แชร์

บทที่ 4 เกมแห่งเกียรติยศ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-07 13:31:26

คำประกาศของกู้ซินซินดังราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางงานเลี้ยงที่เคยครื้นเครง ทุกสรรพเสียงพลันเงียบลงในทันที เสียงพิณที่เคยบรรเลงอย่างไพเราะหยุดชะงักลงกลางคัน เสียงหัวเราะ และเสียงพูดคุยจางหายไปในอากาศ เหลือเพียงเสียงลมที่พัดผ่านใบไม้เบาๆ และเสียงหัวใจของทุกคนที่เต้นระรัวด้วยความตกตะลึง

ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ทุกสายตาจับจ้องไปยังร่างของสตรีที่คุกเข่าอยู่กลางลานกว้างด้วยความไม่เชื่อสายตา คุณหนูใหญ่กู้ซินซิน... สตรีที่เคยวิ่งไล่ตามองค์รัชทายาทราวกับเงา สตรีที่ยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องโง่เขลาที่สุดเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักจากเขา... บัดนี้กำลังเป็นฝ่ายร้องขอให้ "ถอนหมั้น" ด้วยตนเอง!

"ข้า... ข้าหูฝาดไปหรือไม่?" คุณหนูจากสกุลหลี่กระซิบถามสหายข้าง ๆ ด้วยเสียงสั่นเทา

"ไม่... ข้าก็ได้ยินเช่นนั้นเหมือนกัน... นาง... นางขอถอนหมั้น!" สหายของนางตอบกลับด้วยเสียงที่เบายิ่งกว่า แต่ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? หรือว่านางเสียสติไปแล้วจริง ๆ?

คนที่ได้สติเป็นคนแรกคือองค์รัชทายาท ใบหน้าหล่อเหลาของเขาซีดลง สลับกับแดงก่ำด้วยความโกรธ และความอัปยศอดสู เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะถูก "ปฏิเสธ" จากสตรีที่เขาเคยดูแคลนมาตลอด มันเหมือนกับการถูกตบหน้าอย่างรุนแรงกลางสาธารณชน... รุนแรงกว่าตอนที่เขาตบหน้านางเสียอีก

"กู้ซินซิน!! เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา!!" เขากัดฟันตวาดเสียงดังลั่น ทำลายความเงียบสงัดลงจนสิ้น "เจ้าคิดว่าการหมั้นหมายระหว่างราชวงศ์กับจวนเสนาบดีเป็นเรื่องล้อเล่นรึ เจ้ากำลังเล่นละครเรียกร้องความสนใจอะไรของเจ้าอีก หรือการที่ข้าไม่สนใจเจ้า ทำให้เจ้าต้องใช้วิธีโง่ๆ เช่นนี้เพื่อดึงดูดความสนใจจากข้า"

ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ซับซ้อนเกินกว่าจะบรรยาย มันคือความโกรธที่ถูกหยามเกียรติ ความสับสนต่อการกระทำที่คาดไม่ถึง และความรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียบางอย่างที่สำคัญไป... บางอย่างที่เขาเพิ่งจะตระหนักถึงคุณค่าของมัน

แต่กู้ซินซิน กลับไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขา นางยังคงคุกเข่า และจ้องมองไปยังไทเฮาด้วยแววตาที่สงบนิ่งและแน่วแน่

"ทูลเสด็จย่าไทเฮา ซินซินรู้ตัวดีเพคะว่ากำลังทูลขอสิ่งใด" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังคงหนักแน่น "ซินซินมิได้เล่นละคร และมิได้เสียสติ แต่ที่ทูลขอเช่นนี้... ก็เพื่อเกียรติของราชวงศ์ และเพื่ออนาคตขององค์รัชทายาทเพคะ"

ไทเฮาทรงขมวดคิ้วเล็กน้อย พระองค์ทรงมองสตรีตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ แววตาที่เคยเปี่ยมด้วยความเมตตาบัดนี้ฉายแววจริงจังและลุ่มลึก "เจ้าจงอธิบายมาให้ข้าฟังให้ชัดเจน... เหตุใดการถอนหมั้นจึงจะเป็นการดีต่อราชวงศ์และตัวรัชทายาท?"

