัง ไม่มีอำนาจ ไม่มีความกล้ามั้ง” ลี่เหม่ยเอ่ยพลางสบตาบุรุษเบื้องหน้า

                “แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ข้าไม่ใช่คนสกุลหวงไม่จำเป็นตรงกลัวพวกเขาอีกต่อไป” นางยักคิ้วให้กับเหยาหมิงก่อนจะมองชมความงามของสินค้าสองข้างทาง

                “หึ! ร่วงจากขื่อครั้งเดียวทำให้เจ้ามีความกล้าขึ้นเยอะนี่” แม่ทัพปราบเหนือเหยียดยิ้มพลางกล่าวพึมพำก่อนเบนสายตาไม่สนใจสตรีเบื้องหน้าอีก

        รถม้าจอดหน้าจวนแม่ทัพ ลี่เหม่ยที่ทนแสบร้อนจากน้ำล้างชามไม่ไหวลุกพรวดขึ้นรีบออกจากรถม้า โดยไม่รอให้บุรุษอย่างเขาลงจากรถม้าก่อน จนเหยาหมิงต้องมองค้างกับท่าทางแปลกประหลาด ไม่รู้จักธรรมเนียมของนาง

                “ตระกูลหวงไม่เคยสอนหรือว่าต้องให้บุรุษลงจากรถม้าก่อน” ชายหนุ่มตำหนินางทันทีที่ลงจากรถม้าได้

                “อาจจะเคยสอน แต่ข้าสมองน้อยไม่จำเอง”

                “หากท่านแม่ทัพไม่ว่าอะไร ข้าขอไปอาบน้ำก่อนแสบไปหมดแล้ว” ลี่เหม่ยไม่กล่าวเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกาเนื้อตัวจนอาภรณ์เลิกขึ้นสูงมองเห็นข้อเท้าขาวนวล

                “นี่! ไม่มีผู้ใดบอกเจ้าหรืออย่างไรว่าไม่ควรอวดเนื้อหนังให้บุรุษมองช่างไร้ยางอายนัก” เหยาหมิงหน้าแดงรีบหันหน้าไปทางอื่น พลางกล่าวตำหนิสตรีตรงหน้า ต่างจากลี่เหม่ยที่ยังงุนงง

                “ข้าก็ไม่ได้แก้ผ้านี่” นางขมวดคิ้วมองดูอาภรณ์ของตัวเองก็ยังอยู่ครบ

                “คุณหนู! ชายอาภรณ์เลิกขึ้นจนเห็นข้อเท้าแล้วเจ้าค่ะ” ชิงชิงรีบเข้ามาดึงอาภรณ์ลงไปคลุมเท้านางเช่นเดิม

        ‘แค่นี้ก็ว่าไร้ยางอายแล้วหรอ โบราณคร่ำครึจริง ๆ’ ลี่เหม่ยได้แต่ถอนหายใจและบ่นกับตัวเองเท่านั้น

                “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ท่านก็หันกลับมาเถอะทำเป็นเด็กน้อยไม่ประสีประสาไปได้” หญิงสาวทนดูท่าทางเอียงอายของบุรุษตัวโตไม่ไหวจนต้องบ่นอุบให้อีกฝ่าย ก่อนเดินหนีไป

                “ไม่ประสีประสาเช่นนั้นหรือ? ช่างใจกล้านักนะหวงลี่เหม่ยกล้าตำหนิแม้กระทั่งข้า” เหยาหมิงได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันให้กับอนุของตนที่เดินจ้ำอ้าวเข้าจวนไปนานแล้ว

        ยามเฉิน ลี่เหม่ยเตรียมออกจากจวนไปยังหอร้อยบุปผาวันนี้นางมีนัดกับนางโลมอันดับหนึ่งอย่างซีซี การค้าครั้งแรกของนางกำลังจะรู้ผลแล้ว ทว่าพึ่งก้าวพ้นเรือนกลับพบองครักษ์ข้างกายเหยาหมิงยืนรออยู่

                “เจ้ามีอะไร?”

