Share

บทที่ 9 อนุของข้า

last update Last Updated: 2025-12-20 09:23:58

ลี่เหม่ยที่ถูกเข้าใจว่าร่วงจากขื่อจนจำสิ่งใดไม่ได้ จึงถูกชิงชิงนำทางไปยังโถงหลักของเรือนที่แม้จะดูโอ่อ่าน้อยกว่าจวนแม่ทัพแต่ทว่าก็ดีกว่าเรือนหลังที่นางอาศัยอยู่ลิบลับ

                “นั่นฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ ส่วนสตรีอาภรณ์สีชมพูคือฮูหยินสามน้องสาวของฮูหยินใหญ่ ส่วนบุรุษที่นั่งอยู่นั่น...”

                “บิดาข้าหวงจิ้นหาวสินะ” ลี่เหม่ยที่มองดูแต่ไกลยังเห็นแววตาเจ้าเล่ห์และท่าทางที่บ่งบอกถึงคนคดโกงอย่างชัดเจน

                “เจ้าค่ะ” ชิงชิงกระซิบตอบ

                “ลูกคารวะท่านพ่อ แม่ใหญ่ แม่สาม” ลี่เหม่ยคารวะผู้อาวุโสทั้งสาม

                “เหตุใดเหม็นเน่าเช่นนี้ เจ้าไปตกบ่อโคลนที่ไหนมา” หวงถิงอันย่นจมูกพลางปัดไล่กลิ่นให้ออกห่างตัว

                “ตอบแม่ใหญ่ พี่หญิงใหญ่เห็นหนูวิ่งผ่านหน้าจวนเลยให้สาวใช้สาดน้ำล้างจาน ช่างบังเอิญหนักที่โดนข้าเข้าพอดีสภาพที่เห็นจึงเป็นเช่นนี้”

                “ว้ายย ตายแล้ว อิ้งเอ๋อร์ของข้าเป็นอะไรหรือไม่” ถิงอันท่าทางตกใจเกรงบุตรีจะมีอันตราย

                “เป็นเจ้าค่ะท่านแม่ ฮือฮือ~” เสียงคนขี้ฟ้องดังมาแต่ไกล

        อิ้งเยว่ที่บัดนี้ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่เรียบร้อยแล้ว ทว่าเนื้อตัวยังมีรอยแดงอยู่หลายจุดกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปเกาะแขนมารดา

                “นี่! เหตุใดเจ้ามีกลิ่นเหม็นทั่วร่างเช่นนี้” ถิงอันใช้มือปิดจมูกโดยไม่รู้ตัว

                “ก็สตรีชั้นต่ำผู้นี้แสร้งเป็นกลัวหนูแล้วนำความสกปรกบนร่างนางมาแปดเปื้อนข้า ฮือฮือ” อิ้งเยว่บีบน้ำตาเรียกความสงสาร

                “ข้าเปล่านะ ท่านพ่อให้ความเป็นธรรมด้วย” ลี่เหม่ยทำหน้าเศร้าขอความเห็นใจจากบิดา

                “หุบปาก! กลับมาก็สร้างเรื่อง แล้วสามีเจ้าเล่าเหตุใดไม่มาคารวะพ่อภรรยา” สีหน้าบูดบึ้งของจิ้นหาวไม่มีความเมตตาให้บุตรสาวคนเล็กเพียงนิด แต่นั่นจะไม่ได้เกินความคาดหมายของลี่เหม่ยนางไม่คิดว่าชายผู้นี้จะเอ็นดูเจ้าของร่างอยู่แล้ว เพียงนางอยากเบี่ยงเบนบทสนทนาก็เท่านั้นและดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย จิ้นหาวไม่ได้สนใจเรื่องที่นางทะเลาะกับบุตรสาวคนโตเพียงนิด

                “ท่านแม่ทัพบอกว่าอีกครู่จะตามมาเจ้าค่ะ” สีหน้าของลี่เหม่ยยังแสร้งทำเป็นอ่อนแอเช่นแต่ก่อน