นี่คือโอกาสที่นางรอคอย กู้ซินซินสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเริ่มอธิบายอย่างเป็นขั้นเป็นตอนยังกับนักการทูตที่กำลังเจรจาข้อตกลงสำคัญ

"ประการแรก... การหมั้นหมายนี้ตั้งอยู่บนความไม่พอพระทัยขององค์รัชทายาทมาโดยตลอด เป็นที่รู้กันทั่วทั้งวังหลวงว่าองค์รัชทายาททรงมีใจให้กับคุณหนูไป๋ลี่อิน การที่หม่อมฉันยังคงรั้งตำแหน่งคู่หมั้นของพระองค์ไว้ มีแต่จะสร้างความลำบากพระทัยให้แก่พระองค์ และอาจกลายเป็นชนวนเหตุแห่งความขัดแย้งในวังหลังได้ในอนาคต การถอนหมั้นในวันนี้จึงเป็นการเปิดทางให้องค์รัชทายาทได้สมหวังกับสตรีที่ทรงรักอย่างแท้จริงเพคะ"

คำพูดของนางทำให้ไป๋ลี่อินที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าของนางซีดเผือดลงทันที แม้ในใจจะแอบยินดี แต่การถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงเช่นนี้กลับทำให้นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

กู้ซินซินยังคงกล่าวต่อไป "ประการที่สอง... และเป็นประการที่สำคัญที่สุด" นางเว้นจังหวะ สายตาของนางจ้องตรงไปยังองค์รัชทายาทเป็นครั้งแรก แววตาคู่นั้นไม่มีความรักหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเย็นชา และความผิดหวัง "เมื่อสามวันก่อน องค์รัชทายาทได้ทรงลงไม้ลงมือตบหน้าหม่อมฉันต่อหน้าผู้คนมากมาย การกระทำนั้นไม่ใช่เพียงการทำร้ายร่างกายหม่อมฉัน แต่ยังเป็นการหยามเกียรติของหม่อมฉัน และวงศ์ตระกูลกู้ทั้งหมด หม่อมฉันอาจจะโง่เขลาในเรื่องความรัก แต่หม่อมฉันก็ยังเป็นบุตรีของเสนาบดีกู้เจิ้งสือผู้ภักดีต่อราชวงศ์มาตลอดชีวิต"

"การแต่งงานที่ปราศจากความเคารพซึ่งกัน และกันย่อมไม่อาจนำมาซึ่งความสุขได้ หากในวันนี้หม่อมฉันยังยอมทนรับการดูหมิ่นเช่นนี้ ในวันข้างหน้าหม่อมฉันจะเอาเกียรติที่ไหนมาปกครองวังหลังในฐานะพระชายาได้เล่าเพคะ? การถอนหมั้นในวันนี้ จึงเป็นการรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศสุดท้ายของหม่อมฉัน และวงศ์ตระกูลเพคะ"

ทุกถ้อยคำของนางชัดเจน และมีเหตุผลจนไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ นางไม่ได้กล่าวโทษองค์รัชทายาทด้วยอารมณ์ แต่กำลังชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่ตามมาอย่างเยือกเย็น นางกำลังพลิกจากจำเลยให้กลายเป็นผู้คุมเกมได้อย่างสมบูรณ์แบบ

องค์รัชทายาทถึงกับพูดไม่ออก เขาอยากจะโต้แย้ง แต่ทุกคำพูดของนางคือความจริงที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ โดยเฉพาะเรื่องที่เขาตบหน้านาง

ไทเฮาทรงนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พระองค์กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก สตรีตรงหน้าทำให้พระองค์ประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า นางไม่ได้โง่เขลาอย่างที่ใครๆ คิด แต่กลับฉลาด และมีหลักการอย่างน่าทึ่ง

"เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่" ในที่สุดไทเฮาก็ทรงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "การหมั้นหมายของเจ้าไม่ใช่เรื่องของคนสองคน แต่เป็นเรื่องระหว่างสองตระกูล และราชสำนักข้าไม่อาจตัดสินใจเพียงลำพังได้ เอาไว้ข้าจะหารือกับฝ่าบาท และเสนาบดีกู้ก่อน"