                “อนุหวง ท่านแม่ทัพเรียกพบ”

                “แต่ข้ามีนัดแล้ว ไว้เย็นนี้จะไปพบแล้วกัน” นางกล่าวพลางเดินผ่านหน้าเจียหาวไป ทว่ายังไม่ทันก้าวไปไหนกลับถูกกระบี่ของเขาขวางไว้

                “เกรงว่าท่านคงต้องผิดนัดเสียแล้ว”

        ลี่เหม่ยหันขวับมององครักษ์หนุ่มในทันที ใบหน้าบูดบึ้งอยากกินเลือดกินเนื้อสองนายบ่าวที่ชอบบังคับผู้อื่นเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

                “นำทาง!” น้ำเสียงไม่พอใจของนางดังขึ้น พร้อมกับเจียหาวที่หันหลังเดินนำทางไปยังเรือนไผ่หลิว

        เหยาหมิงนั่งเดินหมากภายในสวนที่เงียบสงบ บรรยากาศยามเช้าชวนให้อารมณ์บุรุษเบิกบานไม่น้อย ทว่าไม่นานเสียงบ่นพึมพำของลี่เหม่ยกลับดังขึ้นทำลายความสงบรอบตัวลงทันที

                “ท่านมีอะไร” น้ำเสียงไม่พอใจดังขึ้น พร้อมร่างบางยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า

        เหยาหมิงมองเห็นชายอาภรณ์สีแดงชาดปลิวไสวก่อนเงยหน้ามองเจ้าของอาภรณ์ชุดนั้น หญิงสาวใบหน้าขาวนวล ดวงตากลมโตคิ้วโก่งดั่งคันศร จมูกได้รูปรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงชาด อาภรณ์บางแนบเนื้อกลางอกเว้าลึกจนคนมองเผลอกลืนน้ำลายโดยมิรู้ตัว ผ้าไหมสีดำผืนน้อยที่คาดปิดทับส่วนนั้นทำบุรุษจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน

                “นี่มันชุดอะไรของเจ้า” เหยาหมิงขมวดคิ้วแน่น

                “ทำไม? สวยหรือไม่” ลี่เหม่ยกล่าวพลางหมุนกายให้อีกฝ่ายเชยชม แรงลมที่พัดชายอาภรณ์ปลิวไสวพร้อมผมดำขลับหลุดร่วงปกปิดอกเนียนยิ่งทำให้นางดูยั่วยวนยิ่งขึ้น

                “น่าเกลียดยิ่ง” เหยาหมิงหน้าแดงก่ำผินหน้าไปทางอื่น

                “ไปเปลี่ยซะ” คำสั่งเด็ดขาดของท่านแม่ทัพดังขึ้น แต่มีหรือสตรีอย่างนางจะเกรงกลัว

                “ไม่! ชุดนี้ข้าจะนำไปขายให้หญิงนางโลมในหอร้อยบุปผา หากไม่แต่งให้พวกนางเห็นจะขายได้อย่างไร” ลี่เหม่ยอธิบายเหตุผล

                “หึ! ชุดน่าอายพวกนี้ใครจะซื้อกัน”

                “ชุดเช่นนี้ล่ะ ที่จะทำให้บุรุษอย่างพวกท่านกล้าจ่ายเงินเพื่อให้ได้สตรีมาเชยชม” ลี่เหม่ยตอบพลางนั่งลงตรงหน้าเขา

                “ตกลงเรียกข้ามา ท่านแม่ทัพมีอะไรจะสั่งหรือไม่”

                “อีกสองวันเจ้าต้องไปจวนสกุลหวังและจวนตระกูลเฉิงกับข้า”

                “อ๋อ เจ้าค่ะ” นางพยักหน้ารับ พลางลุกขึ้นเตรียมจากไป

                “ช้าก่อน!” เหยาหมิงปรายตามองนาง

                “เจ้าควรสวมอาภรณ์ให้เรียบร้อย ไม่ใช่อาภรณ์จากหอนางโลมเช่นนี้” คำพูดไม่รักษาน้ำใจออกจากปากบุรุษผู้นี้อีกแล้ว ทำให้ลี่เหม่ยต้องนับเลขเพื่อระงับความโกรธ