                “หึ! ไร้ความสามารถนักแค่ชายพิการคนเดียวก็พากลับมาไม่ได้ ข้าจะเลี้ยงเจ้าเปลือกข้าวสุกไปทำไม” จิ้นหาวไม่พอใจที่เหยาหมิงไม่เคารพตนเช่นลูกเขยควรทำ ถึงกลับง้างมือจะลงโทษลี่เหม่ยที่นางเองก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องเพียงเท่านี้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาจะลงโทษลูกสาวได้

                “อย่านะเจ้าคะ!” เสียงอ่อนแรงของสตรีร่างบางร้องขึ้น พร้อมกลับร่างซูบผอมเข้ามากอดนางไว้แน่น

                “นี่! อนุแซ่หลีเจ้ากล้าขวางท่านพี่เชียวหรือ” หวงเจียอันสตรีผู้รักบุรุษคนเดียวกับพี่สาวอย่างฮูหยินสามเอ่ยยุยง เมื่อเห็นว่าฝ่ามือนั้นง้างค้างไว้ไม่ตบลงบนร่างสองแม่ลูกตรงหน้า

                “นายท่าน ลี่เอ๋อร์ยังเด็กไร้ความสามารถโปรดละเว้นนางด้วยเจ้าค่ะ” ซินหยวนโขลกหัวให้กับจิ้นหาว โดยมีลี่เหม่ยมองดูมารดาอย่างตะลึงงัน สตรีบอบบางร่างกายผอมซูบกลับองอาจกล้าปกป้องบุตรีโดยไม่เกรงกลัว แววตาอ่อนโยนนี้ทำให้นางคิดถึงมารดาในอีกโลกหนึ่ง

                “ท่านแม่หยุดเถอะเจ้าค่ะ” น้ำเสียงสั่นเครือของบุตรสาวพร้อมกับร่างบางที่ยอบกายลงพยุงมารดา เรียกความสนใจของซินหยวนกลับมาได้

                “เจ็บตรงไหนหรือไม่” ดวงตาที่พร่ามัวด้วยหยาดน้ำตามองสำรวจร่างกายของบุตรีที่ดูมอมแมม อาภรณ์เปื้อนโคลนจนแทบมองไม่ออก

                “ไม่เจ้าค่ะ” ลี่เหม่ยยิ้มพลางส่ายหน้าให้มารดาสบายใจ

                “หึ! กลับมาเยี่ยมบ้านกลับไม่มีของเยี่ยมติดมาสักชิ้น นี่เจ้าเป็นลูกแบบใดกัน” ฮูหยินเอกได้ทีดูแคลนสองแม่ลูกอย่างไม่ปรานี

        ‘พวกเจ้าส่งข้าไปเป็นอนุชายที่เกลียดสกุลหวงเข้าไส้ แถมสินเดิมไม่มีให้ข้าแม้แต่อีแปะเดียว แล้วจะมีของเยี่ยมได้อย่างไร’ ความอัดอั้นนี้ลี่เหม่ยได้แต่สบถในใจ

                “อนุของข้าเพียงรีบร้อนออกเดินทางก่อน ให้ข้านำของเยี่ยมมาทีหลัง คลาดกันเพียงชั่วยามเหตุใดกลับเป็นเช่นนี้เล่า” เหยาหมิงไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อใด ก้าวเดินอย่างมั่นคงเข้ามายังโถงจวน

                “นี่! ทะท่านไม่ได้พิการหรือ” เป็นอิ้งเยว่ที่ได้สติก่อนผู้ใดกล่าวละล่ำละลัก

                “ข้าแค่บาดเจ็บไม่ได้พิการ คุณหนูใหญ่สกุลกูลหวงคงสติไม่ดีถึงลืมง่ายเช่นนี้” เหยาหมิงเอ่ยไม่ไว้หน้า จนใบหน้างามของอิ้งเยว่ซีดเผือด

