แชร์

บทที่ 5 การเผชิญหน้าในหอตำราหลวง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-07 14:35:46

ข่าวการขอถอนหมั้นของคุณหนูใหญ่กู้ซินซิน ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ณ ตอนนี้ ทุกย่างก้าวของนางถูกจับตามองราวกับนักแสดงบนเวทีงิ้ว ทุกการกระทำถูกนำไปตีความ และวิเคราะห์อย่างละเอียดในวงสนทนา ตั้งแต่ขุนนางชั้นสูงในราชสำนักไปจนถึงชาวบ้านธรรมดาในโรงน้ำชา

เมื่อได้ยินรายงานจากพ่อบ้านเสนาบดีกู้เจิ้งสือถึงกับทิ้งพู่กันในมือทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด และเป็นกังวลอย่างมาก "ว่าอย่างไรนะ!! ฝ่าบาททรงเรียกประชุมขุนนางวาระพิเศษในอีกสามวันข้างหน้า!!" ทันใดนั้นเขารีบรุดไปยังเรือนพักของบุตรสาวทันที

สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องชะงักงัน บุตรสาวของเขากำลังนั่งจิบชาอย่างสงบ อ่านตำราเล่มหนึ่งราวกับเรื่องวุ่นวายภายนอกไม่สามารถสะทกสะท้านนางได้เลยแม้แต่น้อย ความสงบนิ่งนั้นช่างแตกต่างจากความร้อนรนในใจของเขาราวฟ้ากับดิน

"ซินซิน! นี่เจ้าทำอะไรลงไป! รู้หรือไม่ว่าเรื่องไปถึงพระกรรณฝ่าบาทแล้ว!" เขาเอ่ยถามเสียงดังด้วยความกังวล "การเรียกประชุมขุนนางวาระพิเศษไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะเจ้ากำลังเอาอนาคต และชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเราไปเสี่ยง!"

กู้ซินซินค่อย ๆ วางตำราลงนางลุกขึ้นรินชาให้บิดาด้วยท่าทีนอบน้อม "ท่านพ่อ ท่านใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ เชิญนั่งก่อน ทุกอย่างยังคงอยู่ในแผนของลูก"

"แผนรึ? แผนอะไรของเจ้าที่มันดูบุ่มบ่ามเช่นนี้!"

"ท่านพ่อเจ้าคะ... ลูกจำเป็นต้องมีไพ่ในมือที่แข็งแกร่งกว่านี้" นางกล่าวกับเสนาบดีกู้ในห้องหนังสือที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหมึก "การใช้เหตุผลเรื่องเกียรติยศเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเข้าข้างเราได้"

นางรู้ดีว่าการเมืองนั้นซับซ้อนกว่าที่เห็น การหมั้นหมายนี้ผูกพันกับผลประโยชน์ของหลายฝ่าย การจะทำลายมันลงต้องใช้เหตุผลที่หนักแน่น และไม่อาจโต้แย้งได้

"แล้วเจ้าจะทำอย่างไร?" เสนาบดีกู้ถามด้วยความเป็นห่วง เขามองบุตรสาวที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนด้วยสายตาที่ซับซ้อน "ข้อมูลที่เจ้าต้องการนั้นไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายๆ"

"ลูกต้องการข้อมูล... ข้อมูลที่จะแสดงให้เห็นถึง 'ข้อบกพร่อง'ขององค์รัชทายาท" นางกล่าวด้วยแววตาที่มุ่งมั่น "ลูกไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใหญ่โตถึงขั้นคอขาดบาดตาย แต่ขอเพียงเป็นข้อผิดพลาดที่ชัดเจนพอที่จะทำให้การแต่งงานครั้งนี้ 'ไม่เหมาะสม' ในสายพระเนตรของฝ่าบาทก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ และลูกคิดว่าลูกรู้แล้วว่าจะไปหามันได้ที่ไหน"

