“ตอนนี้ลูกก็ 6 ขวบแล้ว พ่อคิดว่าคงถึงเวลาที่ลูกนั้นจะได้รับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ที่มากกว่าแต้ม W และแต้ม B แล้วล่ะ” อิซามุพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง ในตอนนี้อาคุมุก็มีอายุครบหกปีพอดี
ซึ่งอาคุมุนั้นมีสีผมเป็นสีแดงสดเช่นเดียวกันกับอิซามุ แต่ที่แปลกไปคือบางจุดของสีผมนั้นมีสีฟ้าปะปนมาด้วย ดวงตาของเขามีสีดำสนิทและดูดุดัน แต่ร่างกายนั้นดูผอมบาง ซึ่งร่างกายที่ต้องฝึกฝนเพิ่ม แต่มาพร้อมกับพลังอันมหาศาลที่ซ่อนอยู่ แน่นอนว่าเขาจะได้ใช้มันอย่างเต็มที่เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม
“เกี่ยวกับโลกนี้เหรอครับพ่อ?” อาคุมุถามกลับไป ซึ่งมันเป็นคำถามที่เขาไม่ควรจะถามไปตรง ๆ แบบนั้นเลยสักนิด
“ใช่แล้วล่ะ เกี่ยวกับโลกนี้และการใช้ชีวิต เพราะมันมีหลายอย่างเลยล่ะที่ลูกต้องรู้” อิซามุนั้นตอบกลับไปโดยที่ไม่มีท่าทีสงสัยหรือแปลกใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
‘ไม่สงสัยอะไรในตัวฉันงั้นเหรอเนี่ย? ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็หลอกถามอะไรได้ง่าย ๆ น่ะสินะ’
“ผมพร้อมรับฟังครับ” อาคุมุนั้นพูดด้วยสีหน้าที่ตั้งมั่น แต่ในใจลึก ๆ แล้วเพียงแค่ต้องการคนช่วยสอนอะไรหลาย ๆ อย่างในโลกนี้ ทั้งการใช้พลังเวท การต่อสู้ การฝึกใช้อาวุธ หรือแม้กระทั่งการฆ่า
“ก็นะ พ่อจะบอกให้ว่าจักรพรรดิของจักรวรรดินี้น่ะ.. มีแต้ม B ที่สูงมากเลยล่ะ”
“เอ๋? แต้ม B เนี่ยนะครับ เป็นถึงจักรพรรดิแท้ ๆ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้ แปลกดีนะครับ” อาคุมุเริ่มมีความสนใจขึ้นมาในทันที เพราะนี่เป็นสิ่งที่ดูประหลาดมาก ทั้งที่จักรพรรดิควรจะมีแต้ม W เยอะกว่าแต้ม B แต่นี่ก็หมายความว่าจักรพรรดินั้นคงจะทำแต่สิ่งที่ไม่ดี
“แปลกดี? แต่จักรพรรดิแบบนี้นี่ไม่ดีนะลูก เพราะสร้างแต่ความเดือดร้อนให้คนทั้งจักรวรรดิ หลาย ๆ เมืองต่างอยู่กันอย่างไม่สงบสุข สาเหตุหลักก็มาจากจักรพรรดินี่แหละ”
‘สร้างความเดือดร้อน? แสดงว่าก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะเพิ่มแต้ม B สินะ’
“วิธีเพิ่มแต้ม B นี่มีหลายวิธีเหรอครับพ่อ?” อาคุมุถามออกไปในทันที เพราะนอกจากการฆ่าก็คงมีอีกหลายอย่างที่ทำให้แต้ม B นั้นเพิ่มขึ้นสูงได้
“ใช่แล้วล่ะ แต่ตอนนี้ลูกลองตั้งใจมองมาทางพ่อสิ ตั้งสมาธิและมองมาให้เห็นออร่าที่อยู่รอบตัวพ่อ ถ้าเห็นแล้วนั่นก็แสดงว่าลูกน่ะมีพรสวรรค์นะ เพราะอย่างพี่ชายลูกกว่าเขาจะมองเห็นออร่าได้ก็เกือบจะสิบขวบเลยล่ะ”
“ไม่ต้องเอามาพูดก็ได้หรอกครับพ่อ เรื่องเกี่ยวกับผม.. ไม่ต้องให้คนอย่างเขารู้นักหรอก” เก็นพูดขึ้นมาในทันที ราวกับว่านั่งฟังอยู่นานแล้ว ทั้งที่ตอนแรกอิซามุนั้นเห็นว่าเขาออกไปข้างนอก
“อ้าว! เก็น มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“สักพักแล้วครับ” เก็นตอบกลับมาก่อนที่จะหันไปและเตรียมจะเดินเข้าบ้าน