        เหยาหมิงปรายตามองลี่เหม่ยที่บัดนี้สภาพดูไม่ได้ แม้แต่ขอทางข้างถนนยังดูสะอาดสะอ้านกว่า ในใจก็อดเวทนาไม่ได้เขาพึ่งให้เจียหาวสืบเรื่องของสกุลหวงจึงรู้ว่าลี่เหม่ยและมารดาไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของบิดา ด้วยตระกูลมารดายากจนไม่มีสิ่งใดเอื้อผลประโยชน์ให้จิ้นหาวได้ มีเพียงก็แต่ชื่อเสียงหญิงงามอันดับหนึ่งและบุตรสาวของนายอำเภอตงฉินเท่านั้น

                “เป็นอะไรหรือไม่” แววตาดูเป็นห่วงของบุรุษตรงหน้า ทำลี่เหม่ยขนลุกปรับตัวไม่ทัน

                “มะไม่ ท่านหายดีแล้วหรือ” นางไม่ลืมถามถึงขาของเขา

                “อือ!” เหยาหมิงตอบเสียงเบา ก่อนปรายตามองอนุหลีที่ยืนอยู่ข้างบุตรสาว

                “คารวะท่านแม่ยาย” เหยาหมิงค่อมกายคารวะสตรีต่ำศักดิ์จนทุกคนตกใจไม่เว้นแม้แต่ลี่เหม่ยเอง

                “ท่านแม่ทัพไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้ามิอาจรับได้” ซินหยวนใบหน้าขาวซีดรีบปฏิเสธการคารวะนี้

                “ท่านเลี้ยงดูลี่เหม่ยจนเติบใหญ่เป็นหญิงงาม ข้าในฐานะลูกเขยย่อมต้องเคารพท่าน” เหยาหมิงกล่าวพลางมองไปยังเสนาบดีหวง

                “อ้อ! เสนาบดีหวงสบายดีหรือไม่” แม่ทัพปราบเหนือยืดตัวตรงไม่มีท่าทีเคารพนบนอบเช่นก่อนหน้าที่ทำกับอนุหลี

                “หึ! ข้าเป็นบิดาของลี่เหม่ย เหตุใดไม่คารวะเช่นเมื่อครู่”  จิ้นหาวหน้าดำหน้าแดงหวังชำระความกับลูกเขยให้รู้เรื่อง

                “ข้าไม่เรียกคนที่ขายลูกกินว่าพ่อตาหรอกนะ” สายตาเยือกเย็นส่งไปยังจิ้นหาวทำชายอายุห้าสิบหนาวสะท้านไปทั้งร่างแต่ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด

                “ของเยี่ยมข้าให้คนส่งไปยังเรือนใหญ่แล้ว เสนาบดีไปตรวจดูได้ มาเยี่ยมก็เยี่ยมแล้ว เช่นนั้นข้าจะพาลี่เหม่ยกลับหรือว่าเจ้าอยากอยู่ร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเขา” เหยาหมิงกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าผู้ใดในโถงใหญ่ พลางหันไปมองลี่เหม่ยที่ยืนอึ้งอยู่

                “ไม่!” ลี่เหม่ยไม่คิดอยู่ต่อ

                “เช่นนั้นก็ดี” เขากล่าวพลางหันกายออกจากเรือน

                “ท่านแม่ทัพ ข้าอยากพูดคุยกับท่านแม่” สายตาขอความช่วยเหลือส่งไปยังบุรุษท่าทางเย็นชา

        เหยาหมิงมองดูสายตาสิ้นไร้หนทางของนาง ไม่มีความดื้อรั้นเช่นแต่ก่อนจนทำให้เขาใจอ่อนโดยไม่รู้ตัว