"ที่ไหนรึ? หรือว่าเจ้าจะเข้าไปในหอตำราหลวง?" เสนาบดีกู้ขมวดคิ้ว "นั่นเป็นเขตหวงห้าม ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าไปก็ได้นะ"

"ลูกทราบเจ้าค่ะ" กู้ซินซินยิ้มอย่างมีความหมาย "แต่ท่านพ่ออาจจะลืมของสิ่งหนึ่งไปกระมังเจ้าคะ... ของขวัญที่เสด็จย่าไทเฮาเคยมอบให้ท่านย่าของลูกเมื่อนานมาแล้ว"

นางเดินไปที่หีบไม้เก่าแก่ใบหนึ่งที่เก็บของดูต่างหน้าของท่านย่าเอาไว้ ก่อนจะหยิบกล่องไม้จันทน์ขนาดเล็กออกมาอย่างทะนุถนอม เมื่อเปิดออก สิ่งที่อยู่ข้างในคือป้ายหยกสีขาวนวลสลักลายเมฆมงคลอย่างงดงาม

"ป้ายหยกอนุญาต..." เสนาบดีกู้พึมพำออกมาด้วยความตกตะลึง "พ่อลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย!"

"เสด็จย่าไทเฮาทรงมอบสิ่งนี้ให้ท่านย่า เพื่ออนุญาตให้สตรีในตระกูลกู้สามารถเข้าออกหอตำราหลวงได้อย่างอิสระ เพื่อศึกษาหาความรู้ให้สมกับเป็นตระกูลบัณฑิต" กู้ซินซินกล่าว "และในวันนี้... ลูกก็จะขอใช้สิทธิ์นั้นเจ้าค่ะ"

วันรุ่งขึ้น กู้ซินซินในคราบคุณชายบัณฑิตร่างเล็ก สวมชุดผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเรียบๆ และสวมหมวกปีกกว้างเพื่อปิดบังใบหน้า ก็ได้เดินทางมาถึง "หอตำราหลวง" สถานที่ที่รวบรวมบันทึก และเอกสารสำคัญของแผ่นดินไว้ทั้งหมด นางแสดงป้ายหยกต่อหัวหน้าขันทีผู้ดูแล ซึ่งเมื่อเห็นตราประทับของไทเฮาบนป้ายหยกแล้วก็รีบโค้งคำนับ และอนุญาตให้นางเข้าไปแต่โดยดี

นางเดินเข้าไปในหอตำราที่โอ่อ่า และเงียบสงัดกลิ่นกระดาษเก่า และหมึกลอยอบอวลไปทั่วเป้าหมายของนางในวันนี้กว้างกว่าเดิม นางไม่ได้มองหาแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่กำลังจะตรวจสอบบันทึกภารกิจ และโครงการทั้งหมดที่องค์รัชทายาทเคยได้รับมอบหมาย

นางเริ่มค้นหาจากบันทึกราชกิจประจำปีย้อนหลังไปห้าปีโครงการสร้างเขื่อน... การจัดงานเลี้ยงต้อนรับทูต... การบูรณะกำแพงเมือง... ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น และสมบูรณ์แบบจนน่าผิดสังเกต เวลาผ่านไปนานหลายชั่วยามจนนางเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า และท้อแท้

"บางที... เขาอาจจะไม่ได้มีข้อผิดพลาดเลยก็ได้" นางพึมพำกับตัวเองอย่างอ่อนแรง

นางเอนหลังพิงชั้นหนังสืออย่างเหนื่อยอ่อน สายตาของนางกวาดไปรอบๆ หอตำราที่กว้างใหญ่ และนางก็สังเกตเห็นบุรุษผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมที่สงบที่สุดของหอตำรามาได้สักพักใหญ่แล้ว เขาสวมอาภรณ์สีนิลสนิทที่ดูเรียบง่ายแต่กลับแฝงไว้ด้วยความสูงศักดิ์ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคายราวกับเทพเซียน แต่ดวงตาคู่นั้นกลับเรียบเฉย และเย็นชาราวกับน้ำแข็งพันปี เขากำลังอ่านตำราอย่างสงบนิ่ง ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง... หรืออย่างน้อยก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น

กู้ซินซินไม่ได้สนใจเขามากนัก นางหันกลับมายังกองเอกสารตรงหน้า "เอาล่ะ ลองดูอีกสักตั้ง!"

นางตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการ นางไม่ดูที่ "บทสรุป" ของโครงการอีกต่อไป แต่เริ่มดูที่ "รายละเอียด" ปลีกย่อยแทน... บันทึกการประชุม... รายชื่อขุนนางที่รับผิดชอบ... และแล้ว... นางก็พบกับบางสิ่งที่น่าสนใจ

โครงการฟื้นฟูอุทกภัยครั้งใหญ่ทางภาคใต้เมื่อสามปีก่อน... โครงการที่ถูกยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงขององค์รัชทายาท แต่เมื่อนางลองเทียบรายชื่อขุนนางที่รับผิดชอบโครงการนี้กับบันทึกการแต่งตั้งโยกย้ายขุนนางในปีถัดมา... นางก็พบว่าขุนนางเกือบทุกคนที่อยู่ในโครงการนี้... ได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด!

"มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยมั้ง" นางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ด้วยสัญชาตญาณของนักจิตวิทยาอาชญากรรมที่เคยชินกับการมองหารูปแบบที่ผิดปกติ นางจึงเริ่มเจาะลึกลงไปในโครงการนี้โดยเฉพาะ นางย้อนกลับไปหาบันทึกการเบิกจ่ายงบประมาณ... และในที่สุดนางก็เจอ!

ตัวเลขสิบล้านตำลึงทอง... ถูกเบิกจ่ายออกจากท้องพระคลังไปจริง... แต่เมื่อนางลองนำไปเทียบกับบันทึกสำมะโนครัวของราษฎรในพื้นที่ประสบภัยที่นางเพิ่งอ่านผ่านตาไปเมื่อครู่นี้ ตัวเลขมันไม่สัมพันธ์กันเลย! จำนวนเงินที่เบิกจ่ายไปนั้น มากเกินกว่าจำนวนราษฎรที่ควรจะได้รับความช่วยเหลือไปหลายเท่าตัว!

"เจอแล้ว..." นางกระซิบกับตัวเอง หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น

"ดูเหมือนว่าการล่าสมบัติจะประสบความสำเร็จ"

เสียงทุ้มต่ำที่เยือกเย็นดังขึ้นจากด้านหลัง กู้ซินซินสะดุ้งสุดตัวจนเผลอปัดม้วนเอกสารตกพื้น! นางหันขวับไปทันที ก็พบกับบุรุษลึกลับคนเดิมที่มายืนอยู่ข้างๆ นางตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ!

"ท่าน...!" นางอุทานออกมาด้วยความตกใจ พลางรีบก้มลงเก็บม้วนเอกสารขึ้นมากอดไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะถูกแย่งไป

"ใจเย็นหน่อย บัณฑิตน้อย ข้าไม่ได้จะมาขโมยสมบัติของเจ้า" เขากล่าวเรียบๆ แต่ดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับมองนางอย่างพินิจพิเคราะห์ "สีหน้าของเจ้าเปลี่ยนไป... จากความท้อแท้เป็นความตื่นเต้น คงจะเจอเรื่องที่น่าสนใจมากสินะ"

"ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดเรื่องอะไร" กู้ซินซินตอบกลับเสียงแข็ง พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด แต่นางรู้ดีว่าหัวใจของนางกำลังเต้นรัวเหมือนกลองศึก "ข้าแค่เจอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเท่านั้น"

บุรุษผู้นั้นแค่นยิ้มที่มุมปาก "ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ... เกี่ยวกับโครงการที่ดูสมบูรณ์แบบจนเกินไป... ถึงขนาดที่ขุนนางทุกคนที่เกี่ยวข้องได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างนั้นรึ?"