“ไหน ๆ ก็มาแล้ว ช่วยน้องฝึกการใช้พลังเวทหน่อยสิ สอนควบคุมด้วย แล้วก็บอกทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย พ่อไปข้างนอกก่อน ฝากทีนะ”
“เดี๋ยวก่อนสิครับพ่อ ผมเพิ่งกลับมาได้ไม่นานเองนะ แล้วจะให้ผมสอนคนอย่างหมอนี่..” เก็นยังพูดไม่ทันจบประโยค อาคุมุก็พูดแทรกขึ้นมาในทันที
“ว้าว พลังของพ่อและพี่ สูงมาก ๆ เลยล่ะครับ ออร่าสีสวยสุดยอด”
“อะไรนะ?” ทั้งคู่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน เพราะไม่เคยมีใครที่อายุเพียงแค่นี้ก็สามารถมองเห็นออร่าพลังเวทได้ ส่วนมากก็แค่ใช้พลังเวทได้นิดหน่อยเท่านั้น
“นี่.. มองเห็นแล้วอย่างงั้นเหรอ?” อิซามุถามกลับไปก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ ๆ
‘ก็แค่แกล้งพูดไปงั้นแหละ จริง ๆ ฉันยังมองไม่เห็นอะไรเลย บ้าชะมัด’
“ใช่ครับพ่อ แบบนี้ก็แสดงว่าผม.. มีพรสวรรค์น่ะสิครับ” อาคุมุพูดออกมาก่อนจะยิ้มที่มุมปากแล้วหันไปทางเก็นที่ยืนมองอยู่
“ชิ คนอย่างแกน่ะ.. คนอย่างแกน่ะไม่สามารถเป็นนักเวทได้หรอก! พรสวรรค์อะไรของแกก็ไม่มีหรอก ก็แค่ดวงดีมองเห็นได้เร็วเท่านั้นเอง แกไม่สามารถเหนือกว่าฉันได้หรอกนะจำเอาไว้!!” เก็นตวาดด้วยอารมณ์ก่อนที่จะหันหลังให้แล้วเตรียมจะเดินออกไปพร้อมกับความแค้นที่อยู่ในใจ
‘นั่นแหละดี โกรธฉันซะ หึหึ’
“เก็น! กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ” อิซามุตะโกน
“สร้างวงแหวนเวท!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเก็นจึงไม่เดิน แต่เปลี่ยนไปใช้พลังเวทในการเคลื่อนที่แล้วหายไปจากตำแหน่งเดิมในพริบตา
“ว้าว นั่นคือท่าอะไรเหรอครับ?” อาคุมุสนใจเพียงแต่ทักษะเมื่อครู่นี้ที่เก็นใช้ เพราะนี่อาจเป็นสิ่งที่สำคัญมากก็เป็นได้
“นั่นน่ะคือการเคลื่อนที่ด้วยวงแหวนเวท เป็นการเคลื่อนที่โดยสร้างวงแหวนเวทขนาดใหญ่ไว้รอบตัวเอง หลังจากนั้นมันจะอยู่ที่พื้นโดยมีแค่ผู้ใช้ที่มองเห็น ซึ่งขนาดของวงแหวนก็ขึ้นอยู่กับการฝึก เมื่อสร้างไว้แล้วเราก็จะสามารถเคลื่อนที่ไปตรงไหนก็ได้ในวงแหวนเวทนั้น” อิซามุอธิบายให้เขาฟัง
“แบบนี้นี่เอง แล้วมีพลังอะไรบ้างเหรอครับที่จำเป็นในการต่อสู้?” อาคุมุถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“พ่อว่าของแบบนี้ลูกต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองนะ พ่อแค่บอกตามที่พ่อรู้เท่านั้นแหละ”
“แต่พ่อเนี่ยดูรอบรู้จังเลยนะครับ” อาคุมุพูดราวกับว่าแค่พูดไปเฉย ๆ แบบไม่ได้คิดอะไร แต่อิซามุนั้นตอบกลับในทันที
“เพราะพ่อ.. เป็นนักเวทไงล่ะ พ่อถึงต้องรู้เรื่องพวกนี้ไว้เป็นพื้นฐาน ไม่งั้นคงจะไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้” อิซามุพูดจบก็มีท่าทีที่จะหันหลังให้แล้วเดินไปข้างนอก
‘เห ว่าแล้วเขาต้องเป็นนักเวท งั้นก็แสดงว่าพี่ชายโง่นั่นด้วยสินะ หลุดปากมาซะขนาดนั้น’