                “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะรออยู่ด้านนอก และหากตระกูลหวงยังรังแกอนุหลีอีก ข้าจะถือว่าพวกท่านไม่ให้เกรียรติข้าและตระกูลเฉิง” คำพูดเด็ดขาดของแม่ทัพปราบเหนือไม่มีผู้ใดกล้าขัด มีแต่สายตาไม่ยอมรับของเหล่าฮูหยินที่มองไปยังสามีตนซึ่งตอนนี้กลับยืนนิ่งไม่กล้ากล่าวสิ่งใด

        ลี่เหม่ยพยุงซินหยวนกลับเรือนเล็กที่เจ้าของร่างเดิมเคยอาศัยร่วมกับมารดา สภาพทรุดโทรมของเรือนข้าวของเครื่องใช้เก่าจนไม่น่ามอง โต๊ะกลมกับเก้าอี้อีกสองตัวถูกวางไว้กลางโถงทำให้หัวใจของลี่เหม่ยตีบตันจนแทบหายใจไม่ออก ดวงตาพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำตาที่บัดไหลออกลงมาเป็นสายโดยที่นางไม่อาจควบคุมได้ ‘หรือนี่จะเป็นคนเดียวที่ร่างเดิมห่วงใยแม้ตายไปแล้ว’ นางมองหน้ามารดาในโลกนี้ของตน

                “ลี่เอ๋อร์ อยู่จวนแม่ทัพเขารังแกลูกหรือไม่” ซินหยวนที่เอาตัวเองไม่รอดกลับเป็นห่วงบุตรีเพียงคนเดียว

                “ข้าไม่เป็นไร ท่านแม่กินอิ่มนอนหลับหรือไม่” ลี่เหม่ยมองร่างกายผอมซูบของมารดาก็อดเป็นห่วงไม่ได้

                “อือ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงแม่ไม่เป็นอะไร” คำปลอบโยนของมารดาช่างขัดกับสภาพความเป็นอยู่นัก

                “ท่านแม่! ท่านไปอยู่กับข้าดีหรือไม่” ชั่วครู่ลี่เหม่ยกลับมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัว

                “อยู่อย่างไร เจ้าเป็นอนุสกุลเฉิงแล้ว แม่เป็นคนนอกจะอยู่ได้อย่างไร” ซินหยวนแปลกใจกับคำพูดบุตรี

                “ข้าหมายถึงเราจะมีบ้านของเราเอง ไม่ต้องอยู่ร่วมชายคาผู้ใด” ลี่เหม่ยกุมมือมารดาแน่น แววตาจริงจังของนางเช่นนี้ซินหยวนไม่เคยเห็นมาก่อน

                “นี่เจ้าคิดจะหย่าร้างหรือ” นางกุมมือบุตรีไว้แน่น ความเป็นห่วงเอ่อล้นภายในใจ

                “ท่าแม่ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำอะไรวู่วามหากไม่มั่นใจจะไม่ลงมือเด็ดขาด รอฟังข่าวจากข้าเถอะ” นางรู้ว่ามารดาห่วงเรื่องอะไร จึงกำชับพลางยื่นเงินสองตำลึงให้กับอีกฝ่าย

                “ท่านแม่รับไว้ เผื่อได้ใช้อะไร” แม้นางจะขาดเงิน แต่สภาพของมารดาทำให้นางละเลยไม่ได้

                “แม่พอมีใช้จ่าย เจ้าเก็บไว้เถอะหากขาดเหลือให้ชิงชิงมาบอกแม่ แม่จะช่วยเจ้าเต็มที่” ซินหยวนผลักเงินกลับคืนให้บุตรสาว

                “ท่านแม่รับไว้เถอะ ไม่เช่นนั้นใจข้าคงไม่อาจสงบได้”

        ซินหยวนมองดวงตาที่ชุ่มไปด้วยหยดน้ำใสของบุตรี ก็อดใจอ่อนรับคำขอของนางไม่ได้

                “ได้! แม่จะรับไว้ หากเดือดร้อนให้ชิงชิงมาหาแม่ได้ทุกเมื่อ”

