Share

บทที่ 2 วายป่วงกว่าเดิม

last update Last Updated: 2025-12-17 12:32:08

ลี่เหม่ยรู้สึกเจ็บไปทั้งร่างราวกับว่าโดนโยนลงมาจากที่สูง ตาที่ยังมองอะไรไม่เห็นชัดรู้สึกเพียงคนมากมายเดินอยู่รอบตัว และแผ่นหลังที่สัมผัสกับพื้นเย็นเฉียบ

                “คุณหมอฉันเจ็บมากเลยค่ะ” เธอคิดเอาเองว่าหลังสลบไปคนสารเลวหวงตี้คงพาเธอมาส่งโรงพยาบาล

                “นางฟื้นหรือยัง” เสียงเย็นที่ทำคนฟังเหน็บหนาวดังขึ้น จนทำเอาลี่เหม่ยงุนงง

        ‘หมอผู้ชายหรอ’ หล่อนคิดไปเองจากเสียงที่ได้ยิน

                “ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสั่นเครือของสตรีดังข้างหนูลี่เหม่ย

                “ดึงนางขึ้นมา ใจกล้าทำเรื่องเช่นนี้ก็อย่าคิดจะได้รับความเมตตา”

                “ตะแต่ คุณหนูยังเจ็บอยู่นะเจ้าคะ”

                “กล้าขัดข้างั้นหรือ”

        สิ้นเสียงสนทนาที่ค่อนไปทางออกคำสั่ง ร่างอันบอบช้ำของเธอก็ถูกแรงที่มากกว่าดึงขึ้น

                “โอ๊ย! เจ็บนะ ทำไมพยาบาลที่นี่รุนแรงจัง” ลี่เหม่ยเจ็บราวถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ดวงตายังคงพร่ามัวก่นด่าใครก็ตามที่ออกแรงกับเธอ

                “เจ้าพูดอะไรของเจ้า?” บุรุษใบหน้าเย็นชาจ้องมองสตรีบนพื้นด้วยความงุนงง เกรงว่านางจะอยากตายจนเสียสติเสียแล้ว

        ลี่เหม่ยมองหาเจ้าของเสียงเย็นชาไม่น่าฟัง ดวงตาค่อย ๆ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้ชัดเจนขึ้น บุรุษผิวราวซีดราวกับไม่โดดแดดมาหลายปีนั่งอยู่บนรถเข็นทำจากไม้ ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองนางผมยาวดำขลับถูกรวมมัดไว้ด้านหลังเข้ากับเสื้อผ้าแบบย้อนยุคสีดำ

                “นี่ไอ้หวงตี้สารเลวจับฉันมาไว้โรงพยาบาลบ้าหรอเนี่ย” เธอมองผ่านเฉิงเหยาหมิงโดยไม่ใส่ใจ รอบ ๆ มีแต่ผู้คนประหลาดแต่งกายประหลาดยืนจ้องมองเธอที่ยังนั่งอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ

                “หมออยู่ไหน? โอ๊ย! เจ็บไปหมดแล้ว” ลี่เหม่ยยันกายลุกขึ้น เดินผ่านผู้คนที่จ้องมองเธออย่างงุนงง

                “หมอ! หมอ! ฉันไม่ใช่คนบ้านะ จับฉันมารวมกับพวกนี้ได้ยังไง” เธอเดินกะเผลกไปทั่วเรือนโดยไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้

                “คุณชายหรือว่านางจะเสียสติไป” เจียหาวองครักษ์ข้างกายมีท่าทีกังวล

        เหยาหมิงได้แต่นิ่งเงียบดูการกระทำของนาง เขาเองก็มีความคิดเช่นเดียวกับเจียหาว สตรีผู้นี้หลงรักลู่เซิงชินอ๋องรูปงามอนุชาร่วมพระบิดาของฮ่องเต้ การแต่งงานกับเขาเหมือนฆ่านางทั้งเป็น

        ลี่เหม่ยเดินออกมานอกเรือนผุพังหากแต่ด้านนอกกลับยิ่งทำให้นางตกใจ บ้านแต่ละหลังกลับดูโบราณจนน่าขนลุก เธอมองออกไปสุดลูกหูลูกตากลับไม่พบตึกสูงอย่างที่ควรเป็น คนงานจำนวนมากที่แต่งกายประหลาด ต่างจ้องมองมาที่เธอ ลี่เหม่ยรู้สึกอยากจะอาเจียน มือสองข้างสั่นจนยากจะควบคุม ลางสังหรณ์ผุดขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว

                “ไม่นะ! คงไม่ใช่เรื่องเหลวไหลเหมือนในหนังหรอกนะ” หล่อนพึมพำก่อนที่สมองจะสั่งให้วิ่ง ร่างบางใส่เกียร์หมาวิ่งไม่คิดชีวิต จนเหยาหมิงที่ถูกเข็นออกมาจ้องมองการกระทำแปลกของนางตาค้าง

                “หลีกไป ไม่หลีกฉันชนล้มคว่ำเลยนะ”

        ลี่เหม่ยทั้งตะโกนบอกสาวใช้ที่เดินก้มหน้าอยู่ข้างหน้าทั้งวิ่งหน้าตั้งไปทั่วจวนจนลืมว่าตัวเองยังเจ็บอยู่ ในที่สุดหล่อนก็หาทางออกพบจนได้

                “แท็กซี่! แท็ก...” ลี่เหม่ยเมื่อเห็นว่าออกจากจวนได้คิดจะเรียกรถกลับไป แต่สภาพภายนอกทำให้หล่อนต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงท้อง บ้านเรือนภายนอกที่มีหน้าตาประหลาดไม่ต่างจากที่ ๆ นางวิ่งออกมา ผู้คนต่างสวมชุดโบราณกันทั้งนั้น เหมือนในหนังกำลังภายในไม่มีผิด

                “นี่เป็นสตูถ่ายทำละครใช่ไหม ใช่! ต้องใช่แน่ หวงตี้ไอ้คนเลว! ออกมานะ” ลี่เหม่ยยังอยากคิดว่าแฟนหนุ่มสารเลวของเธอแกล้งอำเธออยู่

                “ว้าย!! คุณหนูด่าฝ่าบาทเช่นนี้หัวจะหลุดจากบ่านะเจ้าคะ รีบเงียบเร็วเข้า” ชิงชิงสาวใช้ข้างกายลี่เหม่ยที่วิ่งตามเธอมาตั้งแต่ต้นรีบใช้มือปิดปากอีกฝ่าย

                “ปล่อยฉันนะ! เธอเป็นใคร” ลี่เหม่ยผลักอีกฝ่ายออกก่อนถอยหลังจนชนขั้นบันไดหน้าจวนล้มก้นจ้ำเบ้า

                “โอ๊ย!”

                “คุณหนูเจ็บตรงไหนไหมเจ้าคะ” ชิงชิงมีสีหน้าเป็นกังวลรีบเข้ามาพยุงนางขึ้น

        ลี่เหม่ยมองเห็นแววตาห่วงใยนั้นในใจกลับสงบลง เธอรู้สึกว่าเด็กคนนี้เชื่อใจได้

                “เธอเป็นใคร?”

                “คุณหนูเจ้าบ่าวไม่ได้หรือเจ้าคะ เหตุใดแค่ร่วงจากขื่อถึงทำให้ท่านเลอะเลือนได้ขนาดนี้ บ่าวชื่อชิงชิงไงเจ้าคะคุณหนูตั้งให้บ่าวเอง” สาวใช้มีท่าทีร้อนใจ

                “ร่วงจากขื่อหรอ ฉันไม่ได้ล้มหัวฟาดโต๊ะทำงานหรอ”

                “คุณหนูพูดอะไรบ่าวงงไปหมดแล้ว คุณหนูคิดฆ่าตัวตายโดยแขวนคอกับขื่อไงเจ้าคะ โชคดีที่เชือกมัดได้ไม่แน่นจึงหลุดออกมา”

                “หา! ฉันเนี่ยนะฆ่าตัวตาย” ลี่เหม่ยยกมือกุมขมับ

                “ฮึ่ย! นี่มันชุดบ้าอะไรกัน” เธอพึ่งสังเกตว่าตัวเองสวมชุดโบราณไม่ต่างจากคนที่นี่ ชุดสีชมพูปักลายดอกโบตั๋นเฉยๆช่างขัดตาหล่อนนัก

                “วันนี้เป็นวันรับอนุเข้าเรือนไงเจ้าคะ แม้แต่เรื่องนี้คุณหนูก็จำไม่ได้แล้วหรือ ต้องรีบให้ท่านแม่ทัพเรียกท่านหมอมาดูอาการแล้ว” ชิงชิงทำท่าจะวิ่งเข้าจวน

                “เดี๋ยวก่อนใครเป็นอนุ?”