“นี่พ่อเป็นนักเวทเหรอครับ? สุดยอดไปเลย งั้นก็แสดงว่าพี่เขาก็เป็นด้วยใช่ไหมครับ? แต่ทำไมตอนนี้เขาดูฉุนเฉียวจังเลย พี่เขาติดขัดอะไรกับผมหรือเปล่าครับพ่อ” อาคุมุถามกลับไปอย่างทันท่วงที จึงทำให้อิซามุต้องนั่งลงข้าง ๆ เขา
“ก็นะ ใช่แล้วล่ะ ทั้งพ่อและพี่เขาก็เป็นนักเวท แต่ที่พี่ชายของลูกนั้นถึงกับต้องตะโกนใส่ก็เพราะว่าเขาโกรธตัวเขาเองเพราะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่ง ไม่ได้มีพรสวรรค์ และไม่เคยชนะใครเลย.. เมื่อตอนที่เขาไปสอบเป็นนักเวทเขาก็แทบจะชนะใครไม่ได้ แถมเกือบจะตายเพราะปีศาจเวทมนตร์ด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็ได้เป็นนักเวทในระดับต่ำ ขนาดเพื่อนเขาเองยังไม่ยอมรับในตัวเขาเลย.. ก็ประมาณนี้นี่แหละนะ” อิซามุเล่าเรื่องราวส่วนหนึ่งให้อาคุมุฟัง ซึ่งเก็นนั้นมีความแค้นฝังลึกมาตั้งแต่อดีต ที่ในตอนนี้เขาก็ยังไม่สามารถทำให้มันหายไปหรือลืมมันไปได้
“มีการสู้กับอะไรบ้างเหรอครับพ่อ? ในการสอบเป็นนักเวท” อาคุมุถามกลับไป
“จะมีการสู้กับปีศาจเวทมนตร์ทุกระดับตั้งแต่ระดับ 1 ถึง 6 และระดับ 1 ดาวถึง 3 ดาว”
**ระดับของปีศาจเวทมนตร์
-ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1
-ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2
-ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3
-ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 4
-ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 5
-ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 6
-ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 1 ดาว
-ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2 ดาว
-ปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3 ดาว
“ซึ่งการสู้กับปีศาจเวทมนตร์ก็คือการวัดระดับของการเป็นนักเวท เช่นในตอนนี้พ่อสามารถสู้กับปีศาจเวทมนตร์ระดับ 4 ได้อย่างสูสีพอสมควรแล้วก็ชนะในตอนท้าย แต่สู้กับปีศาจเวทมนตร์ระดับ 3 และชนะมาด้วยความง่ายดาย พ่อก็จะได้เป็นนักเวทระดับ 3 นั่นเอง”
**ระดับของนักเวท
-นักเวทระดับ 1
-นักเวทระดับ 2
-นักเวทระดับ 3
-จอมเวทระดับ 1
-จอมเวทระดับ 2
-จอมเวทระดับ 3
-ราชันจอมเวทระดับ 1 ดาว
-ราชันจอมเวทระดับ 2 ดาว
-ราชันจอมเวทระดับ 3 ดาว
“งั้นก็หมายความว่า พี่เขาได้เป็นนักเวทระดับ 1 สินะครับ และเกือบตายเพราะปีศาจเวทมนตร์ระดับ 2 แต่ชนะได้แบบหวุดหวิดใช่ไหมครับพ่อ?” อาคุมุถามกลับไป เขาพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างเกี่ยวกับการเป็นนักเวทและปีศาจเวทมนตร์
“ใช่แล้วล่ะ แล้วก็จะมีการต่อสู้กันเองด้วยหลังจากที่สู้กับปีศาจเวทมนตร์เพื่อวัดระดับ ซึ่งการสู้กันเองก็จะเป็นการวัดความสามารถอีกครั้งเพื่อแบ่งกลุ่มในการทำงาน เช่นพ่อสู้กับนักเวท 8 คน ซึ่งพ่อแพ้ทุกคน พ่อก็คงจะได้ไปเป็นคนคอยติดตามนักเวทที่ระดับสูงกว่านิดหน่อยแล้วออกไปตายในหน้าที่.. อะไรทำนองนั้นแหละนะ”
