LOGIN1
ทางเดียวที่เลือกได้
"ท่านยมทำไมพูดอะไรใจร้ายแบบนั้นล่ะคะ" หลังจากที่ยมฑูตพูดจบเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลคาราเมลก็พูดต่อแทบจะทันที ใบหน้าสวยหงิกงอเพราะทางเลือกที่ไม่ได้ดีนักทั้งสองทาง ก่อนจะถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความปลงตก
"เลือกได้แล้วสินะ"
"ใช่ค่ะ"
"เช่นนั้นก็บอกทางเลือกของเจ้ามา ข้าจะได้รีบทำภารกิจให้เสร็จแล้วรีบไปต่อ" ยมฑูตยกมือสองข้างขึ้นมากอดอก รอฟังคำตอบของร่างโปร่งแสงตรงหน้า เพราะหลังจากจัดการเรื่องของเธอสำเร็จหัวหน้ายมฑูตก็จะได้กลับไปจิบชานมในยมโลก โดยไม่ต้องมาวุ่นวายกับเหล่ามนุษย์อีก
"เลือกเป็นตัวเองในอดีต"
"ข้าคิดว่าเจ้าควรเป็นสุนัขมากกว่า ไม่ต้องคิดไม่ต้องทำอะไรวัน ๆ ได้แต่กินกับนอน" บุรุษในร่างโปร่งแสงพูดขึ้นพร้อม ๆ กับใช้มือขวามาวางเหนือศีรษะของวิญญาณหญิงสาวตรงหน้า คล้ายกับกำลังร่ายเวทย์มนตร์
"เดี๋ยวค่ะ"
"มีอะไรอีก ข้าต้องรีบไปแล้วมัวชักช้าลีลาอยู่ได้เดี๋ยวสาปให้เป็นหมาซะนี่" ยมฑูตที่รอนานพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มจนวิญญาณหญิงสาวแทบกรูหนี ก่อนเธอจะอ้าปากพูดด้วยความเกร็งเล็กน้อย
"ใจเย็น ๆ นะคะ ฉันแค่อยากขออะไรสักสองสามข้อได้ไหมคะ"
"ว่ามา"
"ขอความทรงจำทุกเรื่องของฉันเอาไว้"
"ต่อไปล่ะ"
"ขอให้ฉันไม่ทำอะไรงี่เง่า ๆ ในยุคนั้น"
"นั่นมันอยู่ที่เจ้าไม่ใช่ข้า"
"งั้นขอความทรงจำของผู้หญิงคนที่ฉันต้องเข้าไปแทนที่เธอนะคะ" พอยมฑูตพูดจบเธอก็พูดต่อทันทีราวกับนี่เป็นสิ่งที่เธอคิดไว้อยู่แล้ว โดยไม่ต้องคิดอีกให้เสียเวลา ยมฑูตพยักหน้าวิญญาณของเธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
"แค่นี้ใช่หรือเปล่า"
"เอาเงินไปด้วยได้ไหมคะ"
"เงินทั้งหมดที่เจ้ามียังน้อยกว่าเงินส่วนหนึ่งของนางเสียอีก ไปได้แล้ว"
"งั้นฉันขอติดต่อท่านเวลาฉุกเฉินได้ไหมคะ สักครั้งสองครั้งก็ยังดี" วิญญาณของหญิงสาวพูดจบยมฑูตไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่เพียงดีดนิ้วดังเป๊าะแต่ร่างโปร่งแสงถูกพลังงานบางอย่างดึงอย่างรุนแรงจนหายวับไปในที่สุด หลังเสร็จภารกิจยมฑูตก็ดีดนิ้วอีกครั้งและคราวนี้เป็นร่างโปร่งแสงของยมฑูตเองที่หายไป
"คุณหนูคะ คุณหนู"
"อาถิง อาถิง"
เสียงโหวกเหวกดังขึ้นรอบกายของสตรีที่นอนไม่รู้สติซ้ำเนื้อตัวยังเปียกชื้นอยู่ริมบ่อบัว ขณะเดียวกันมีทั้งบุรุษและสตรีอีกนางคอยช่วยเรียกนางให้รู้สติคืนมา นางไม่เพียงไม่ฟื้นแต่ยังดูคล้ายจะลมหายใจรวยรินเข้าไปทุกครา จนกระทั่งนางไม่ตื่นไม่ตอบสิ่งใดกลับมาทำให้ชายและหญิงทั้งสองปักใจว่านางนั้นตายแน่แล้ว