นี่คือทางออกที่กู้ซินซินคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว นางรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่อาจจบลงได้ในวันนี้ แต่การประกาศเจตนารมณ์ของนางต่อหน้าทุกคนในที่นี้ ถือเป็นชัยชนะก้าวแรกที่สำคัญที่สุดแล้ว

"ขอบพระทัยเสด็จย่าไทเฮาที่ทรงเมตตาเพคะ" นางก้มศีรษะลงจรดพื้น ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม

นางหันไปย่อกายให้องค์รัชทายาทอย่างนอบน้อมตามธรรมเนียม แต่สายตาของนางกลับไม่ได้มองเขาเลยแม้แต่น้อย "หากไม่มีอะไรแล้ว ซินซินรู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากจะขอทูลลากลับก่อนเพคะ"

พูดจบนางก็หันหลัง และเดินจากไปทันทีโดยไม่รอฟังคำอนุญาตใดๆ ทิ้งให้ทุกคนในที่นั้นจมอยู่กับความตกตะลึง และสับสนวุ่นวาย

แผ่นหลังที่เดินจากไปนั้นดูบอบบางแต่กลับทระนงองอาจอย่างน่าประหลาด ราวกับหงส์ที่สลัดขนเก่าที่สกปรกทิ้งไป เพื่อเตรียมพร้อมที่จะโบยบินสู่ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่กว่าเดิม

ณ มุมหนึ่งของงานเลี้ยง อ๋องสี่เซียวเช่อค่อยๆ วางจอกชาในมือลง ดวงตาคมกริบที่มักจะเรียบเฉยไร้ความรู้สึกของเขาทอประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"นางไม่ได้แค่ถอนหมั้น... แต่นางกำลังพลิกเกมทั้งหมด" เขากระซิบกับตัวเอง เสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่กลับแฝงไว้ด้วยความสนุกสนานอย่างปิดไม่มิด "นี่มันน่าสนุกยิ่งกว่าดูงิ้วโรงใหญ่เสียอีก"

เขามองตามแผ่นหลังของกู้ซินซินไปจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับมามองพี่ชายต่างมารดาของตนเองที่กำลังยืนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจนตัวสั่น

"พี่รองกำลังจะแพ้เกมนี้อย่างหมดรูป" เขาวิเคราะห์ต่อในใจอย่างเยือกเย็น "ไม่ใช่เพราะนางแข็งแกร่งกว่า... แต่เพราะนางฉลาดกว่ามากนัก เขาคิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องของอารมณ์ และความรักแต่สตรีผู้นั้น... นางกำลังเล่นเกมแห่งเกียรติยศ นางชิงความชอบธรรมไปทั้งหมดแล้ว และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในฐานะสตรีที่น่าเห็นใจแต่ก็ไม่อ่อนแอได้อย่างงดงาม"

อ๋องสี่รู้สึกราวกับกำลังชมการแสดงที่น่าตื่นเต้นที่สุดในรอบหลายปี ที่ผ่านมาชีวิตในวังหลวงช่างน่าเบื่อหน่าย แต่การปรากฏตัวของกู้ซินซินในวันนี้กลับเหมือนการโยนหินก้อนใหญ่ลงไปในสระน้ำที่เคยนิ่งสงบ

"นางฉลาดมากที่เลือกใช้ความดีความชอบจากการช่วยองค์ชายน้อยมาเป็นเกราะป้องกัน และใช้เหตุผลเรื่องเกียรติยศมาเป็นหอกทิ่มแทง ทำให้ไม่มีใครสามารถกล่าวหาว่านางทำเพื่อตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย... น่าสนุกจริงๆ" มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แท้จริงเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน เป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความชื่นชม และความสนใจใคร่รู้

บุรุษเช่นเขามองเห็นเพียงผู้เล่นที่แข็งแกร่ง และอ่อนแอมาตลอดชีวิต แต่สตรีผู้นี้กลับเป็นผู้เล่นประเภทใหม่ที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน... ผู้เล่นที่ใช้ความอ่อนแอเป็นอาวุธ และใช้สติปัญญาเป็นโล่กำบัง