                “อือ เช่นนั้นข้ากลับก่อนหากมีอะไรจะให้ชิงชิงมาหาท่านแม่ภายหลัง” ลี่เหม่ยยิ้มบางให้มารดาก่อนจากไป

        บนรถม้าเหยาหมิงกลั้นขำกับสภาพของนาง พลางเอามือบีบจมูกอยู่ตลอดเวลาจนลี่เหม่ยหงุดหงิดกับท่าทีเช่นนี้ของเขา

                “ท่านจะขำอะไร!” นางบ่นอีกฝ่ายพลางใช้ผ้าคลุมห่มร่างของตน

                “สภาพเจ้าไม่ต่างจากขอทานข้างถนน”

                “ใครจะรู้ว่าแค่ถึงหน้าจวน พี่สาวของข้าก็เตรียมต้อนรับเสียแล้ว” ลี่เหม่ยก่นด่าอิ้งเยว่ลับหลัง

                “แต่ท่าทีเอาคืนอิ้งเยว่ของเจ้าก็ดูเข้าทีนะ” เหยาหมิงเอ่ยชม

                “เอาคืน? ท่านรู้ได้อย่างไร” ลี่เหม่ยขวมดคิ้วซักไซ้อีกฝ่าย

                “อะแฮ่ม! อากาศวันนี้ร้อนไม่น้อย เจียหาวเปิดหน้าต่างรถมาที” เหยาหมิงลืมตัวจนถูกจับได้ จนต้องพยายามเปลี่ยนเรื่อง

                “นี่ท่านแม่ทัพคงมิได้ยืนมองทุกอย่าง โดยไม่ยื่นมือช่วยเหลือหรอกนะ” นางโมโหบุรุษเบื้องหน้าเสียแล้ว

                “เจียหาวมารายงาน ข้าไม่ได้เห็นกับตา” คำพูดของเหยาหมิงทำคนขับรถม้าอย่างเจียหาวอยากโต้แย้ง แต่กลับไม่กล้าพอ

                “ช่างเถอะ อย่างไรข้าก็ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยข้าจากคนพวกนั้น”

                “บิดาเจ้าเป็นเช่นนี้กลับเจ้าตลอดเลยหรือ” เหยาหมิงแววตาสงสารเอ่ยถามสตรีเบื้องหน้า

                “เขาก็เป็นเช่นนี้เช่นเดียวกับทุกคคนในเรือน ไม่ได้เห็นข้ากับท่านแม่เป็นคนในครอบครัวไม่ถูกเฆี่ยนตีก็ถือว่าดีแล้ว” ลี่เหม่ยกล่าวทุกอย่างตามที่ชิงชิงเคยพูดให้ฟัง

        ทว่าท่าทีไม่ไยดีของนางกลับทำให้เหยาหมิงเข้าใจผิดว่านางชินชากับการไม่ได้รับความเป็นธรรม ภายในใจของแม่ทัพปราบเหนือจึงมีความรู้สึกห่วงใยแทนที่ความเกลียดชังให้กับหวงลี่เหม่ยโดยไม่รู้ตัว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 15 อนุอย่างข้า อยากหย่าสามีได้หรือไม่