"ผู่เย่ว์ เจ้าไปตามคนมาช่วยเถิดนางไปดีเสียแล้วครานี้" บุรุษรูปงามนาม 'อันอี้เฉิน' ผู้เป็นทั้งสหายและญาติผู้น้องของ 'หยุนฮ่าวหราน' ชายผู้เป็นสามีของสตรีที่นอนหมดลมอยู่ริมบ่อบัว หลังจากแน่แก่ใจว่าสตรีตรงหน้าหมดลมแล้วอันอี้เฉินจึงหันไปสั่งสาวใช้ เป็นเวลาเดียวกับที่ผู่เย่ว์เริ่มร่ำไห้เพราะผู้เป็นนายสิ้นลมเสียแล้ว อันอี้เฉินให้นางไปตามคนมาช่วยพาเจียงถิงถิงที่มีฐานะเป็นพี่สะใภ้ของตนไปทำพิธีกรรมศพต่อ
"เจ้าค่ะคุณชาย" สาวใช้รับคำพร้อมกับใช้มือของตนเช็ดน้ำตาที่หลั่งไหลอาบสองแก้มออกหมายจะทำตามคำของคุณชายอี้เฉิน ซึ่งเป็นสหายสนิทของคุณหนูเจียงถิงถิงของนาง ขณะที่ผู่เย่ว์กำลังลุกขึ้นยืนเจียงถิงถิงที่นอนหลับตาแน่นิ่งอยู่ก็ผุดลุกนั่ง
ผู่เย่ว์และอันอี้เฉินหยุดชะงักไม่ต่างจากคนต้องมนตร์ เจียงถิงถิงลุกนั่งแล้วใช้สายตาที่มีหยาดน้ำเกาะอยู่บนขนตาเล็กน้อยมองไปรอบ ๆ อย่างฉงน นางกระพริบตาถี่ ๆ คล้ายคนงุนงงก่อนจะหรี่ตามองบุรุษที่นั่งคุกเข่าและสตรีที่นั่งอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก
"พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน" เจียงถิงถิงเอื้อนเอ่ยเสียงเบาออกมาด้วยระคนสงสัยผู้คนตรงหน้า นางส่ายหน้าไปมาช้า ๆ เพราะยังคงกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ด้วยยังไม่มีความจำมากนักจึงทำให้ต้องเอ่ยถามออกไป คนที่ได้ฟังกลับทำหน้างุนงงยิ่งกว่าคนพูดเสียอีก ทั้งอันอี้เฉินและสาวใช้ผู่เย่ว์ล้วนเห็นพ้องกันว่าเจียงถิงถิงนั้นหมดลมไปแล้วกับตาตนเอง บัดนี้นางฟื้นคืนสติและยังทำท่าทางประหนึ่งไม่รู้จักทั้งสองด้วย
"เจ้าเป็นผู้ใดกัน" อันอี้เฉินเดินเข้าประชิดร่างสตรีผู้มีน้ำหนักเกือบหนึ่งร้อยชั่ง แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมดูท่าแล้วอันอี้เฉินคงจะมองออกว่าสตรีตรงหน้าไม่ใช่เจียงถิงถิงที่เขารู้จัก
"ข้า…" ถูกถามกลับพลันความทรงจำเกี่ยวกับบุรุษตรงหน้าก็ผุดขึ้นในหัวมากมายจนนางต้องสะบัดศีรษะ ต้องการให้ภาพทั้งหมดรวมเป็นเรื่องราว ผ่านไปแค่ชั่วอึดใจนางก็ทำสีหน้าราวกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้
"ข้าคือเจียงถิงถิงอย่างไรเล่า ท่านจำข้าไม่ได้ได้อย่างไรกันคุณชายอี้เฉิน ผู่เย่ว์ช่วยข้าทีข้าอยากกลับห้องไปเปลี่ยนอาภรณ์" พูดกับสหายเก่าแก่อย่างอันอี้เฉินเสร็จเจียงถิงถิงก็หันไปบอกสาวใช้ประจำตัวที่นั่งอยู่บนพื้นริมบ่อบัว
"เจ้าค่ะคุณหนู"
"ท่านเองก็กลับไปห้องของตนเองเถิดคุณชายอี้เฉิน หากเปียกนานกว่านี้อาจจะเป็นไข้หวัดได้" ครั้นเดินไปได้ไม่เท่าใดเจียงถิงถิงก็หันกลับมาหมายจะเร่งให้เขาไปเปลี่ยนอาภรณ์ที่เปียกโชกเพราะลงไปช่วยนางขึ้นมาจากบ่อบัวใหญ่กลางสวนนี้
"ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นผู้ใดแต่อย่างไรก็ฝากดูแลเจียงถิงถิงด้วย" อันอี้เฉินกล่าวโดยไม่ได้หันไปมองนางแม้แต่เศษเสี้ยว พอกล่าวจบก็ก้าวเดินออกไปจากสวนแห่งนี้ทิ้งให้เจียงถิงถิงยืนขมวดคิ้วระคนกังวลว่าเขาหมายจะพูดเช่นไรกับนางกันแน่