                “รับทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้อน้อยก็อยากจะแต่งกายให้สมเป็นอนุในจวนแม่ทัพ ทว่าสตรีไร้สินเดิมอย่างข้าจะเอาชุดพวกนั้นมาจากไหนเล่า” สีหน้าแสร้งเศร้าสร้อยของลี่เหม่ยยิ่งทำให้เหยาหมิงหงุดหงิด

                “เตรียมรถม้า” คำสั่งแสนระอาใจของบุรุษกลับทำนางยิ้มกว้าง

        รถม้าย่ำไปตามถนนผ่านร้านรวงนับไม่ถ้วน ยามกลางวันย่านโคมแดงดูเงียบเหงาด้วยเป็นช่วงของเหล่าหญิงคณิกาพักผ่อนเอาแรง ทว่าเวลามืดค่ำเช่นนี้ย่านโคมแดงกับคึกคักต่างจากย่านอื่นที่ร้านรวงปิดเงียบ

                “หยุดรถ” เสียงหวานดังขึ้น

                “จะทำอะไร?” ใบหน้าบึ้งตึงของเหยาหมิงกลับไม่ทำให้สตรีร่างบางเช่นลี่เหม่ยเกรงกลัว

                “ข้าบอกแล้วว่าวันนี้จะมาขายชุดที่หอร้อยบุปผา ผ้าข้าก็ซื้อแล้วเรื่องที่ท่านกำชับข้าก็รู้แล้ว เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะจัดการธุระของข้าบ้าง ท่านกลับไปก่อนได้เลย” ลี่เหม่ยกล่าวพลางลงจากรถม้าโดยไม่สนใบหน้าไม่พอใจของท่านแม่ทัพ

                “เอาอย่างไรขอรับ จะกลับเรือนเลยหรือไม่” เจียหาวเอ่ยถามเจ้านายที่นั่งหน้าบูดบึ้งในรถม้า

                “รอ” เหยาหมิงกล่าวพลางปิดเปลือกตาลง เขาปวดหัวทุกครั้งที่ต้องสนทนากับสตรีอย่างหวงลี่เหม่ย

        ภายในหอร้อยบุปผาคึกคักไม่น้อย ด้วยคืนนี้จะมีการประมูลหญิงพรหมจรรย์ เหล่าบุรุษบ้าตัณหาต่างไม่พลาดงานนี้ ลี่เหม่ยเดินตรงไปยังห้องรับรองของซีซี สตรีนับสิบรออยู่ด้านในทำให้ดีไซเนอร์อย่างนางยิ้มกว้าง

                “พวกเจ้าต้องการชุดเช่นเดียวกับแม่นางซีซีใช่หรือไม่” ลี่เหม่ยไม่อ้อมค้อม

                “ใช่!”

                “ราคามัดจำสองตำลึง อีกสามวันรับชุดจ่ายอีกสามตำลึง”

                “เหตุใดแพงนัก เช่นนี้ข้าไม่เอาด้วย” หญิงนางโลมบางนางยอมถอดใจ

                “ใครไม่เอาไม่เป็นไร ข้าจะตัดชุดแบบนี้เพียงห้าชุดเท่านั้นแล้วจะไม่มีตัดเพิ่ม ใครอยากได้ก็เดินเข้ามาวางเงินแล้ววัดตัว” ลี่เหม่ยไม่คิดลดราคาแต่กลับทำให้ชุดพวกนั้นมีค่ามากขึ้น ทำเอาเหล่าหญิงคณิกามองหน้ากันเลิกลัก อาภรณ์ยั่วยวนบุรุษเช่นนี้หากสวมใส่ด้วยมารยาของพวกนางคงทำเงินได้ไม่น้อยกว่าสิบตำลึงแน่

                “ข้าเอา!” “ข้าเอาด้วย”

        กลายเป็นว่าสตรีนับสิบแย่งกันจ่ายเงินเพื่ออาภรณ์เพียงห้าชุด ลี่เหม่ยยิ้มหน้าบานกับเหตุการณ์เบื้องหน้า

