หน้าหลัก / รักโบราณ / เกิดใหม่มาตบตีกับแม่ผัว / บทที่ 7 : แม่สามีที่คอยตามราวี

แชร์

บทที่ 7 : แม่สามีที่คอยตามราวี

ผู้เขียน: จางหลิงมี่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-23 14:19:30

บทที่ 7

แม่สามีที่คอยตามราวี

          “นี่  น้องชายและน้องสาวสามี”

          ทั้งเชี่ยเฟิงและชุนฮวาต่างมองพี่สะใภ้อย่างหวาดระแวง

          “ข้าคือพี่สะใภ้พวกเจ้าก็ต้องอาวุโสกว่าถูกต้องรึไม่”

          “กะ  ก็ใช่”  ชายหนุ่มสะบัดหน้าตอบ

          “ส่วนพวกเจ้าก็คือน้อง ๆ ของสามีข้า  ฉะนั้นก็ควรจะให้ความเคารพและเชื่อฟังพี่สะใภ้คนนี้ตามศักดิ์อาวุโส”

          “เรื่องนั้นก็...  ไม่ได้น่าสนใจสักหน่อย”  น้องสาวคนเล็กพึมพำเสียงอ้อมแอ้ม

          “ฉะนั้นแล้วเหตุใดจึงมายืนเท้าสะเอววางอำนาจออกคำสั่งกับข้าเยี่ยงนี้  ฮื้อ~”

          ป๊อก!

         ป๊อก!

          พร้อมเขกมะเหงกเป็นของแถมกลางหน้าผากทั้งสองไปคนละทีเพื่อเตือนสติ

          “โอ๊ย!  เจ็บนะ!” 

          “อยากจะกินน้ำชาก็ไปต้มน้ำชงดื่มเอง  หากห้องรกก็ต้องจัดการเองรึไม่ก็ให้บ่าวรับใช้ไปจัดการ  ไม่ใช่มาออกคำสั่งกับข้า”

          “ฮึ่ย!  ข้าไม่ยอมแน่  ข้าจะไปฟ้องท่านแม่!”  ชุนฮวาออกอาการกระฟัดกระเฟียดแล้วหมุนตัวจากไป

          “ข้าฟ้องด้วย!”  เชี่ยเฟิงก็มีท่าทางเดียวกันแล้วจ้ำพรวดตามน้องสาวไปติด ๆ

          เด็กพวกนี้ถูกสปอล์ยจนเคยตัวสินะ  หากไม่มีใครสั่งสอนฉันนี่แหละจะสั่งสอนพวกเธอแทนพ่อแม่เอง

          “ส่วนเจ้าจะทำเสร็จเมื่อไหร่  ข้าหิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวอยู่แล้วนะ”  พราวฝันในร่างซูเมิ่งหันไปเร่งแม่ครัวจำเป็น

          นางสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ทำไปด้วยใบหน้ากระเง้ากระงอด

          “เสร็จแล้ว ๆ เจ้าค่ะ”

          “ดี  ตักใส่จานมาวางให้ข้าที่โต๊ะตรงนั้น”  คนเป็นนายกรีดนิ้วออกคำสั่ง

          อันหยินขมุบขมิบปากบ่น

          “เจ้าแอบด่าข้าว่ากระไร!”

          “เปล่าเจ้าค่ะ”  ผู้จัดการบ้านกระแทกเสียงย้อนพร้อมยกจานและชามอาหารมาวางบริการฮูหยินน้อย

          “หน้าตาประหลาด  ดูแล้วไม่สู้จะกินลง”  พราวฝันเขี่ย ๆ ของกินตรงหน้าแล้วเบ้ปาก

          “ก็เพราะบ่าวไม่ใช่แม่ครัวอย่างไรเล่าเจ้าคะ”

          หญิงสาวคีบผักบุ้งใส่ปากแล้วก็บ้วนออกมาอย่างไว

          “ถุย!  เค็มชะมัด  เจ้าคิดจะให้ข้าไตวายรึอย่างไร”

          “ไตวายคืออะไรรึเจ้าคะ”

          “เจ้ากำลังปองร้ายข้าผ่านอาหารสินะ”

          “ต่อไปก็อย่าให้บ่าวทำอาหารให้อีกสิเจ้าคะฮูหยินน้อย”