"เมืองหลวงที่น่าเบื่อหน่ายแห่งนี้ในที่สุดก็มีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้นเสียที" เขายกจอกชาขึ้นอีกครั้ง จิบมันอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังลิ้มรสการแสดงฉากต่อไป "กู้ซินซิน... ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทำให้ข้าประหลาดใจได้อีก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทพิเศษที่ 4 บัลลังก์มังกร

    ห้าปีต่อมา...กาลเวลาได้ผันผ่านไปราวกับสายน้ำที่ไม่เคยไหลกลับ แผ่นดินต้าเยี่ยนภายใต้การดูแลขององค์รัชทายาทเซียวเช่อ และพระชายากู้ซินซินได้เข้าสู่ยุคสมัยที่รุ่งเรืองและสงบสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราษฎรอยู่ดีกินดี การค้าขายเฟื่องฟู เหล่าขุนนางต่างตั้งใจทำงานรับใช้บ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตองค์หญิงน้อยเซียวซือซิน บัดนี้เจริญชันษาได้แปดขวบ และองค์ชายน้อยเซียวจื่ออาน พระชันษาสี่ขวบ ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในวังหลวง องค์หญิงน้อยทรงพระปรีชาสามารถเกินวัย ทรงได้รับการถ่ายทอดสติปัญญาอันหลักแหลมมาจากพระมารดา และได้รับการสอนวรยุทธ์และวิชาการปกครองจากพระบิดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ส่วนองค์ชายน้อยนั้นก็ทรงน่ารักน่าเอ็นดูและเริ่มฉายแววความเฉลียวฉลาดตามรอยพระเชษฐภคินี (พี่สาว)ณ ห้องทรงอักษรในตำหนักตะวันออก..."เสด็จพ่อเพคะ... หากเราต้องการจะส่งเสบียงไปยังหัวเมืองชายแดนที่ห่างไกล เหตุใดเราจึงไม่ใช้เส้นทางแม่น้ำสายใหม่ที่เพิ่งจะขุดแล้วเสร็จเล่าเพคะ? มันน่าจะรวดเร็วกว่าการใช้เกวียนเทียมม้ามิใช่หรือ?" องค์หญิงน้อยซือซินในชุดสีเหลืองอ่อนเอ่ยถามพระบิดา ขณะที่กำลังนั่งดูแผนที่แผ่นใหญ

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทพิเศษที่ 3 การเดินทางไกลหมื่นลี้

    สามปีผ่านไป...องค์หญิงน้อย "เซียวซือซิน" ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจขององค์รัชทายาทและพระชายา บัดนี้เจริญชันษาได้สามขวบพอดี นางคือส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดของบิดาและมารดา... นางได้รับดวงตากลมโตที่ฉายแววฉลาดหลักแหลมมาจากกู้ซินซิน และได้รับริมฝีปากบางเฉียบที่มักจะเม้มเข้าหากันอย่างดื้อรั้นมาจากเซียวเช่อองค์หญิงน้อยทรงเป็นเด็กที่ร่าเริง และซุกซนเกินวัย นางไม่เคยอยู่นิ่งได้นานเกินหนึ่งเค่อ และโปรดปรานการวิ่งเล่นไล่จับผีเสื้อในสวนสวยของตำหนักเป็นที่สุด โดยมี "พระบิดาผู้พ่ายแพ้" คอยวิ่งไล่ตามอย่างไม่ลดละอยู่เสมอ ภาพขององค์รัชทายาทผู้สง่างามที่ต้องยอมแพ้ให้กับเสียงหัวเราะคิกคักของธิดาตัวน้อย กลายเป็นภาพที่น่าเอ็นดู และคุ้นชินสำหรับทุกคนในตำหนักในฤดูใบไม้ร่วงปีนั้น หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทั่วทั้งแคว้นเป็นไปได้ด้วยดี องค์ฮ่องเต้ก็ได้ทรงมีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทและพระชายา พร้อมด้วยองค์หญิงน้อย เสด็จประพาสหัวเมืองทางเหนือที่เคยประสบภัยแล้งเมื่อหลายปีก่อน เพื่อตรวจดูทุกข์สุขของราษฎร และตรวจสอบการทำงานของเหล่าขุนนางท้องถิ่นมันคือภารกิจสำคัญ... แต่สำหรับครอบครัวเล็ก ๆ นี้แล้ว... มันคือการเดินทางไ