                “แล้วชุดที่เจ้าสวมอยู่นี่เล่า” ซีซีสังเกตอาภรณ์หวาบหวิวที่นางสวมใส่ตาเป็นมัน

                “แม่นางซีซีตาแหลมยิ่ง ชุดนี้ข้าพึ่งตัดใหม่ มีเพียงห้าชุดเท่านั้น ราคาหกตำลึง” ลี่เหม่ยเลิกคิ้วเอ่ยหยั่งเชิง

                “ได้! ข้าซื้อ” ซีซีที่ทำเงินจากชุดแรกไม่น้อยกว่ายี่สิบตำลึงจึงไม่คิดเสียดายเพียงน้อย

                “ข้าเอาด้วย!” “ข้าด้วย” “ข้าอีกชุดนึง” เหล่าหญิงคณิกาที่จับจองไม่ทันชุดแรก ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อให้ได้ชุดที่ใหม่กว่า

        ลี่เหม่ยยิ้มกว้างเดินออกจากห้องรับรอง เพียงวันเดียวนางสามารถทำเงินได้ถึง ห้าสิบตำลึง หนทางเปิดร้านของนางอยู่ไม่ไกลเสียแล้ว ทว่าด้วยความดีใจกลับทำให้นางไม่ทันมองว่าตอนนี้งานประมูลหญิงพรหมจรรย์ได้เริ่มขึ้นแล้ว และช่างโชคร้ายที่นางกลับยืนอยู่บนลานประมูลพอดิบพอดี

        ผ้าขาวบางปิดครึ่งหน้า พร้อมอาภรณ์สีแดงชาดบางเบาแนบเนื้อ ส่วนหน้าอกเว้าลึกมีเพียงผ้าไหมสีดำคาดปิดไว้ ทำบุรุษนับสิบกลืนน้ำลายกับรูปร่างดั่งเทพธิดาของนาง

                “มามา สตรีนางนี้ข้าให้สิบตำลึง” ลี่เหม่ยสะดุ้งตกใจเมื่อเสียงหื่นกระหายดังขึ้น จนได้สติว่าตนอยู่กลางลานประมูลเสียแล้ว

                “นี่! ข้าไม่ใช่” นางพยายามจะอธิบาย

                “เงียบนะ!” มามารีบปิดปากนางพลางกระซิบ ข้าจะให้เจ้ามากกว่าสตรีนางอื่นแน่

                “แต่ข้าไม่ใช่..” / “ใต้เท้าจงใจใหญ่ไม่น้อย ท่านอื่นว่าอย่างไรเจ้าคะ” มามาหอร้อยบุปผาไม่ยอมฟังนางอธิบาย กลับรีบเร่งการประมูลให้เร็วขึ้น

              “ข้า 15 ตำลึง”

              “16 ตำลึง”

              “17 ตำลึง”

              “20 ตำลึง”

        ลี่เหม่ยมองดูการประมูลร่างกายนางที่เต็มไปด้วยบุรุษบ้าตัณหา ภายในใจรู้สึกหวาดกลัวเมื่อไม่มีผู้ใดฟังนางอธิบาย จะหนีออกไปก็ทำไม่ได้เมื่อมามาเฒ่าให้คนงานชายประกบนางไว้

                “ห้าสิบตำลึง”

        เสียงเยือกเย็นดังขึ้น ทำทั้งลานประมูลเงียบสนิท บุรุษสวมอาภรณ์สีดำตัดกับผิวขาวของเขา คิ้วหนารับกับดวงตาลุ่มลึกกำลังจ้องมองลี่เหม่ยดุจเหยี่ยวเจ้าเวหา ทำสตรีหลายนางอ่อนระทวยโรยแรงลงตรงนั้น

                    “เหยาหมิง?” ลี่เหม่ยพึมพำเสียงเบา พลางหายใจโล่งขึ้นเมื่อเห็นคนคุ้นเคยยื่นมือเข้าช่วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 15 อนุอย่างข้า อยากหย่าสามีได้หรือไม่