คำพูดนั้นทำให้กู้ซินซินถึงกับตัวแข็งทื่อ! เขารู้ได้อย่างไร! หรือว่าเขากำลังจับตามองนางอยู่ตลอดเวลา!

"ท่านเป็นใครกันแน่?"นางถามเสียงเข้ม แววตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

"ข้าก็แค่บัณฑิตที่ผ่านมาคนหนึ่ง" เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้อีกหนึ่งก้าว จนกู้ซินซินต้องถอยหลังไปชิดชั้นหนังสือโดยไม่รู้ตัว 

"แต่ข้าจะเตือนเจ้าไว้อย่างหนึ่งการค้นพบปัญหาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น... แต่การพิสูจน์มันนั้นยากกว่าหลายเท่านัก เอกสารแผ่นเดียวในมือเจ้ายังไม่เพียงพอที่จะล้มพยัคฆ์ได้หรอก"

"แล้วท่านจะให้ข้าทำอย่างไรเล่า?"นางเผลอถามออกไปด้วยความลืมตัว

"เจ้าถามข้ารึ?"เขาย้อนถาม แววตาฉายประกายแห่งความขบขัน "เจ้าเป็นคนเริ่มเกมนี้เองมิใช่หรือ? แต่เอาเถอะ... เห็นแก่ความพยายามของเจ้า" เขาก้มลงกระซิบข้างหูของนางเบาๆ "บัณฑิตที่ฉลาดจะไม่นับแค่เงินที่จ่ายไป... แต่จะนับจำนวนคนที่ควรจะได้รับเงินนั้นด้วย... ลองไปเทียบเอกสารของเจ้ากับบันทึกสำมะโนครัวดูสิ... บางทีเจ้าอาจจะเจอตัวเลขที่น่าสนใจกว่านี้ก็ได้"

กลิ่นหอมเย็นๆ ของไม้จันทน์จากตัวเขาทำให้กู้ซินซินถึงกับเผลอกลั้นหายใจ... คำแนะนำของเขา... มันคือสิ่งเดียวกับที่นางเพิ่งจะคิดออกเมื่อครู่นี้!

นางเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาตรงๆ "ทำไมท่านถึงช่วยข้า?"

"ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า" เขาตอบกลับทันที "ข้าแค่... ไม่ชอบเห็นคนที่น่าสนใจต้องมาแพ้ในเกมโง่ ๆ เท่านั้น" เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง "อีกอย่างการเมืองในราชสำนักมันน่าเบื่อมานานแล้ว การได้เห็นคนอย่างเจ้าเข้ามาปั่นป่วนมันบ้างก็น่าสนุกดี"

พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ ทิ้งให้กู้ซินซินยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับถูกสาป นางมองตามแผ่นหลังของเขาไปจนลับสายตา นางไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ใช่บัณฑิตธรรมดาแน่ และที่สำคัญที่สุดคือเขาอันตรายอย่างเหลือเชื่อ!

ความคิดนั้นทำให้นางรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันนางก็ได้อาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่นางค้นพบด้วยตัวเอง มาไว้ในมือแล้ว และในชั่ววินาทีนั้นเอง ความทรงจำที่เลือนรางของร่างเดิมก็พลันแล่นเข้ามาในหัว... บุรุษผู้นั้นคืออ๋องสี่ เซียวเช่อ 'อ๋องปีศาจ' ผู้เย็นชาและโหดเหี้ยมที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหมด ความตระหนักรู้นั้นทำให้นางตกใจยิ่งกว่าตอนที่เจอเขาเสียอีก!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทพิเศษที่ 4 บัลลังก์มังกร