          “ไม่...”  พราวฝันตรึงยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน  “ข้ารอได้...  เจ้าไปทำใหม่  ทำ ๆ ๆ ๆ จนกว่าจะอร่อย  ไม่อย่างนั้นไม่ต้องออกจากโรงครัว”

          “ฮูหยินน้อยจงใจกลั่นแกล้งบ่าวรึเจ้าคะ”

          “ไม่เท่าที่เจ้ายกถังน้ำมาสาดใส่ข้าเหมือนหมูเหมือนหมาหรอกท่านผู้จัดการบ้าน”

          ได้ยินอย่างนั้นอันหยินก็งับปากลงโดยพลัน  แล้ววกกลับไปที่หน้าเตาทำตามคำสั่งอีกครั้ง

          “ไม่ทันไรก็ทำท่าทางวางอำนาจใหญ่โตเสียแล้ว”  ไม่ใช่เสียงของอันหยิน  หากแต่เป็นเสียงของผู้ควบคุมจวนที่โพล่งแทรกขึ้นพร้อมก้าวอาด ๆ เข้ามาในโรงครัวแถมยังมีบุตรชายและบุตรสาวห้อยตามหลังกลับมาอีกครั้งด้วย

          พราวฝันกะพริบตาปริบ ๆ มองผู้มาใหม่อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

          “คุณแม่...!”

          ยัยป้าแก่นั่นตามมารังควานฉันถึงภพนี้เลยเหรอเนี่ย!

          นั่นก็เพราะโต้วหนิงอันฮูหยินใหญ่แห่งจวนแม่ทัพนั้นมีใบหน้าที่ถอดแบบกับนิศมาซึ่งเป็นแม่ของแทนคุณราวกับเป็นคนคนเดียวกัน

          “ดีที่ยังอุตส่าห์จดจำได้ว่าข้าคือแม่สามีของเจ้า”

          นั่นประไร!

          “นี่อะไรกัน  เหตุใดเจ้าถึงแอบมานั่งกินข้าวคนเดียวไม่รอร่วมโต๊ะกับคนอื่น ๆ”

          “...”

          ดูซิน่ะ  ทั้งน้ำเสียงสีหน้า  ก็ยังน่าหมั่นไส้ไม่ต่างกันอีก  แถมแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยผ้าเนื้อดีเสียสวยหรู  คงจะราคาแพงไม่เบา  ดูเป็นผู้ดิบผู้ดีในยุคโบราณ  คาแรกเตอร์แบบนี้จะต้องติดตัวไปทุกภพทุกชาติเลยรึยังไง

          “แล้วนั่น...!  เจ้าให้อันหยินทำอาหารให้กินอีกด้วยรึ”

          “ก็นางดูเป็นผู้หลักผู้ใหญ่  ดูน่าไว้ใจที่สุด  ข้าจึงอยากลองกินฝีมือของผู้มีประสบการณ์น่ะสิ”

          “แต่นางไม่ใช่แม่ครัวของเจ้าและของใครทั้งนั้น”

          “แต่ลงท้ายอย่างไรนางก็เป็นบ่าวใช่รึไม่เจ้าคะ  เหตุใดจะให้ทำงานบ้านงานเรือนเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้”  นิวซูเมิ่งสวนย้อนทันควัน

          ขนาดเกิดใหม่มาถึงเมืองจีนก็ยังไม่วายต้องมาเป็นคู่ปรับให้ได้ต่อปากต่อคำปะทะฝีปากกันอีก

          โต้วหนิงอันแสดงท่าทีหงุดหงิดอย่างออกอาการ  นางรู้สึกสับสนที่จู่ ๆ ลูกสะใภ้ตัวดีที่ไม่อยากรับเข้าวงศ์ตระกูลก็เกิดปากกล้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น

          “ท่านแม่ท่านต้องจัดการนางผู้นี้ให้ข้านะ  นางดีดหน้าผากข้าจนปูดขึ้นมาเลย  ข้าอาจจะเสียโฉมได้นะท่านแม่!  ถึงเวลานั้นก็จะไม่มีชายใดสนใจอยากจะออกเรือนกับข้าด้วยความอัปลักษณ์  ข้าก็จะกลายเป็นสาวแก่หัวปูดแสนเปล่าเปลี่ยวที่ไม่มีใครเอา~  ฮือ ๆ”  โต้วชุนฮวาละล่ำละลักฟ้องพร้อมเบะปากเตรียมจะร้องไห้