    ฮูหยินเฒ่ามองใบหน้ามีชีวิตชีวาของหลานชาย นางเองก็พอเบาใจได้บ้าง บุตรสาวนางเฉิงอี๋นั่วจากไปเร็วทิ้งบาดแผลในใจให้เหยาหมิงมากมาย นับจากวันนั้นหญิงชราอย่างนางก็ไม่เคยเห็นใบหน้ามีชีวิตชีวาเช่นนี้อีก “เหยาหมิง ยายเหนื่อยแล้วพายายกลับจวนที” เสียงหญิงชราเรียกหลานชายที่กำลังนั่งสนทนากับลุงใหญ่ “ลี่เหม่ยอยู่พูดคุยกับเหล่าป้าใหญ่รอไปก่อนแล้วกัน” นางหันมายิ้มให้หลานสะใภ้ ก่อนปล่อยให้หลานชายพากลับเรือนนอน เรือนฮูหยินเฒ่าอยู่ถัดจากเรือนรับรองไม่ไกล เหยาหมิงพาท่านยายของตนนั่งพักในโถงเรือน ก่อนจะหันกายเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติฮูหยินเฉิง “เหยาเอ๋อร์ ไปจวนบิดามาเป็นอย่างไรบ้าง” “เช่นเดิมขอรับ หลานกับเขาไม่เคยพูดคุยกันได้ตั้งแต่ท่านแม่จากไป ครั้งนี้ก็เช่นเดิม” “อย่างไรเสียเขาก็เป็นบิดา หากไม่อาจอยู่ร่วมชายคาอย่างไรเสียความกตัญญูก็ควรมี หลานรู้ใช่หรือไม่” ฮูหยินเฒ่ากับชับหลานชาย “รู้ขอรับ ท่านย่าไม่ต้องกังวลหลานไม่ทำให้ใครต่อว่าตระกูลเฉิงได้แน่” เหยาหมิงตบมือท่านยายเบา ๆ “เช่นนั้นย

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 14 ยียวนกวนประสาท

    “อนุของข้ากล้าเอ่ยชมบุรุษอื่นต่อหน้าสามีเลยหรือ” เหยาหมิงรั้งเอวบางแนบชิดหน้าท้องแกร่ง ใบหน้ายียวนก้มมองสตรีตรงหน้าที่อ้าปากค้างร่างกายแข็งทื่อ ไม่ต่างจากเข่อซิงที่หยุดชะงักเมื่อเห็นท่าทีของพี่ชายกำลังเย้าหยอกพี่สะใภ้ “ท่านทำอะไรของท่าน” ลี่เหม่ยที่ได้สติ ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันจ้องมองบุรุษฉวยโอกาสตาเขม็ง มือบางบิดเนื้อท่อนแขนอีกฝ่ายจนแดงช้ำ “โอ๊ย!! เจ็บนะ” เหยาหมิงกัดฟันตอบ ใบหน้ายียวนหายไปในทันที “ก็ทำให้เจ็บนี่ ปล่อยข้านะ” ลี่เหม่ยกระทืบเท้าอีกฝ่ายจนเจ็บแปลบ ยอมปล่อยนางแต่โดยดี เข่อซิงเห็นท่าทางสองสามีภรรยาที่บัดนี้คล้ายทะเลาะมากกว่าเย้าหยอกจึงรีบเข้าช่วยสงบศึก “คารวะท่านพี่ พี่สะใภ้” เสียงนุ่มลึกของชายหนุ่มดึงความสนใจของคนทั้งสองได้ทันที “รบกวนน้องสามีแล้ว ท่านแม่ทัพเพียงอยากแนะนำให้เรารู้จักกันน่ะ” ลี่เหม่ยยิ้มกว้างกล่าวเป็นกันเองกับอีกฝ่าย โดยไม่ต้องให้เหยาหมิงตแนะนำ “หึ! เจ้าเข้ากับคนอื่นได้ง่ายจริงนะ” เหยาหมิงประชดประชัน “ข้าเข้าง่ายกับคนที่ข้าอยากเ

