แชร์

บทที่ 3 : ผู้ใช้พลังปีศาจคนที่13?

ผู้เขียน: MIN-G
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-04-03 21:34:06

“ผู้ใช้พลังปีศาจ? จอมมารด้วยเหรอครับ?” 

จอมมารคือผู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่งในโลกนี้ ซึ่งยังไม่มีใครเคยเห็นเลยสักครั้ง ว่ากันว่าปรากฏตัวล่าสุดก็เกือบ ๆ 140 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องที่บอกต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน และผู้ใช้พลังปีศาจทั้ง 13 ซึ่งปรากฏตัวล่าสุดก็เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แต่มีแค่ 4 คนเท่านั้นที่ชาวบ้านได้เห็นและนักเวทได้ต่อกรด้วย แน่นอนว่าแพ้ราบคาบ

“จอมมารคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้ใช้พลังปีศาจทั้ง 13 คนก็เหมือนกับองครักษ์ของจอมมาร” อิซามุตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ราวกับว่าไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่

“เป็นมนุษย์เหมือนกันสินะครับ”

“ใช่แล้วล่ะ.. เป็นมนุษย์ที่ภายในจิตใจถูกความมืดครอบงำจนกลายเป็นอมนุษย์ไปทั้งอย่างนั้น มีพลังที่แข็งแกร่งและร่างกายที่แทบจะเป็นอมตะ”

“พ่อไม่อยากนึกถึงมันเลย ในตอนนั้นผู้ใช้พลังปีศาจของจอมมารนั้นมีอยู่แค่ 12 คน จอมมารมันต้องการอีก 1 คน.. ใช่แล้ว มันฆ่าบรรพบุรุษของเราแล้วมันก็เปลี่ยนให้ 1 ในบรรพบุรุษของเราเป็นผู้ใช้พลังปีศาจ แต่พ่อก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่าคือใคร เพราะตระกูลของเราสืบทอดกันมา 7 รุ่นแล้วจนถึงปัจจุบันนี้”

‘เท่ากับว่าบรรพบุรุษของตระกูลนี้สินะที่ได้เห็นจอมมารและเล่าต่อ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน แต่เดี๋ยวนะ หรือว่าตระกูลนี้เป็นตระกูลที่เก่าแก่มากพอสมควรเลยงั้นเหรอ? แสดงว่าโลกนี้ก็น่าจะมีมานานพอสมควรแล้วเหมือนกันถ้าจากที่เขาเล่าต่อกันมา.. แล้วส่งฉันมาถล่มรึไงเนี่ย’

“แต่ก็มีคนรอดมาได้สินะครับ แต่ทำไมจอมมารถึงเลือกบรรพบุรุษตระกูลเราล่ะครับ? หรือว่า..” ถ้าอาคุมุคิดไม่ผิดล่ะก็ ตระกูล'คาอิดะ'นี้คงเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีสายเลือดและพลังอันแข็งแกร่งในครอบครอง อาจเป็นพลังที่จอมมารต้องการเป็นแน่แท้

“ใช่แล้วล่ะ ตระกูลคาอิดะ.. สายเลือดแห่งพลังมังกร แน่นอนว่าลูกก็มีพลังนั้นซ่อนอยู่ในตัว”

‘ตระกูลนี้คงใกล้จะถึงจุดจบแล้วสินะเนี่ย ดูไม่ยิ่งใหญ่เอาซะเลย’

“พลังมังกร? สุดยอดเลยนะครับ”

“ยังไงก็ตาม ตอนนี้ลูกอยากจะฝึกอะไรก็แล้วแต่ความชอบเลยแล้วกันนะ อีกอย่างคือเรื่องของออร่า สีของออร่าจะใช้ในการวัดระดับพลังของแต่ละคน วงแหวนเวทก็ขึ้นอยู่กับสีของออร่าด้วยนะ”

**ระดับพลัง

จะแบ่งตามสีของออร่ารอบๆตัว

-สีขาว (แต้ม B 0-99)

-สีฟ้าอ่อน (แต้ม B 100-999)

-สีฟ้าเข้ม(แต้ม B 1,000-9,999)

-สีม่วง(แต้ม B 10,000-49,999)

-สีส้ม(แต้ม B 50,000-149,999)

-สีแดง(แต้ม B 150,000-449,999)

-สีทอง(แต้ม B 450,000-1,000,000) 

ถ้าถึง 1,000,000 คือปลดล็อคสุดยอดพลังที่สูงที่สุด

“เห แบบนี้ก็ต้องทำความชั่วด้วยสิครับ ไม่งั้นจะสู้กับจอมมารหรือลูกน้องของจอมมารได้ไงล่ะครับ” อาคุมุหลอกถามไป เพราะเขามีความอยากรู้มากเกี่ยวกับแต้ม B ของพ่อเขา

“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังดีกว่า ลูกมาฝึกการใช้เวทมนตร์เถอะ ไว้ใช้ในการป้องกันตัว” อิซามุพูดจบก็ได้มีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นในทันที

ตู้มมม!