“แล้วนักเวทกับจอมเวท นอกจากจะสู้กับปีศาจแล้วต้องสู้กับใครอีกเหรอครับพ่อ?” อาคุมุถามกลับไปในทันทีหลังจากที่อิซามุนั้นพูดจบ ราวกับว่าเตรียมคำถามไว้อยู่แล้วแต่แค่รอเวลาที่จะถาม
“ก็.. จอมมารและผู้ใช้พลังปีศาจทั้ง 13 ของจอมมารไงล่ะ” …
บทที่ 60 : มอบรางวัลด้วยเลือด [จบเล่ม 2]การต่อสู้จบลง สนามประลองแบบจำลองก็ได้หายไป อาคุมุลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ที่สนามประลองของจักรวรรดิไดจิเสียแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ขณะเดียวกันกับเสียงตอบรับที่ดังมาจากผู้ชมทั่วทั้งสนามประลองอย่างครึกครื้น“อาคุมุชนะจริง ๆ ด้วย?!!”“เขาสู้แบบนั้นได้ยังไงกันนะ? โดนรุมนั่นน่ะ”“เจ้าเด็กคนนี้ต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกันเนี่ย?! แน่ใจนะว่าไม่ใช่นักเวทของจักรวรรดิ?”“ตามดูเจ้าหนูนี่มาตั้งแต่วันแรก ไม่ทำให้ผิดหวังเลย!”…“ในรอบนี้เราสามารถหาผู้ชนะเลิศได้เลยล่ะครับทุกท่าน! ผู้ชนะการประลองของจักรวรรดิไดจิในครั้งนี้คือ… คาอิคะ อาคุมุ!!!” ผู้คุมสนามประกาศออกไปอย่างเป็นทางการด้วยผลการต่อสู้ที่เป็นเอกฉันท์กลางสนามประลองที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก คู่ต่อสู้ทั้งหกคนของอาคุมุนั้นนอนบาดเจ็บอยู่ที่พื้น โดยมีอาคุมุยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น แม้การบาดเจ็บจะไม่ได้สาหัสมากนัก แต่ร่องรอยบาดแผลตามที่เห็นคงต้องใช้เวลาพอสมควร‘ไม่มีใครตายเพราะเมื่อพลังชีวิตแบบจำลองหมดไปก็จะถูกส่งออกมาทันทีสินะ’ อาคุมุที่ไม่ได้เข้าใจเกี่ยวกับทักษะสร้างภาพลวงตาของราชันจอมเวทอาวุโสนี้มากนัก ทำได้เพียงวิเ
บทที่ 59 : หนึ่งรุมหกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของรินนั้นทำให้ฮิบาริไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้ทั้งหมด ทำให้เขาต้องรับการโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพลังชีวิตแบบจำลองเป็นศูนย์ในตอนนี้ฮิบาริได้ถูกคัดออกจากการประลองแบบกลุ่มแล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มของอาคุมุนั้นเหลือเพียงสามคน และภายในทักษะหมอกเพลิงสีชาดของรินนี้… เหลือเพียงอาคุมุและรินเท่านั้น“นายจะทำยังไงดีล่ะเจ้าหนูอาคุมุ? สู้กับฉันตัวต่อตัวไหวไหมนะ? อืม… ฉันมีสมาชิกอยู่ข้างล่างทั้งหมด 5 คนเนี่ยสิ คงจะเอาชนะฉันได้ไม่ง่ายหรอกมั้ง” รินพูดขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้อาคุมุแปลกใจในทันที“ว่าไงนะ? ทั้งหมดห้าคนนี่หมายความว่าอะไร?” อาคุมุถามกลับไป“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! นายนี่น่าขำจริง ๆ เลย คิดว่าเจ้าพวกที่เหลืออยู่จะมั่นใจในตัวนายแล้วไม่สนผลประโยชน์หรือไงกัน?” รินตอบกลับมา“หรือว่านั่นคือ…”“ใช่แล้วล่ะ! ฉันแค่เสนอให้พวกมันมาร่วมมือกับฉัน ข้อแลกเปลี่ยนคือการเข้าร่วมกลุ่มจันทราแดง ถึงจะถูกคัดออกและไม่ชนะเลิศในการประลอง แต่มีเงินใช้ง่าย ๆ ต่อจากนี้… ใครจะไม่ชอบกันล่ะ ลองดูนั่นสิ” รินพูดจนจบและชี้ลงไปยังข้างล่าง ซึ่งสิ่งที่เห็นนั้นคือสมาชิกกลุ่มของอาคุมุที