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 13 ตระกูลเฉิง

    ลี่เหม่ยจ้องมองใบหน้าเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นของแม่ทัพหนุ่ม นางเผลอยิ้มให้กับความหล่อเหลาของอีกบุรุษตรงหน้าโดยมิรู้ตัว คิ้วหน้าตาคมเข้มผิวขาวราวไข่มุก ริมฝีปากอิ่มยามปิดสนิทที่ไม่เอาแต่กล่าวคำตำหนินางช่างน่ามอง “จ้องนานเช่นนี้ มีใจให้ข้าหรือ?” คำพูดไม่น่าฟังหลุดออกจากปากบุรุษตรงหน้า ทำรอยยิ้มหวานเมื่อครู่ของหญิงสาวหุบหายไปในพริบตา “โรคหลงตัวเองนี้ท่านยังไม่หาหมอมาดูอาการอีกหรือ” ลี่เหม่ยสวนกลับอีกฝ่ายในทันที เหยาหมิงที่ยังคงทาแผลให้กับนางหยุดมือทันทีเมื่ออีกฝ่ายชอบประชดประชันตนไม่หยุด “เสร็จแล้ว แผลเท่านี้ไม่ทำให้เจ้าอัปลักษณ์ไปมากกว่านี้ได้หรอก” บุรุษตรงหน้าปล่อยมือนางก่อนหันกายขึ้นรถม้าไป “เจ้าเด็กนี่หนิ ทำคนอื่นเจ็บยังมีหน้ามาว่าอีก” ลี่เหม่ยมือเสะเอวอย่างเหลืออด ก่อนจะจ้องมองแผ่นหลังชายผู้ขึ้นรถม้าไปพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง “หากไม่อยากเดินไปจวนตระกูลเฉิงก็ขึ้นรถม้ามา” เสียงเย็นชาจากบุรุษในรถม้าดังตามหลัง ลี่เหม่ยทำได้เพียงกระทืบเท้าทำตามคำสั่งแม่ทัพหนุ่ม นางไม่มีอำนาจใดต่อรองได้ จำต้อ

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 12 กู้หน้าสามีในนาม

    รถม้าหยุดลงหน้าจวนตระกูลหวัง ใบหน้าหล่อเหลาของเหยาหมิงเย็นชาจนไม่น่ามอง สีหน้าไร้อารมณ์จนผู้คนคาดเดาความคิดของแม่ทัพปราบเหนือได้ยาก “ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” ลี่เหม่ยถามสิ่งที่นางต้องทำเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อสามี “อยู่นิ่ง ๆ ไม่ต้องทำอะไร ข้าจะจัดการเอง” น้ำเสียงเรียบเฉยดังขึ้นก่อนก้าวลงจากรถม้า โถงใหญ่ของบ้าน บุรุษวัยห้าสิบหน้าละม้ายคล้ายเหยาหมิงนั่งอยู่เก้าอี้เจ้าบ้าน มีหญิงวัยราวสี่สิบสวมอาภรณ์ผ้าไหมราคาแพงทั้งตัวเครื่องผมแสนวิจิตรประดับจนเต็มหัว ใบหน้างามแต่งแต้มจนเกินพอดีนั่งอยู่ด้านข้าง “คารวะนายท่านหวัง ฮูหยินหวง” เหยาหมิงค่อมกายเคารพผู้อาวุโสทว่าคำเรียกช่างห่างเหิน บ่งบอกถึงความไม่เกี่ยวข้อง ใบหน้าของหวังเทียนเล่ยบิดเบี้ยวด้วยไฟโทสะ ไม่ต่างหวงหลงเหรินที่บัดนี้หายใจถี่แรงด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจห้าปีที่แต่งเข้ามาลูกเลี้ยงอย่างเหยาหมิงกลับไม่เคยเคารพนางเลย ลี่เหม่ยมองดูสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเบื้องหน้า แม่ทัพไม่เคารพพ่อแม่ของตนก็ไม่กล้ามีใครตำหนิ แต่หากนางเอาเขาเป็นเยี่ยงอย่างต้องถูกตีเนื้อแตกอีกแน่ “คา