          พราวฝันจิ๊ปากด้วยความเหลือเชื่อเมื่อได้เห็นแอคติ้งของน้องสาวสามี

          “เป็นตุเป็นตะ...  แล้วพูดถึงใครว่านางผู้นี้น่ะหา!”  พร้อมง้างมือขึ้นทำท่าจะฟาด

          “กรี๊ด!  ท่านแม่  นางจะตีข้าอีกแล้ว!”  เด็กสาวกรีดร้องพร้อมวิ่งหลบไปอยู่ด้านหลังมารดา

          “หยุดเดี๋ยวนี้นะซูเมิ่ง!  ต่อหน้าข้าเจ้ายังกล้าอีกรึ!”

          “กับเด็กดื้อพวกนี้ยิ่งต่อหน้าก็ยิ่งดีเจ้าค่ะ  ตีให้แม่มันดูจะได้รู้ว่าลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน”

          “เจินซูเมิ่ง!”

          “ข้าแต่งเข้าจวนนี้แล้ว  ช่วยเรียกข้าว่า ‘โต้วซูเมิ่ง’ ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

          “...!”

          เป็นครั้งที่สองที่หนิงอันแสดงท่าทีฮึดฮัดอย่างขัดใจ  ทำไมนางถึงได้ดื้อด้านผิดมนุษย์มนาเช่นนี้  ตอนมาทวงถามความยุติธรรมก็ยังสงบเสงี่ยมเรียบร้อยนั่งเงียบเชียบไม่ปริปากสักคำ  แถมแววตาก็ยังใส่ซื่อดูไร้เดียงสาอ่อนต่อโลก  ผิดกับตอนนี้...  นางดูร้ายกาจยิ่งนัก

          “อุ๊บ!  จู่ ๆ ข้าก็พะอืดพะอมอยากจะอ้วก  สงสัยน่าจะเหม็นกลิ่นคนแถวนี้  หากท่านแม่ไม่มีอะไรจะคุยกับข้าแล้ว  ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ  อุแหวะ!”  พราวฝันแกล้งทำท่าจะอาเจียนใส่สามแม่ลูกจนทั้งสามกระเจิงกันไปคนละทิศละทางก่อนจะหัวเราะร่าแล้ววิ่งออกจากโรงครัวมา

          ส่วนอาหว่านก็รีบวิ่งตามนายของตัวเองมาติด ๆ

          “แต่เรื่องนี้ข้ามิได้แกล้งนะ”  พราวฝันหันไปบอกเด็กสาวที่เดินอยู่ข้าง ๆ  “จู่ ๆ ข้าก็อยากจะอ้วกขึ้นมา  ตอนนี้ก็ยังมีอาการอยู่”

          “นั่นเพราะฮูหยินน้อยแพ้ท้องอย่างไรเล่าเจ้าคะ”

          “แพ้ท้อง!”  คนฟังเบิกตาโต  “ข้ากำลังตั้งครรภ์อยู่รึนี่”

          อาหว่านทำได้เพียงมองนายตัวเองด้วยสายตาประหลาด

          หากแต่พราวฝันกลับตกอยู่ในอาการตระหนก  เพราะเธอกำลังจะมีลูก  เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิง  แถมยังเป็นสิ่งที่เธอกลัวที่สุด  เพราะนั่นหมายถึงอนาคตในวงการบันเทิงของเธอก็จะสิ้นสุดลงด้วย...  มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นหากเธอยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นดาวค้างฟ้าในภพปัจจุบัน

          “เปรี้ยวปาก  อยากกินอะไรก็ไม่รู้”  เธอพึมพำพลางกวาดสายตามองไปยังต้นไม้สูงเบื้องหน้า  “นั่นต้นอะไร”

          “ต้นกุ้ยฮวาเจ้าค่ะ”

          อะไรบางอย่างดลจิตดลใจให้หญิงสาวปรี่เข้าไปปีนป่ายบนลำต้นหนาแล้วตะเกียกตะกายตัวเองไปจนสูงขึ้นเรื่อย ๆ

          “อันตรายเจ้าค่ะ  ฮูหยินน้อยลงมาเถิด”

          “เจอแล้ว!  มีจริง ๆ ด้วย!  อาหว่านเจ้ารีบไปเอากล่องไม้กับกรรไกรมาเร็ว”  พราวฝันร้องตาเป็นประกายเมื่อเห็นเป้าหมาย

          นั่นคือรังมดแดง...