    ฮูหยินเฒ่ามองใบหน้ามีชีวิตชีวาของหลานชาย นางเองก็พอเบาใจได้บ้าง บุตรสาวนางเฉิงอี๋นั่วจากไปเร็วทิ้งบาดแผลในใจให้เหยาหมิงมากมาย นับจากวันนั้นหญิงชราอย่างนางก็ไม่เคยเห็นใบหน้ามีชีวิตชีวาเช่นนี้อีก “เหยาหมิง ยายเหนื่อยแล้วพายายกลับจวนที” เสียงหญิงชราเรียกหลานชายที่กำลังนั่งสนทนากับลุงใหญ่ “ลี่เหม่ยอยู่พูดคุยกับเหล่าป้าใหญ่รอไปก่อนแล้วกัน” นางหันมายิ้มให้หลานสะใภ้ ก่อนปล่อยให้หลานชายพากลับเรือนนอน เรือนฮูหยินเฒ่าอยู่ถัดจากเรือนรับรองไม่ไกล เหยาหมิงพาท่านยายของตนนั่งพักในโถงเรือน ก่อนจะหันกายเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติฮูหยินเฉิง “เหยาเอ๋อร์ ไปจวนบิดามาเป็นอย่างไรบ้าง” “เช่นเดิมขอรับ หลานกับเขาไม่เคยพูดคุยกันได้ตั้งแต่ท่านแม่จากไป ครั้งนี้ก็เช่นเดิม” “อย่างไรเสียเขาก็เป็นบิดา หากไม่อาจอยู่ร่วมชายคาอย่างไรเสียความกตัญญูก็ควรมี หลานรู้ใช่หรือไม่” ฮูหยินเฒ่ากับชับหลานชาย “รู้ขอรับ ท่านย่าไม่ต้องกังวลหลานไม่ทำให้ใครต่อว่าตระกูลเฉิงได้แน่” เหยาหมิงตบมือท่านยายเบา ๆ “เช่นนั้นย

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 14 ยียวนกวนประสาท

    “อนุของข้ากล้าเอ่ยชมบุรุษอื่นต่อหน้าสามีเลยหรือ” เหยาหมิงรั้งเอวบางแนบชิดหน้าท้องแกร่ง ใบหน้ายียวนก้มมองสตรีตรงหน้าที่อ้าปากค้างร่างกายแข็งทื่อ ไม่ต่างจากเข่อซิงที่หยุดชะงักเมื่อเห็นท่าทีของพี่ชายกำลังเย้าหยอกพี่สะใภ้ “ท่านทำอะไรของท่าน” ลี่เหม่ยที่ได้สติ ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันจ้องมองบุรุษฉวยโอกาสตาเขม็ง มือบางบิดเนื้อท่อนแขนอีกฝ่ายจนแดงช้ำ “โอ๊ย!! เจ็บนะ” เหยาหมิงกัดฟันตอบ ใบหน้ายียวนหายไปในทันที “ก็ทำให้เจ็บนี่ ปล่อยข้านะ” ลี่เหม่ยกระทืบเท้าอีกฝ่ายจนเจ็บแปลบ ยอมปล่อยนางแต่โดยดี เข่อซิงเห็นท่าทางสองสามีภรรยาที่บัดนี้คล้ายทะเลาะมากกว่าเย้าหยอกจึงรีบเข้าช่วยสงบศึก “คารวะท่านพี่ พี่สะใภ้” เสียงนุ่มลึกของชายหนุ่มดึงความสนใจของคนทั้งสองได้ทันที “รบกวนน้องสามีแล้ว ท่านแม่ทัพเพียงอยากแนะนำให้เรารู้จักกันน่ะ” ลี่เหม่ยยิ้มกว้างกล่าวเป็นกันเองกับอีกฝ่าย โดยไม่ต้องให้เหยาหมิงตแนะนำ “หึ! เจ้าเข้ากับคนอื่นได้ง่ายจริงนะ” เหยาหมิงประชดประชัน “ข้าเข้าง่ายกับคนที่ข้าอยากเ