"ข้าไม่ใช่ถิงถิงหรืออย่างไรผู่เย่ว์" ด้วยสงสัยหนักจึงหันไปหาความกับสาวรับใช้ของตน ผู่เย่ว์ก้มหน้าพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
"คุณหนูเป็นคุณหนูเจ้าค่ะ แต่คุณหนูเองก็ไม่คล้ายคุณหนู" พลันถูกถามย้ำหลายคราผู่เย่ว์จึงตอบออกไปอีกคราด้วยเสียงที่ดังกว่าคราก่อน พอได้ฟังคำของสาวใช้เจียงถิงถิงก็แย้มรอยยิ้มเล็ก ๆ ออกมา
"แบบนี้ก็โดนจับได้เเล้วน่ะสิ"
5ใจคนยากแท้…หยั่งถึง"ไปทำอาหารกันเถอะผู่เย่ว์ อีกเดี๋ยวก็ได้เวลาไอเอฟแล้ว" กล่าวจบนางก็พาร่างอวบเดินไปทางครัวในเรือนตน สาวใช้ทำหน้างุนงงกับคำพูดเมื่อครู่ของผู้เป็นนายจึงได้แต่ทบทวนคำของนางแล้วเดินตามไป"คุณหนูว่าอย่างไรนะเจ้าคะ" ผู่เย่ว์ถามนายของตนหลังเท้าซ้ายแตะบนพื้นห้องครัว เจียงถิงถิงหันกลับมามองผู่เย่ว์ด้วยสายตาเช่นเดียวกับที่ผู่เย่ว์มองนาง"อะไรเหรอ""ไอเอฟอะไรหรือเจ้าคะ" คนพูดยิ้มกว้างด้วยความลืมตัวเพราะดันหลุดกล่าวคำพูดของยุคตนเอง นางหัวเราะในลำคอพร้อมก้าวมาหยุดยืนตรงหน้าคนถามมองสาวใช้ของตนอย่างเอ็นดู"ไอเอฟคือการกินและหยุดกินเป็นเวลาเพื่อให้ร่างกายย่อยอาหารที่กินเข้าไปให้หมดอย่างไรล่ะ ทีนี้รู้แล้วก็ไปเอาเนื้อหมู แครอท พริกอ่อนมาให้ข้าที" สาวใช้พยักหน้ารับคำแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องครัว เจียงถิงถิงเดินเข้าไปเพื่อเตรียมข้าวของที่ใช้ทำอาหารพร้อมกับบ่นพึมพำอยู่ลำพัง"ถ้าอยู่โลกนู้นฉันคงทำอาหารได้เยอะกว่านี้แน่ ๆ เฮ้อ…อีกกี่เดือนร่างยายคุณหนูนี่ถึงจะผอมได้ล่ะเนี่ย" ระหว่างที่เตรียมข้าวของก็เติมไฟรอทำอาหารไปด้วย เธอจะทำอย่างไรกับอนุภรรยานางนั้นดีเท่าที่ดูจากความทรงจำของเจียงถิง
4เจ้าไม่ใช่นาง"ผู่เย่ว์จัดโต๊ะแล้วตักข้าวสวยให้ข้าที ตักเผื่อคุณชายอันสักชาม" เจียงถิงถิงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่ายจะปะทะวาจาต่อ จึงปลงใจหันไปสั่งผู่เย่ว์ให้เตรียมจัดโต๊ะอาหารที่โถงกลางของเรือนตนเอง"เจ้าค่ะคุณหนู" ผู่เย่ว์ค้อมหัวรับคำแล้วยกไก่ผัดต้นหอมชามใหญ่และจานไข่เจียวเพื่อจะออกไปจัดโต๊ะอาหาร"อ๋อ ข้าวสวยของข้าไม่ต้องตักมากเพียงสองอุ๋งมือก็พอ" เสียงหวานกล่าวจบก็หยิบแตงกวาที่ปอกแล้วขึ้นมาหั่นใส่ชามจนหมดทั้งสองลูก เพียงไม่นานผู่เย่ว์ก็กลับมาตักข้าวสวยให้ผู้เป็นนายและแขก"ไปสิ รีบกินรีบกลับได้แล้ว""เหตุใดจึงรีบไล่ข้าเช่นนี้ คราก่อนเจ้ายังขอให้ข้าพาไปเที่ยวตลาดอยู่เลย""นั่นมันเมื่อก่อน รีบไปกันเถอะ" คุณหนูเจียงเอ็ดบุรุษตรงหน้าก่อนจะลากข้อมือของเขาให้ตามไปที่โต๊ะที่ผู่เย่ว์จัดไว้ คนเดินตามยกยิ้มมุมปากอย่างขบขันกับกิริยาสตรีที่เดินอยู่เบื้องหน้า"ตั้งแต่คราที่เจ้าจมบ่อบัวหัวคงกระแทกอย่างหนักกระมัง นิสัยและกิริยาจึงเปลี่ยนไปมากมายเช่นนี้""ไม่ต้องพูดมาก รีบกินรีบกลับไปเสีย" น้ำเสียงขุ่นมัวเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีชมพูที่แห้งแตกด้วยความไม่พอใจบุรุษตรงหน้าเพราะมาวุ่นวายกับตนเอง น