          อาหว่านแม้จะละล้าละลังด้วยความเป็นห่วงเจ้านายแต่ท้ายที่สุดก็วิ่งหน้าตั้งไปหาสิ่งที่นางต้องการมาจนได้

          ด้วยความทะมัดทะแมงเพียงไม่ถึงสองนาทีพราวฝันก็ตัดเอารังมดแดงที่มีไข่สีขาวเม็ดเล็กอยู่เต็มใส่ลงกล่องไม้จนได้ก่อนจะกระโดดกลับลงมาอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางสาวรับใช้ที่รอลุ้นอยู่ด้านล่างจนหัวใจจะหลุดออกมา

          “ขึ้นไปเอาสิ่งใดมาเจ้าคะ”

          “นี่ไงล่ะ  ไข่มดแดง  ข้าเปรี้ยวปากอยากกิน”

          ซึ่งแม้แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงอยากจะกินเจ้าสิ่งนี้  อาการแพ้ท้องช่างเป็นอะไรที่เข้าใจยากจริง ๆ   

          โชคดีที่เรียนคิวบู๊มานานถึงปีนป่ายได้ราวกับลิงกัง  แต่เจินซูเมิ่งผู้นี้กลับมีร่างกายอ่อนแอทำให้เกือบจะตะกายขึ้นไปไม่ไหวในบางจังหวะ  เห็นทีจะต้องออกกำลังกายให้เจ้าของร่างมากกว่านี้เสียแล้ว

          “ได้ยินว่าเจ้าเป็นลมล้มไปกับพื้น  ไม่คิดว่าฟื้นขึ้นมาแล้วจะมีอาการแปลกประหลาดขนาดนี้”  เสียงของแม่สามีจอมรังควานคนเดิม  “สตรีแบบไหนถึงปีนป่ายขึ้นไปเก็บรังมดแดง”

          “ก็สตรีเช่นข้าเยี่ยงไรเล่าท่านแม่”

          ฮูหยินใหญ่ยกผ้าเช็ดหน้าป้องปากทำสีหน้าขยาด

          “เจ้าจะเอารังมดแดงพวกนั้นไปทำอันใดกันแน่”

          “ก็จะเอามาโปรยใส่พวกท่านอย่างไรเล่า!”  ไม่พูดเปล่าพราวฝันเปิดฝากล่องแล้วยื่นไปข้างหน้าทำท่าแกล้งจะโยนใส่ผู้ที่มาจุ้นจ้าน

          สามแม่ลูกรวมถึงผู้จัดการบ้านพากันกระโดดหนีด้วยความแตกตื่น  อย่างไรเสียมดแดงก็เป็นสัตว์อันตรายทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้

          เห็นท่าทางของพวกนั้นเธอก็นึกขันแล้วจึงคว้ามือของอาหว่านวิ่งหนีไปอีกทาง

          นายและบ่าวกระหืดกระหอบผ่านโรงทอผ้าขนาดย่อมที่มีคนงานราวสี่ห้าคนนั่งกระตุกกี่กันอยู่  ผ่านห้องหนังสือและห้องทำงานที่มีเพียงบ่าวกำลังทำความสะอาดมาจนถึงเรือนหลังใหญ่  พราวฝันแอบชะโงกหน้าไปทางประตูที่เปิดอ้ากว้างก็เห็นชายสูงวัยหน้าตาดุดันนั่งอยู่  โดยเก้าอี้ตรงกลางโถงก็มีหญิงเฒ่าแก้มห้อยผมขาวโพลนนั่งอยู่ด้วยเช่นกัน  ดูเหมือนพวกเขาจะกำลังสนทนากันด้วยอิริยาบถผ่อนคลาย

          พราวฝันจึงเลือกจะเดินผ่านไปเงียบ ๆ โดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว

          แต่ทว่า...