    ห้าปีต่อมา...กาลเวลาได้ผันผ่านไปราวกับสายน้ำที่ไม่เคยไหลกลับ แผ่นดินต้าเยี่ยนภายใต้การดูแลขององค์รัชทายาทเซียวเช่อ และพระชายากู้ซินซินได้เข้าสู่ยุคสมัยที่รุ่งเรืองและสงบสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราษฎรอยู่ดีกินดี การค้าขายเฟื่องฟู เหล่าขุนนางต่างตั้งใจทำงานรับใช้บ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตองค์หญิงน้อยเซียวซือซิน บัดนี้เจริญชันษาได้แปดขวบ และองค์ชายน้อยเซียวจื่ออาน พระชันษาสี่ขวบ ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในวังหลวง องค์หญิงน้อยทรงพระปรีชาสามารถเกินวัย ทรงได้รับการถ่ายทอดสติปัญญาอันหลักแหลมมาจากพระมารดา และได้รับการสอนวรยุทธ์และวิชาการปกครองจากพระบิดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ส่วนองค์ชายน้อยนั้นก็ทรงน่ารักน่าเอ็นดูและเริ่มฉายแววความเฉลียวฉลาดตามรอยพระเชษฐภคินี (พี่สาว)ณ ห้องทรงอักษรในตำหนักตะวันออก..."เสด็จพ่อเพคะ... หากเราต้องการจะส่งเสบียงไปยังหัวเมืองชายแดนที่ห่างไกล เหตุใดเราจึงไม่ใช้เส้นทางแม่น้ำสายใหม่ที่เพิ่งจะขุดแล้วเสร็จเล่าเพคะ? มันน่าจะรวดเร็วกว่าการใช้เกวียนเทียมม้ามิใช่หรือ?" องค์หญิงน้อยซือซินในชุดสีเหลืองอ่อนเอ่ยถามพระบิดา ขณะที่กำลังนั่งดูแผนที่แผ่นใหญ

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทพิเศษที่ 3 การเดินทางไกลหมื่นลี้

    สามปีผ่านไป...องค์หญิงน้อย "เซียวซือซิน" ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจขององค์รัชทายาทและพระชายา บัดนี้เจริญชันษาได้สามขวบพอดี นางคือส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดของบิดาและมารดา... นางได้รับดวงตากลมโตที่ฉายแววฉลาดหลักแหลมมาจากกู้ซินซิน และได้รับริมฝีปากบางเฉียบที่มักจะเม้มเข้าหากันอย่างดื้อรั้นมาจากเซียวเช่อองค์หญิงน้อยทรงเป็นเด็กที่ร่าเริง และซุกซนเกินวัย นางไม่เคยอยู่นิ่งได้นานเกินหนึ่งเค่อ และโปรดปรานการวิ่งเล่นไล่จับผีเสื้อในสวนสวยของตำหนักเป็นที่สุด โดยมี "พระบิดาผู้พ่ายแพ้" คอยวิ่งไล่ตามอย่างไม่ลดละอยู่เสมอ ภาพขององค์รัชทายาทผู้สง่างามที่ต้องยอมแพ้ให้กับเสียงหัวเราะคิกคักของธิดาตัวน้อย กลายเป็นภาพที่น่าเอ็นดู และคุ้นชินสำหรับทุกคนในตำหนักในฤดูใบไม้ร่วงปีนั้น หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทั่วทั้งแคว้นเป็นไปได้ด้วยดี องค์ฮ่องเต้ก็ได้ทรงมีพระราชโองการให้องค์รัชทายาทและพระชายา พร้อมด้วยองค์หญิงน้อย เสด็จประพาสหัวเมืองทางเหนือที่เคยประสบภัยแล้งเมื่อหลายปีก่อน เพื่อตรวจดูทุกข์สุขของราษฎร และตรวจสอบการทำงานของเหล่าขุนนางท้องถิ่นมันคือภารกิจสำคัญ... แต่สำหรับครอบครัวเล็ก ๆ นี้แล้ว... มันคือการเดินทางไ