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 13 ตระกูลเฉิง

    ลี่เหม่ยจ้องมองใบหน้าเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นของแม่ทัพหนุ่ม นางเผลอยิ้มให้กับความหล่อเหลาของอีกบุรุษตรงหน้าโดยมิรู้ตัว คิ้วหน้าตาคมเข้มผิวขาวราวไข่มุก ริมฝีปากอิ่มยามปิดสนิทที่ไม่เอาแต่กล่าวคำตำหนินางช่างน่ามอง “จ้องนานเช่นนี้ มีใจให้ข้าหรือ?” คำพูดไม่น่าฟังหลุดออกจากปากบุรุษตรงหน้า ทำรอยยิ้มหวานเมื่อครู่ของหญิงสาวหุบหายไปในพริบตา “โรคหลงตัวเองนี้ท่านยังไม่หาหมอมาดูอาการอีกหรือ” ลี่เหม่ยสวนกลับอีกฝ่ายในทันที เหยาหมิงที่ยังคงทาแผลให้กับนางหยุดมือทันทีเมื่ออีกฝ่ายชอบประชดประชันตนไม่หยุด “เสร็จแล้ว แผลเท่านี้ไม่ทำให้เจ้าอัปลักษณ์ไปมากกว่านี้ได้หรอก” บุรุษตรงหน้าปล่อยมือนางก่อนหันกายขึ้นรถม้าไป “เจ้าเด็กนี่หนิ ทำคนอื่นเจ็บยังมีหน้ามาว่าอีก” ลี่เหม่ยมือเสะเอวอย่างเหลืออด ก่อนจะจ้องมองแผ่นหลังชายผู้ขึ้นรถม้าไปพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง “หากไม่อยากเดินไปจวนตระกูลเฉิงก็ขึ้นรถม้ามา” เสียงเย็นชาจากบุรุษในรถม้าดังตามหลัง ลี่เหม่ยทำได้เพียงกระทืบเท้าทำตามคำสั่งแม่ทัพหนุ่ม นางไม่มีอำนาจใดต่อรองได้ จำต้อ

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 12 กู้หน้าสามีในนาม

    รถม้าหยุดลงหน้าจวนตระกูลหวัง ใบหน้าหล่อเหลาของเหยาหมิงเย็นชาจนไม่น่ามอง สีหน้าไร้อารมณ์จนผู้คนคาดเดาความคิดของแม่ทัพปราบเหนือได้ยาก “ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” ลี่เหม่ยถามสิ่งที่นางต้องทำเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อสามี “อยู่นิ่ง ๆ ไม่ต้องทำอะไร ข้าจะจัดการเอง” น้ำเสียงเรียบเฉยดังขึ้นก่อนก้าวลงจากรถม้า โถงใหญ่ของบ้าน บุรุษวัยห้าสิบหน้าละม้ายคล้ายเหยาหมิงนั่งอยู่เก้าอี้เจ้าบ้าน มีหญิงวัยราวสี่สิบสวมอาภรณ์ผ้าไหมราคาแพงทั้งตัวเครื่องผมแสนวิจิตรประดับจนเต็มหัว ใบหน้างามแต่งแต้มจนเกินพอดีนั่งอยู่ด้านข้าง “คารวะนายท่านหวัง ฮูหยินหวง” เหยาหมิงค่อมกายเคารพผู้อาวุโสทว่าคำเรียกช่างห่างเหิน บ่งบอกถึงความไม่เกี่ยวข้อง ใบหน้าของหวังเทียนเล่ยบิดเบี้ยวด้วยไฟโทสะ ไม่ต่างหวงหลงเหรินที่บัดนี้หายใจถี่แรงด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจห้าปีที่แต่งเข้ามาลูกเลี้ยงอย่างเหยาหมิงกลับไม่เคยเคารพนางเลย ลี่เหม่ยมองดูสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเบื้องหน้า แม่ทัพไม่เคารพพ่อแม่ของตนก็ไม่กล้ามีใครตำหนิ แต่หากนางเอาเขาเป็นเยี่ยงอย่างต้องถูกตีเนื้อแตกอีกแน่ “คา