3งามจากจิตใจ“ข้าไม่งามใช่หรือไม่ผู่เย่ว์” ฮูหยินเอ่ยถามสาวใช้ข้างกายที่เดินตามอยู่ทางด้านหลังด้วยน้ำเสียงเรียบ นางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วใช้สายตาไล่มองตั้งแต่ฝ่ามือพลิกมองหลังมือ ข้อมือ ตลอดจนแขนทั้งสองข้างที่อวบอ้วน พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่“คุณหนูของข้างามจากจิตใจเจ้าค่ะ” ผู้เป็นบ่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลพลางยกยิ้มให้คุณหนูของตนจากทางด้านหลัง เจียงถิงถิงหยุดเดินแล้วขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปมองสาวรับใช้ของตน“แปลว่าภายนอกไม่งามสินะ”“ไม่ใช่เจ้าค่ะคุณหนู”“เอาเถอะ ข้าก็พอจะรู้ตัวดีอยู่แล้ว เฮ้อ” สองเท้าออกเดินไปข้างหน้าหลังจากพูดจบ พอเห็นคุณหนูของตนดูมีท่าทีไม่สบายใจก็รีบเดินตามไปติด ๆ“คุณหนูมีสิ่งใดไม่สบายใจหรือเจ้าคะ” ผู่เย่ว์ถามเจ้านายของตนขณะที่กำลังเปิดประตูห้องให้เจียงถิงถิงเข้าไปด้านใน เจียงถิงถิงพาร่างที่อวบอ้วนของตนเดินเข้าไปด้านใน ผู่เย่ว์ปิดประตูแล้วเดินตามเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ ตั่งไม้“หนักใจน่ะสิ ข้าต้องลดน้ำหนักเกือบสองร้อยจิน เมื่อใดจะผอมเล่าไหนจะข้าวปลาอาหาร งานหนักโดยแท้” เจียงถิงถิงกล่าวกับสาวใช้ของตนพร้อม ๆ กับใช้มือข้างที่ถนัดกุมขมับของตนเอาไว้ราวกับกำลังคิดหนักเสีย
2ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" สาวใช้ถามผู้เป็นนายด้วยความห่วงใย แม้จะยังงุนงงสงสัยเกี่ยวกับการที่นางสิ้นลมแล้วฟื้นขึ้นมา ถามเสร็จก็จัดแจงหาอาภรณ์มาให้ผู้เป็นนายได้ผลัดเปลี่ยน เจียงถิงถิงนั่งกระพริบตาถี่ ๆ ราวกับกำลังนึกบางสิ่งบางอย่างอยู่ ผู่เย่ว์ใช้มือแตะลงบนต้นขาที่อวบอ้วน นางจึงเริ่มได้สติหันมามองผู่เย่ว์ที่มีท่าท่างกล้า ๆ กลัว ๆ ราวกับไม่กล้าจะมองนาง"ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วงไป" เจียงถิงถิงหันไปบอกสาวใช้ของตนเองด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน ไม่ได้ต่างไปจากก่อนนางจะจมน้ำที่บ่อบัวกลางสวนใหญ่แม้แต่น้อย ผู่เย่ว์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะลุกขึ้นเพื่อช่วยคุณหนูของนางเปลี่ยนอาภรณ์ที่เปียกชื้น"โอ๊ย นี่มันอะไรกัน ทำไมฉันถึงได้อ้วนขนาดนี้ล่ะเนี่ย" หลังจากถอดอาภรณ์ที่เปียกชื้นออกเผยให้เห็นร่างกายที่ไร้อาภรณ์ปกคลุม เจียงถิงถิงกรีดร้องออกมาอย่างไม่ทันได้คิดสิ่งใด เพียงเพราะนางเห็นร่างกายของตนเองในชาตินี้ ภาพวาดสตรีจากโลกแห่งอนาคตที่ใช้ชีวิตด้วยการเป็นนักโภชนาการอาหารเพื่อช่วยลดและควบคุมน้ำหนักของผู้อื่น นางจึงมีทรวดทรงที่เพรียวบางอยู่เสมอ การเห็นตนเองอวบอ้วนเช่นนี้ทำนางใจหาย