          “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ!”  เสียงแหบแต่กังวานของหญิงเฒ่าดังก้อง  รั้งให้ฝีเท้าทั้งสองข้างของหญิงสาวหยุดชะงัก

          นี่มันอะไรกันอีก  ยังไม่ทันข้ามวันเธอก็ถูกหาเรื่องไม่หยุดหย่อน  นี่ยังจะมีโจทก์ใหม่มาอีกเรื่อย ๆ

          ซูเมิ่งนะซูเมิ่ง!  อะไรทำให้เธอเลือกแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ในจวนนี้กันเนี่ย      

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่มาตบตีกับแม่ผัว   บทที่ 35 : อ้อมกอดแห่งความผูกพัน (จบ)

    บทที่ 35อ้อมกอดแห่งความผูกพัน เวลานี้ข้างเตียงสลับเป็นโต้วตงหมิงเป็นฝ่ายมานั่งเฝ้าแล้วประคบประหงมภรรยาบ้างโดยเขาไม่ได้ชวนคุยหรือถามจุกจิกเป็นการรบกวนนางแม้แต่น้อย “เหตุใด... ถึงรู้สึกว่าบรรยากาศช่วงนี้น่าเศร้านัก” พราวฝันเพียงมองไปรอบ ๆ ห้องแต่ก็เกิดความหดหู่ขึ้นในใจ “บัดนี้... เทียนโฮ่วสิ้นพระชนม์แล้ว...” “สิ้นแล้วหรือ... มีแต่เรื่องน่าเศร้า...” เธอพึมพำ หลังจากนี้บ้านเมืองจะวุ่นวายและโกลาหลอยู่อีกหลายปีทีเดียว... “ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองต่างเต็มไปด้วยความโศกเศร้า” “เฉกเช่นเดียวกับในจวนของเรา... เจ้าเสียใจบ้างรึไม่ที่เราต้องสูญเสียลูกไป” “เหตุใดจึงเอ่ยถามด้วยถ้อยคำทิ่มแทงข้าเยี่ยงนี้ หากข้าทำดีกับเจ้าก็ย่อมหมายถึงข้าเฝ้ารอคอยการกำเนิดมาอย่างปลอดภัยและแข็งแรงของเขาเช่นเดียวกัน” “ข้าคงคิดมากเกินไป ขอโทษนะตงหมิง” ผู้เป็นสามีไม่คิดเก็บเอามาใส่ใจ หากแต่ยกฝ่ามือหนาขึ้นลูบศีรษะของภรรยาอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลราวกับต้องการปลอบประโลมจากทุกความโหดร้ายที่เกิดขึ้น “เจ้าโศกเศร้ามานานแล้ว อย่

  • เกิดใหม่มาตบตีกับแม่ผัว   บทที่ 34 : ทวงคืนบุตรสาว

    บทที่ 34ทวงคืนบุตรสาว วินาทีที่ร่างของเธอลอยละล่องไปบนอากาศราวกับกระดาษขอพรที่ปลิวขาดออกจากเชือกนั้น เธอคิดว่าตัวเองได้ตายไปเสียแล้ว ความรู้สึกนั้นคล้ายคลึงกันเล็กน้อยต่างกันก็แค่เพียงตอนนั้นเป็นกลางคืนแต่ตอนนี้เป็นกลางวัน... ตึง! ม้าตัวนั้นวิ่งฝ่าฝูงชนต่อไปด้วยอาการเตลิดพร้อม ๆ ร่างของพราวฝันก็ตกลงบนพื้นอย่างแรง เธอนอนแน่นิ่งท่ามกลางสายตาของผู้เป็นแม่สามีและคนอื่น ๆ บริเวณนั้น แม้แต่ชายฉกรรจ์ที่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้ยังต้องหยุดวิวาท ราวกับโลกหยุดหมุน โต้วหนิงอันตะเกียกตะกายคลานมาหาลูกสะใภ้ ยิ่งเมื่อบริเวณกระโปรงของนางมีสีแดงฉานจากเลือดสด ๆ ซึมออกมาหญิงสูงวัยก็แทบสิ้นสติ “ซูเมิ่ง ไม่นะซูเมิ่ง ไม่เป็นอย่างนี้สิ เจ้าฟื้นขึ้นมาก่อนเจินซูเมิ่ง ไม่นะ ม่ายยย!!!”“ท่านย่าทวด ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ แล้วก็ท่านอาเชี่ยเฟิงและท่านอาชุนฮวา... ฮวนเอ๋อร์กลับจากหอเหวินฟางแล้วขอรับ”“แหม พูดเสียงเจื้อยแจ้วน่าเอ็นดูจริง ๆ เลยเด็กคนนี้ ไหน... มาซิ มาใกล้ ๆ ย่า ให้ย่ากอดหน่อยเร็ว”เด็กน้อยถอยหลังกรูดตอนที่ผู้