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 11 หนี้ห้าสิบตำลึง

    เหยาหมิงก้าวอย่างมั่นคงเข้าไปยังลานประมูล ใบหน้าคมเข้มยังคงจดจ้องใบหน้าซีดเผือดของนางไม่วางตา “ท่านแม่ทัพเฉิงนี่ ไม่ยักรู้ว่าท่านก็ชื่นชอบหญิงคณิกาด้วย” ใต้เท้าจงอยู่ในราชสำนัก จึงจดจำชายหนุ่มได้ดี “ข้าก็เพียงแค่อยากรู้ว่าจริงพรหมจรรย์ของหอร้อยบุปผาจะงดงาม เย้ายวนอารมณ์บุรุษได้เพียงใด” มือหนาลูบไล้สัมผัสใบหน้านางอย่างถือดี โดยไม่สนสายตาโกรธเกรี้ยวของลี่เหม่ย “หวงลี่เหม่ย นะ หวงลี่เหม่ย คลาดกันแค่ครึ่งชั่วยามเจ้าก็มาขายพรหมจรรย์เสียแล้ว” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูนาง “ใช่ที่ไหน ใครจะรู้เดินมาดี ๆ ดันอยู่กลางลานประมูลเสียแล้ว รีบพาข้าออกไปเร็วเถอะเจ้าค่ะ” นางจ้องมองบุรุษตรงตาด้วยแววอ้อนวอน แต่เขากลับเห็นความลำบากของนางเป็นเรื่องตลกเสียได้ “มามาข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดประมูลแข่งข้าแล้ว เช่นนั้นข้าคงพานางไปได้สินะ” หางตาเหยาหมิงมองไปยังมามาหน้าเลือดที่ยืนยิ้มดีใจกับราคาแพงลิบที่เขาจะจ่ายให้ “ช้าก่อน! ท่านแม่ทัพเฉิงพึ่งรับอนุงามหยดย้อยเข้าจวน เช่นนั้นสตรีนางนี้ข้าขอแล้วกัน” บุรุษท่าทางเมามายไม่

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 10 สตรีหอนางโลม

    “เหตุใดต้องยอมให้พวกนั้นรังแกเล่า เหตุใดไม่สู้” เหยาหมิงเผลอถามคำถามโดยไม่รู้ตัว “ไม่มีกำลัง ไม่มีอำนาจ ไม่มีความกล้ามั้ง” ลี่เหม่ยเอ่ยพลางสบตาบุรุษเบื้องหน้า “แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ข้าไม่ใช่คนสกุลหวงไม่จำเป็นตรงกลัวพวกเขาอีกต่อไป” นางยักคิ้วให้กับเหยาหมิงก่อนจะมองชมความงามของสินค้าสองข้างทาง “หึ! ร่วงจากขื่อครั้งเดียวทำให้เจ้ามีความกล้าขึ้นเยอะนี่” แม่ทัพปราบเหนือเหยียดยิ้มพลางกล่าวพึมพำก่อนเบนสายตาไม่สนใจสตรีเบื้องหน้าอีก รถม้าจอดหน้าจวนแม่ทัพ ลี่เหม่ยที่ทนแสบร้อนจากน้ำล้างชามไม่ไหวลุกพรวดขึ้นรีบออกจากรถม้า โดยไม่รอให้บุรุษอย่างเขาลงจากรถม้าก่อน จนเหยาหมิงต้องมองค้างกับท่าทางแปลกประหลาด ไม่รู้จักธรรมเนียมของนาง “ตระกูลหวงไม่เคยสอนหรือว่าต้องให้บุรุษลงจากรถม้าก่อน” ชายหนุ่มตำหนินางทันทีที่ลงจากรถม้าได้ “อาจจะเคยสอน แต่ข้าสมองน้อยไม่จำเอง” “หากท่านแม่ทัพไม่ว่าอะไร ข้าขอไปอาบน้ำก่อนแสบไปหมดแล้ว” ลี่เหม่ยไม่กล่าวเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกาเนื้อตัวจนอาภรณ์เลิกขึ้นสูงมองเห็นข้อเท้าขาวนวล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status