“เสียงอะไรน่ะครับพ่อ?!” เพราะได้มีเสียงระเบิดดังสนั่นที่กลางเมือง ผู้คนในระแวกนั้นต่างวิ่งหนีด้วยความตกใจและความกลัว

“เดี๋ยวพ่อมานะลูก” อิซามุใช้ทักษะการเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวท ซึ่งเขาสร้างวงแหวนเวทไว้ตอนไหนอาคุมุเองก็ไม่รู้ ราวกับว่าอิซามุนั้นรู้อยู่แล้วว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นจึงเตรียมการณ์เอาไว้

“แต่นี่มันเร็วเกินไปนะเนี่ย ไปไวชะมัด เขาสร้างวงแหวนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะนั่นน่ะ.. เราลองบ้างดีกว่า”

“สร้างวงแหวนเวท!” อาคุมุลองพูดออกมาเหมือนตอนที่เก็นนั้นพูด ซึ่งมันไม่มีอะไรปรากฏให้เห็นเลยสักนิด

“อะไรกันล่ะเนี่ย? หรือเราต้องตั้งสมาธิให้ดี? หรือต้องมองออร่าให้เห็นซะก่อน? เอาล่ะ”

หลังจากนั้นอาคุมุจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตั้งสมาธิให้นิ่ง.. จนกระทั่งเขาเริ่มสัมผัสได้ถึงพลังเวทจาง ๆ ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย ทันใดนั้นเขากางนิ้วทั้ง 5 ออกแล้วก็คว่ำมือลงพร้อมกับยื่นมือออกไปข้างหน้า

“สร้างวงแหวนเวท!” ...

“ว้าว สำเร็จแล้ว!!” วงแหวนเวทที่มีสีขาวและมีความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เมตร นั่นคือขนาดของวงแหวนเวทเริ่มต้น

แต่เขาก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เพราะตรงหน้าของเขาคือชายปริศนาผมสีน้ำตาลเข้ม ตาคม ร่างกายค่อนข้างสมส่วน สวมเสื้อคอเต่าสีดำราวกับว่ามาจากเมืองหนาวยังไงอย่างงั้น กำลังยืนมองเขาอยู่ด้วยสายตาที่ดูน่ากลัว ราวกับว่าเป็นสัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์

“ค..คือว่าคุณ เป็นใครเหรอครับ?” ซึ่งอาคุมุไม่ได้มีปฏิกิริยาที่แสดงให้เห็นถึงความกลัวแต่อย่างใด เพียงแค่ตกใจเล็กน้อยเพราะชายคนนี้มาโดยที่ไม่มีเสียงและไม่พูดไม่จาเลยสักนิด

“ฉันเหรอ? เอ่อ ฉันคือคนที่ถูกส่งมาน่ะ มาทำงานนิดหน่อย”

‘หรือว่าหมอนี่คือคนที่ได้มาเกิดใหม่เหมือนฉันเหรอ? หรือจะเป็นผู้ใช้พลังปีศาจ? แต่ฉันยังไม่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ใช้พลังปีศาจเลยนี่’

“ทำงานอะไรเหรอครับ? ผมก็อยากทำงานนะ” อาคุมุตั้งใจที่จะถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้ใช้พลังปีศาจต้องทำ ถ้าข้อมูลจากปากของผู้ใช้พลังปีศาจรั่วไหล อาจเชื่อมโยงไปถึงจอมมารได้เป็นแน่แท้.. แต่นั่นก็กลายเป็นความคิดที่ราวกับว่ามันคือฝุ่นผงในทันที

“ฉันน่ะ เป็นทั้งคนที่มาเกิดใหม่เหมือนนาย และก็เป็นผู้ใช้พลังบ้าบอนี่ด้วยนั่นแหละนะ ฮิฮิ” ชายคนนั้นกระซิบที่ข้างหูอาคุมุ