                “ก็คุณหนูไงเจ้าคะ” ชิงชิงงุนงงไม่แพ้เจ้านาย

                “เวรแล้ว! นี่ฉันเป็นเมียน้อยหรอเนี่ย” ลี่เหม่ยเกลียดผู้หญิงที่แย่งของคนอื่นเข้าไส้ แต่ครั้งนี้หล่อนกลับเป็นเมียน้อยเสียเองอยู่ ๆ เธอก็อยากจะเป็นลมลงเสียตรงนี้

                “นี่ เจ้าอย่างพึ่งไป นะนั่งลงคุยกับกับข้าให้รู้เรื่อง” ลี่เหม่ยร้อนใจจนต้องรู้ทุกอย่างให้ได้

                “ไปคุยข้างในเถอะเจ้าค่ะ ข้างนอกอากาศเย็น” ชิงชิงเป็นห่วงผู้เป็นนายที่มักป่วยง่ายอยู่เสมอ

                “ช่างหัวอากาศมันเถอะ! ข้าอยากรู้เดี๋ยวนี้และตรงนี้” นางจับสาวใช้นั่งลงก่อนจะหายใจเข้าลึกรวบรวมสติอันน้อยนิดให้มั่นคง

                “ข้าชื่ออะไร”

                “หา! คุณหนูจำชื่อตัวเองไม่ได้หรือเจ้าคะ”

                “บอกมาเถอะน่า!”

                “หวงลี่เหม่ยเจ้าค่ะ”

                “นี่ชื่อเดียวกับฉันเลยนี่” ลี่เหม่ยดีใจที่อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องใช้ชื่อคนอื่น

                “แล้วที่นี่คือที่ไหน”

                “จวนแม่ทัพแคว้นฉู่เจ้าค่ะ” ชิงชิงเริ่มหวาดกลัวท่าทางเช่นนี้ของคุณหนูเสียแล้ว

                “ไม่เห็นเคยได้ยิน” ลี่เหม่ยพึมพำกับตัวเอง

                “แม่ทัพชื่ออะไร”

                “เฉิงเหยาหมิงเจ้าค่ะ”

                “ชายพิการนั่งบนรถเข็นนั่นน่ะนะ” นางนึกถึงบุรุษร่างผอมผิวซีดแต่ยังน่าเกรงขามคนนั้นได้

                “เบา ๆ สิเจ้าคะ หากมีใครมาได้ยินอาจจะถูกโบยได้นะเจ้าคะ” ชิงชิงปิดปากนางอีกครั้งพลางกระซิบอย่างลนลาน

                “ทำไมกันก็เขาพิการจริงเพราะอะไรถึงไม่ให้พูด คนผู้นั้นรับไม่ได้หรอ” ลี่เหม่ยสงสัยใคร่รู้

                “ท่านแม่ทัพเพียงบาดเจ็บหนักจากการรบ ต้องรักษาตัวเป็นปีจึงจะหายดี หมอหลวงบอกว่าเขาจะกลับมาเดินได้แน่นอนเจ้าค่ะ เช่นนั้นท่านแม่ทัพจึงไม่ชอบให้คนมองว่าตนพิการ” ชิงชิงอธิบาย

                “แล้วทำไมข้าต้องแต่งกับเขา ข้ารักเขาหรือ” นางไม่มีความทรงจำของร่างเดิมเลย

                “ไม่เจ้าคะ คุณหนูแอบมีใจให้ท่านอ๋องลู่เซิง”

                “แล้วทำไมข้าต้องแต่งกับชายผู้นี้ล่ะ”

                “คุณหนูถูกนายท่านบังคับให้แต่งแทนคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่แต่เดิมก็หมายมั่นอยากแต่งกับท่านแม่ทัพจนขอพระราชทานสมรสเอง แต่พอเขาเป็นเช่นนี้นางก็ขู่จะฆ่าตัวตายหากนายท่านให้นางแต่งเข้าจวนเฉิง เรื่องนี้ทำฮ่องเต้กริ้วหนักที่เสนาบดีของแคว้นเห็นเรื่องแต่งงานเป็นเรื่องล้อเล่น สุดท้ายนายท่านต้องสูญเสียอำนาจในมือไปเกือบครึ่ง เพื่อเอาใจคุณหนูใหญ่ และให้คุณหนูที่เป็นเพียงบุตรของอนุแต่งมาเป็นอนุแทนเจ้าคะ”