  • เกิดใหม่มาตบตีกับแม่ผัว   บทที่ 33 : โต้วเจียฮวน

    บทที่ 33โต้วเจียฮวน “อยากดูพระจันทร์ใกล้ ๆ กว่านี้รึไม่” “อื้อ” พราวฝันตอบทั้งคราบน้ำตา จากนั้นผู้เป็นสามีจึงพาภรรยาขึ้นม้าแล้วควบเบา ๆ ไปที่ใดที่หนึ่ง ระหว่างทางนั้นหญิงสาวก็ถูกประคองโอบไว้ด้วยชายที่เธอเฝ้ารอคอยมาหลายวันด้วย ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามเขาก็พาเธอมาที่เนินของภูเขาจงหนานในระดับความสูงที่ไม่ต้องบุกป่าฝ่าดงจนเกินไป เขาเลือกมุมหนึ่งที่ยืนมองออกไปเห็นเมืองฉางอานอันกว้างใหญ่ไพศาลทั่วทั้งเมืองในยามราตรี ขณะที่บนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มก็มีแสงผุดผาดจากดวงจันทร์เต็มดวงส่องนำทาง “วิวที่นี่สวยจัง อย่างกับมองจากตึกมหานครแน่ะ” “ตึกอะไรนะ” “ตึกสูง ๆ สูงมาก ๆ จนเจ้าจินตนาการไม่ออกเลยว่ามนุษย์จะสร้างสิ่งก่อสร้างเทียมฟ้าได้” “มนุษย์จะกลายเป็นเทพเซียนรึ” “ไม่... มนุษย์ก็คือมนุษย์เช่นเดิม เราไม่ได้เป็นผู้วิเศษหรือมีพลัง แต่เราจะถูกพัฒนาการทางสมองและทักษะ ต่อยอดด้วยองค์ความรู้ต่าง ๆ จากคนในยุคนี้นี่ล่ะ” “คนในยุคนี้... แสดงว่าเจ้ามาจากอนาคตงั้นรึ” พราวฝันไม่ตอบแต่เบี่ยงประเด็นไปท

  • เกิดใหม่มาตบตีกับแม่ผัว   บทที่ 32 : ความคิดถึง

    บทที่ 32ความคิดถึง มื้อเที่ยงวันนี้มีเผิงฟางหยวนมารวมโต๊ะด้วย ทุกคนในจวนสกุลโต้วดูจะเอ็นดูเขาเป็นอย่างดี ปฏิบัติกับเขาอย่างน่ารักราวกับเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวก็มิปาน “หมอเผิงเจ้าต้องกินเยอะ ๆ ร่างกายเจ้าซูบผอมเกินไปแล้ว” หนิงอันใช้ตะเกียบคีบเนื้อหมูไปวางไว้บนถ้วยข้าวของว่าที่สะใภ้รอง “มัวแต่ดูแลคนอื่น เจ้าต้องมีคนดูแลที่ดีจะได้มีเรี่ยวแรงรักษาผู้ไข้ทั่วทั้งแผ่นดิน” “หากจะโทษก็ต้องโทษบุตรชายเจ้านั่นล่ะหนิงเอ๋อร์ที่ปล่อยปละละเลย...” ผู้เป็นย่ารีบแทรกด้วยสายตากรุ้มกริ่ม ก่อนผู้เป็นแม่จะอมยิ้มรับกันโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้บุตรชายนั่งหน้าร้อนผ่าวจนทำตัวไม่ถูก “ยังอีก... ยังไม่รีบคีบกับข้าวให้สหายเจ้าอีกรึเชี่ยเฟิง” ผู้เป็นพ่อทำเสียงดุแต่ทุกคนกลับหัวเราะชอบใจ คนในบ้านนี้ได้เปิดรับโลกใหม่ที่อีกพันกว่าปีอย่าว่าแต่ครอบครัวเลยแม้แต่บางประเทศก็ยังทำไม่ได้ ก่อนเขาก่อนใครสุด ๆ “ข้าเพิ่งจะเคยพบเคยเห็นบุรุษสองคนวิ่งเล่นไล่จับผีเสื้อในสวนดอกไม้” ชุนฮวาแอบกระซิบกระซาบกับพี่สะใภ้ขณะนั่งจิบน้ำชาและกินของว่างอยู่ในศ