บทที่ 58 : ผู้ที่ถูกคัดออกคนแรกในตอนนี้ สถานการณ์ของอาคุมุและฮิบารินั้นไม่สู้ดีนัก พวกเขาถูกปิดล้อมไปด้วยทักษะหมอกเพลิงสีชาดของริน อีกทั้งยังถูกล้อมไปด้วยสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มของรินจากภายนอก ซึ่งสามารถโจมตีเข้ามาได้โดยตรง เรียกได้ว่าถูกบีบให้จนมุมทั้งอย่างนั้น‘ซวยจริง ๆ แล้วไง’“ออกไปเฉย ๆ ไม่ได้เลย!” ฮิบาริกำลังพยายามจะดันตัวเองออกไปจากทักษะของริน‘ไอ้บ้านี่มันแกล้งทำเป็นไม่รู้เหรอ?’“ถ้าออกไปได้ง่าย ๆ เขาจะสร้างขึ้นมาทำไมล่ะครับคุณฮิบาริ?” อาคุมุถามกลับไป“พวกนายฟังฉันนะ! ทักษะหมอกเพลิงสีชาดนี้จะสามารถใช้ได้ 30 นาที หลังจากนั้นจะสามารถใช้ทักษะนี้ได้อีกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปอีก 30 นาที” รินพูดขึ้นมา“แล้ว... บอกทำไมเหรอครับ?” อาคุมุที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามกลับไป“เพราะว่า... ฉันสามารถเอาชนะพวกนายได้ใน 30 นาทีนี้ไงล่ะ!! กระสุนเพลิงสีชาด!!!” รินตอบกลับมาพร้อมกับยิงกระสุนเพลิงเข้าใส่อาคุมุและฮิบาริด้วยความเร็ว“ตาข่ายอัสนี!”ตู้มมมม!!!“อึ่ก! บ้าจริง”ถึงแม้อาคุมุจะใช้ทักษะป้องกันไว้ได้ทัน แต่ความเสียเปรียบนั้นปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะตาข่ายอัสนีของอาคุมุนั้นถูกทำลายได้โดยการ
บทที่ 57 : ความได้เปรียบเป็นศูนย์รินและสมาชิกอีกสามคนได้มาถึงที่ตำแหน่งของอาคุมุ ซึ่งรินนั้นปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับอาวุธคู่กายอย่างปืนพกเช่นเดิม ส่วนอีกสามคนนั้นก็คือนักเวทชุดขาวเป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคน โดยทุกคนนั้นมีกระเป๋าสะพายอยู่ข้างหลัง“อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยล่ะครับ... ทุกอย่างเลย” สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งก็คือการที่นักเวทชุดขาวทั้งสามนั้นเปลี่ยนชุดก่อนจะเข้ามายังสนามประลองแบบจำลองนี้“แต่ว่า... จะทำไปเพื่ออะไรเหรอครับ? เตรียมชุดมาเปลี่ยนตอนเข้ามาในนี้แล้วเนี่ย?” อาคุมุถามออกไป“ก็ถ้าพวกฉันอยู่ในบทบาทของนักเวทชุดขาวตั้งแต่ตอนที่อยู่ข้างนอกล่ะก็... คงจะโดนประท้วงพอดีน่ะสิ” หนึ่งในนักเวทชุดขาวตอบกลับมา“ฉันควรจะแนะนำตัวอีกครั้งไหมนะ? ฉันคือ อากาเนะ ริน เป็นเพียงคนที่กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 แล้วล่ะนะ!!” รินพูดขึ้นมาพร้อมกับจับปืนพกทั้งสองกระบอกไว้แน่น ลมจากแรงของพลังเวทปะทะเข้ากับร่างของอาคุมุโดยตรง‘กำลังจะได้เป็นจอมเวทระดับ 3 งั้นเหรอ? สีของออร่าพลังเวทกำลังจะเป็นสีแดงแล้วสินะ แข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ด้วย’“สุดยอดไปเลยนะครับ สมแล้วกับตำแหน่งรอ