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทพิเศษที่ 2 ของขวัญจากฟากฟ้า

    หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังงานวิวาห์ของจ้าวหยาง และหลินเฟยเฟยแผ่นดินต้าเยี่ยนสงบสุขและเจริญรุ่งเรืองภายใต้การดูแลขององค์รัชทายาทเซียวเช่อและพระชายากู้ซินซิน ความรักและความเข้าใจของคนทั้งสองกลายเป็นต้นแบบที่เหล่าหนุ่มสาวทั่วทั้งแคว้นต่างใฝ่ฝันถึงแต่แล้ว... ความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในตำหนักรัชทายาทตะวันออก"อุ๊บ..."กู้ซินซินยกมือขึ้นปิดปากอย่างรวดเร็ว นางรีบวิ่งออกจากห้องหนังสือไปยังสวนด้านนอกทันที เซียวเช่อที่กำลังตรวจดูฎีกาอยู่ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความกังวล เขารีบวางทุกอย่างลงแล้วเดินตามนางออกไป"ซินซิน! เจ้าเป็นอะไรไป!?" เขาถามเสียงเครียดขณะลูบหลังให้นางเบา ๆ "นี่เป็นครั้งที่สามในสัปดาห์นี้แล้วนะที่เจ้ามีอาการเช่นนี้ หรือว่าอาหารมื้อกลางวันจะมีปัญหาอะไร? ข้าจะไปสั่งลงโทษห้องเครื่องเดี๋ยวนี้""ไม่... ไม่ใช่เพคะ" นางส่ายหน้าช้า ๆ หลังจากที่อาการคลื่นไส้ทุเลาลง "หม่อมฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้... ช่วงนี้หม่อมฉันรู้สึกเหม็นกลิ่นขนมอบของตัวเองอย่างประหลาด ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนชอบมากแท้ ๆ""เหม็นกลิ่นขนมรึ?" เขายิ่งขมวดคิ้วแน่น "แล

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทพิเศษที่ 1 วิวาห์อลวนของสหายรัก

    หลายเดือนผ่านไปนับตั้งแต่วันที่จ้าวหยางคุกเข่าขอหลินเฟยเฟยแต่งงานท่ามกลางสักขีพยานเต็มร้านข่าวดีนี้ได้สร้างความยินดีให้กับทุกคน โดยเฉพาะกู้ซินซินและองค์รัชทายาทเซียวเช่อที่รับบทเป็น "พ่อสื่อแม่สื่อ" อย่างไม่เป็นทางการให้กับคนทั้งสองมาโดยตลอด ฤกษ์งามยามดีสำหรับงานวิวาห์ถูกกำหนดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยโหรหลวง และการเตรียมงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีก็ได้เริ่มต้นขึ้น... พร้อมกับความโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันณ ตำหนักรัชทายาทตะวันออก"กระหม่อมไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะพระชายา! ข้าทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!"จ้าวหยางในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง และขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้า วิ่งเข้ามาระบายความอัดอั้นตันใจกับกู้ซินซินที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ในศาลากลางน้ำอย่างหมดสภาพ ความองอาจของรองแม่ทัพองครักษ์เงาหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงว่าที่เจ้าบ่าวผู้ใกล้จะเสียสติเต็มทน"ใจเย็น ๆ ก่อนจ้าวหยาง เกิดอะไรขึ้นอีกแล้วล่ะ?" ซินซินถามพลางกลั้นหัวเราะ "ดูจากสภาพของเจ้าแล้ว... เฟยเฟยคงจะสร้างเรื่องปวดหัวให้เจ้าอีกตามเคยสินะ""เรื่องปวดหัวธรรมดาที่ไหนกันล่ะพ่ะย่ะค่ะ! นี่มันมหันตภัยชัด ๆ" เขาโอดครวญ "เรื่องแรกก็คือชุดเจ้าสาว! นางไม่พอใจชุด