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทพิเศษที่ 2 ของขวัญจากฟากฟ้า

    หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังงานวิวาห์ของจ้าวหยาง และหลินเฟยเฟยแผ่นดินต้าเยี่ยนสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองภายใต้การดูแลขององค์รัชทายาทเซียวเช่อและพระชายากู้ซินซิน ความรักและความเข้าใจของคนทั้งสองกลายเป็นต้นแบบที่เหล่าหนุ่มสาวทั่วทั้งแคว้นต่างใฝ่ฝันถึงแต่แล้ว... ความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในตำหนักรัชทายาทตะวันออก"อุ๊บ..."กู้ซินซินยกมือขึ้นปิดปากอย่างรวดเร็ว นางรีบวิ่งออกจากห้องหนังสือไปยังสวนด้านนอกทันที เซียวเช่อที่กำลังตรวจดูฎีกาอยู่ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความกังวล เขารีบวางทุกอย่างลงแล้วเดินตามนางออกไป"ซินซิน! เจ้าเป็นอะไรไป!?" เขาถามเสียงเครียดขณะลูบหลังให้นางเบา ๆ "นี่เป็นครั้งที่สามในสัปดาห์นี้แล้วนะที่เจ้ามีอาการเช่นนี้ หรือว่าอาหารมื้อกลางวันจะมีปัญหาอะไร? ข้าจะไปสั่งลงโทษห้องเครื่องเดี๋ยวนี้""ไม่... ไม่ใช่เพคะ" นางส่ายหน้าช้า ๆ หลังจากที่อาการคลื่นไส้ทุเลาลง "หม่อมฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้... ช่วงนี้หม่อมฉันรู้สึกเหม็นกลิ่นขนมอบของตัวเองอย่างประหลาด ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนชอบมากแท้ ๆ""เหม็นกลิ่นขนมรึ?" เขายิ่งขมวดคิ้วแน่น "แล

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทพิเศษที่ 1 วิวาห์อลวนของสหายรัก

    หลายเดือนผ่านไปนับตั้งแต่วันที่จ้าวหยางคุกเข่าขอหลินเฟยเฟยแต่งงานท่ามกลางสักขีพยานเต็มร้านข่าวดีนี้ได้สร้างความยินดีให้กับทุกคน โดยเฉพาะกู้ซินซินและองค์รัชทายาทเซียวเช่อที่รับบทเป็น "พ่อสื่อแม่สื่อ" อย่างไม่เป็นทางการให้กับคนทั้งสองมาโดยตลอด ฤกษ์งามยามดีสำหรับงานวิวาห์ถูกกำหนดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยโหรหลวง และการเตรียมงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีก็ได้เริ่มต้นขึ้น... พร้อมกับความโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันณ ตำหนักรัชทายาทตะวันออก"กระหม่อมไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะพระชายา! ข้าทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!"จ้าวหยางในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง และขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้า วิ่งเข้ามาระบายความอัดอั้นตันใจกับกู้ซินซินที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ในศาลากลางน้ำอย่างหมดสภาพ ความองอาจของรองแม่ทัพองครักษ์เงาหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงว่าที่เจ้าบ่าวผู้ใกล้จะเสียสติเต็มทน"ใจเย็น ๆ ก่อนจ้าวหยาง เกิดอะไรขึ้นอีกแล้วล่ะ?" ซินซินถามพลางกลั้นหัวเราะ "ดูจากสภาพของเจ้าแล้ว... เฟยเฟยคงจะสร้างเรื่องปวดหัวให้เจ้าอีกตามเคยสินะ""เรื่องปวดหัวธรรมดาที่ไหนกันล่ะพ่ะย่ะค่ะ! นี่มันมหันตภัยชัด ๆ" เขาโอดครวญ "เรื่องแรกก็คือชุดเจ้าสาว! นางไม่พอใจชุด