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 11 หนี้ห้าสิบตำลึง

    เหยาหมิงก้าวอย่างมั่นคงเข้าไปยังลานประมูล ใบหน้าคมเข้มยังคงจดจ้องใบหน้าซีดเผือดของนางไม่วางตา “ท่านแม่ทัพเฉิงนี่ ไม่ยักรู้ว่าท่านก็ชื่นชอบหญิงคณิกาด้วย” ใต้เท้าจงอยู่ในราชสำนัก จึงจดจำชายหนุ่มได้ดี “ข้าก็เพียงแค่อยากรู้ว่าจริงพรหมจรรย์ของหอร้อยบุปผาจะงดงาม เย้ายวนอารมณ์บุรุษได้เพียงใด” มือหนาลูบไล้สัมผัสใบหน้านางอย่างถือดี โดยไม่สนสายตาโกรธเกรี้ยวของลี่เหม่ย “หวงลี่เหม่ย นะ หวงลี่เหม่ย คลาดกันแค่ครึ่งชั่วยามเจ้าก็มาขายพรหมจรรย์เสียแล้ว” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูนาง “ใช่ที่ไหน ใครจะรู้เดินมาดี ๆ ดันอยู่กลางลานประมูลเสียแล้ว รีบพาข้าออกไปเร็วเถอะเจ้าค่ะ” นางจ้องมองบุรุษตรงตาด้วยแววอ้อนวอน แต่เขากลับเห็นความลำบากของนางเป็นเรื่องตลกเสียได้ “มามาข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดประมูลแข่งข้าแล้ว เช่นนั้นข้าคงพานางไปได้สินะ” หางตาเหยาหมิงมองไปยังมามาหน้าเลือดที่ยืนยิ้มดีใจกับราคาแพงลิบที่เขาจะจ่ายให้ “ช้าก่อน! ท่านแม่ทัพเฉิงพึ่งรับอนุงามหยดย้อยเข้าจวน เช่นนั้นสตรีนางนี้ข้าขอแล้วกัน” บุรุษท่าทางเมามายไม่

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 10 สตรีหอนางโลม

    “เหตุใดต้องยอมให้พวกนั้นรังแกเล่า เหตุใดไม่สู้” เหยาหมิงเผลอถามคำถามโดยไม่รู้ตัว “ไม่มีกำลัง ไม่มีอำนาจ ไม่มีความกล้ามั้ง” ลี่เหม่ยเอ่ยพลางสบตาบุรุษเบื้องหน้า “แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ข้าไม่ใช่คนสกุลหวงไม่จำเป็นตรงกลัวพวกเขาอีกต่อไป” นางยักคิ้วให้กับเหยาหมิงก่อนจะมองชมความงามของสินค้าสองข้างทาง “หึ! ร่วงจากขื่อครั้งเดียวทำให้เจ้ามีความกล้าขึ้นเยอะนี่” แม่ทัพปราบเหนือเหยียดยิ้มพลางกล่าวพึมพำก่อนเบนสายตาไม่สนใจสตรีเบื้องหน้าอีก รถม้าจอดหน้าจวนแม่ทัพ ลี่เหม่ยที่ทนแสบร้อนจากน้ำล้างชามไม่ไหวลุกพรวดขึ้นรีบออกจากรถม้า โดยไม่รอให้บุรุษอย่างเขาลงจากรถม้าก่อน จนเหยาหมิงต้องมองค้างกับท่าทางแปลกประหลาด ไม่รู้จักธรรมเนียมของนาง “ตระกูลหวงไม่เคยสอนหรือว่าต้องให้บุรุษลงจากรถม้าก่อน” ชายหนุ่มตำหนินางทันทีที่ลงจากรถม้าได้ “อาจจะเคยสอน แต่ข้าสมองน้อยไม่จำเอง” “หากท่านแม่ทัพไม่ว่าอะไร ข้าขอไปอาบน้ำก่อนแสบไปหมดแล้ว” ลี่เหม่ยไม่กล่าวเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกาเนื้อตัวจนอาภรณ์เลิกขึ้นสูงมองเห็นข้อเท้าขาวนวล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status