                “อ๋อเริ่มเข้าใจแล้ว แล้วทำไมข้าไม่สู้ล่ะทำไมยอมแต่งแทนคนอื่น ในเมื่อตัวเองก็มีคนรักอยู่แล้ว”

                “สู้อย่างไรเจ้าคะ ตั้งแต่เกิดมาคุณหนูยังไม่เคยกล้าเอ่ยขัดผู้ใดเลย ใครสั่งไปซ้ายคุณหนูก็ไปซ้าย ใครสั่งไปขวาคุณหนูก็ไปขวา” ชิงชิงเตือนสตินาง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 15 อนุอย่างข้า อยากหย่าสามีได้หรือไม่

    ฮูหยินเฒ่ามองใบหน้ามีชีวิตชีวาของหลานชาย นางเองก็พอเบาใจได้บ้าง บุตรสาวนางเฉิงอี๋นั่วจากไปเร็วทิ้งบาดแผลในใจให้เหยาหมิงมากมาย นับจากวันนั้นหญิงชราอย่างนางก็ไม่เคยเห็นใบหน้ามีชีวิตชีวาเช่นนี้อีก “เหยาหมิง ยายเหนื่อยแล้วพายายกลับจวนที” เสียงหญิงชราเรียกหลานชายที่กำลังนั่งสนทนากับลุงใหญ่ “ลี่เหม่ยอยู่พูดคุยกับเหล่าป้าใหญ่รอไปก่อนแล้วกัน” นางหันมายิ้มให้หลานสะใภ้ ก่อนปล่อยให้หลานชายพากลับเรือนนอน เรือนฮูหยินเฒ่าอยู่ถัดจากเรือนรับรองไม่ไกล เหยาหมิงพาท่านยายของตนนั่งพักในโถงเรือน ก่อนจะหันกายเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติฮูหยินเฉิง “เหยาเอ๋อร์ ไปจวนบิดามาเป็นอย่างไรบ้าง” “เช่นเดิมขอรับ หลานกับเขาไม่เคยพูดคุยกันได้ตั้งแต่ท่านแม่จากไป ครั้งนี้ก็เช่นเดิม” “อย่างไรเสียเขาก็เป็นบิดา หากไม่อาจอยู่ร่วมชายคาอย่างไรเสียความกตัญญูก็ควรมี หลานรู้ใช่หรือไม่” ฮูหยินเฒ่ากับชับหลานชาย “รู้ขอรับ ท่านย่าไม่ต้องกังวลหลานไม่ทำให้ใครต่อว่าตระกูลเฉิงได้แน่” เหยาหมิงตบมือท่านยายเบา ๆ “เช่นนั้นย

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 14 ยียวนกวนประสาท

    “อนุของข้ากล้าเอ่ยชมบุรุษอื่นต่อหน้าสามีเลยหรือ” เหยาหมิงรั้งเอวบางแนบชิดหน้าท้องแกร่ง ใบหน้ายียวนก้มมองสตรีตรงหน้าที่อ้าปากค้างร่างกายแข็งทื่อ ไม่ต่างจากเข่อซิงที่หยุดชะงักเมื่อเห็นท่าทีของพี่ชายกำลังเย้าหยอกพี่สะใภ้ “ท่านทำอะไรของท่าน” ลี่เหม่ยที่ได้สติ ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันจ้องมองบุรุษฉวยโอกาสตาเขม็ง มือบางบิดเนื้อท่อนแขนอีกฝ่ายจนแดงช้ำ “โอ๊ย!! เจ็บนะ” เหยาหมิงกัดฟันตอบ ใบหน้ายียวนหายไปในทันที “ก็ทำให้เจ็บนี่ ปล่อยข้านะ” ลี่เหม่ยกระทืบเท้าอีกฝ่ายจนเจ็บแปลบ ยอมปล่อยนางแต่โดยดี เข่อซิงเห็นท่าทางสองสามีภรรยาที่บัดนี้คล้ายทะเลาะมากกว่าเย้าหยอกจึงรีบเข้าช่วยสงบศึก “คารวะท่านพี่ พี่สะใภ้” เสียงนุ่มลึกของชายหนุ่มดึงความสนใจของคนทั้งสองได้ทันที “รบกวนน้องสามีแล้ว ท่านแม่ทัพเพียงอยากแนะนำให้เรารู้จักกันน่ะ” ลี่เหม่ยยิ้มกว้างกล่าวเป็นกันเองกับอีกฝ่าย โดยไม่ต้องให้เหยาหมิงตแนะนำ “หึ! เจ้าเข้ากับคนอื่นได้ง่ายจริงนะ” เหยาหมิงประชดประชัน “ข้าเข้าง่ายกับคนที่ข้าอยากเ