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทที่ 40 บทสรุปที่หอมหวาน (End)

    หลังจากวันพิพากษาอันน่าตื่นตะลึง คลื่นลมทางการเมืองที่เคยปั่นป่วนก็ได้สงบลงอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมขององค์รัชทายาทองค์ใหม่ การกวาดล้างขุนนางกังฉินที่เป็นเครือข่ายของราชครูไป๋ดำเนินไปอย่างเด็ดขาดแต่ยุติธรรม ผู้ที่ทำผิดจริงถูกลงโทษ ส่วนผู้ที่ถูกบังคับหรือหลงผิดก็ได้รับการไต่สวนอย่างเป็นธรรม ทำให้ราชสำนักกลับมาใสสะอาดและมั่นคงอีกครั้งในเวลาอันสั้นชีวิตของทุกคนค่อย ๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่เหมือนเดิมอีกต่อไป...ณ ร้านหวานใจ..."ท่านจะมานั่งเฝ้าข้าที่ร้านทุกวันแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ!" หลินเฟยเฟยกล่าวกับจ้าวหยางที่บัดนี้นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะมุมในสุดของร้านทุกบ่ายราวกับเป็นรูปปั้น "ท่านเป็นถึงรองแม่ทัพองครักษ์เงา ไม่มีการมีงานทำแล้วหรืออย่างไร""ข้าทำเสร็จแล้ว" จ้าวหยางตอบเสียงเรียบ พลางจิบชา แต่สายตากลับไม่ได้ละไปจากนางเลย "ท่านอ๋อง... เอ่อ... องค์รัชทายาททรงอนุญาตแล้ว""แต่ท่านทำให้ข้าทำงานไม่สะดวกนี่นา!""ข้าก็นั่งของข้าเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรให้เจ้าเดือดร้อนเสียหน่อย" เขาเถียง "ข้าแค่... มาดูให้แน่ใจว่าเจ้าจะปลอดภัย"นับตั้งแต่วันที่นางถูกลักพาตัวไป จ้าวหยางก็เปลี่ยนไปราวกับเป

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทที่ 39 สัญญาที่ถูกฉีกทิ้ง

    หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากค่ำคืนแห่งการนองเลือดในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมืองหลวงก็ได้กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่เป็นความสงบสุขที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และลึกซึ้งที่ทุกคนต่างสัมผัสได้ราชครูไป๋ และเหล่าขุนนางกบฏถูกตัดสินโทษประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตรตามพระราชโองการ แต่ด้วยพระเมตตาขององค์ฮ่องเต้ที่ทรงเห็นว่าเหล่าสตรีในตระกูลไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในแผนการอันชั่วร้าย จึงทรงละเว้นโทษตายให้ โดยให้เนรเทศพวกนางไปเป็นไพร่ยังเมืองชายแดนที่ห่างไกลแทน ตระกูลที่เคยยิ่งใหญ่และทรงอำนาจมากมายต้องล่มสลายลงในชั่วข้ามคืน กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขานไว้เตือนใจคนรุ่นหลัง ส่วนอดีตองค์รัชทายาทเซียวจิน ผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด หลังจากถูกไต่สวนและพบหลักฐานความผิดในการสมรู้ร่วมคิดก่อการกบฏอย่างแน่นหนา ก็ถูกพิพากษาให้ดื่มสุราพิษพระราชทาน สิ้นสุดชีวิตอันน่าสมเพชของตนเองลงอย่างเงียบ ๆ ภายในคุกหลวง ปิดฉากตำนานของอดีตรัชทายาทผู้โฉดเขลาลงอย่างสมบูรณ์คลื่นลมในราชสำนักสงบลงอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมสถานการณ์อย่างเฉียบขาดของอ๋องสี่ เขาได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากเหล่าขุนนางที่ภักดี และได้รับกา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status