‘อ่านใจเหรอ? อ่านความคิด?’ เขาตกใจไปชั่วขณะ และราวกับว่าถูกหยุดการเคลื่อนไหว ไม่สามารถขยับตัวได้แต่ไม่ได้มีความรู้สึกเจ็บปวด รอบด้านมืดมิดไปหมดราวกับว่าอยู่ในหลุมลึกที่พ้นจากพื้นโลกลงไปจนไม่สามารถมีใครค้นพบได้ แต่ตรงหน้าเขาก็ยังคงเห็นผู้ใช้พลังปีศาจคนนั้น

“ฉันไม่ได้อ่านแค่ใจหรือความคิดหรอก ฉันอ่านได้ทั้งตัวนั่นแหละ สองอย่างที่แกคิดมันก็ใช่ด้วย แล้วก็มีทั้งความสูง น้ำหนัก ปริมาณน้ำและอาหารในร่างกาย หัวใจเต้นไปกี่ครั้งนับตั้งแต่ฉันมาที่นี่ หรือแม้แต่เส้นผมมีกี่เส้นฉันก็ยังรู้ได้ ใช่แล้ว.. ฉันคือผู้ใช้พลังปีศาจลำดับที่ 13 ของท่านจอมมาร...แต่ฉันไม่บอกชื่อหรอกนะ แล้วเจอกั๊นน ฉันจะรอวันที่นายตัวโตกว่านี้”

ทันใดนั้น ผู้ใช้พลังปีศาจคนที่ 13 ก็หายไปในทันที แล้วอาคุมุก็ขยับตัวได้เป็นปกติหลังจากนั้น ความมืดเมื่อครู่นี้ก็หายไป ซึ่งมันก็คือทักษะพันธนาการที่ใช้กับความคิดโดยเฉพาะ ทำให้ผู้ที่ถูกทักษะนี้นั้นเหมือนกับตกอยู่ในความมืดที่ไม่อาจค้นหาแสงสว่างได้

‘นี่คือเท่ากับว่าผู้ใช้พลังปีศาจโผล่ออกมาแล้วเหรอ ออกมาแล้วทำให้ดังตู้มเดียวแล้วจากไปเนี่ยนะ? เปิดตัวแบบไม่เท่เอาซะเลย.. แต่เดี๋ยวนะ! คนที่ 13 เหรอ? อย่าบอกนะว่า...’

“อาคุมุ! พ่อกลับมาแล้ว”

หลังจากนั้นอิซามุก็กลับมา พบว่าอาคุมุปลอดภัยดีก็โล่งอก ซึ่งอิซามุนั้นโดนทักษะเดียวกันกับที่อาคุมุโดน ก็คือการพันธนาการ แต่อิซามุนั้นถูกทำให้อยู่ในนั้นนานกว่านิดหน่อย เพราะผู้ใช้พลังปีศาจคนที่ 13 นั้นอยากจะคุยกับอาคุมุเล็กน้อย

“ไม่บาดเจ็บจริง ๆ ใช่ไหมลูก? ห้ามโกหกพ่อนะ” อิซามุถามเพื่อทวนอีกครั้ง เพราะอาคุมุนั้นอาจจะปิดบังไว้ก็ได้

“จริงครับพ่อ ผมไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอกครับ”

“แล้วมีใครมาหาลูกหรือเปล่า?” เขาถามกลับไป ราวกับว่าคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องมีใครคนใดคนหนึ่งมาหาอาคุมุ

“...ไม่มีนะครับ ผมมายืนดูเผื่อว่าพ่อจะทำให้มันมีแสงอะไรระยิบระยับอลังการหน่อยน่ะครับ”

“มันคงไม่มีหรอกแสงแบบนั้น แต่ไม่แน่ลูกอาจจะทำได้ก็ได้นะ งั้นตอนนี้เราเข้าบ้านกันก่อนเถอะ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นอิซามุจึงพาเขาเข้าบ้านและเตรียมการฝึกเล็ก ๆ น้อย ๆ

“ครับพ่อ”

‘แต่ยังคาใจไม่หายเลยแฮะ คนที่ 13 เนี่ย’ ...

“หุหุ น่าสนใจซะจริง” หลังต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ บ้านของอาคุมุ ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่พร้อมกับแสยะยิ้มออกมา.. และหายไปแบบไร้ร่องรอย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]

    บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 59 : หนึ่งรุมหก

    บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรก

    บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์

    บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่ม

    บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง

  • เกิดใหม่ทั้งที ไม่เป็นคนดีแล้วนะโว้ย!   บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?

    บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status