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 13 ตระกูลเฉิง

    ลี่เหม่ยจ้องมองใบหน้าเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นของแม่ทัพหนุ่ม นางเผลอยิ้มให้กับความหล่อเหลาของอีกบุรุษตรงหน้าโดยมิรู้ตัว คิ้วหน้าตาคมเข้มผิวขาวราวไข่มุก ริมฝีปากอิ่มยามปิดสนิทที่ไม่เอาแต่กล่าวคำตำหนินางช่างน่ามอง “จ้องนานเช่นนี้ มีใจให้ข้าหรือ?” คำพูดไม่น่าฟังหลุดออกจากปากบุรุษตรงหน้า ทำรอยยิ้มหวานเมื่อครู่ของหญิงสาวหุบหายไปในพริบตา “โรคหลงตัวเองนี้ท่านยังไม่หาหมอมาดูอาการอีกหรือ” ลี่เหม่ยสวนกลับอีกฝ่ายในทันที เหยาหมิงที่ยังคงทาแผลให้กับนางหยุดมือทันทีเมื่ออีกฝ่ายชอบประชดประชันตนไม่หยุด “เสร็จแล้ว แผลเท่านี้ไม่ทำให้เจ้าอัปลักษณ์ไปมากกว่านี้ได้หรอก” บุรุษตรงหน้าปล่อยมือนางก่อนหันกายขึ้นรถม้าไป “เจ้าเด็กนี่หนิ ทำคนอื่นเจ็บยังมีหน้ามาว่าอีก” ลี่เหม่ยมือเสะเอวอย่างเหลืออด ก่อนจะจ้องมองแผ่นหลังชายผู้ขึ้นรถม้าไปพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง “หากไม่อยากเดินไปจวนตระกูลเฉิงก็ขึ้นรถม้ามา” เสียงเย็นชาจากบุรุษในรถม้าดังตามหลัง ลี่เหม่ยทำได้เพียงกระทืบเท้าทำตามคำสั่งแม่ทัพหนุ่ม นางไม่มีอำนาจใดต่อรองได้ จำต้อ

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 12 กู้หน้าสามีในนาม

    รถม้าหยุดลงหน้าจวนตระกูลหวัง ใบหน้าหล่อเหลาของเหยาหมิงเย็นชาจนไม่น่ามอง สีหน้าไร้อารมณ์จนผู้คนคาดเดาความคิดของแม่ทัพปราบเหนือได้ยาก “ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” ลี่เหม่ยถามสิ่งที่นางต้องทำเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อสามี “อยู่นิ่ง ๆ ไม่ต้องทำอะไร ข้าจะจัดการเอง” น้ำเสียงเรียบเฉยดังขึ้นก่อนก้าวลงจากรถม้า โถงใหญ่ของบ้าน บุรุษวัยห้าสิบหน้าละม้ายคล้ายเหยาหมิงนั่งอยู่เก้าอี้เจ้าบ้าน มีหญิงวัยราวสี่สิบสวมอาภรณ์ผ้าไหมราคาแพงทั้งตัวเครื่องผมแสนวิจิตรประดับจนเต็มหัว ใบหน้างามแต่งแต้มจนเกินพอดีนั่งอยู่ด้านข้าง “คารวะนายท่านหวัง ฮูหยินหวง” เหยาหมิงค่อมกายเคารพผู้อาวุโสทว่าคำเรียกช่างห่างเหิน บ่งบอกถึงความไม่เกี่ยวข้อง ใบหน้าของหวังเทียนเล่ยบิดเบี้ยวด้วยไฟโทสะ ไม่ต่างหวงหลงเหรินที่บัดนี้หายใจถี่แรงด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจห้าปีที่แต่งเข้ามาลูกเลี้ยงอย่างเหยาหมิงกลับไม่เคยเคารพนางเลย ลี่เหม่ยมองดูสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเบื้องหน้า แม่ทัพไม่เคารพพ่อแม่ของตนก็ไม่กล้ามีใครตำหนิ แต่หากนางเอาเขาเป็นเยี่ยงอย่างต้องถูกตีเนื้อแตกอีกแน่ “คา