บทที่ 56 : เริ่มการประลองแบบกลุ่มในตอนนี้ ผู้คุมสนามได้ทำการสร้างสนามประลองแบบจำลองเสร็จสิ้นแล้ว เป็นทักษะที่มีความเหมือนจริงเป็นอย่างมาก ถึงได้ชื่อว่าเป็นภาพลวงตา และด้วยความแข็งแกร่งระดับราชันจอมเวทอาวุโส การที่สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็คงจะไม่เกินจริงนัก...ที่สนามประลอง ภายนอกทักษะภาพลวงตา“สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านี้... คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในนั้นครับ” เสียงของผู้คุมสนามได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามประลองด้วยทักษะพลังเวทของพิธีกร เสียงตอบรับจากคนดูก็เกิดขึ้นในทันที“น... นี่เหมือนฉันดูการประลองผ่านจอเลยนะ”“ข้างในนั้นจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอ?”“ดูนั่นสิ! อาคุมุอยู่นั่นล่ะ!!”“ที่นั่นมันคือจำลองเมืองไหนหรือเปล่า? ที่ไหนในจักรวรรดิหรือเปล่านะ?”...สิ่งที่ทุกคนเห็นอยู่ตรงหน้านั้น คือลูกบาศก์ขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยออร่าของพลังเวทสีม่วง ลอยอยู่ในอากาศตรงกลางสนามประลอง ทั้งสี่ด้านนั้นเผยให้เห็นภาพจากมุมมองของแต่ละคนและมุมมองภาพรวมภายในนั้น ราวกับว่ากำลังดูผ่านจอขนาดยักษ์“สถานที่ภายในนั้นคือเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในจักรวรรดิ มีชื่อว่าเมืองชิโตเสะครับ... ขอให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับการประลองในครั้ง
บทที่ 55 : ราชันจอมเวทอาวุโส?กฎและกติกาการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้ายนั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันโดยไม่ได้มีการประกาศล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ารอบหรือผู้ชมทั่วทั้งสนามประลอง ไม่เคยมีใครคิดไว้ว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นการประลองแบบกลุ่ม“เริ่มจากการจัดกลุ่ม กลุ่มที่ 1 จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมก็คือสาย A, B, C และ D ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะมีผู้ชนะจากสายการต่อสู้เดิมคือสาย E, F, G และ H ครับ”พิธีกรได้ประกาศวิธีการแบ่งกลุ่มให้กับทั้ง 8 คน‘ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงแบ่งกลุ่มง่าย ๆ แบบนี้...’‘...เพราะรินอยู่ในกลุ่มที่ 2 สินะ? การคาดเดาของฉันถูกต้องอย่างแน่นอน!’สิ่งที่อาคุมุคิดไว้นั้นมีเพียงความได้เปรียบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และในสถานการณ์ตรงหน้านี้ ความได้เปรียบที่ว่าก็คงจะหนีไม่พ้นการที่กลุ่มนั้นมีคนอย่างรินอยู่ด้วยนั่นเอง“ก่อนที่จะเข้าสู่ลำดับถัดไป...” พิธีกรพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงจากแท่นด้านบนก็ดังขึ้นมาในทันทีตึ้ง!!ซึ่งเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิที่ใส่พลังเวทเข้าไปในแท่นข้าง ๆ ตัว สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ตกใจกันไปตาม ๆ กัน“องค์จักร