  • เกิดใหม่มาตบตีกับแม่ผัว   บทที่ 31 : แต่ละวันที่สามีไม่อยู่

    บทที่ 31แต่ละวันที่สามีไม่อยู่ หลังจากที่กินยาบำรุงจากแม่สามีไปได้ครึ่งขนานเธอก็กินเก่งขึ้นมาก ช่วงสายของวันนี้ก็เช่นกันหลังร่วมโต๊ะกินมื้อเช้ากับสมาชิกคนอื่น ๆ ไปเพียงไม่ถึงชั่วยามเธอก็อยากหาอะไรกระแทกปากอีกแล้ว พราวฝันชวนอาหว่านมาเดินเล่นที่โรงครัวแล้วเดินสำรวจโดยการเปิดดูโน่นนี่ไปเรื่อย “ช่วงนี้เราจะกินขนมฉงหยางเป็นของว่างเจ้าค่ะฮูหยินน้อย” บ่าวไพร่คนหนึ่งบอกแล้วยกจานขนมมาส่งให้ หญิงสาวรับมากัดเคี้ยวแล้วเสมองไปรอบ ๆ ก็เห็นคนคุ้นตานั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่มุมหนึ่งโดยมีบ่าวรุ่นน้องคอยประคบร้อนบริเวณไหล่ให้อยู่ “มานั่งอู้อยู่รึอันหยิน” “บ่าวปวดระบมไปทั้งแผงไหล่เลยเจ้าค่ะ วันนั้นที่ฮูหยินน้อยปราบโจรขโมยถุงเงินแล้วได้ของรับขวัญมาตั้งมากมาย ถ้ารู้อย่างนี้จะให้หงเอ๋อร์กับไห๋เอ๋อร์ติดตามไปด้วยก็ดี” “โทษข้าอยู่รึ” “ใครจะไปกล้ากันล่ะเจ้าคะ” พราวฝันยัดขนมส่วนที่เหลือเข้าปากแล้วไล่เด็กสาวที่กำลังนั่งประคบแบบขอไปทีออกไปโดยพาตัวเองเข้าไปแทนที่ “ฮูหยินน้อยจะทำอะไรบ่าวเจ้าคะ บ่าวไม่ได้จะตำหนิฮ

  • เกิดใหม่มาตบตีกับแม่ผัว   บทที่ 30 : บุปผาหอมที่เริ่มคุ้นชิน

    บทที่ 30บุปผาหอมที่เริ่มคุ้นชิน สตรีสองนางขนาบข้างไปด้วยกันตามทางเดินแคบ ๆ พร้อมบ่าวไพร่ที่ช่วยถือของฝากบางส่วนตามมา “คงต้องขอบคุณฮูหยินน้อยโต้วที่กรุณาให้ข้าเข้าเยี่ยมสหายตั้งแต่วัยเยาว์ในวันนี้” ผู้มาเยือนเริ่มเปิดสนทนาด้วยการเหน็บแนมเล็กน้อย หากแต่ผู้ทำหน้าที่เจ้าบ้านเพียงยิ้มบาง ๆ ตอบกลับไปเท่านั้น “ยามที่ป่วยไข้ตงหมิงมักจะอยากกินบ๊วย... เจ้าทราบรึไม่” “ไม่... ข้าไม่ทราบ” เมี่ยวลี่ฟางเสวี่ยแค่นหัวเราะเบา ๆ ราวกับไพ่ใบนั้นกลับมาอยู่ในมือนางแล้ว “ตอนแปดขวบโต้วตงหมิงจมน้ำหลังจากขึ้นมาได้เขาก็ป่วยเป็นไข้ซมอยู่หลายวันอีกทั้งยังจืดปากจืดคอจนกินอะไรไม่ลง ข้าจึงนำบ๊วยเค็มนี่มาให้เขา หลังจากได้ลิ้มรสมันเขาก็ติดใจทันที ทุกครั้งเมื่อเขาป่วยหนักหลังฟื้นไข้ก็จะถามหาเม็ดบ๊วยเค็มอยู่เสมอ เขาบอกว่ามันทำให้เขาสดชื่นและกระตุ้นการรับรสได้ดี...” พราวฝันเพียงมองที่อีกฝ่ายเล่าเรื่องราวในอดีตด้วยใบหน้ามีความสุข “แม่นางเมี่ยวคงสนิทสนมกับสามีของข้ามาก” “ใช่... เราสองคนสนิทกันมากจนใคร ๆ ต่างก็คิดว่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status