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 11 หนี้ห้าสิบตำลึง

    เหยาหมิงก้าวอย่างมั่นคงเข้าไปยังลานประมูล ใบหน้าคมเข้มยังคงจดจ้องใบหน้าซีดเผือดของนางไม่วางตา “ท่านแม่ทัพเฉิงนี่ ไม่ยักรู้ว่าท่านก็ชื่นชอบหญิงคณิกาด้วย” ใต้เท้าจงอยู่ในราชสำนัก จึงจดจำชายหนุ่มได้ดี “ข้าก็เพียงแค่อยากรู้ว่าจริงพรหมจรรย์ของหอร้อยบุปผาจะงดงาม เย้ายวนอารมณ์บุรุษได้เพียงใด” มือหนาลูบไล้สัมผัสใบหน้านางอย่างถือดี โดยไม่สนสายตาโกรธเกรี้ยวของลี่เหม่ย “หวงลี่เหม่ย นะ หวงลี่เหม่ย คลาดกันแค่ครึ่งชั่วยามเจ้าก็มาขายพรหมจรรย์เสียแล้ว” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูนาง “ใช่ที่ไหน ใครจะรู้เดินมาดี ๆ ดันอยู่กลางลานประมูลเสียแล้ว รีบพาข้าออกไปเร็วเถอะเจ้าค่ะ” นางจ้องมองบุรุษตรงตาด้วยแววอ้อนวอน แต่เขากลับเห็นความลำบากของนางเป็นเรื่องตลกเสียได้ “มามาข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดประมูลแข่งข้าแล้ว เช่นนั้นข้าคงพานางไปได้สินะ” หางตาเหยาหมิงมองไปยังมามาหน้าเลือดที่ยืนยิ้มดีใจกับราคาแพงลิบที่เขาจะจ่ายให้ “ช้าก่อน! ท่านแม่ทัพเฉิงพึ่งรับอนุงามหยดย้อยเข้าจวน เช่นนั้นสตรีนางนี้ข้าขอแล้วกัน” บุรุษท่าทางเมามายไม่

  • เกิดใหม่ทั้งที ขอเป็นชะนีไม่มีผัว   บทที่ 10 สตรีหอนางโลม

    “เหตุใดต้องยอมให้พวกนั้นรังแกเล่า เหตุใดไม่สู้” เหยาหมิงเผลอถามคำถามโดยไม่รู้ตัว “ไม่มีกำลัง ไม่มีอำนาจ ไม่มีความกล้ามั้ง” ลี่เหม่ยเอ่ยพลางสบตาบุรุษเบื้องหน้า “แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ข้าไม่ใช่คนสกุลหวงไม่จำเป็นตรงกลัวพวกเขาอีกต่อไป” นางยักคิ้วให้กับเหยาหมิงก่อนจะมองชมความงามของสินค้าสองข้างทาง “หึ! ร่วงจากขื่อครั้งเดียวทำให้เจ้ามีความกล้าขึ้นเยอะนี่” แม่ทัพปราบเหนือเหยียดยิ้มพลางกล่าวพึมพำก่อนเบนสายตาไม่สนใจสตรีเบื้องหน้าอีก รถม้าจอดหน้าจวนแม่ทัพ ลี่เหม่ยที่ทนแสบร้อนจากน้ำล้างชามไม่ไหวลุกพรวดขึ้นรีบออกจากรถม้า โดยไม่รอให้บุรุษอย่างเขาลงจากรถม้าก่อน จนเหยาหมิงต้องมองค้างกับท่าทางแปลกประหลาด ไม่รู้จักธรรมเนียมของนาง “ตระกูลหวงไม่เคยสอนหรือว่าต้องให้บุรุษลงจากรถม้าก่อน” ชายหนุ่มตำหนินางทันทีที่ลงจากรถม้าได้ “อาจจะเคยสอน แต่ข้าสมองน้อยไม่จำเอง” “หากท่านแม่ทัพไม่ว่าอะไร ข้าขอไปอาบน้ำก่อนแสบไปหมดแล้ว” ลี่เหม่ยไม่กล่าวเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกาเนื้อตัวจนอาภรณ์เลิกขึ้นสูงมองเห็นข้อเท้าขาวนวล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status