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทที่ 40 บทสรุปที่หอมหวาน (End)

    หลังจากวันพิพากษาอันน่าตื่นตะลึง คลื่นลมทางการเมืองที่เคยปั่นป่วนก็ได้สงบลงอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมขององค์รัชทายาทองค์ใหม่ การกวาดล้างขุนนางกังฉินที่เป็นเครือข่ายของราชครูไป๋ดำเนินไปอย่างเด็ดขาดแต่ยุติธรรม ผู้ที่ทำผิดจริงถูกลงโทษ ส่วนผู้ที่ถูกบังคับหรือหลงผิดก็ได้รับการไต่สวนอย่างเป็นธรรม ทำให้ราชสำนักกลับมาใสสะอาดและมั่นคงอีกครั้งในเวลาอันสั้นชีวิตของทุกคนค่อย ๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่เหมือนเดิมอีกต่อไป...ณ ร้านหวานใจ..."ท่านจะมานั่งเฝ้าข้าที่ร้านทุกวันแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ!" หลินเฟยเฟยกล่าวกับจ้าวหยางที่บัดนี้นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะมุมในสุดของร้านทุกบ่ายราวกับเป็นรูปปั้น "ท่านเป็นถึงรองแม่ทัพองครักษ์เงา ไม่มีการมีงานทำแล้วหรืออย่างไร""ข้าทำเสร็จแล้ว" จ้าวหยางตอบเสียงเรียบ พลางจิบชา แต่สายตากลับไม่ได้ละไปจากนางเลย "ท่านอ๋อง... เอ่อ... องค์รัชทายาททรงอนุญาตแล้ว""แต่ท่านทำให้ข้าทำงานไม่สะดวกนี่นา!""ข้าก็นั่งของข้าเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรให้เจ้าเดือดร้อนเสียหน่อย" เขาเถียง "ข้าแค่... มาดูให้แน่ใจว่าเจ้าจะปลอดภัย"นับตั้งแต่วันที่นางถูกลักพาตัวไป จ้าวหยางก็เปลี่ยนไปราวกับเป

  • เกิดใหม่มาเป็นชายาจำเป็นของอ๋องปีศาจ   บทที่ 39 สัญญาที่ถูกฉีกทิ้ง

    หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากค่ำคืนแห่งการนองเลือดในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมืองหลวงก็ได้กลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง แต่เป็นความสงบสุขที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่และลึกซึ้งที่ทุกคนต่างสัมผัสได้ราชครูไป๋ และเหล่าขุนนางกบฏถูกตัดสินโทษประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตรตามพระราชโองการ แต่ด้วยพระเมตตาขององค์ฮ่องเต้ที่ทรงเห็นว่าเหล่าสตรีในตระกูลไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในแผนการอันชั่วร้าย จึงทรงละเว้นโทษตายให้ โดยให้เนรเทศพวกนางไปเป็นไพร่ยังเมืองชายแดนที่ห่างไกลแทน ตระกูลที่เคยยิ่งใหญ่และทรงอำนาจมากมายต้องล่มสลายลงในชั่วข้ามคืน กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าขานไว้เตือนใจคนรุ่นหลัง ส่วนอดีตองค์รัชทายาทเซียวจิน ผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด หลังจากถูกไต่สวนและพบหลักฐานความผิดในการสมรู้ร่วมคิดก่อการกบฏอย่างแน่นหนา ก็ถูกพิพากษาให้ดื่มสุราพิษพระราชทาน สิ้นสุดชีวิตอันน่าสมเพชของตนเองลงอย่างเงียบ ๆ ภายในคุกหลวง ปิดฉากตำนานของอดีตรัชทายาทผู้โฉดเขลาลงอย่างสมบูรณ์คลื่นลมในราชสำนักสงบลงอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมสถานการณ์อย่างเฉียบขาดของอ๋องสี่ เขาได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากเหล่าขุนนางที่ภักดี และได้รับกา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status