1ทางเดียวที่เลือกได้"ท่านยมทำไมพูดอะไรใจร้ายแบบนั้นล่ะคะ" หลังจากที่ยมฑูตพูดจบเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลคาราเมลก็พูดต่อแทบจะทันที ใบหน้าสวยหงิกงอเพราะทางเลือกที่ไม่ได้ดีนักทั้งสองทาง ก่อนจะถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความปลงตก"เลือกได้แล้วสินะ""ใช่ค่ะ""เช่นนั้นก็บอกทางเลือกของเจ้ามา ข้าจะได้รีบทำภารกิจให้เสร็จแล้วรีบไปต่อ" ยมฑูตยกมือสองข้างขึ้นมากอดอก รอฟังคำตอบของร่างโปร่งแสงตรงหน้า เพราะหลังจากจัดการเรื่องของเธอสำเร็จหัวหน้ายมฑูตก็จะได้กลับไปจิบชานมในยมโลก โดยไม่ต้องมาวุ่นวายกับเหล่ามนุษย์อีก"เลือกเป็นตัวเองในอดีต""ข้าคิดว่าเจ้าควรเป็นสุนัขมากกว่า ไม่ต้องคิดไม่ต้องทำอะไรวัน ๆ ได้แต่กินกับนอน" บุรุษในร่างโปร่งแสงพูดขึ้นพร้อม ๆ กับใช้มือขวามาวางเหนือศีรษะของวิญญาณหญิงสาวตรงหน้า คล้ายกับกำลังร่ายเวทย์มนตร์"เดี๋ยวค่ะ""มีอะไรอีก ข้าต้องรีบไปแล้วมัวชักช้าลีลาอยู่ได้เดี๋ยวสาปให้เป็นหมาซะนี่" ยมฑูตที่รอนานพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มจนวิญญาณหญิงสาวแทบกรูหนี ก่อนเธอจะอ้าปากพูดด้วยความเกร็งเล็กน้อย"ใจเย็น ๆ นะคะ ฉันแค่อยากขออะไรสักสองสามข้อได้ไหมคะ""ว่ามา""ขอความทรงจำทุกเรื่องของฉันเอาไว้""ต่อไ
บทนำในสถานที่เริงรมย์กลางเมืองปรากฏร่างระหงส์ของหญิงสาวในเสื้อกล้ามครอปสีดำสนิทโชว์เอวเล็กคอด บวกกับกางเกงยีนส์เข้ารูปและที่ทำให้เธอดูโดดเด่นเป็นพิเศษเห็นจะเป็นใบหน้าสะสวย ซึ่งถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสนุกสนานเนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนสนิทเธอจึงได้ออกจากบ้านหรือที่เธอเรียกมันว่าถ้ำ เธอมักจะหมกตัวอยู่ในโลกส่วนตัวทำคลิปเทรนลูกค้าเรื่องการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก พอได้ออกมาเพื่อนสาวของเธอเลยจัดหนักจัดใหญ่ให้เธอได้เมาจนแทบจะพากันเลื้อยกลับโชคยังดีที่ตอนนี้มีบริการคนขับรถแทนเธอจึงจำต้องใช้บริการเพราะไม่สามารถขับรถกลับไปในสภาพนี้ได้จริง ๆ“ฉันกลับก่อนนะ มีความสุขมาก ๆ นะแก” ภาพวาดคือชื่อของหญิงสาวที่ยืนเซซ้ายเซขวาอยู่หน้าทางออกจากคลับ ซึ่งเธอกำลังร่ำลาเจ้าของวันเกิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแก้มที่เคยมีสีชมพูอ่อนเพราะบลัชออน ตอนนี้บลัชออนได้จางไปหมด แต่ที่เห็นว่าแก้มนวลยังมีสีชมพูอยู่คงเพราะแอลกอฮอล์สูบฉีดอยู่ในร่างกายของเธอละมั้งมันถึงแดงมากกว่าบลัชออนซะอีก“โอเค แล้วเจอกันใหม่นะภาพวาดเพื่อนรัก” เจ้าของวันเกิดบอกเสียงอ้อแอ้เพราะอาการลิ้นเปลี้ยจากการดื่มแอลก







